ตอนที่ 239 สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 239 สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
หยางไค่ก้มตัวต่ำลง จ้องมองนางด้วยสีหน้าที่สบายอารมณ์ และกล่าวออกมา : เจ้าจะเชื่อฟังจริงๆ ?
จือโบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ความทุกข์ทรมาณจากจิตวิญญาณที่แผ่วซานออกมาทำให้ไม่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป คำว่าตายทั้งเป็นอย่างห่างชั้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความทรมาณเช่นนี้ไม่มีใคในโลกที่จะสามารถอดทนต่อมันได้ ไม่มช่เพราะนางไม่แข็งแกร่งพอ แต่เป็นหยางไค่ที่ลงมืออย่างโหดเหี้ยม
จากนี้ต่อไปจะไม่มีวันทรยศข้า ? หยางไค่ยื่นมือเชิดคางของนางขึ้น สายตาของเขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของจือโบ
จือโบฝีนยิ้มด้วยความทรมาณ มันน่าเกลียดยิ่งกว่าการร้องไห้เสียอีก : ไม่มีทางทรยศเจ้า !!
หยางไค่หัวเราะหึหึ เขาชูนิ้วขึ้น แล้วสัมผัสไปยังริมฝีปากสีแดงของจือโบ จากนั้นจึงทะลวงเข้าไปในปากของนางแล้วสัมผัสไปยังลิ้นอันหอมหวานของจือโบ
พอใจ ดวงตาของนางประกายด้วยความเชื่อฟังและความอ่อนโยน ลิ้นอันหอมหวานของนางเปรียบดั่งอสรพิษ นางม้วนนิ้วของหยางไค่เข้าไปและดูดกลืนอย่างไม่หยุด ทักษะของนางไม่เลว ไม่เช่นนั้นนางคงไม่สามารถกกระต้นอารมณ์ของเหลิ่งซานที่เป็นสตรีได้ ลิ้นอันหอมหวานของนางม้วนนิ้วมือของหยางไค่เอาไว้ ในบางครั้งนางจะรัดแน่น ในบางครั้งนางจะปล่อยหลวม ระยะเวลาสั้นๆ ดวงตาของนางประกายด้วยอารมณ์แห่งความต้องการ เสียงสูดหายใจเข้าออกที่ทำให้ผู้ที่ได้ยินจินตนาการไปต่างๆนานาดังขึ้น
เหลิ่งซานหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว นางสบทด่าอย่างแผ่วเบา : ไม่มียางอาย !
หยางไค่เงหน้ามองจือโบและหัวเราะอย่างเยือกเย็น เขาดึงนิ้วออกมาจากปากของจือโบ และเช็ดไปที่เสื้อผ้าของนาง และจับใบหน้าของนางอย่างรุนแรง จือโบปล่อยเสียงครางที่โหยหวน ดวงตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำตาจ้องมองหยางไค่ด้วยความไม่ยุติธรรม
แม้ว่าข้าจะรู้ว่าเจ้ากำลังแสดงละครแสแสร้ง แต่การแสดงออกของเจ้าไม่เลว !!
จือโบยิ้มและกล่าว : สตรีแห่งอาณาจักรเทียนหล่างของเราชื่นชมและเคารพผู้แข็งแกร่ง เจ้าแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่เช่นนี้ แล้วข้าจะเล่นละครแสแสร้งไปทำไม !!
เข้ามีเพียงเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 ถือว่าแข็งแกร่งยิ่งใหญ่ หยางไค่หัวเราะอย่างแผ่วเบา
รอยยิ้มบนใบหน้าของจือโบพลันหายไปในทันที แต่หลังจากนั้นนางได้ยิ้มและกล่าวออกมาอีกครั้ง : เขตแดนไม่มีความหมาย นอกจากนั้นเจ้ายังอายุน้อย หากให้เวลาที่เพียงพอแก่เจ้า เจ้าต้องแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่กว่าทุกคน !!
ประจบประแจงได้ดี !! ข้าชอบ !! หยางไค่หัวเราะอย่างเสียงดัง ก่อนจะลุกขึ้นและกล่าว : ลุกขึ้นได้แล้ว !!
