ตอนที่ 247 น่าเกลียด น่ารังเกียจ
ตอนที่ 247 น่าเกลียด น่ารังเกียจ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหยาเหอกล่าวต่อเหยาซี : ซีเอ่อ เจ้าใช้ลูกแก้วชีพจรโลหิตเหล่านี้ในการบ่มเพาะพลังของเจ้าก่อน
เหยาซีแสดงสีหน้าที่ซาบซึ้งและอ่อนโยน นางพยักหน้า นางหันไปมองผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่นและกล่าวออกคำสั่ง : เก็บลูกแก้วชีพจรโลหิตมาให้ข้าทั้งหมด
กลุ่มคน 17-18 คน มองหน้าซึ่งกันและกัน โดยไม่มีใครยินยอมที่จะลุกขึ้น
ระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเขาพบเจอกับการกระทำที่แสนอัปยศจากเหยาซี พวกเขาต่างเกลียดนางจนเข้ากระดูกดำแล้วพวกเขาจะยินยอมทำตามคำสั่งนางได้อย่างไร ?
แต่ในเมื่อนางได้กล่าวออกคำสั่ง หากยังยื้อต่อไปคงไม่ใช่เรื่อง หากทำให้นางเกรี้ยวโกรธ พวกเขาจะได้รับการทรมาณที่แสนสาหัสยิ่งกว่านี้
เย่วฮันจากวังบุพผาหมื่นปีลุกขึ้นมา นางกัดฟันไว้แน่นและกล่าว : ข้าจะไปเอง
หยางไค่กรอกสายตาไปมา เขายื่นมือจับนางเอาไว้ : ข้าไปเอง เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ
ปี่ซูซิงที่กำลังหลับตาทำสมาธิได้ลืมอย่างฉับพลัน เขากล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่ต่ำทุ้ม : ทำไม ? เพิ่งถูกควบคุมก็จะแสดงความซื้อสัตย์ แม้แต่เรื่องเช่นนี้ยังต้องแย่งกันทำ ?
ใช่ เรามันผู้อยู่เบื้องล่าง เราต้องก้มหน้ารับชะตากรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ! หยางไค่หัวเราะ และลุกขึ้นมา
ปี่ซูหมิงและศิษย์น้องของเขาหัวเราะ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน พลอยทำให้คนอื่นๆรู้สึกไม่พอใจ
หยางไค่เดินไปยังบริเวณที่สัตว์อสูรตายไป เขาเก็บลูกแก้วชีพจรโลหิตกว่า 30-40 ดวง จากนั้นจึงเดินไปยังด้านหน้าของกลุ่มคนแห่งสำนักหลิงหล่อ
เหยาซีจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่เย็นชา และยังเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
เพราะหยางไค่เป็นคนที่จือโบพามา มันทำให้เหยาซีรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างช่วยไม่ได้
โยนลูกแก้วชีพจรโลหิตเหล่านั้นมา ! เมื่อหยางไค่อยู่ในระยะห่างประมาณ 3 จ้าง เหยาซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา โดยไม่ให้หยางไค่เข้าใกล้มากกว่านี้
หยางไค่พยักหน้า เขาออกแรง และโยนลูกแก้วชีพจรโลหิตกว่า 30-40 ดวงออกไปทีละดวง เหยาซีก็รับมันไว้โดยไม่ตกลงไปแม้แต่ดวงเดียว
จือโบจ้องมองด้วยความเยือกเย็น นางรอจนกระทั่งเหยาซีเก็บลูกแก้วชีพจรโลหิตทั้งหมดจึงกล่าวขึ้นมา : ในตอนนี้ข้าได้ให้ในสิ่งที่พวกเจ้าต้องการ หากไม่มีเรื่องอื่น ข้าขอลา !
เหยาเหอสบตากับเหยาซีและกล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่แผ่วเบา : ศิษย์พี่จะไปที่ใด ?
สีหน้าของจือโบเปลี่ยนแปลงไป นางกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่ตำทุ้ม : ข้าจะไปที่ไหน พวกเจ้าไม่ต้องมายุ่ง!
