ตอนที่ 238 ใครเป็นนาย
ตอนที่ 238 ใครเป็นนาย
จือโบนำพาสัตว์อสูรของตนเองมายังสถานที่จิงฮ่าวตายไป นางเข้าไปขุดคุ้ยเศษผงสีขาวของจิงฮ่าวเป็นเวลานาน โดยยังไม่พบแมลงควบคุมจิตวิญญานของตนเอง ทำให้สีหน้าของนางแสดงออกด้วยความตื่นตกใจอย่างเยือกเย็น
แมลงควบคุมจิตวิญญานของผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรเทียนหล่าง ต่างล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งใด แต่ไม่ใช่เพราะแมลงเหล่านี้มีราคาที่สูง แต่เพราะแมลงทุกตัวต่างมีจิตวิญญาณของพวกเขาที่เชื่อมผสานกันมัน
แมลงควบคุมจิตวิญญานเหล่านี้มิใช่สิ่งที่จะสูญเสียมันไปได้ หากมันตกอยู่ในมือของศัตรู่หรือถูกแผดเผาทำลาย จิตวิญญาณของพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บ เมื่ออยู่ในการต่อสู้แล้วพบเจอกับการโจมตีเช่นนี้ มีโอกาสที่จะทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ แม้กระทั่งตายไปในที่สุด
ดังนั้นเมื่อสัตว์อสูรที่อยู่ในการควบคุมตายไป จือโบจะรีบไปยังตำแหน่งที่สัตว์อสูรตาย และนำแมลงควบคุมจิตวิญญานกลับมาด้วย
แต่ในครั้งนี้ เขากลับไม่พบมัน
เมื่อสัมผัสได้ถึงสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงของจือโบ เหลิ่งซานที่ตามนางมาแอบหัวเราะเยาะอย่างเยือกเย็น ใบหน้าของนางแสดงออกอย่างมีความสุข
จือโบสบทด้วยเสียงที่เยือกเย็น นางหลับตา และค่อยสัมผัสถึงการดำรงอยู่ของแมลงควบคุมจิตวิญญานอย่างละเอียด
แม้ว่านางยังไม่ได้ฝึกฝนจนเกิดปราณจิตสัมผัสแห่งจิตวิญญาณ นางไม่สามารถที่จะค้นหาในบริเวณใกล้เคียง แต่แมลงควบคุมจิตวิญญานที่หายไปเชื่อมผสานกับจิตวิญญาณของนาง ในระยะที่ไม่ไกลมาก นางจะสามารถรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของมัน
เพียงแค่เริ่มต้นการสัมผัสเพื่อตรวจสอบ สีหน้าของจือโบแสดงออกด้วยความประหลาดใจ นางหมุนตัวไปยังทิศทางหนึ่ง หัวเราะอย่างโหดเหี้ยม ดวงตาประกายด้วยแสงแห่งการฆ่าออกมาอย่างรุนแรง
สัตว์อสูรหลาย 10 ตัวได้กระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว และล้อมรอบบริเวณนั้นเอาไว้
เหลิ่งซานตื่นตกใจด้วยความหวาดกลัว จากการกระทำของจือโบ นางรับรู้ในทันทีว่าเกิดเหตุการณ์ที่อันตรายขึ้น
นางเกลียดชังจือโบจนเข้ากระดูก เกลียดชังที่มอบร่างกายอันบริสุทธ์ให้แก่จิงฮ่าว และยิ่งเกลียดชัดที่นางล่วงเกินตนเองด้วยความต้อ้งการ เดิมทีนางคิดว่าในครั้งนี้จือโบต้องเสียเปรียบและได้รับความเดือดร้อน นางตั้งใจเฝ้ามองเหตุการณ์ขึ้นด้วยความโชคร้ายที่แฝงเอาไว้ความโชคดี แต่กลับไม่คิดว่าเหตุการณ์จะตาลปัตรเช่นนี้
ยอดฝีมือที่ฆ่าจิงฮ่าว ยังอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ? มันเป็นการรนหาที่ตายชัดๆ ?