เจ้าค่ะ !! จือโบลุกขึ้นอย่างเชื่อฟ้ง นางค่อยๆจัดเสื้อผ้าของนางให้เข้าที่
ต่อหน้าเหลิ่งซานและจิงฮ่าว นางเป็นนาย แต่เมื่ออยู่ตรงหน้าหยางไค่ นางกลับกลายเป็นทาสรับใช้ที่เชื่อฟังคำสั่งของหยางไค่ โดยมิกล้าที่จะล่วงเกินหยางไค่แม้แต่น้อย
ความทุกข์ทรมาณที่จือโบได้รับเมื่อสักครู่ นางไม่ต้องการที่จะพบเจอกับมันอีก
หยางไค่จ้มองเหลิ่งซานด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น เขาหัวเราะเบาๆ โดยที่สีหน้าของเหลิ่งซานในเวลานี้ไม่เป็นธรรมชาติ มันเต็มไปด้วยความอึดอัดและความเกลียดแค้น สิ่งที่มากกว่านั้นคือความอัปยศและความไม่ยอม
ไม่ต้องกล่าวถึงความบาดหมางที่ผ่านมา การที่นางเปิดเผยความลับของหยางไค่ ก็เพียงพอที่จะทำให้นางไม่สามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือของหยางไค่
ก่อนหน้านี้นางเพิ่งเผยความลับของผู้อื่น แต่ระยะเวลาเพียงสั้นๆคนผู้นั้นกลับควบคุมความเป็นความตายของตนเอง
จือโบจ้องมองหยางไค่ และจ้องมองไปยังเหลิ่งซาน นางจึงกล่าวออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา : ต้องการให้นางตายหรือไม่ ? ข้าสามารถทำให้นางตายได้อย่างง่ายดาย !! นางเป็นสตรีที่ฉลาด เป็นเรื่องธรรมดาที่นางมองเห็นเจตนาแห่งการฆ่าในสายตาของหยางไค่ สีหน้าของเหลิ่งซานเปลี่ยนแปลงในทันที นางก้าวถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว และจ้องมองหยางไค่และจือโบด้วยสีหน้าที่ระมัดระวัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความอาลัย
หากหยางไค่สั่งการให้นางตาย มันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเหลิ่งซานต้องต่อต้านอย่างสุดกำลังของนาง
หลังจากที่นิ่งไปเป็นเวลานาน หยางไค่ส่ายหัวไปมาอย่างช้าๆ เหลิ่งซานถอนหายใจด้วยความโล่งอกและจ้องมองไปที่หยางไค่และกล่าว : ทำไม ?
อะไรทำไม ? หยางไค่รู้สึกรำคาญ
ทำไมข้าเจ้าถึงปล่อยข้า? เหลิ่งซานกล่าวถามด้วยความสงสัย : ไม่เพียงผู้อาวุโสของเรามีความแค้นต่อกัน พวกเราต่างมีความแค้นต่อกัน ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะเมตตาปล่อยข้าไป ในตอนนี้การที่จะเอาชนะข้าก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายดั่งพลิกฝ่ามือ !!
ที่จริงข้าเป็นคนดี เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่ ? หยางไค่กล่าวและหัวเราะอย่างมีความสุข
จือโบเบ้ปากใส่ ส่วนเหลิ่งซานหัวเราะด้วยความเกลียดชัง : หากเจ้าเป็นคนดีจริง เจ้าต้องสั่งการให้นางนำแมลงควบคุมวิญญาณออกจากร่างกายของข้า !! แม้ว่าในตอนนี้เจ้าจะไม่ฆ่าข้า แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็สามารถควบคุมความเป็นความตายของข้า เจ้าจะเป็นคนดีได้อย่างไร ?
เจ้ามีสิทธิ์ตำหนิข้าไหม ? หยางไค่หัวเราะอย่างเยือกเย็น : สำนักของพวกเจ้าเป็นสำนักแห่งปีศาจ คงไม่ใช่คนดีเหมือนกัน ? เหลิงซานกล่าว : ข้าไม่เคยบอกว่าข้าเป็นคนดี !!