เหยาซีหัวเราะ : ทำไมศิษย์พี่ต้องทำเช่นนี้ด้วย พวกเราทั้งสองคิดไตร่ตรองให้ศิษย์พี่เรียบร้อย ในสถานที่เต็มไปด้วยอันตราย ศิษย์พี่ไร้ซึ่งสัตว์อสูรคอยดูแลปกป้อง หากออกไปแล้วพบเจอกับภัยอันตรายล่ะ พวกเราจะกล่าวบอกแก่อาจารย์ได้อย่างไร
จือโบใช้สายตาที่ไม่เชื่อในคำพูดของพวกเขา : แม้แต่ข้า พวกเจ้ายังต้องการที่จะควบุคม ?
เหยาเหอกล่าว : ศิษย์พี่กล่าวสิ่งใดออกมา พวกเราเป็นคนในสำนักเดียวกัน พวกเราต้องดูแลซึ่งกันและกันซิ
เหยาซีพยักหน้า : ใช่ พวกเราคิดคำนึงถึงความปลอดภัยของศิษย์พี่ ศิษย์น้องว่าศิษย์พี่ควรจะอยู่ที่นี้ต่อไป
มุมปากของจือโยเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เยือกเย็น สีหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ในระหว่างทางที่เดินทางมา หยางไค่เคยกล่าวบอกแก่นางเอาไว้ เหยาเหอและเหยาซีคงไม่หยุดการกระทำของพวกเขาอย่างแน่นอน พวกเขาต้องทำทุกอย่างให้เด็ดขาดและสมบูรณ์
ในเมื่อพวกเขากล้าที่จะแตะต้องสัตว์อสูรของเจ้า นั่นหมายความว่าพวกเขากล้าที่จะแตะต้องคนของเจ้า ! หยางไค่เคยกล่าวบอกแก่นางเช่นนี้
เดิมทีจือโบยังโอบอุ้มด้วยความหวังเล็กๆ แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าคำกล่าวของหยางไค่จะเป็นความจริง
พวกเขาจะฆ่าจือโบในสถานที่แห่งนี้ เพียงแค่พวกเขาจัดการเรื่องทั้งหมดให้เรียบร้อยจะไม่เหลือร่องรอยและเบาะแสะให้สืบสาวในภายหลัง สำหรับผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่น ฆ่าพวกเขาให้หมด เหยาเหอและเหยาซียังจะต้องหวาดกลัวสิ่งใดอีก ?
กำจัดสัตว์อสูรของนางก่อน และนางจะเป็นเป้าหมายต่อไป สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นอย่างที่หยางไค่คาดการณ์เอาไว้ไม่มีผิด ไม่รู้ว่าหยางไค่มีตาทิพย์และญานวิเศษที่ทำให้เขาล่วงรู้ถึงแผนการอันชั่วร้ายของพวกเขาทั้งสอง
จือโบเงียบนิ่งเป็นเวลานาน ดวงตาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเยือกเย็นที่น่าหวาดกลัว
เหยาซีชมวดคิ้วไว้แน่นอย่างกะทันหัน นางหันหน้าจ้องมองไปที่หยางไค่และกล่าวอย่างไม่พอใจ : ยังยืนอยู่ตรงนั้นทำไม ยังไม่ออกไปอีก ?
เมื่อกล่าวจบ นางได้จ้องมองจือโบด้วยสายตาที่เหยียดหยามและกล่าว : ศิษย์พี่ เจ้าสั่งสอนคนของเจ้าเช่นนี้ ? ไร้มารยาทสิ้นดี
จือโบไม่กล่าวตอบ หยางไค่ยิ้มด้วยใบหน้าที่อึดอัดใจ เขากุมมือขึ้นแสดงท่าทีขออภัย และเหลือบมองจือโบสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังและกล่าวตอบ : ท่านทั้งสอง ได้โปรดนำแมลงควบคุมวิญญานของนางแพศยานี้ออกจากร่างกายของข้าได้ไหม ? ข้ายินยอมที่เจ้าเป็นคนของท่านและภักดิ์กับพวกท่านทั้งสอง
เมื่อจือโบได้ยินดังนี้ นางจึงหันหน้ามองหยางไค่ กัดฟันไว้แน่นและกล่าว : เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไร ?
