ตอนที่ 236 ความวิเศษของเคล็ดวิชาแห่งจิตวิญญานอสูร
ตอนที่ 236 ความวิเศษของเคล็ดวิชาแห่งจิตวิญญานอสูร
เมื่อสิ้นเสียงของจิงฮ่าว ในป่าลึกที่มืดมนได้มีเงาร่างที่อึมครึมกระพริบผ่านไป
ฝ่ายตรงข้ามเปิดเผยตัวตนอย่างไม่หวาดกลัว ทำให้ร่างกายของจิงฮ่าวหดตัวลง สีหน้าเคร่งขรึมด้วยสัญชาตญานแห่งการเตือนภัยอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น เขาคิดว่ามันเป็นดั่งที่เขาคาดเดา ในตอนนี้เขาต้องพบเจอกับยอดฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน
แต่เมื่อจิงฮ่าวมองเห็นใบหน้าของฝ่ายตรงข้าที่ปรากฏขึ้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ราวกับว่าเขาพบเจอกับสิ่งที่น่าหวาดกลัวจนมิอาจที่จะเชื่อในสายตาของตนเอง
หยางไค่หัวแสะยิ้มด้วยความเยือกเย็น มันช่วยไม่ได้ที่ต้องพบเจอกับเรื่องที่บังเอิญเช่นนี้
ฝ่ายตรงข้ามยืนยันตำแหน่งการหลบซ่อนของตนเองในชั่วพริบตา หากหลบซ่อนต่อไปจะมีความหมายอะไร ? เขาแสดงตัวอย่างกระจ่างดีกว่าการถูกเขาบีบบังคับให้ปรากฏตัวออกมา
หยางไค่กวาดสายตามองและขมวดคิ้วไว้แน่น เพราะเขาเข้าใจสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชั่วเสี้ยววินาที
เป็นเจ้า !! จิงฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก : ทำไมเจ้า.........ทำไมเจ้าถึง...........
ยังมีชีวิต ? หยางไค่หัวเราะอย่างแผ่วเบา
ใช่ ทำไมเจ้ายังมีชีวิตรอดจนถึงตอนนี้ ? จิงฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม
ครึ่งปีก่อน ศิษย์สาวกทั้ง 3 แห่งสำนักทะเลสาบปีศาจจักรพรรดิไล่ฆ่าหยางไค่ ยู่เฉิงคุนเคลื่อนไหวได้เร็วที่สุด เขาไล่ตามหยางไค่ไปก่อน จิงฮ่าวและเหลิ่งซานตามไปทีหลัง แต่เมื่อพวกเขาทั้ง 2 ตามไปจนถึงหน้าที่สูงชันแห่งหนึ่ง กลับสัมผัสได้ถึงความตายของของยู่เฉิงคุน
ตอนนั้นจิงฮ่าวคิดว่าหยางไค่ลากยู่เฉิงคุนลงไปยังเบื้องล่างหุบเขาจนพวกเขาทั้ง 2 ตายไปพร้อมๆกัน แต่ไม่คิดว่าครึ่งปีผ่านไปพวกเขาจะเจอกันอีกครั้ง ในครั้งนี้ไม่เพียงศิษย์สาวกแห่งสำนักหลิงเซี่ยวจะมีชีวิตที่ราบรื่น แต่เขายังแข็งแกร่งยิ่งกว่าครึ่งปีก่อนอย่างมาก
ทำไมข้าจะมีชีวิตไม่ได้? หยางไค่หัวเราะเยาะ
หรือว่าเจ้าไม่ได้ตกลงไปยังเบื้องล่างของหน้าผา ? จิงฮ่าวครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้เพียง 1 ประการ
ข้าตกลงไป แต่ข้าปีนขึ้นมาอีกครั้ง ใช่แล้ว ศิษย์น้องของเจ้าไม่ได้โชคดีเหมือนข้า หลังจากที่เขาตกลงไปยังพื้นดินเบื้องล่าง ร่างกายของเขาแตกกระจายเละเป็นชิ้นเนื้อน้อยใหญ่ ตายในทันที มันน่าอนาถอย่างยิ่ง ! หยางไค่กล่าวและหยักคิ้วไปมา
หยางไค่กล่าวคำพูดเหล่านี้เพราะต้องการกระตุ้นอารมณ์ของจิงฮ่าวเพื่อทำให้เขาเกรี้ยวโกรธ แต่หยางไค่ไม่คิดว่า จิงฮ่าวไม่รู้สึกเสียใจหรือเคืองโกรธ แต่เขากลับหัวเราะอย่างเยือกเย็น
หากเป็นครึ่งปีก่อน จิงฮ่าวต้องเกรี้ยวโกรธอย่างรุนแรง แต่ในตอนนี้ ชีวิตของเขาอยู่ในเงื้อมมือของผู้อื่น เขาเฝ้าภาวนาให้ตนเองมีชีวิตรอดต่อไปมา แล้วเขาจะมีอารมณ์เป็นห่วงชีวิตผู้อื่นได้อย่างไร ?