ฝีปากกล้ายิ่งนัก !! หยางไค่กระแอ่มเบาๆ นางจ้องมองจือโบและกล่าว : นำแมลงควบคุมวิญญาณออกจากร่างกายของนาง ให้นางรู้ว่าสิ่งใดที่เรียกว่าเป็นคนดีอย่างแท้จริง
ร่างกายของจือโบสั่นไหว นางจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่ไม่เชื่อ นางไม่คาดคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะตัดสินใจทำเช่นนี้
เขาเป็นคนโง่หรือไง ?เมื่อไร้ซึ่งแมลงควบคุมวิญญาณ แล้วจะควบคุมสตรีนางนี้ได้อย่างไร ? แม้แต่เหลิ่งซานที่ได้ยินคำกล่าวนี้ยังอึ้งไปชั่วขณะ ทันใดนั้นดวงตาของนางประกายด้วยความดีใจอย่างสุดขีด
คำสั่งของข้า จะไม่กล่าวเป็นครั้งที่ 2 หยางไค่จ้องมองจือโบด้วยสายตาที่เยือกเย็น จือโบหัวเราะด้วยความขมขื่น นางเดินไปยังด้านหน้าของจือโบ โดยเต็มไปด้วยความเสียดายอย่างสุดซึ้ง
ตนเองต่างจากเหลิ่งซานอย่างมาก แม้ว่านางจะมีความแค้นกับเด็กหนุ่มผู้นี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่น ในเวลานี้เป็นความจริงที่พวกเขาต้องร่วมมือกัน
เจ้าโชคดีมาก !! จือโบกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา โดยเต็มไปด้วยความอิจฉา หลังจากนั้นนางยื่นมืออกไป และสัมผัสไปยังช่องท้องของเหลิ่งซาน และเคลื่อนไหวจิตวิญญาและพลังลมปราณของนาง
หลังจากนั้น สีหน้าของเหลิงซานแปรเปลี่ยนเป็นความซีดขาด เสียงอากเจียนดังขึ้น ตามมาด้วยแมลงตัวหนึ่งที่นางอาเจียนออกมา
จือโบรีบเก็บแมลงควบคุมวิญญาณอย่างรวดเร็ว เหลิ่งซานไม่สามารถที่จะทนได้ นางอาเจียนออกมาอย่างไม่หยุด ผ่านไปชั่วครู่ นางจึงเช็ดปากของนางค่อยๆเดินกลับมา สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความซับซ้อน นางได้รับอิสรภาพด้วยวิธีการที่แปลกประหลาด มันเป็นเรื่อ่งที่น่าตื่นตะลึงและน่ายินดีสำหรับนาง
เจ้าเป็นคนฆ่าจิงฮ่าวใช่ไหม ? หลังจากเงียบเป็นเลานาน เหลิ่งซานได้กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
ถูกต้อง หยางไค่พยักหน้า : เจ้าอยากแก้แค้น ? ข้าให้โอกาสเจ้าได้
ข้าไม่มีทางแก้แค้น !! เหลิ่งซานส่ายหัวไปมาอย่างช้าๆ สายตาของนางเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่นางยื่นมือออกมาและพุ่งฝ่ามือไปยังหยางไค่ และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น : แต่ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะปล่อยข้าไป !!
เสียงโหยหวนของภูตผีดังขึ้น ใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวพุ่งออกมาจากฝ่ามือของนาง และพ่งเข้าไปยังร่างกายภายในของหยางไค่ทันที
เป็นเคล็ดวิชาลึกลับที่ไม่ถ่ายทอดแก่บุคคลภายนอก ตราประทับปีศาจจักรพรรดิ !!