นางแพศยา !! ทำไม ? ราวกับว่าหยางไค่ได้ที่พึ่งใหม่ เขากล้ายืดอกและเผชิญหน้ากับนาง
หึหึ...... จือโบหัวเราะด้วยความโกรธ : เจ้ากล้าเรียกข้าเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเจ้าคงลืมไปแล้วว่าใครเป็นนายของใครกันแน่
คำกล่าวนี้ เป็นคำกล่าวที่หยางไค่เคยกล่าวให้แก่นาง ในตอนนี้นางได้กล่าวตอบแก่หยางไค่
ก่อนหน้านี้ บทลงโทษที่ข้าให้เจ้ายังไม่พอ ! กลิ่นอายแห่งเจตนาการฆ่าของจือโบแพร่กระจาย ทันใดนั้นหยางไค่แสดงท่าทีที่เจ็บปวดจนนอนกลิ้งลงไปที่พื้น สองมือทุบไปยังช่องท้องของตนเองอย่างไม่หยุด และเขายังคงกล่าวตะโกนต่อเหยาเหอและเหยาซี : ท่านทั้งสอง ได้โปรดช่วยข้าด้วย ข้าจริงใจที่จะสวามิภัภดิ์ต่อพวกท่านตลอดไป !
การเปลี่ยนแปลงในฝั่งนี้ ดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่น
เมื่อได้ยินคำกล่าวที่ไร้ซึ่งความอับอายของหยางไค่ สีหน้าของผู้ที่มีความรู้สึกดีต่อเขาต่างเผยให้เห็นสีหน้าที่เจ็บปวดใจ โดยเฉพาะสตรีทั้ง 4 แห่งวังบุพผาหมื่นปี ฮันเสี่ยวชีขมวดคิ้ว แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านางคิดไม่ถึงว่าหยางไค่จะอ่อนแอและขลาดเขลาเช่นนี้
แต่ปี่ซูหมิงและศิษย์น้องของเขา กล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่ดังสนั่น : เขากำลังพูดว่าอะไร ? เขาจะภักดิ์ดีต่อพวกมันทั้งสอง ? ฮ่าฮ่าฮ่า................ช่างเป็นเรื่องที่น่าตลก คำกล่าวเมื่อสักครู่แสดงอย่างชัดเจนว่าเขากำลังแสดงความจริงใจต่อพวกมัน ข้าว่าแล้วว่าทำไมเขาถึงยอมที่จะไปเก็บลูกแก้วชีพจรโลหิต มันเป็นเช่นนี้เอง !!
ในขณะที่กล่าว เขายังได้ถุยน้ำลายออกมา ดวงตาประกายด้วยความเกลียดชังอย่างสุดขีด
อัปยศ น่าอัปยศถึงที่สุด !แม้ว่าผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่นจะถูกควบคุมจากพวกเขา แต่ไม่มีใครคิดที่จะก้มหัวและอ้อนวอนขอร้องเฉกเช่นหยางไค่
หยางไค่ที่อยู่อีกฝั่งกำลังโหยหวนราวกับว่าใจของเขากำลังจะขาด โดยไม่รู้ว่าตนเองทำสิ่งที่น่าอับอายแค่ไหน : ท่านทั้งสอง โปรดช่วยข้าได้ เห็นในความจงรักภักดิ์ดีของเข้า ได้โปรดช่วยข้าด้วย !
เหยาเหอและเหยาซีแสดงสีหน้าที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องที่น่าสนุกเช่นนี้
จือโบเป็นคนที่พวกเขาต้องเผชิญ หยางไค่เป็นคนของจือโบ แต่ในตอนนี้ พวกเขาทั้งสองกลับต่อต้านซึ่งกันและกัน
ดี........ดี !!
ไม่ใช่เพราะพวกเขาต้องการที่จะช่วยเหลือหยางไค่ แต่พวกเขาต้องการทำลายความหยิ่งยะโสของจือโบ เหยาเหอและเหยาซีรู้สึกว่าไม่สามารถมองดูเหตุการณ์ได้อีกต่อไป หากยังคงปล่อยไว้เช่นนี้ ผู้ฝึกยุทธุ์ที่ขลาดเขลาแห่งอาณาจักรฮั่นต้องกลายเป็นเศษสวะที่ไร้ค่าอย่างแน่นอน
ศิษย์พี่โปรดยั้งมือ เหยาซีแสดงสีหน้าที่ได้ใจ นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่กำลังกลั้นขำกับสิ่งที่เกิดขึ้น
จือโบเงยหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น : ทำไม ? ข้าสั่งสอนคนของเข้า พวกเจ้ายังจะเข้ามายุ่ง ?