เมื่อสัมผัสถึงความเย็นชาอย่างไม่แยแส หยางไค่ขมวดคิ้วไว้แน่น เขาจ้องมองสัตว์อสูรขั้นที่ 5 ที่มีความแข็งแกร่งที่ไม่อ่อนแอ และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่รังเกียจ : ที่แท้เจ้าได้ละทิ้งศิษย์น้องของเจ้า เข้าร่วมกับกลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่าง
สัตว์อสูรทั้ง 3 ตน ล้วนเป็นไม่ได้เป็นสัตว์อสูรในประเภทเดียวกัน เมื่อสามารถอยู่กับพวกมันโดยไร้ซึ่งอันตราย และยังมีเจตนาต่อสู้กับตนเอง แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีคนกำลังควบคุมมัน
จิงฮ่าวไม่มีความสามารถนี้ มีเพียงกลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนจึงสามารถควบคุมสัตว์อสูรเหล่านี้
เจ้าจะไปรู้อะไร ? จิงฮ่าวกล่าวด้วยความอับอายจนกลายเป็นความโกรธ เขากล่าวตะโกนต่อหยางไค่ : เจ้าไม่รู้อะไรเลย ไม่ต้องมากล่าวเรื่องที่ไร้สาระ ไม่ต้องมาตัดสินความผิดถูกของข้า !! หากเจ้าว่างมาก ก็จงดูแลตัวเองให้ดีสักเถอะ !!
จิงฮ่าวโบกมือและกล่าว : ฆ่ามันซะ !!
สีหน้าหยางไค่แปรเปลี่ยนความเคร่งขรึม เขาจ้งอมองสัตว์อสูรทั้ง 3 ตนด้วยความระมัดระวัง
แต่ใครจะรู้ว่าสัตว์อสูรทั้ง 3 ตนแสะเขี้ยว ตะโกนคำราม โดยไม่ฟังคำสั่งของจิงฮ่าวแม้แต่น้อย
บ้าเอ้ย ไอ่เศษสวะ ! จิงฮ่าวตะโกนด่าด้วยความเกรี้ยวโกรธ จือโบสั่งให้สัตว์อสูรทั้ง 3 ติดตามและเฝ้าสังเกตุตนเอง แต่มันไม่ฟังคำสั่งของตนเอง แล้วจะใช้การมันได้อย่างไร ?