สีหน้าของจือโบเปลี่ยนแปลงในทันที ในขณะที่นางจะลงมือ หยางไค่ได้รั้งนางเอาไว้
เจ้า......... เหลิ่งซานถอยหลังและจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่ตื่นตะลึงอย่างสุดขีด ผู้ที่ถูกโจมตีด้วยตราประทับปีศาจจักรพรรดิ์ ไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวร่างกายของตนเองโดยจิตวิญญานแห่งภูติผีจะทำลายการรับรู้ของเขาในทันที จากนั้นจึงครอบครองร่างกายของเขา ในจุดนี้เหลิ่งซานรับรู้อย่างชัดเจน ว่าตนเองอยู่สถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย ในตอนนี้ตนเองได้รับอิสรภาพ ก็ยังไม่มีโอกาสในการมีชีวิตรอด และเมื่อพบเจอกับผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรเทียนหล่าง ไม่ว่าอย่างไรก็ถูกฆ่า หรือ กลายเป็นทาสของพวกเขา อยู่ดี
การทำลายการรับรู้ของหยางไค่ และควบคุมร่างกายของหยางไค่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ควบคุมหยางไค่หมายถึงการควบคุมจือโบ เมื่อเป็นเช่นนี้เหลิ่งซ่านคิดว่ามันเป็นการกระที่คุ้มค่า แต่เมื่อตราประทับปีศาจจักรพรรดิถูกโจมตีออกไป กลับไร้ซึ่งผลลัพธุ์ใดๆ จึงทำให้นางตื่นตะลึงอย่างสุดขีด
ไม่ใช่คนดีอะไรจริงๆด้วย !! หยางไค่พยักหน้าอย่างช้าๆ เขามองเห็นความไม่ยินและความกล้าของเหลิ่งซานตั้งแต่แรก การกระทำก่อนหน้านั้นเป็นเพียงการล่อให้นางเปิดใช้ตราประทับแห่งปีศาจจักรพรรดิเท่านั้น
ประทับปีศาจจักรพรรดิของเข้าล่ะ ? จือโบกล่าถาม
อยากได้ ? คืนให้เจ้า !! หยางไค่สบทด้วยเสียงที่เยือกเย็น ใบหน้าของภูติผีแห่งตราประทับปีศาจจักรพรรดิ์พุ่งออกมาจากร่างกายของหยางไค่ มันได้กลับเข้าสู่ร่างกายของเหลิ่งซานอีกครั้ง
เหลิงซานไม่รอข้า นางหมุนตัวและวิ่งออกไปในทันที
จือโบยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนตัวนางมิอาจที่จะทนต่อไปได้อีก : เจ้าปล่อยนางไปเช่นนี้ ?เมื่อสักครู่นางคิดจะฆ่าเจ้า
คนที่ลงมือกับข้า ต้องได้รับผลตอบแทนที่สาสม !! หยางไค่หัวเราะอย่างชั่วร้าย ทันทีที่กล่าวจบ เสียงการสะดุดล้มของเหลิ่งซานดังขึ้นพร้อมกับเสียงโหยหวนที่แว่วมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ร่างกายของจือโบสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อสักครู่ตนเองถูกทรมาณเช่นนี้ มันทรมาณจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ อยากที่จะตายให้ไเร็วที่สุด แต่ก็ไม่สามารถทำตามมี่ต้องการ แต่ตอนนี้ตนเองได้กลายเป็นผู้รับชม
เขาทำได้อย่างไร ? ไม่ว่าอย่างไรจือโบไม่ทราบว่าเขาทำได้อย่างไร การทรมาณที่เหลิ่งซานได้รับเจ็บปวดและทรมาณยิ่งกว่าจือโบหลายเท่า ระยะเวลากว่า 1 ก้าวธูป เสียงโหยหวนของเหลิ่งซานจึงหยุดลง แต่เป็นเพราะนางหมดสติไป แต่หยางไค่ได้สั่งการด้วยเสียงที่เยือกเย็น : ไปเอาตัวนางกลับมา !!
อ่อ !! จือโบเดินเข้าไปข้างหน้าด้วยความเชื่อฟัง นางอุ้มเหลิ่งซานที่หมดสติไป นางจ้องมองร่างกายของเหลิ่งซาน ซึ่งทำให้นางเกิดความรู้สึกที่เข้าใจในความทุกข์ทรมาณที่เหลิ่งซานได้รับ
ข้าจะฟื้นฟูพลังลมปราณของข้า อย่ารบกวนข้า ! หยางไค่เดินไปยังบริเวณหนึ่ง เขานั่งขัดสามาธิลงและค่อยๆฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตนเอง
ครึ่งวันผ่านไป เหลิ่งซานจึงฟื้นขึ้นมาอย่างช้า เมื่อนางฟื้นขึ้นมา นางได้ตะโกนร้องโหยหวนและหมดสติไปอีกครั้ง
จิตใจของจือโบสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว นางเริ่มระมัดระวังในการเข้าหาหยางไค่ นางพบว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีจิตใจอำมหิตและลงมืออย่างโหดเหี้ยม โดยที่เขาไม่มีความรู้สึกที่ต้องการสตรีที่งดงาม เหลิ่งซานและนางเป็นสตรีที่งดงามในระดับหนึ่ง แต่เขาทรมาณพวกนางทั้งสองโดยไร้ซึ่งความเมตตาและความปราณี
คนประเภทนี้ น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง
เลือดเย็นและอำมหิต !!
