ตอนที่แล้วตอนที่ 244 เจ้าคิดไม่ซื่อต่อข้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 246 เผชิญหน้า

ตอนที่ 245 มิตรภาพที่เปลี่ยนแปลง


ตอนที่ 245 มิตรภาพที่เปลี่ยนแปลง

เมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ หยางไค่สะบัดความต้องการที่พุ่งพล่านในทันที เขาขมวดคิ้วไว้แน่นและกล่าว : ตายไปเท่าไหร่ ?

6 ตน !! ตายในทันที สัตว์อสูรขั้นที่ 5 จำนวน 1 ตน และขั้นที่ 4 จำนวน 5 ตน สีหน้าของจือโบแสดงออกด้วยความตื่นตะลึง นางขมวดคิ้วไว้แน่น และค่อยลุกขึ้นมา จัดการเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของตนเอง

และไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไร ดวงตาที่ไร้เดียงสาของนางจ้องมองไปที่หยางไค่ และรีบหลบสายตาโดยที่ใบหน้าของนางแดงก่ำ ประกายด้วยแสงสว่างที่น่าลุ่มหลง

เจ้ารู้ไหมว่าใครเป็นคนลงมือ และมีทั้งหมดกี่คน ? หยางไค่กล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม

จือโบสัมผัสสาเหตุการตายจากแมลงควบคุมจิตวิญญาน ในบริเวณที่แน่นอนนางสามารถสัมผัสได้ถึงความตาของสัตว์อสูร แต่สิ่งอื่นๆยากต่อการตรวจสอบ เพราะนางไม่ได้มองเห็นดวยตนเอง

ไม่ชัดเจน จือโบส่ายหัวไปมา

ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น หยางไค่กล่าวออกคำสั่ง

มันอาจจะเป็นอันตราย จือโบลังเล : หากเป็นยอดฝีมือที่หนีรอดออกไปล่ะ ..

คนที่นางกล่าวถึงคือหวู่เฉิงยี่ ในสถานที่แห่งนี้ ผู้ที่สามารถฆ่าสัตว์อสูรได้ในพริบตา ต้องเป็นผู้ที่มีพลังความแข็งแกร่งในระดับสูง

หากเป็นเขาจะดีที่สุด หยางไค่กระตือรือร้นที่จะพบเจอกับเขา ก่อนหน้านั้นหวู่เฉิงยี่เคยสั่งการให้ศิษย์ในสำนักเดียวกันกับเขาให้มาไล่ฆ่าตนเอง หยางไค่จดจำไว้ในใจเสมอมา แค้นนี้ไม่ว่าช้าหรือเร็วก็ต้องสะสางให้จบสิ้น นอกจากนั้น ร่างกายของหวู่เฉิงยี่อาจจะมีหยดวารีเปลวเพลิงก็ได้

ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าคนเพื่อแก้แค้น หรือเพื่อแย่งชิงสมบัติ หยางไค่ไม่มีวันที่จะปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นความเด็ดขาดของหยางไค่ จือโบจึงเข้าใจในความหมายของเขานอกจากนั้น หากเป็นหวู่เฉิงยี่จริงเมื่อเขาเผชิญหน้ากับกองทัพสัตว์อสูรของจือโบ เขาไม่มีทางที่จะสามารถเอาชนะจือโบได้

ภายใต้คำสั่งของหยางไค่ จือโบนำพาสัตว์อสูรที่เหลือไปยังบริเวณที่เกิดเรื่อง เหลิ่งซานตามจือโบไปเช่นกัน สตรีทั้งสองวิ่งไปข้างหน้า โดยตั้งใจให้หยางไค่อยู่ด้านหลัง

หยางไค่ไม่ได้สนใจ เขาตามหลังพวกนาง และสังเกตุการเคลื่อนไหวของรอบๆบริเวณทั้ง 4 ทิศ

เจ้าเป็นอะไร ? เหลิ่งซานตรวจสอบการเปลี่ยนแปงของจือโบ และกล่าวถามด้วยเสียงที่แผ่วเบา

อะไร? ดูเหมือนว่าจือโบจะสูญเสียสติในการควบคุมตนเอง ราวกับว่านางไม่ได้ยินเสียงของเหลิ่งซาน

เจ้าแปรเปลี่ยนไปอย่างประหลาด เหลิ่งซานจ้องมองนางด้วยสายตาที่ประหลาดใจ : เจ้าบอกว่าเพียงแค่ล่อลวง ยั่วยวนเขา ให้เขาพบทนต่อความทุกข์ทรมาณ ? แต่ทำไมเมื่อสักครู่เจ้าถึงได้ ..