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า............ เมื่อมองเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ หยางไค่หัวเราะเสียงดังอย่างไม่หยุด
สีหน้าของจิงฮ่าวแดงก่ำและเขี้ยวคล้ำ ราวกับว่าหน้าของเขาถูกแต่งแต้มด้วยสีสัน เสียงหัวเราะที่เย้ยหยันของหยางไค่ และ เขาต้องพบเจอกับเหตุการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้ จึงทำให้จิงฮ่าวเกรี้ยวโกรธอย่างสุดขีด เขากุมหมัดไว้แน่นและกล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่โหดเหี้ยม : หัวเราะสิ หัวเราะให้สุดๆ หลังจากนี้เจ้าไม่มีโอกาสที่จะได้หัวเราะอีก
ในขณะที่กล่าว กรงเล็บแห่งปีศาจทั้ง 2ของจิงฮ่าวได้สยายออกมา เขาพุ่งเข้าหาหยางไค่ด้วยความเร็วที่ประดุจสายลม ก่อให้เกิดความรู้สึกที่เย็นเฉียบ และน่าหวาดกลัว
ทุกบริเวณที่กรงเล็บปีศาจตัดผ่าน ก่อให้เกิดแสงประกาย กลิ่นอายแห่งความเยือกเย็นที่ยากจะทนรับได้หมุนเวียนอยู่รอบบริเวณของหยางไค่ มันค่อยๆเข้าใกล้หยางไค่อย่างรวดเร็ว
สีหน้าของหยางไค่แสดงออกอย่างจริงจัง เขาหมุนเวียนพลังลมปราณ โดยต่อต้านการพลังที่พุ่งแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายและหลีกเลี่ยงการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม
ช่องว่างระหว่างเขตแดนมีความแตกต่างอย่างมาก ความแข็งแกร่งของจิงฮ่าวอยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นที่ 5 เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าจี่เจี่ยนซิงถึง 2 ระดับขั้น แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ความแข็งแรก่งในการต่อสู้ของทั้งสองแตกต่างเพียงเล็กน้อย
เพราะชาติกำเนิดที่ต่างกัน จี่เจี่ยนซิงกำเนิดในสำนักกระบี่เก้าดวงราที่เป็นสำนักที่ยิ่งใหญ่และเป็นสำนักชั้น 1ที่แข็งแกร่ง แต่จิงฮ่าวถือกำเนิดในสำนักทะเลสาบปีศาจจักรพรรดิ สำนักชั้น 2 ที่มีความแข็งแกร่งในระดับกลาง
แม้ว่าจะดูเหมือนหยางไค่จะเสียงเปรียบต่อการต่อสู้ในครั้งนี้ แต่ในบางครั้งมันจะให้ความรู้สึกที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตแก่หยางไค่
ระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา การบ่มเพาะพลังของหยางไค่มีความก้าวหน้าไม่น้อย
แต่สิ่งเดียวที่ทำให้หยางไค่กังวลใจ นั่นก็คือสัตว์อสูรขั้นที่ 5 จำนวน 3 ตน !!!
สัตว์อสูรทั้ง 3 มีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา หากพวกมันพุ่งมาในคราเดียว หนทางเดียวของเขาคือการวิ่งหนี
แต่หลังจากที่ต่อสู้ไปได้ระยะหนึ่ง หยางไค่พบข้อเท็จจริงที่น่าประหลาดใจว่าสัตว์อสูรเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่ท่าทีว่าจะพุ่งเข้ามา ทำให้ความหวาดกลัวของหยางไค่บรรเทาลง พลังความแข็งแกร่งของเขาค่อยๆพุ่งทะยานสูงขึ้น จนอยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นสูงสุด
