ตอนที่ 244 เจ้าคิดไม่ซื่อต่อข้า
ตอนที่ 244 เจ้าคิดไม่ซื่อต่อข้า
กล่าวต่อไป หยางไค่กำลังมีความคิดที่จะควบคุมสัตว์อสูรขั้นที่ 6 เขาจ้องมองและกล่าวต่อเหลิ่งซานด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น
เหลิ่งซานพยักหน้า : กลุ่มคนกว่า 30 คน ตายไปกว่า 10 คน นอกเสียจากผู้ทีมีพลังควมแข็งแกร่งที่สามารถหลบหนีไปได้ คนที่เหลือต่างถูกแมลงควบคุมจิตวิญญาณของจือโบแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายและถูกกลุ่มคนของจือโบควบคุมในที่สุด
เมื่อคำกล่าวนี้ถูกกล่าวออกมา หยางไค่ไมต้องถามว่าคนคนนั้นคือใคร นอกจากหวู่เฉิงยี่แล้ว คนอื่นๆไม่สามารถทำเช่นนี้ได้
ทำไมพวกเขาถึงไม่ได้ฆ่าพวกเจ้า ? หยางไคกล่าวถามด้วยความสงสัย ลูกแก้วชีพจรโลหิตที่ได้รับจากการฆ่าผู้ฝึกยุทธุ์คนหนึ่งดีกว่าลูกแก้วชีพจรโลหิตที่ได้รับจากสัตว์อสูร โดยเฉพาะยอดฝีมือแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริงเหล่านั้น
พวกเขาต้องการเคล็ดวิชาลับที่ไม่ถ่ายทอดให้แก่บุคคลภายนอกของแต่สำนัก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ฆ่าพวกเขาในทันที !! เหลิ่งซานหัวเราะอย่างข่มขื่น : พวกเราทุกคน ต่างเป็นศิษย์อัจฉริยะและมีพรสวรรค์ของสำนัก ดังนั้นเคล็ดวิชาและกระบวนท่าที่พวกเราฝึกฝนย่อมอยู่ในระดับสูง กลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่างเข้ามายังสถานที่แห่งนี้เพราะเหตุผลนี้
หยางไค่หันหน้ามองไปยังจือโบ จือโบรีบกล่าวในทันที : เจ้าไม่ต้องมองข้า ข้ายังไม่ได้ทำอะไรพวกเขา ข้ามีผู้ที่อยู่ใต้การควบคุมเพียง 2 คนนั้นก็คือจิงฮ่าวและเหลิ่งซาน นอกจากนั้นข้ายังไม่ได้บังคับขู่เข็ญให้พวกเขากล่าวเคล็ดวิชาหรือกระบวนท่าของพวกเขา ก็ถูกเจ้าควบคุมเสียก่อน
เหลิ่งซานกล่าวต่อ : หลังจากที่กลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่างได้รับชัยชนะจากการต่อสู้ที่รุนแรง ศิษย์พี่จี่ของจือโบได้เดินทางออกไปเพียงคนเดียวพร้อมกับสัตว์อสูรขั้นที่ 6 ของเขา เพื่อไล่ล่าหวู่เฉิงยี่ ส่วนพวกเขาทั้ง 3 ที่เหลือไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลใดจึงทำให้พวกเขาทะเลาะกันอย่างรุนแรง จากนั้นพวกเขาจึงได้แบ่งจิงฮ่าวและข้าให้แก่จือโบ และเดินจากไปในทันที
ในขณะที่เหลิ่งซานกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา จือโบกัดฟันแน่นอยู่ใกล้เคียง นางหัวเราะอย่างเยือกเย็น ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่ยุติธรรม
หยางไค่หันหน้ามองจือโบและกล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่เย็นชา : ดูเหมือนว่า ความสัมพันธุ์ของเจ้าเจ้าและศิษย์สาวกอีก 2 คนในสำนักเดียวกันคงไม่ราบลื่นเท่าที่ควร ?