1 วันผ่านไป เหลิงซานฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ในครั้งนี้หยางไค่ไม่ได้ทรมาณนางอีก
ความแข็งแกร่งของนางอยู่ในขั้นลมปราณแท้จริง โดยยังไม่สามารถฝึกฝนปราณจิตสัมผัสแห่งจิตวิญญาน หากยังทรมาณนางต่อไป นางคงต้องกลายเป็นคนบ้าที่เสียสติ
นางจ้องมองไปยังหยางไค่ที่นั่งขัดสมาธิด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวอย่างสุดขีด
จือโบรบเร้านางกว่าครึ่งวัน นางจึงเดินเข้าไปหาหยางไค่ด้วยร่างกายที่สั่นเทา นางกัดริมฝีปากไว้แน่น ใบหน้าซีดขาว ไม่กล้าแม้แต่จะสูดลมหายใจ ก่อนหน้านั้นนางถูกจือโบควบคุม แต่มันเป็นเพียงร่างกายที่มีแมลงตัวหนึ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ในตอนนี้ ? แม้แต่จิตวิญญานยังถูกควบคุม ศิษย์แห่งสำนักหลิงเซี่ยวเอาคืนนางอย่างเหี้ยมโหด
เพิ่งหนีรอดจากดงหมาป่า แต่กลับก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งนรก !! เหลิ่งซานรู้สึกเศร้าโศกเสียใจอย่างสุดขีด
ฮุ่ว ... หยางไค่สัมผัสได้ว่าสตรีทั้ง 2 เดินเขามา แต่เขายังคงหลับนั่งสามาธิ ทำเหมือนไม่รู้ เพราะเขาต้องการทดสอบว่าพวกนางทั้งสองยังมีความกล้าพอหรือเปล่า
ผลลัพธุ์จากการทดสอบถือว่าไม่เลว !! ไม่ว่าจะเป็นจือโบหรือเหลิ่งซาน ในตอนนี้พวกนางต่างเชื่อฟัง ไม่กล้าแม้แต่จะคิดร้ายต่อเขา
หยางไค่ลืมตาจ้องมองเหลิ่งซาน เหลิ่งซานตื่นตกใจจนคิดจะถอยกลับไป แต่ถูกจือโบจับเอาไว้
ยังไม่ขอโทษอีก !! จือโบไม่รู้ว่าตนเองกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน นางปลอบโยนเหลิงซานและบังคับให้นางกล่าว ดวงตาของเหลิงซานประกายด้วยความอับอาย จนนางกัดริมฝีปากของตนเองจนเป็นแผล ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าจ้องมองหยางไค่ และรีบหลบสายตาหยางไค่อย่างรวดเร็ว
หากเจ้ายังเป็นเช่นนี้ ข้าจะไม่สนใจเจ้าอีก !! จือโบเกลียดชังการกระทำของเหลิงซาน พวกนางทั้งสองล้วนเป็นสตรี จำเป็นต้องถือตัวเช่นนี้ไหม ? ทันใดนั้นสีหน้าของเหลิ่งซานเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม แต่นางไม่กล่าวสิ่งใด หยางไค่จ้องมองนางด้วยรอยยิ้มอย่างไม่วางตา
ข้าผิดไปแล้ว .. ผ่านไปชั่วครู่ เหลิงซ่านจึงเปิดปากกล่าว เสียงของนางเล็กราวกับเสียงแมงหวี่ มันเล็กจนไม่ได้ยิน สองมือกำเอาไว้แน่นด้วยความอับอาย หยางไค่จ้องมองเหลิ่งซานอย่างเรียบเฉิย เขาไม่กล่าวสิ่งใด เหลิ่งซานกัดฟันไว้แน่น เพื่อทนรับต่อความอัปยศ จือโบยิ้มอย่างแผ่วเบาและกล่าว : นางรู้ตัวว่าทำผิด จากนี้ไปนางไม่กล้าที่จะคิดร้ายต่อเจ้า พอแล้ว พอแล้ว หยุดร้องไหได้แล้ว