จิงฮ่าวลงมืออย่างโหดเหี้ยม เขาปลดปล่อยกระบวนท่าออกมาอย่างรุนแรง ความเกรี้ยวโกรธที่อัดอั้นมากกว่า 1 เดือนได้ถูกปลดปล่อยออกมาในที่สุด เขาลืมภารกิจที่จือโบมอบให้เขาคือการจับกุมหยางไค่กลับไป โดยลงมือด้วยความต้องการฆ่าหยางไค่อย่างไม่หยุด
จิงฮ่าวเป็นผู้ได้เปรียบ ระยะเวลาสั้นๆ จิงฮ่าวได้ทิ้งรอยแผลกว่า 10 แห่งบนร่างกายของหยางไค่ แม้ว่าบาดแผลเหล่านั้นไม่ทำให้กระดูกหรือเส้นเอ็นของเขาได้รับบาดเจ็บ แต่โลหิตสีแดงสดไหลออกมาจากบาดแผลอย่างไม่หยุด
ฮ่าฮ่า.........เจ้าเด็กน้อย วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า !! ในการต่อสู้ที่ดุเดือด จิงฮ่าวยังมีเวลาอวดตน และยังหัวเราะด้วยความเยือกเย็นอย่างไม่หยุด
หยางไค่กัดฟันแน่น เขาพุ่งหมัดออกไป ในขณะที่จิงฮ่าวป้องกันการโจมตีเขาได้ถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว
หยางไค่ชูฝ่ามือทั้งสองอย่างกะทันหัน และพุ่งมันออกไปจากกลางหน้าอกของเขาอย่างรุนแรง
จิตวิญญาณที่ทำให้จิตใจของมนุษย์สั่นไหวพุ่งออกมา เมื่อสัมผัสได้ว่าการโจมตีด้วยกระบวนท่านี้ซ่อนเร้นพลังแห่งการฆ่าที่รุนแรง จิงฮ่าวระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น
เสียงคำรามของเทพวัวดังขึ้น หยางไค่ได้เปิดใช้เคล็ดวิชาแห่งจิตวิญญาณอสูร
จากสองฝ่ามือที่พุ่งดันออกไป เงาร่างสีแดงแห่งเปลวเพลิงราวกับว่ามันมีชิวตได้พุ่งทะยานออกมา
สีหน้าของจิงฮ่าวแปรเปลี่ยนอย่างมาก เขารีบถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเผชิญหน้ากับการพุ่งโจมตีของสัตว์อสูรทั้ง 2 จิงฮ่าวมิกล้าที่จะซ่อนเร้นพลังความแข็งแกร่งของเขา พลังลมปราณในร่างกายหมุนเวียนจนถึงขีดสุด และพุ่งโจมตีออกไปอย่างรุนแรง
หยางไค่สบทด่าเขาอยู่ในใจ ก่อนจะผสานรวมเป็นหนึ่งกับจิตวิญญาณแห่งสัตว์อสูรทั้งสองและพุ่งโจมตีออกไปพร้อมกัน
แม้ว่าเคล็ดวิชาแห่งจิตวิญญาณอสูรจะประสบความสำเร็จในการปลดปล่อยมันออกมา แต่มันไม่ใช่สิ่งที่หยางไค่ต้องการ 1 เดือนที่ผ่านมาหยางไค่ได้ขัดเกลาเคล็ดวิชาแห่งจิตวิญญาณอสูรจนมันสามารถใช้ได้อีกวิธีหนึ่ง เดิมทีเขาคาดหวังว่าเขาสามารถประสบความสำเร็จในการโจมตีจิงฮ่าวเพียงครั้งเดียว แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่เขาหวัง เขาจึงต้องปล่อยมันไป
สมแล้วที่จิงฮ่าวเป็นยอดฝีมือแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นที่ 5 หยางไค่รวมมือกับจิตวิญญานแห่งสัตว์อสูรทั้ง 2 โจมตีจิงฮ่าว แต่กลับถูกจิงฮ่าวตอบโต้กลับมา โดยพวกเขาต่างต่อสู้ไปมาด้วยความสูสี
ผ่านไปได้ไม่นาน พลังของสัตว์อสูรทั้งสองได้หมดลง ร่างเงาของมันได้อันตธานหายไปในทันที
เมื่อเห็นโอกาสที่หอมหวาน จิงฮ่าวพุ่งออกไป และหัวเราะด้วยความโหดเหี้ยม : เจ้าเด็กน้อย เจ้าตายแน่ !!
สีหน้าของหยางไค่เคร่งขรึมอึมครึมอย่างสุดขีด เขาได้ชูฝ่ามือทั้งสองขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นการกระทำที่คุ้นเคย จิงฮ่าวตื่นตกใจ เขาไม่ต้องการที่จะเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่ไร้ซึ่งโลหิตและไร้ซึ่งเนื้อหนัง ความสามารถทั้งหมดของเขาได้ถูกดึงออกมาใช้งานในทันที