ในสำนักของพวกเจ้าไม่มีการแข่งขันแย่งชิงหรือไง ? จือโบกรอกสายตาให้แก่หยางไค่ : ครั้งนี้ที่พวกเราเข้ามาฝึกฝนวิชายุทธุ์ในสถานที่ลึกลับแห่งนี้ พวกเรามีภารกิจทั้งหมด 3 ประการ ประการแรก คือต้องเก็บเกี่ยวลูกแก้วชีพจรโลหิต เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ตนเอง ประการที่ 2 คือการขู่เข็ญบังคับให้ผู้ฝึกยุทธ์แห่งอาณาจักรฮั่นของพวกเจ้าบอกเคล็ดวิชาและกระบวนท่าที่ไม่ถ่ายทอดแก่บุคคลภายนอกของแต่ละสำนักให้แก่พวกเรา ประการที่ 3 คือการค้นหาหยดวารีเปลวเพลิงและผลึกผลาญวิญญาณ ทุกภารกิจล้วนเกี่ยวข้องกับอนาคตของพวกเรา หากทำภารกิจได้สมบูรณ์มากเท่าใด หลังจากที่กลับไปยังสำนักพวกเราจะได้รับประโยชน์อย่างมากมาย !
ศิษย์สาวกอีก 2 คนที่อยู่ในสำนักเดียวกับเจ้าร่วมมือกน เพื่อไม่ให้เจ้าเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากสำนักใช่ไหม ? หยางไค่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นทันที
พวกเขาจับกุมผู้ฝึกยุทธุ์เป็นจำนวนมากมาย แต่กลับแบ่งให้แก่เหลิ่งซานเพียง 2 คน แม้ว่าจือโบจะสามารถขู่เข็ญให้จิงฮ่าวและเหลิ่งซานกล่าวความลับแห่งเคล็ดวิชาของสำนักออกมา นางจะได้รับเพียงเคล็ดวิชาของสำนักทะเลสาบปีศาจจักรพรรดิเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียยกับแล้ว ในมือของศิษย์ทั้งสองที่อยู่ในสำนักเดียวกันกับจือโบครอบครองสิ่งที่มีค่าและมีประโยชน์ยิ่งกว่านาง
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการแข่งขันแย่งชิงของศิษย์สาวกในสำนักเดียวกัน ไม่ว่าสำนักไหนต่างมีเรื่องเช่นนี้ดำรงอยู่เสมอ
พวกเขามาจากตระกูลเดียวกัน เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะกำจัดข้า !! จือโบกัดฟันไว้แน่น จิตใจของนางเต็มไปด้วยความโกรธ
หยางไค่กรอกตาไปมา : ให้ข้าช่วยทวงคืนความยติธรรมให้แก่เจ้าไหม ?
ความแค้นระหว่างศิษย์ทั้ง 3 แห่งอาณาจักรเทียนหล่าง สามารใช้มันเป็นเบี้ยในการต่อรอง
ทุกคนต่างอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ไม่ช้าหรือเลวก็ต้องเผชิญหน้ากัน หยางไค่ต้องการที่จะมีชีวิตต่อไป ผู้ลงมือก่อนจะเป็นผู้ที่ได้เปรียบก่อนโดยการฆ่าผู้ฝึกยุทธุ์แห่งสำนักหลิงหล่อทั้งสอง นอกจากนั้น พวกเขายังมีศิษย์คนหนึ่งที่ควบคุมสัตว์อสูรขั้นที่ 6 คนคนนี้เหมือนกันหวู่เฉิงยี่ ที่เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ก่อนที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขา ต้องกำจัดปัจจัยที่เป็นอันตรายต่อเขาให้หมด
จือโบกระพริบตาไปมา นางจ้องมองหยางไค่ ขมวดคิ้วไว้แน่นและกล่าว : แม้ว่าความเป็นความตายของเจ้าจะถูกควบคุมจากเจ้า แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่าง และเป็นผู้ฝึกยุทธุ์แห่งสำนักหลิ่งหล่อ !! แม้ว่าเจ้าจะฆ่าข้า ข้าก็จะไม่ทำเรื่องที่ผิดต่อสำนักหลิ่งหล่อของข้า ดังนั้นเจ้าอย่าคาดหวังไปเลยว่าข้าจะช่วยเจ้าในการเผชิญหน้ากับพวกเขา !!
หยางไค่จ้องมองจือโบด้วยสายตาที่ประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าสตรีคนนี้จะยึดมั่นในคุณธรรมเช่นนี้
หยางไค่ไมได้บังคับนางแต่กล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : ข้ากล่าวเสนออกมาเท่านั้น หากเจ้าไม่ยินยอมก็ไมเป็นไร
จือโบแสดงสีหน้าที่ตื่นตะลึง นางเตรียมตัวเตรียมใจในการน้อมรับบทลงโทษจากการปฏิเสธข้อเสนอของหยางไค่ แต่กลับไม่คิดว่าเขาจะปล่อยนางไปอย่างง่ายดายเช่นนี้
เจ้าปล่อยไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ ? จือโบไม่รู้ว่าหยางไค่กำลังคิดวางแผนสิ่งใด ท่าทางของเขาน่าสงสัยอย่างยิ่ง
เจ้าคิดว่าอย่างรไ ? หยางไค่กล่าวอย่างแผ่วเบา
จือโบเบิกตาโพลง นางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวาน : หากมันง่ายดายเช่นนี้ เจ้าปล่อยตราประทับที่อยู่ในจิตวิญญาณของข้าสิ
อย่าคิดฝันไป !!