ฮวาลาลา................เสียงการเคลื่อนไหวของใบไม้ได้ดังมาจากบริเวณป่าลึก ดวงตาของเหลิ่งซานมองเห็นเงาร่างหนึ่งที่กำลังวิ่งไปมาอย่างรวดเร็ว
จือโบโบกมือ สัตว์อสูรกว่าหลาย 10 ตัวได้วิ่งไปยังบริเวณที่ปรากฏเงาร่าง นางหัวเราะด้วยความหยิ่งยะโสและกล่าวตะโกน : อย่าหนีไปเลย เจ้าหนีไม่พ้น เจ้าถูกแมลงควบคุมจิตวิญญานของเข้าแทรกซึมเข้าไปในร่างกาย แม้จะจะหนีไปยังสุดขอบโลกข้าก็ค้นพบเจ้าจนเจอ ยอมจำนนต่อข้าโดยดี ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมาณ !!
บ้าเอ้ย ข้าว่าแล้วเชียวว่าแมลงพวกนี้ต้องมีอะไรแปลกซ่อนเร้นเอาไว !! มีเสียงแห่งอารมณ์ความโกรธที่ไม่พอใจดังขึ้น เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ทำให้จือโบยิ่งมีความสุข นางหัวเราะจนไม่เหลือเค้าความงามของนางเลย
เหลิ่งซานถอนหายใจ ความหวังที่ก่อกำเนิดขึ้นในหัวใจถูกทำลายในทันที
แท้จริงแล้ว ยอดฝีมือที่ฆ๋าจิงฮ่าว ถูกควบคุมโดยแมลแห่งจิตวิญญาณ !! เจ้าคนนี้เป็นคนโง่เขลาหรือคนเสียสติกันแน่น
คนที่อยู่ในป่าไม่คิดที่จะหนีไป เพียงระยะเวลาๆสั้นเขาได้ถูกล้อมโดยสัตว์อสูรกว่าหลาย 10 ตน เขาจึงค่อยหันกลับมาและเดินออกมาอย่างช้าๆ
เมื่อมองเห็นใบหน้าของผู้ที่ปรากฏตัวออกมา ร่างกายของเหลิ่งซานหดตัวลงอย่างกะทันหัน ดวงตาประกายด้วยความไม่เชื่อและความตื่นตะลึง
จิงฮ่าวรู้ว่าหยางไค่เป็นใคร แล้วทำไมเหลิ่งซานจะไม่รู้ ? แต่เพราะรู้ว่าหยางไค่เป็นใคร เหลิ่งซางยิ่งรู้สึกประหลาดใจ และความไม่เชื่อว่ามันจะเป็นความจริง นางจ้องมองหยางไค่อย่างลึกซึ้ง จิตใจของนางครุ่นคิดไปมา จนเกิดความรู้สึกที่พ่ายแพ้โดยปริยาย
ใบหน้าของหยางไค่แสดงออกด้วยความไม่ยินยอม เขาเดินออกมาโดยไม่เต็มใจ เขาหยุดลงในตำแหน่งที่ห่างจากจือโบประมาณ 30 จ้าง และกล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่ขมขื่น : แม่นาง มันคือแมลงชนิดใดกันแน่ ?
แมลงควบคุมจิตวิญญาณแห่งอาณาจักรเทียนหล่าง เมื่อแมลงแห่งจิตวิญญาณแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเจ้า เจ้าจะเป็นทาสรับใช้ของข้าในทันที จือโบกล่าวอธิบายด้วยความยินดี นางจ้องมองหยางไค่อย่างละเอียด เมือนางพบว่าหยางไค่เป็นเพียงเด็กหนุ่ม ดวงตาของนางประกายด้วยความสงสัย นางคิดไม่ถึงเลยว่าจิงฮ่าวจะถูกเด็กหนุ่มคนนี้ฆ่าตาย
อั๊ย ไม่น่าเลย ไม่น่าไปยุ่งกับซากศพของจิงฮ่าวเลย !! หยางไค่ถอนหายใจ โดยสบทด้วยความเสียใจอย่างไม่หยุด ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่มุมปาก : แม่นาง ตอนนี้ข้าเป็นคนของเจ้า เจ้าจะสั่งการให้ข้าทำสิ่ง ข้าต้องนวดให้เจ้าก่อนที่เจ้าจะขึ้นเตียงนอนใช่ไหม ?