เสียงร้องโหยหวนแห่งดวงวิญญาณที่น่าขนลุกดังขึ้น เงาสีดำทะมึนได้พุ่งออกมาจากฝ่ามือของจิงฮ่าว ใบหน้าที่บิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความดุดันได้ปรากฏขึ้น มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายและกลิ่นอายแห่งความเศร้าโศกที่พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เปรียบเสมือนภูตผีที่เต็มไปด้วยความเกลียดแค้นที่กำลังพุ่งเข้าสู่ร่างกายของหยางไค่ในทันที
ฉากเหตุการณ์นี้ หยางไค่เคยพบเจอ
ตอนนั้นในขณะที่หยางไค่และยู่เฉิงคุนอยู่บนหน้าผา ยู่เฉิงคุนก็เคยใช้เคล็ดวิชานี้ในการโจมตีเขา
เมื่อพบเจอใบหน้าที่น่าหวาดกลัวนี้ หยางไค่แสดงสีหน้าที่ตื่นเต้นและดีใจ!!เขารอเวลาที่จิงฮ่าวจะใช้เคล็ดวิชานี้ แต่ไม่คาดคิดว่าความต้องการของเขาจะสำเร็จได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้
มุมปากของหยางไค่เผยให้เห็นรอยยิ้มที่แผ่วเบา หยางไค่ไม่เคลื่อนไหว ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ราวกับว่าเขามองไม่เห็นใบหน้าที่น่าหวาดกลัวนี้
หยางไค่ดันฝ่ามือออกจากทรวงอกอีกครั้งพลังอันน่ามหัศจรรย์ที่พุ่งออกมาจากฝ่ามือได้หลอมรวมกลายเป็นหนึ่ง
ไร้ซึ่งพยัคฆ์ขาว ไร้ซึ่งเทพวัว ไร้ซึ่งเสียงคำรามแห่งสัตว์อสูร มีเพียงแสงสว่างที่เปล่งประกายออกมาจากฝ่ามือของเขาอย่างน่าอัศจรรย์
จิงฮ่าวเอียงตัว โดยสามารถหลบหนีจากการโจมตีได้อย่างหวุดหวิด
แสงประกายนี้ ได้พุ่งผสานเข้าไปยังสัตว์อสูรขั้นที่ 5 ตนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังจิงฮ่าว !! โดยไร้ซึ่งคลื่นแสงที่เปล่งประกายออกมา
สำเร็จแล้ว !! หยางไค่ดีใจอย่างสุดขีด
จิงฮ่าวเกรี้ยวโกรธอย่างสุดขีด เขาตะโกนด้วยเสียงที่ดุร้าย : เจ้าเด็กน้อย เจ้ากำลังทำอะไร เจ้าจะทำให้ข้าหวาดกลัวต่อการกระทำของเจ้า ?
เมื่อสักครู่เขาต้องการที่จะกลืนกินจิตวิญญาณของสัตว์อสูรทั้ง 2 โดยโจมตีออกไปอย่างรวดเร็วเฉกเช่นอสูรพิษ แต่เมื่อมองเห็นหยางไค่แสดงท่าทางเช่นนั้นออกมา เขาต้องเปิดใช้เคล็ดวิชาแห่งการโจมตีขั้นสูงสุดของเขา แต่ไม่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะแกล้งหลอกตนเอง พลังที่เขาพุ่งออกมาไร้ซึ่งจิตวิญญานแห่งสัตว์อสูร แล้วทำไมเขาไม่เกรี้ยวโกรธ ?
สิ้นเสียงคำกล่าว จิตใจของจิงฮ่าวสั่นไหวอย่างรุนแรง ภายในกะโหลกศีรษะของเขารู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง สีหน้าขาวซีดขึ้นมาในทันที พลังลมปราณทั้งหมดไหลเวียนไปมาด้วยความวุ่นวาย เขาก้าวถอยหลังด้วยสีนหน้าที่ตื่นตกใจ เขาจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่ตื่นตะลึงอย่างสุดขีด : เจ้า.........เจ้าถูกโจมตีด้วยตราประทับแห่งปีศาจจักรพรรดิ์ ทำไมเจ้าไม่เป็นอะไรเลย ?