หลายวันถัดมา หยางไค่เหลิ่งซานและจือโบต่างฝึกฝนวิชายุทธุ์ในบริเวณนั้น
ในตอนนี้พวกเขาไม่พบเจอกับมนุษย์ที่เป็นศัตรู แต่พบเจอกับสัตว์อสูรโดยบังเอิญเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น
หากเป็นสัตว์อสูรขั้นที่ 4 พวกเขาจะฆ่ามันในทันทีและเก็บเกี่ยวลูกแก้วชีพจรโลหิต แต่หากเป็นสัตว์อสูรขั้นที่ 5 จือโบจะควบคุมมันโดยการปลูกฝังแมลงควบคุมจิตวิญญาณ แต่ว่าหลายวันผ่านไป พวกเขาพบเจอกับสัตว์อสูรขั้นที่ 5 เพียงตนเดียว
ลูกแก้วชีพจรโลหิตหยางไค่ไม่ต้องการมัน เขาแบ่งให้แก่จือโบและเหลิ่งซานทั้งหมด เขาไม่ขาดแคลนพลังที่ซ่อนอยู่ในลูกแก้วชีพจรโลหิต ในตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการทำมากที่สุดคือการขัดเกลาเส้นชีพจรลมปราณและพลังลมปราณที่อยู่ในจุดตันเถียน เพื่อเตรียมความพร้อมให้พลังลมปราณแท้จริงของตนเองมีความก้าวหน้าและแข็งแกร่งมากที่สุด
การฝึกฝนวิชายุทธุ์และบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการค้นหาผลึกผลาญวิญญานแห่งคำร่ำลือ จากคำกล่าวของจือโบ ศิษย์พี่จี่ของนางกำลังค้นหาผลึกผลาญวิญญาณเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นจือโบหรือเหลิ่งซาน พวกนางรู้ละเอียดที่เกี่ยวข้องกับผลึกผลาญวิญญาณไม่มาก ดังนั้นพวกนางจึงไม่รู้ว่าต้องไปค้นหาผลึกผลาญวิญญาณในบริเวณใด
แต่สิ่งที่ทำให้หยางไค่รู้สึกประหลาดใจ นั่นคือหลายวันที่ผ่านมา ไม่ว่าจือโบจะทำอะไรหรือกล่าวสิ่งใด นางจะไม่หยุดที่จะยั่วยวนตัวเขาเอง ในตอนนั้นนางกล้าหาญยิ่งกว่าการพบเจอในตอนแรก แม้แต่สตรีเฉกเช่นเหลิ่งซานที่เยือกเย็น ก็ยังเผยให้เห็นทรวงอกที่อวบอิ่มและรอยยิ้มที่อ่อนหวานอย่างน่าขมขื่นให้แก่เขา
ในบางครั้ง หยางไคจะมองเห็นความยินยอมและความสุขสมในสายตาของพวกนาง
พวกนางกำลังวางแผนทำอะไร ? หยางไค่สงสัยโดยไม่สามารถหาคำตอบได้
พวกเขาทั้ง 3 ออกเดินทางกว่าครึ่งวัน จึงหาสถานที่ปลอดภัยในการฟื้นฟูพลังของตนเอง สัตว์อสูรกว่าหลาย 10 ตัวตามหลังพวกเขาเพียงครึ่งเดียว ส่วนที่เหลือถูกสั่งการให้ไปตรวจสอบสถานการณ์บริเวณรอบๆ
ในขณะที่หยางไค่กำลังหลับตาฟื้นฟูพละกำลังของตนเอง กลิ่นหอมแห่งเรือนร่างของสตรีได้โชยเข้าสู่จมูกของเขา ในตอนนี้เหลิ่งซานและจือโบนั่งอยู่ข้างกายซ้ายขวาของเขา
พวกนางต่างขยับร่างกายแนบติดกับเขา ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้เยือกเย็นอย่างสุดขีด
หยางไค่ขมวดคิ้วและจ้องมองพวกนาง
ดูเหมือนว่าเหลิ่งซานจะอับอาย ใบหน้าของนางแดงก่ำ แต่เหลิ่งซานหัวเราะด้วยความฝืนทนและกล่าวออกมา : เป็นอะไรหรือเปล่า ?