จือโบหัวเราะอย่างมีความสุข : ได้สิ ข้ากลัว่าเจ้าจะติดในซะมากกว่า
ฝ่ายตรงข้ามไม่ห้ามปรามเขาไม่หวาดกลัวต่อภัยอันตรายที่เกิดขึ้น ทำให้หยางไค่งุนงงอย่างยิ่ง จือโบจ้องมองพฤติกรรมของหยางไค่และหัวเราะด้วยความสนุกอย่างไม่หยุด
หากข้ากล่าวข้อมูลบางอย่างให้แก่เจ้า เจ้าจะปล่อยข้าไปไหม ? เหลิ่งซานกล่าวออกมาอยางกะทันัน ในขณะที่กล่าวดวงตาที่ดงามจ้องมองไปยังหยางไค่อย่างไม่วางตา
ข้อมูลอะไร ? จือโบขมวดคิ้วไว้แน่น
เกี่ยวกับเขา เหลิ่งซานชี้ไปที่หยางไค่โดยใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์
หยางไค่หัวเราะเบาๆ จิตใจของเขาสั่นไหวในทันที เขาค่อยหมุนเวียนพลังลมปราณเพื่อเตรียมตัว แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าสตรีแห่งสำนักทะเลสาปปีศาจจักรพรรดิจะกล่าวสิ่งใด แต่เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าต้องเป็นเรื่องที่ไม่ดีต่อตัวเขา
รอบบริเวณมีสัตว์อสูรหลาย 10 ตนที่แตกต่างกัน หากพวกมันพุ่งเข้ามาพร้อมกัน ตัวเขาเองคงต้อ้งใช้เพลิงปีกอัคคีโลกันย์ในการหลบหนี
เจ้าตกลงกับข้อเสนอของข้าก่อน เหลิ่งซานกล่าวต่อรอง
ข้าไม่สามารถปลอ่ยเจ้าไปได้ จือโบส่ายศีรษะไปมา สีหน้าของเหลิ่งซานไม่เปลี่ยนแปลง นางยืนนิ่งอยู่กับที่ โดยไม่ได้คาดหวังกับข้อเสนอของตนเอง
แต่ว่า.............ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าให้ดียิ่งกว่านี้ หลังจากนี้ข้าจะไม่รังแกเจ้าอีก
จำคำของเจ้าเอาไว้ให้ดี ไม่เช่นนั้นแม้ว่าข้าจะต้องตายไปพร้อมกับเจ้าข้าก็ไม่ขอรับการเหยียดยามอย่างน่าอัปยศเช่นนั้นอีก ! เหลิงซานบรรลุเป้าหมายของตนเอง หลังจากนั้น นางได้ชี้นิ้วไปที่หยางไค่และกล่าวตะโกน : วิชายุทธุที่คนคนนี้ฝึกฝน เป็นวิชายุทธุ์ที่มีคุณสมบัติของพลังหยาง !!