ชั่ววินาทีที่ผ่านมา จิงฮ่าวรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตราประทับปีศาจจักรพรรดิของเขาได้มลายหายไป
เป็นดั่งที่ยู่เฉิงคุนถูกโต้กลับจากหยางไค่ ในตอนนี้จิงฮ่าวได้รับบาดเจ็บอย่างไม่น้อย
ฮ่าฮ่าถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว !! หยางไค่สูดลมหายใจเข้าและหัวเราะด้วยความดุดันอย่างไม่หยุด
ทำไมเจ้าถึงสามารถทำลายตราประทับปีศาจจักรพรรดิ !! สีหน้าของจิงฮ่าวเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงที่ประหลาดใจอย่างสุดขีด โดยไม่รู้มารปฐพีที่อยู่ภายในร่างกายของหยางไค่ได้รับอาหารอันโอชนะอีกครั้ง มารปฐพีรู้สึกดีใจและมีความสุขอย่างถึงที่สุด
ตราประทับปีศาจจักรพรรดิ หากกล่าวอย่างชัดเจน มันก็คือดวงวิญญาณที่เคียดแค้นและอาฆาต การที่ดวงวิญญานเหล่านี้ถูกศิษย์สาวกแห่งสำนักทะเลสาปปีศาจจักรรพรรดิ์ฟูมฟักด้วยพลังลมปราณแท้จริงและโลหิตของพวกเขา เพื่อเลี้ยงดูดวงวิญญาณที่อยู่ภายในร่างกาย ถือเป็นอาหารที่หอมหวานที่สุดของมารปฐพี
ลงไปนรกแล้วถามศิษย์น้องของเจ้า เขาก็ตายด้วยวิธีการเช่นนี้ !! ในขณะที่กล่าว หยางไค่ได้กางฝ่ามือ หยดน้ำพลังลมปราณหยาง 1 หยดได้กลั่นตัวเป็นรูปร่างของกระบี่สีแดงแห่งโลหิต
มือทั้งสองของฝ่าวตรงข้ามคมกริบยิ่งกว่าสิ่งใด กรงเล็บปีศาจทั้งสองของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า ความแข้งแกร่งของมันอยู่ในขั้นสมบัติวิแศษขั้นปฐพีระดับสูง เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูประเภทนี้ อาวุธที่สร้างขึ้นมาจากหยดน้ำพลังลมปราณหยางเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
แม้ว่จิงฮ่าวจะยังมีเรี่ยวแรงในการต่อสู้ แต่การที่ตราประทับปีศาจจักรพรรดิหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับหยางไค่ค่อยๆถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อเขาถอยหลังไปได้เพียง 3 ก้าว กลิ่นอายแห่งการฆ่าได้พุ่งเข้ามาอย่างรุนแรง สีหน้าของจิงฮ่าวเปลี่ยนแปลงไป ยังมิทันที่จิงฮ่าวจะหมุนตัวกลับ กลิ่นคาวแห่งโลหิตได้ปะทะเข้าสู่จมูกของเขา ทันใดนั้นความเจ็บปวดได้แผ่ซ่านออกมาจากลำคอของเขาเอง
จิงฮ่าวทรุดลงไปที่พื้นดิน เขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงในการต่อต้าน หางตาของเขามองเห็นสัตว์อสูรตนหนึ่งที่กำลังพุ่งเข้ามากัดเขา ทันใดนั้นเขาสบทด่าด้วยความโกรธ : จือโบ นางอสรพิษ !!
เขายังคิดว่าจือโบกำลังลงมือฆ่าตนเอง
ก่อนที่จะตาย จิงฮ่าวระเบิดพลังความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขา ในที่สุดก็สามารถสะบัดสัตว์อสูรขั้นที่ 5 ที่กำลังกัดขย้ำตนเอง เขาลุกขึ้นมาด้วยความอ่อนล้า เขารู้สึกว่าลำคอของเขามีบาดแผลขนาดใหญ่ และยังมีโลหิตที่ไหลออกมาอย่างไม่หยุด
ในขณะที่เพิ่งลุกขึ้นไดสำเร็จ หยางไค่ที่กุมกระชับกระบี่ได้พุ่งโจมตีมาถึงตัวเขาเอง
กระบี่สีแดงโลหิตได้พุ่งมาจากด้านบน จิงฮ่าวยกมือทั้งสองป้องกัน กรงเล็กปีศาจทั้งสองของเขาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แม้มันจะถูกโจมตีจากกระบี่สีโลหิตที่สร้างมาจากหยดน้ำพลังลมปรารหยาง มันก็เกิดเป็นรอยแตกเล็กๆ โดยที่ยังไม่ถูกตัดขาดจากแขนของเขา
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย สัตว์อสูรขั้นที่ 5 ได้พุ่งเข้ามาอีกครั้ง และโจมตีไปยังช่องท้องของเขาพร้อมกับหยางไค่ที่ฟันไปยังกรงเล็กปีศาจของจิงฮ่าว ในตอนนี้จิตวิญญาณของจิงฮ่าวได้รับบาดเจ็บ ร่างกายถูกโจมตีอย่างรุนแรง ความแข็ง 10 ส่วนลดลงไปกว่า 3 ส่วน เขาจะยังเป็นคู่ต่อสู้ของหยางไค่ได้อย่างไร ?