หลายวันที่ผ่านมาพวกเจ้าทั้งสองดูประหลาดอย่างมาก พวกเจ้ากำลังวางแผนทำอะไรโดยที่ไม่ให้ข้ารู้ใช่ไหม? หยางไค่กล่าวถามด้วยสีหน้าที่ดุดัน
จือโบกล่าวตอบ : ไม่น่ะ พวกเราทั้งสองอยู่ข้างเคียงเจ้ามาตลอด ไม่มีโอกาสที่จะให้เราคิดวางแผนแม้แต่น้อย
หยางไค่คิดไตร่ตรอง มันก็เป็นอย่างที่นางกล่าว ในตอนนี้พวกนางไม่มีเวลาที่จะวางแผนคิดร้ายต่อเขา แต่ทำไมตัวเขาเองจึงรู้สึกว่าพวกนางไม่ปกติเหมือนเช่นเคย
ทำไมเจ้าถึบงรู้สึกว่าพวกเราทั้งสองดูแปลกประหลาด ? จือโบกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน นางขยับเข้าใกล้หยางไค่มากขึ้น ร่างกายส่วนบนโน้มเข้ามาหาหยางไค่จนหมด ทรวงอกที่อวบอิ่มถูไถไปยังต้นแขนของหยางไค่ จนหยางไค่รู้สึกได้ถึงรูปทรงทรวงอกของจือโบ
เมื่อสัมผัสไดถึงความรู้สึกที่น่าตื่นตะลึง หยางไค่ก้มหน้าลงต่ำ เขาพบเห็นกับทรวงอกที่ขาวเนียนอย่างน่าตื่นตะลึงของจือโบในทันที
จือโบหัวเราะอยู่ในใจ สีหน้าของนางไม่เปลี่ยนแปลง นางโน้มไปข้างหน้าอีก เพื่อเผยให้หยางไค่มองเห็นมากกว่าเดิม
ความรู้สึกนี้........... หยางไค่จ้องมองอย่างไม่วางตา เขาเลียริมฝีปากไปมา สีหน้าแสดงออกมาด้วยความต้องการอย่างไม่ปิดบัง
ฮ่าฮ่า............ความรู้สึกเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงตรง จือโบหัวเราะอย่างมีเสน่ห์ เรือนร่างของนางสั่นไหวไปม แม้แต่ทรวงอกยังขยับเยื้อนอย่างไม่หยุด
ลำคอของหยางไค่ร้อนผ่าว แม้แต่เหลิ่งซานยังแนบทรวงอกเข้ามาหาเขา ทันใดนั้นร่างกายของหยางไค่แข็งทื่อ ช่องท้องของเขารู้สึกร้อนระอุดั่งถูกไฟแผดเผา
ความรู้สึกนุ่มนิมแผ่ซ่านมาจากด้านซ้ายและขวา มันแผ่วเบาอย่างละมุน
หยางไค่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เขากดจือโบลงไปยังพื้นดิน และขึ้นคร่อมนางในทันที
อ๊า............ จือโบครวญคราง ด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย ดวงตาของนางประกายด้วยความไร้เดียงสา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มโดยจ้องมองหยางไค่อย่างไม่วางตา
เจ้าเด็กหนุ่มที่ยังไม่รู้ความ อยากที่จะทำอะไร ? ฮึ่ม !!