ก่อนหน้านั้นเหลิ่งซานเคยปะทะกับหยางไค่ นางทราบว่าพลังลมปราณของหยางไค่เป็นพลังลมปราณเฉพาะ และพลังลมปราณเฉพาะเช่นนี้ เป็นดาวข่มของแมลงควบคุมจิตวิญญาณ !! ดังนั้นทันทีที่เหลิ่งซานมองเห็นหยางไค่ นางรู้ในทันทีว่าหยางไค่ไมได้ถูกแมลงควบคุมจิตวิญญาณควบคุมเอาไว้ แต่เขากำลังแกล้งทำว่าถูกควบคุม เพื่อวางแผนให้จือโบตกหลุมพราง
หยางไค่รู้สึกว่าความแข็งแกร่งของหยางไค่ไม่สามารถฆ่าจือโบได้ เมื่อมีสัตว์อสูรกว่าหลาย 10 ตัวล้อมเอาไว้ เมื่อใดที่หยางไค่ลงมือนั่นหมายความว่าหยางไค่ต้องตายในทันที การที่เขากล่าวบอกความจริงก่อนที่จะโดนฆ่ายังเป็นเรื่องที่ดีกว่า มันยังเป็นโอกาสที่จะทำให้ตนเองได้ผลพลอยได้ที่คุ้มค่า ดังนั้นในขณะที่ลังเล เหลิ่งซานจึงตัดสินใจกล่าวบอกแก่จือโบ
ใครจะตายนางไม่สนใจ สิ่งที่นางสนใจมีเพียงตัวนางเท่านั้น
รอยยิ้มของจือโบแข็งท่บนใบหน้าอย่างรวดเร็ว นางเอียงศีรษะไปมา ใช้สายตาที่เยือกเย็นจ้องมองหยางไค่ ดวงตายังประกายด้วยรังสีอำมหิตแห่งการฆ่าที่โหดเหี้ยม
ในชั่ววินาทีที่นางหันหน้ากลับมา หยางไค่ตัดสินใจบีบบังคับให้แมลงควบคุมจิตวิญญาณออกมานอกร่างกาย เขากำมันไว้ในมือและหัวเราะอย่างชั่วร้าย : ข้ารู้ว่าแมลงพวกนี้เชื่อผสานกับจิตวิญญาณของเจ้า หากเจ้าไม่อยากทำให้จิตวิญญาณของเจ้าถูกโจมตี โปรดเชื่อฟังคำสั่งของข้า ไม่เช่นนั้น ข้าจะแผดเผามันให้ตายในทันที
สีหน้าของจือโบเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ความงดงามของนางได้หดหายไปอย่างมาก
หยางไค่หัวเราะอย่างเยือกเย็น โดยใบหน้าแสดงออกด้วยความสงบ
สีหน้ของเหลิ่งซานไร้ซึ่งอารมณ์อย่างไม่แยแส
หลังจากนั้น มุมปากของจือโบเผยรอยยิ้มออกมา : เจ้าควรทำลายไหมในขณะที่ข้ายังไม่ได้ตั้งตัว หากเป็นเช่นนั้นข้าที่มีชีวิตจะได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะมีหนทางในการมีชีวิตรอ แต่เจ้ากลับมันเอามาขู่ข้า จะตัดสินใจผิดอย่างมหันต์
โอ้ว? โปรดอธิบายให้ละเอียด หยางไค่หยักคิ้วขึ้นลง สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง
จือโบกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น : ในเมื่อเจ้าทราบว่าจิตวิญญาณของข้าเชื่อมผสานกับแมลงควบุคมจิตวิญญาน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าสามารถเก็บมันกลับไป ?