เหยาเหอกล่าว : หากเป็นผู้อื่น พวกเราจะไม่สนใจ แต่ศิษย์พี่ก็ได้ยิน ว่าเขาภักดิ์ต่อพวกเราทั้งสอง ดังนั้นเขาก็คือคนของพวกเรา ศิษย์พี่ยังไม่เข้าใจอีกหรือไง ?
ทั้งสองสบตาซึ่งกันและกัน จือโบถอนหายใจ หลังจากนั้น นางจึงกล่าว : ได้ ในเมื่อศิษย์น้องทั้งสองต้องการ ศิษย์พี่จะทำตามความปรารถนาของพวกเจ้า !
ใบหน้าของเหยาเหอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าเขาเป็นผู้ชนะในสงคราม ใบหน้าเต็มไปด้วยความทะเยอทะเยาน
หยางไค่ที่กลิ้งไปมาบนพื้นดิน ค่อยๆหยุดการร้องโหยหวนและดิ้นรน เสื้อผ้าของเขาถูกชโลมด้วยเหงื่อจนเปียกชุ่ม เขาค่อยๆคุกเข่าลงคำนับเหยาเหอเหยาซี และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ซาบซึ้ง: ขอบคุณท่านทั้งสอง
เหยาเหอจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่ภูมิใจ เขาพยักหน้าและกล่าว : อืม ศิษย์พี่นิสัยไมดี แต่ว่าเจ้าได้ตัดสินใจเลือกหนทางที่ถูกต้อง เจ้าอยู่กับพวกเรา พวกเราไม่ทำให้เจ้าต้องลำบาก !!
ขอบคุณท่านทั้ง 2 ขอบคุณท่านทั้ง 2 ! หยางไค่กล่าวตอบด้วยความความประจบประแจง
ทางฝั่งของผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่น ปีซูหมิงหัวเราะอย่างไม่หยุด : โง่เขลาสิ้นดี เขาไม่รู้เลยหรือไง ไม่ว่าเขาจะไปอยู่กับใคร สุดท้ายก็ไม่พ้นความตาย ?
หยางไค่ยืดตัวตรงนางยิ้มด้วยความดุดันและกล่าวต่อจือโบด้วยความไม่เกรงใจ : นางแพศยา เอาแมลงของเจ้าออกจากตัวจ้าเดี่ยวนี้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องเห็นดี !
เขากล่าวขมขู่ราวกับเป็นราชสีห์ที่ยิ่งใหญ่ !!
การที่เขาแสแสร้างเช่นนี้ เพราะมีความหมายเช่นนี้
เหยาเหอเริ่มแสดงสีหน้าที่หยิ่งยะโสอวดีขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขาไม่ต้องเผชิญหน้ากับจือโบ เพียงแค่การทรยศของหยางไค่ก็สามารถทำให้นางอับอายอย่างถึงขีดสุด
ได้ !! ได้ ! จือโบกล่าวด้วยความเจ็บปวด ดูเหมือนว่านางโกรธแค้นอย่างมาก : ในเมื่อเจ้าต้องการ ข้าจะทำตามความปรารถนาของเจ้า ! แต่ว่า..........เจ้าคิดว่าตกไปอยู่ในมือของพวกเขาจะมีผลลัพธุ์เช่นไร ? ไม่ช้าหรือเร็วก็ไม่พ้นคำว่าตาย ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจภายหลัง !
หยางไค่เชิดจมูกขึ้น เขากล่าวด้วยความหยิ่งยะโส : นางแพศยาเช่นเจ้าไม่ต้องมายุ่ง ความสุขของข้า เจ้าไม่พอใจหรือไง !
เหยาเหอและเหยาซีจ้องมองซึ่งกันและกัน พวกเขารู้สึกเพียงว่าผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่นคนนี้คงหวาดกลัวจนกลายเป็นคนเสียสติ แต่ว่า แม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่ควรโง่ที่จะเผชิญหน้ากับจือโบโดยตรง
คนแห่งตระกูลเหยาทั้งสองรู้สึกเหิมเกริมอย่างยิ่ง ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่นต่างจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เกลียดชัง แม้ว่าผู้ฝึกยุทธุ์ที่มีความสัมพันธุ์ที่ดีต่อหยางไค่จะไม่เกลียดชังหยางไค่ แต่ในตอนนี้พวกเขาอับอายจนไม่มีหน้าไปพบผู้อื่น พวกเขาล้วนเป็นคนแห่งอาณาจักรฮั่น แต่ในตอนนี้กลับเกิดเรื่องที่น่าอับอายต่อหน้าคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่าง มันน่าอัปยศสิ้นดี !
แต่คนที่ก่อเรื่องขึ้น กลับไร้ซึ่งความรู้สึกเช่นนั้น
มีเพียงเหลิ่งซาน ที่กระแอ่มออกมาอย่างแผ่วเบา นางเม้มริมฝีปากไว้แน่น ดวงตาประกายด้วยความขำขันอย่างยิ่ง
การแสแสร้งแสดงละครตบตาของพวกเขาทั้งสอง มันสมจริงจนนางต้องชื่นชม
นางชื่นชมต่อแผนการของหยางไค่มากกว่า เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่แตกต่างจากสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้แม้แต่น้อย
เหลิ่งซานรู้ดี หากผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไป เรื่องสนุกกำลังจะเริ่มต้นขึ้น นางจึงขยับเข้ามาหาฮันเสี่ยวชีแห่งวังบุพผาหมื่นปีและกล่าวบางสิ่งบางอย่างตรงข้างหูนาง
ดวงตาของฮันเสี่ยวชีเป็นประกาย นางจ้องมองเหลิ่งซานด้วยความประหลาดใจ เหลิ่งซานพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมให้แก่นาง
ข้ารู้แล้ว ฮันเสี่ยวชีสูดลมหายใจเข้า มุมปากของนางเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เบาบาง จากนั้นจึงกล่าวบอกสิ่งที่นางได้ยินแก่ศิษย์น้องทั้ง 3 ของนาง
เร็วสิ ชักช้าทำไม ? หยางไค่กล่าวด้วยความโกรธ ราวกับว่าเขาต้องการที่จะไปหาเหยาเหอและเหยาซีจนใจจะขาด
จือโบกวาดสายตามอง จากนั้นจึงเดินไปยังด้านหน้าของหยางไค่ นางยืนมือออกไปและทาบไปยังช่องท้องของหยางไค่
หยางไค่กระพริบตาและกล่าวต่อเหยาเหอ : ท่านทั้งสอง นางคงไม่ฆ่าข้าใช่ไหม ?
เหยาเหอหัวเราะอย่างเย็นชา : ศิษย์พี่ไม่ใช่คนเช่นนั้น
ดีแล้ว ดีแล้ว หยางไค่กล่าวถอนหายใจ หลังจากนั้น เขาจึงอาเจียนแมลงควบคุมวิญญาตัวหนึ่งออกมาด้วยสีหน้าที่น่าเกลียด
ยังมิทันที่จือโบจะเก็บแมลงควบคุมวิญญาน เขารีบพุ่งไปเหยียบย่ำ และตะโกนด่า ด่าอย่างดุดัน จนน้ำลายกระเด็นไปมา
เหยาเหอและเหยาซีขมวคดิ้วไว้แน่น สีหน้าของจือโบเขียวคล้ำ ร่างกายสั่นสะท้าน กลิ่นอายแห่งเจตนาการฆ่าแพร่กระจายออกมาและจ้องมองไปที่หยางไค่
พอแล้ว ! เหยาเหอทนไม่ได้ต่อความไร้สติปัญญาของหยางไค่ เขาจึงตะโกนกล่าว : แมลงควบคุมวิญญานเป็นสิ่งที่วิเศษ เจ้าไม่สามารถเหยียบย่ำให้มันตาย
โอ้ว น่าเกลียด น่ารังเกียจ !!
ทุกคนต่างรู้สึกวิงเวียนศีรษะจากความโง่เขลาของเขา นี้............สิ่งที่เกิดขึ้นเรียกว่าเขาไม่รู้หรือว่าเขาไร้ซึ่งสติปัญญา ?