เหลิ่งซานคิดหาคำเปรียบเปรยเป็นเวลานานนางจึงกล่าวออกมา : ดูเหมือนว่าเจ้าพึงพอใจอย่างมาก ?

จือโบต้องากรที่จะขูดหลุมฝังตนเองในทันที นางอับอายจนใบหูแดงก่ำ และกล่าวตอบ : อย่ากล่าวถึงเรื่องนี้ จากนี้ไปไม่ต้องไปยั่วยวนหรือล่อลวงเขา แม้เช่นนั้น .

อ่า .. เหลิ่งซานตื่นตะลึง

น่าอับอายอย่างถึงที่สุด

เดิมทีพวกนางต่างคิดว่าหยางไค่มิใช่บุรุษที่แท้จริง ดังนั้นจือโบจึงไม่ได้สนใจในตัวเขา แม้จะถูกจูบถูกสัมผัสแล้วจะอย่างไร? เจ้าไม่ใช่บุรุษที่แท้จริง แล้วยังจะสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ ? แม้ว่าข้าจะถอดเสื้อผ้าจนหมด เจ้าก็ทำได้พียงแค่จับและสัมผัสเท่านั้น

แต่นางไม่คิดว่า หยางไค่ไม่ใช่คนอย่างที่น่าคิดเอาไว้

ความรู้สึกในชั่วพริบตา จนถึงตอนนี้มันยังจดจำอยู่ในหัวสมองของจือโบ เมื่อหวนคิดถึงความอับอายที่เกิดขึ้น ทำให้จือโบไม่กล้าที่จะเสนอตัวอย่างกล้าหาญเหมือนเช่นเคย

แต่ว่า ..เขาเป็นบุรุษหนุ่มคนหนึ่ง ทำไมหลายวันก่อนที่ตัวนางและเหลิ่งซานเปลื้องผ้าจนเกือบจะเปลือยเปล่า เขาจึงไม่ทำอะไรต่อพวกนางทั้งสอง ? ไม่ว่าบุรุษหนุ่มคนใดก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธความรู้สึกที่ชวนฝันเช่นนั้น หรือว่าเขาเป็นบุรุษหนุ่มที่แท้จริง ?

เมื่อครุ่นคิดไปมาด้วยความว้าวุ่น ไม่นานนางก็มาถึงบริเวณที่สัตว์อสูรทั้ง 6 ตนถูกฆ่า

บนพื้นดินมีร่องรอยแห่งโลหิต แต่ไร้ซึ่งซากศพของสัตว์อสูร มันได้กลายเป็นลูกแก้วชีพจรโลหิตและถูกผู้อื่นเก็บไป มันเหลือเพียงผงกระดูกสีขาวเท่านั้น

หยางไค่จ้องมองไปยังบริเวณทั้ง 4 ทิศและขมวดคิ้วไว้แน่น

จือโบนั่งลงและเริ่มเขี่ยๆ ผงสีขาวเหล่านี้ แต่หลังจากนั้นใบหน้าของนางแปรเปลี่ยนอย่างฉับพลัน

เกิดอะไรขึ้น ? เหลิ่งซานกล่าวถาม

แมลงควบคุมจิตวิญญาน ...หายไป สีหน้าของจือโบซีดขาว นางค้นหาไปยังผงสีขาวอื่นๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่พบเจอแมลงควบคุมจิตวิญญานของตนเองแม้แต่น้อย

ไม่ต้องหาแล้ว คนที่ฆ่าสัตว์อสูรของเจ้า ไม่ใช่ยอดฝีมือแห่งสำนักกระบี่เก้าดวงดารา !! หยางไค่กล่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม : บริเวณแห่งนี้ไร้ซึ่งร่องรอยกลิ่นอายแห่งกระบี่