ในขณะที่กล่าว จิตวิญญาณของจือโบสั่งการออกไป ทันใดนั้นจิตวิญญานที่อยู่ในร่างกายของแมลงควบคุมจิตวิญญานได้เรียกกลับไปห้วงจิตวิญญานของนาง
หยางไค่ไม่เพียงไม่หวาดกลัว แต่กลับหัวเราะอย่างเสียงดัง เสียงหัวเราะของเขาดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเสียงฟ้าผ่า
เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งและไร้มารยาทของหยางไค่ทำให้จือโบรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ เจ้าเด็กหนุ่มยังมีความสุขกับสถานการณ์ที่บีบเค้น หากเขาไม่มีการลงมือในทีหลัง นั่นหมายความว่าเขาได้กลายเป็นคนเสียสติ แต่ไม่ว่าอย่างไร การกระทำและพฤติกรรมของเขาก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขามีสติที่แจ่มชัด ไม่มีร่องรอยการเสียสติแม้แต่น้อย
หากเป็นผู้อื่น จือโบยังสามารถละเว้นความตายให้แก่พวกเขาได้ แต่ว่าเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้กลับฝึกฝนวิชายุทธุ์ที่มีคุณสมบัติของพลังหยาง ไม่มีทางที่จะสามารถไว้ชีวิตเขาได้ ใบหน้าของจือโบเต็มไปด้วยรังสีอำมหิตแห่งการฆ่าที่ไร้ขีดจำกัด นางยกมือที่ขาวเนียนของนางขึ้น ในขณะที่นางกำลังจะสั่งการให้สัตว์อสูรพุ่งเข้ามาโจมตี หยางไค่กลับหัวเราะอย่างเย็นชา ดวงตาที่เยือกเย็นจ้องมองไปที่หยางไค่ และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา : เจ้าฆ่าข้าได้ ?
อ๊า............ จือโบตะโกนด้วยเสียงที่โหยหวน สองมือกุมไปที่ศีรษะของนาง นางค่อยๆทรุดตัวลงไปที่พื้น ร่างกายของนางบิดไปมาด้วยความเจ็บปวดอย่างไม่หยุด
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทำให้เหลิ่งซานตื่นตะลึง สีหน้าที่ประหลาดใจจ้องมองไปยังจือโบอย่างไม่หยุด นางค่อยๆเงยหน้าและจ้องมองไปที่หยางไค่ที่ยังมีสีหน้าที่เหมือนเดิม ทันใดนั้นจิตใจของนางไดก่อเกิดความรู้สึกที่ไม่เป็นความจริง
เกิดอะไรขึ้น ? ในร่างกายของพวกเขาทั้ง 2 เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหลิ่งซานมองไม่เห็นร่องรอยการต่อสู้ของพวกเขา เพียงแต่หัวเราะด้วยความดีใจ ในความโชคร้ายอย่างฉับพลันของจือโบ
โฮ่ง....... การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของจือโบทำให้สัตว์อสูรกว่าหลาย 10 จนมีการตอบสนอง พวกมันแต่ละตนต่างแสะเขี้ยวคำรามให้ก่าหยางไค่อย่างไม่หยุดนอกจากนั้นพวกมันยังค่อยๆเดินเข้าไปหาเขา
สั่งการให้สัตว์อสูรเหล่านี้ถอยออกไปให้หมด ไม่เช่นนั้นข้าจะทำลายจิตวิญญาณของเจ้าในตอนนี้ จนทำให้เจ้ากลายเป็นเสียสติที่ไร้ซึ่งประโยชน์ ! หยางไค่กล่าวกดดันด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
จือโบอดทนต่อความเจ็บปวดที่อยู่ในหัวสมอง จิตใจของนางไม่กล้าที่จะลังเล นางรีบกสั่งการให้แก่สัตว์สอูรทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
สัตว์อสูรกว่าหลาย 10 ตัวจ้องมองจือโบ พวกมันต่างเก็บความรู้สึกในการกระหายการต่อสู้ จึงแยกย้ายออกไปทั่วบริเวณ พวกมันวิ่งออกไปไกลกล่า 100 จ้างจึงหยุดลงในที่สุด โดยไร้ล้อมรอบ