เหลิ่งซานที่อยู่ข้างเคียงสะดุ้งด้วยความตกใจ นางจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตาที่เบิกโพลง
เจ้าเป็นคนรนหามันเอง หลายวันที่ผ่านมาข้าดูออก เจ้าคิดไม่ซื่อกับข้าใช่ไหม ? สีหน้าของหยางไค่ดุดัน สองมือประทับไปยังทรวงอกที่อวบอิ่มทั้งสองของนาง และนวดเค้นไปมาอย่างรุนแรง
ข้าไม่ได้................ไม่ได้คิดไม่ซื้อกับเจ้า จือโบกัดริมฝีปกาของตนเองไว้แน่น ใบหน้าของนางเผยให้เห็นถึงความขมขื่นใจ ในใจของนางเกิดความรู้สึกที่ถูกเหยียดหยาม ทำให้นางเกรี้ยวโกรธจนออกแรงปัดมือหยางไค่ออกไป
เมื่อความรู้สึกนี้เกิดขึ้น ทำให้นางอับอายอย่างยิ่ง
เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนตาบอด ? หยางไค่หัวเราะอย่างเยือกเย็น เขาถลกเสื้อผ้าส่วนบนของจือโบขึ้น ตรงหน้าของเขาเผยให้เห็นเรือนร่างที่งดงามของนาง สองมือของหยางไค่ลูบไล้ นวดเค้นอย่างไม่หยุด โดยไร้ซึ่งความปราณีต่อสตรีที่อ่อนแอ
ร่างกายของจือโบแข็งทื่อ นางครางเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา เหลิ่งซานจ้องมองด้วยร่างกายที่นิ่งเฉยดั่งตุ๊กตาไม้ นางได้ยินเสียงครางของจือโบ ทำให้จิตใจของนางก่อเกิดความรู้สึกที่แปลกประหลาดขึ้น
จากการลูบไล้ไปมาและนวดเค้นอย่างไม่หยุด จือโบให้ความร่วมมือโดยที่ร่างกายของนางบิดไปมาอย่างไม่หยุด เสียงครวญครางดงออกมาอย่างอ่อนระทวย มันทำให้ร่างกายของเหลิ่งซานรู้สึกไร้เรี่ยวแรง สองขาของนางทรุดลงกับพื้น โดยที่นางหนีบสองขาของตนเองไว้อย่างแนบแน่น
แม้จะมีอารมณ์ความรู้สึก แต่เจือโบไม่ไดสูญเสียการควบคุมตนเอง นางและเหลิ่งซานที่ร่วมมือกระตุ้นหยางไค่ เพียงเพราะต้องการเห็นเรื่องที่น่าขำขันของเขาเท่านั้น
ในตอนนี้พวกนางยั่วยวนหยางไค่จนเขาระเบิดอารมณ์ที่พุ่งพล่านออกมา มันทำให้จือโบรู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก
เขาเป็นโรค...........ทำไมเขาถึงมีอารมณ์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ? จือโบหอบหายใจ นางค่อยๆชันของนางขึ้นสูง จากนั้นจึงดันมันไปยังร่างกายส่วนล่างของหยางไค่
หลังจากนั้น จือโบรู้สึกถึงร่างกายที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้าของหยางไค่ มันร้อนเผาและมีขนาดใหญ่
ในขณะที่กำลังตื่นตะลึง จือโบครางด้วยเสียงที่ตื่นตกใจ ร่างกายของนางแข็งทือ สีหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
ฮ่าฮ่า !! หยางไค่เงยหน้าและจ้องมองนางด้วยรอยยิ้มที่ดุดัน เขายื่นมือออกมาข้างหนึ่ง และล้วงเข้าสู่กระโปรงของจือโบ
ไม่..........อย่าน่ะ !! จือโบตื่นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก นางรีบจับมือแขนของหยางไค่เอาไว้
เจ้าบอกว่าไม่ ก็คือไม่ ? หยางไค่ยิ้มอย่างเยือกเย็น การกระทำของเขาไม่ได้หยุดลง
เมื่อมือของเขาล้วงเข้าไปภายใน ความรู้สึกที่อบอุ่นและเปียกชื้นแผ่ซานออกมา
จือโบที่กำลังดิ้นรนต่อต้านไร้ซึ่งความสามารถในการต่อต้านในทันที นางค่อยๆล้มตัวลงไปนอนที่พื้นดินอย่างแผ่วเบา
เหลิ่งซานสูญเสียสติในการคิดไตร่ตรอง นางไม่รู้ว่าจือโบกำลังแสแสร้งหรือเป็นความรู้สึกที่แท้จริงของนาง หากนางต้องการเห็นความอับอายของหยางไค่ นางไม่จำเป็นต้องสละเรือนร่างถึงเพียงนี้ นี้..........นี้.........มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เหลิ่งซานจ้องมองจนใบหน้าแดงก่ำ หัวใจของนางเต้นเร็วยิ่งขึ้น โลหิตพุ่งพล่านอย่างยิ่ง ท้องน้อยของนางรู้สึกร้อนผ่าว ความอับอาย ความอัปยศ ความรู้สึกทั้งหมดต่างก่อกำเนิดขึ้นมาในทันที
ในขณะที่จือโบรู้สึกว่าตนเองประสบความล้มเหลวอีกครั้ง นางเบิกตาโพลงอย่างฉับพลัน โดยไม่รู้ว่านำเรี่ยวแรงมาจากไหน นางผลักหยางไค่จนกระเด็น และกล่าวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไป : เจ้ารอก่อน สัตว์อสูรของข้าตายไป มีศัตรูในบริเวณใกล้เคียง !!