เจ้าต้องการจะพูดอะไรกันแน่ ? สีหน้าของจือโบร้อนรน ราวกับว่านางคาดเดาได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง แต่ไม่กล้าที่จะยืนยัน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือนางไม่ต้องการที่จะยืนยัน

เจ้ารู้ดีที่สุดยังต้องกล่าวอะไรมากมายล่ะ? หยางไค่แสะยิ้มเบาๆ

ไม่ ... จือโบส่ายหัวเบาๆ เสียงของนางต่ำทุ้ม จิตใจสั่นไหวอย่างยิ่ง

ทันใดนั้น จือโบเงยหน้าและหันไปมองยังทิศทางหนึ่ง : สัตว์อสูรของตายไปอีก 1 ตน !!

หยางไค่หัวเราะอย่างเย็นชา เขายืนยันการคาดเดาของตนเอง เขาเอียงศีรษะและจ้องมองจือโบ : จะไปดูให้เห็นกับตาไหม ?

สีหน้าของจือโบลังเลและต่อต้านเป็นเวลานาน ในที่สุดนางจึงพยักหน้าอย่างช้าๆ

แต่ว่าครั้งนี้ นางไม่กล้าที่จะสั่งการให้สัตว์อสูรของนางออกนอกบริเวณที่ห่างไกล นางเรียกสัตว์อสูรของนางกลับมารวมตัวอยู่ที่นี้ ก่อนจะวิ่งไปยังบริเวณที่สองอย่างรวดเร็ว

ครึ่งชั่วยามผ่านไป จือโบยืนนิ่งด้วยสายตาที่ผิดหวัง ในบริเวณนี้มีผงสีขาวทั้งหมด 4 กอง แมลงควบคุมจิตวิญญานต้องดำรงอยู่ถึง 4 ตัว แต่ในตอนนี้ มันกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เป็นศิษย์สาวกอีก 2 คนที่อยู่ในสำนักเดียวกันกับเจ้าเป็นผู้ลงมือ ? เหลิ่งซานกล่าวถามและจ้องมองจือโบด้วยสายตาที่ตื่นตะลึง

แมลงควบคุมจิตวิญญานมีเพียงกลุ่มคนของนางที่ทราบวิธีการในการควบคุม หากเป็นหวู่เฉิงยี่ที่ฆ่าสัตว์อสูร เขาไม่มีทางที่จะนำแมลงควบคุมจิตวิญญานไปด้วย เขาไม่เก่งกล้าสามารถถึงขั้นนั้น

นอกจากนั้นยังส่ามารถฆ่าสัตว์อสูรของจือโบได้ในระยะเวลาสั้นๆ ความแข็งแกร่งของเขาต้องอยู่ในระดับสูง หรือไม่ก็มีพรรคพวกที่มากมาย

นาสสัมผัสร่องรอยของแมลงควบคุมวิญญาน เพื่อค้นหาฐานะที่แท้จริงของคนที่ลงมือ

ศิษย์สาวกสำนักเดียวกันกับจือโบทราบดีถึงวิธีการในการนำแมลงควบคุมจิตวิญญานกลับไปและยังมีความแข็งแกร่งที่สามารถฆ่าสัตว์อสูรได้ในพริบตา

ในมือของเขาควบคุมผุ้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่นเป็นจำนวนไม่น้อย

แต่ว่า จือโบไม่กล้าที่จะเชื่อความจริงที่เกิดขึ้น และไม่ยินยอมที่จะเชื่อ !! ต่างเป็นศิษย์ในสำนักเดียวกัน ทำไมถึงลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ ?

จือโบสูดลมหายใจเข้า หลับตาลง นางแผ่กระจายการรับรู้ของนางเพื่อค้นร่องรอยของแมลงควบคุมจิตวิญญาน แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไ ก็ไม่ค้นพบร่องรอยของมันแม้แต่น้อย

หลังจากนั้น นางลืมตาขึ้น ดวงตาประกายด้วยความดุดัน นางจ้องมองไปยังรอบบริเวณด้วยสายตาที่เยือกเย็น และหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา

พวกเราออกจากบริเวณนี้ก่อน !! หยางไค่ขมวดคิ้ว และกล่าวออกมา เขาคว้าแขนจองจือโบ และดึงนางออกจากบริเวณนี้