เจ้ารู้จักกาลเทศะ !! หยางไค่หัวเราะอย่างเยือกเย็น หยางไค่ยื่นมือกุมเส้นผมของนางเอาไว้ จากนั้นจึงดึงนางให้ลุกขึ้น
การกระทำที่โหดเหี้ยมและทารุณ ทำใหจิตใจของเหลิ่งซานเต็นกระตุกไปมา ต้องก้าวถอยหลังอย่างช่วยไม่ได้
ทางทีดีเจ้าอย่าคิดเคลื่อนไหวหรือทำอะไร เดี่ยวข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้า !! หยางไค่จ้องมองเหลิ่งซานด้วยสายตาที่เยือกเย็น ในตอนนี้เหลิ่งซานยืนนิ่งอยู่กับที่ และจ้องมองหยางไค่ด้วยคววามหวาดกลัวและควาตื่นตะลึงอย่างสุดขีด
ครึ่งปีก่อน ในขณะที่พวกเขาทั้ง 3 ล้อมและโจมตีศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์คนนี้ เขามีความแข็งแกร่งเพียงเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 3 ภายใต้การล้อมโจมตีของพวกเขาทั้ง 3 เขาสามารถหนีรอดออกไปได้อย่างหวดหวิด
ในตอนนี้เมื่อพบเจอกับอีกครั้ง เขาไม่ต้องออกแรงใดๆ แต่กลับสามารถควบคุมคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่างเอาไว้
เหลิ่งซานทราบดีถึงความแข็งแกร่งและความเด็ดขาดของจือโบ เมื่อมีแมลงควบคุมจิตวิญญาณ นางสามารถควบคุมสัตว์อสูรที่มากมายรวมไปถึงผู้ฝึกยุทธุ์ ความแข็งแกร่งของนางไม่ธรรมดา คนที่มีความสามารถเช่นนี้ ทำไมถึงพ่ายแพ้ให้แก่หยางไค่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ?
เมื่อสักครู่เหลิ่งซานต้องการแย่งชิงผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย จึงไดกล่าวความลับของหยางไค่ออกมา แต่เมื่อครุ่นคิดอีกครั้ง ทำให้เหลิ่งซานหวาดกลัวอย่างยิ่ง
สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
จือโบร้องโหยหวนอย่างไม่หยุด เหงื่ออันหอมหวานของนางไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเหงื่อของนางชโลมเสื้อผ้าของนางจนเปียกชุ่ม มันจึงได้เผยให้เห็นรูปร่างอันน่าเย้ายวนของนางต่อหน้าหยางไค่
นางเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมและความไม่พอใจ นางจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่เกลียดชัง ราวกับว่านางได้ประทับความเกลียดแค้นเข้าสู่ใบหน้าของหยางไค่เอาไว้แล้ว
ดูเหมือนว่า ..........จนถึงตอนนี้เจ้ายังไม่รู้ว่าใครเป็นนายของใคร !! หยางไค่ปล่อยมือและโยนนางไปที่พื้นดิน
จือโบร้องโหยหวนขึ้นมาอีกครั้ง ในครั้งนี้เสียงร้องของนางโหยหวนยิ่งกว่าครั้งก่อน ในขณะที่นางร้อยโหยหวน นางยังกลิ้งไปมาบนพื้นดิน ราวกับว่านางกำลังถูกทรมาณจากการลงทัณฑ์ที่โหดเหี้ยม เสียงร้องโหยหวนของนางดังไปยังหูของเหลิ่งซาน ทำให้ร่างกายของเหลิ่งซานสั่นเทาด้วยความกลัวโดยมิอาจควบคุมได้
ไม่..........ไม่เอา.............อย่า.........ทรมาณข้าอีกเลย......... จือโบดิ้นรนคลานลุกขึ้นมา นางคลานมาถึงข้างเท้าของหยางไค่ ยื่นมือกอดขาข้างหนึ่งของหยางไค่ โดยไม่ยอมปล่อย เส้นผมที่ยาวสลวยเปียกชุ่มด้วยเหงื่อของตนเอง นางเงยหน้ามองหยางไค่และกล่าวขอร้องอ้อนวานอย่างน่าเวทนา : ข้าจะเชื่อฟัง......ข้าจะเชื่อฟังเจ้าทั้งหมด อย่าทรมาณข้าอีกเลย ............