สองชั่วยามผ่านไป พวกเขาเดินทางออกไปเกือบร้อยลี้ สัตว์อสูรกว่าหลาย 10 ตน ตายในชั่วระยะเวลาสั้นๆถึง 10 ตัว นอกจากนั้นยังมีสัตว์อสูรขั้นที่ 5 ถึง 2 ตน ทำให้ความแข็งแกร่งของจือโบลดลงอย่างมาก

พวกเขาหยุดพักฟื้น จือโบนั่งข้างๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความแปรเปลี่ยนอย่างไม่หยุด ในบางครั้งสีหน้าของนางจะประกายความสงสัย และเจ็บปวดจนร้องไห้อย่างน่าเวทนาเหลิ่งซานและหยางไค่สบตาซึ่งกันและกัน โดยไม่กล่าวสิ่งใด พวกเขาทราบดีว่าในเวลานี้จิตใจของเขากำลังต่อต้านกับความจริงอย่างไม่สิ้นสุด

หยางไค่กระพริบตาให้แก่เหลิ่งซาน ให้นางปลอบใจจือโบ แต่เหลิ่งซายกลับแสดงสีหน้าที่เฉยชา และหลบสายตาของหยางไค่

หยางไค่ไร้ซึ่งคำกล่าว เขาอึดอัดเช่นนั้นอย่างสงบ

หลังจากนั้น จือโบจึงครวญครางด้วยความเจ็บปวด นางถอนหายใจและจ้องมองหยางไค่ด้วยแววตาที่น่าสงสาร : ทำไมพวกเขาจึงทำเช่นนี้ ?

คำกล่าวนี้ข้าต้องเป็นคนถามเจ้า หยางไค่กล่าวอย่างเรียบเฉย

พวกเราเป็นศิษย์สาวกแห่งสำนักเดียวกัน แม้พวกเราจะมีการแย่งชิงแข่งขัน แต่เขาไม่ควรจะลงมือกับข้าเช่นนี้ ? จือโบไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

ศิษย์สาวกแห่งสำนักเดียวกันแล้วจะอย่างไร ? หยางไค่กล่าวอย่างรำคาญ : ศิษย์สาวกแห่งสำนักเดียวกันเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุด

สำนักของเจ้าพวกเจ้ามีการฆ่าฟันกันเพื่อแย่งชิงไหม ?

หยางไค่และเหลิ่งซานมีความคิดเดียวกัน

จือโบกล่าว้ดวยความประหลาดใจ นางขมวดคิ้วไว้แน่น และกล่าวถอนหายใจ : อาจเป็นเพราะว่าพวกเราเป็นบุคคลที่อ่อนแอซึ่งมาจากตำหนักหลิงหล่อ พวกเรามีศิษย์สาวกด้วยกันจำนวนไม่มาก ดังนั้นพวกเราทุกคนจะดูแลซึ่งกันและกันในยามลำบาก แม้จะเป็นการแข่งขันแย่งชิงก็ไม่ได้ลงมืออย่างเหี้ยมโหดเช่นนี้

สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่อาณาจักรเทียนหล่าง และไม่ใช่ตำหนักหลิงหล่อ หยางไค่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม

เพราะเป็นเช่นนี้ พวกเราจึงต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จือโบยังคงไม่ยอมรับความจริง

ข้าก็คิดว่าเจ้าเป็นสตรีทีลงมืออย่างโหดเหี้ยม แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงสตรีที่ไร้เดียงสา หยางไค่หัวเราะอย่างเย็นชา การที่จือโบลงมืออย่างโหดเหี้ยมเพราะนางปฏิบัติต่อผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่น แต่หากเป็นศิษย์สาวกในสำนักเดียวกัน นางคงลังเลและไม่กล้าที่จะตัดสินใจ

จือโบหัวเะราะอย่างขมขื่น ในขณะที่กล่าว สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นความทุกข์ทรมาณอย่างสุดขีด สองมือของนางกุมขมับไปที่ศีรษะ และกรีดร้องด้วยความโหยหวน

สีหน้าของหยางไค่และเหลิ่งซานแปรเปลี่ยนในทันที พวกเขาทั้งสองรีบวิ่งไปด้านหน้าด้วยความร้อนรน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด