ตอนที่ 234 หยดวารีเปลวเพลิง
ตอนที่ 234 หยดวารีเปลวเพลิง
หลังจากที่จี่เจี่ยนซิงตาย หลังจากที่ผ่านไปไม่นาน ลูกแก้วชีพจรโลหิตได้ปรากฏออกมา ขนาดของมันไม่แตกจากลูกแก้วชีพจรโลหิตของคนแห่งสำนักทะเลสาปปีศาจจักรพรรดิ์
ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นศิษย์รุนเยาว์แห่งเขตแดนลมปราณแท้จริง ความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสองไม่แตกต่างกันมาก
หยางไค่ถอนหายใจและเก็บลูกแก้วชีพจรโลหิต จากนั้นจึงค้นหาสิ่งมีค่าสมบัติวิเศษที่อยู่ในเสื้อผ้าของจี่เจี่ยนซิง หลังจากที่ผ่านไปไม่นานเขาค้นพบลูกแก้วชีพจรโลหิตขนาดเล็ก ลูกแก้วชีพจรโลหิตดวงนี้คงเป็นของรางวัลแห่งชัยชนะที่เขาได้รับจากการต่อสู้ เขาเก็บซ่อนมันเอาไว้โดยยังไม่ได้ใช้งาน
นอกจากนั้น ยังมีเงินตาและขวดยาสีเขียวมรกต
ทั้งหมดคือสิ่งที่หยางไค่ได้รับจากการต่อสู้ในครั้งนี้
หยางไค่เก็บสิ่งของทั้งหมดลงในถุงผ้าสวรรค์ล้อมปฐพี ก่อนจะออกจากบริเวณที่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว
ครึ่งวันผ่านไป ในเทือกเขาแห่งหนึ่ง หยางไค่นั่งขัดสมาธิลง และกลืนกินยารักษาอการบาดเจ็บเข้าไปหลายเม็ด นอกจากนั้นเขายังได้เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ชโลมด้วยโลหิต และทำลายกลิ่นคาวแห่งโลหิตเหล่านั้น
หยางไค่หลบซ่อนตัวในถ้ำแห่งหุบเขาแห่งหนึ่ง ถ้ำที่เขาหลบซ่อนตัวเป็นถ้ำที่เขาขุดสร้างมันด้วยตนเอง เมื่อรับรู้ว่ากลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่างสามารถควบคุมสัตว์อสูรให้เข้าร่วมกันต่อสู้ หยางไค่ทราบในทันทีว่าการเดินทางการเคลื่อนไหวของตนเองต้องระมัดระวังยิ่งกว่าเดิม เขาจึงได้ขุดสร้างถ้ำแห่งนี้ ซ่อนตัวเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ก่อนจะปิดผนึกปากถ้ำ การทำเช่นนี้จะสามารถหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย ความเดือดร้อนที่จะต้อบพบเจอทั้งหมด
การต่อสู้กับจี่เจี่ยนซิง อาการบาดเจ็บไม่ถือว่าเบาไม่ถือว่าสาหัส ในเวลานี้ความสามารถในการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บทางด้านร่างกายแข็งแกร่งมากกว่าที่ผ่าน เขาใช้เวลาไม่กี่วัน ก็สามารถฟื้นฟูตนเองจนหายดี นอกจากนั้นเขายังได้รับความช่วยเหลือจากยารักษาอาการบาดเจ็บที่หลิงไท่ซู่เตรียมให้แก่เขา
ระยะเวลาสั้นๆ เพียง 3 วัน หลุมลึกจากการถูกแทงจากกระบี่ทั้ง 3 แห่งได้ผสานจนเกือบจะหายดี 3 วันที่ผ่านมา หยางไค่หวนคิดถึงการต่อสู้กับจี่เจี่ยนซิง ภายใต้ความหยิ่งยะโสและความอวดดีทำให้เขาพ่ายแพ้ แต่ในความระมัดระวังของตนเองกลับทำให้ตนเองค้นพบความไม่เคยพอของเขา ทำให้ตนเองสามารถเอาชนะจี่เจี่ยนซิงได้ในที่สุด
เป็นการต่อสู้ที่คุ้มค่า !!
หยางไค่ลืมตา ร่างกายเต็มไปด้วยความสุข การต่อสู้ที่ปลดปล่อยพลังความแข็งแกร่งทั้งหมด ทำให้จิตใจของเขารู้สึกมีความสุขอย่างแท้จริง
หยางไค่เติมเต็มหยดน้ำพลังลมปราณที่ถูกใช้ไป โชคดีที่ถุงผ้าสวรรค์ล้อมปฐพีที่หลิงไท่ซู่เตรียมเอาไว้มีโอสถที่มีคุณสมบัติของพลังหยาง หยางไค่จึงไม่ต้องกังวลถึงเรื่องนี้
หยางไค่กลืนกินโอสถที่มีคุณสมบัติของพลังหยางหมดไป 1 ขวด ในจุดตันเถียนของเขาจึงมีมีหยดน้ำพลังลมปราณหยางเพิ่มขึ้นอีก 10 หยด
เมื่อพลังลมปราณบริสุทธุ์ ในเวลานี้การกลั่นหยดน้ำพลังลมปราณหยางไค่ 1 หยดจึงต้องใช้พลังที่มากขึ้นกว่าแต่ก่อนไม่น้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขา
เมื่อคิดไตร่ตรองไปมา หยางไค่ได้กลืนกินโอสถที่มีคุณสมบัติของพลังหยางทั้งหมด ทำให้หยดน้ำพลังลมปราณหยางในจุดตันเถียนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อค้นหาสิ่งที่อยู่ในถุงผ้าสวรรค์ล้อมปฐพี หยางไค่ได้หยิบขวดยาสีเขียวมรกตออกมา
ขวดยานี้หยางไค่ได้รับจากร่างกายของจี่เจี่ยนซิง โดยที่เขาไม่รู้ว่าด้านยาหรือโอสถชนิดใด
หยางไค่เปิดขวดยา ทันใดนั้นความรู้สึกแห่งความร้อนระอุได้พุ่งออกมา ความรู้สึกหยางไค่ค้นชินกับมัน ทำให้หยางไค่ค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาสัมผัสได้ว่าสิ่งที่อยู่ในขวดยาเต็มไปด้วยพลังที่บริสุทธ์หนาแน่นและเข้มข้น แม้ว่ามันจะคล้ายคลึงกับพลังลมปราณหยาง แต่มันกลับมีบางสิ่งที่แตกต่างกัน
หยางไค่ก้มหน้าลงมอง และพบว่าในขวดยามีหยดวารีใสบริสุทธ์ดั่งกระจกโดยปรากฏเป็นสีแดงแห่งเปลวเพลิง
มันมีไม่มาก มีเพียง 4-5 หยดเท่านั้น
ในร่างกายของจี่เจียนซิงมีเพียงขวดยาที่บรรจุหยดวารีเช่นนี้ จากการจ้องมองอย่างละเอียด มันต้องเป็นสิ่งล่ำค่าอย่างแน่นอน
แต่หยดวารีนี้คืออะไรกันแน่ ? หยางไค่ตรวจสอบอย่างละเอียด เขาสูดดมไปมา คาดเดาไปต่างๆนานา ประหลาดใจอย่างถึงที่สุด
มารปฐพี !! หยางไค่กล่าวเรียก
ขอรับ ข้าอยู่นี่ มารปฐพีกล่าวตอบรอบอย่างเยินยอประจบสอพอ
เจ้าดูนี้ เจ้ารู้ไหมว่ามันคือสิ่งใด ? หยางไค่กล่าวถาม
มารปฐพีกระแอ่มเบาๆ เสียงกระแอ่มเต็มไปด้วยความอึดอัด
ช่างเถอะ................ หยางไค่เข้าใจในทันทีว่ามารปฐพีไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด
มารปฐพีมีความทรงจำที่เลือนรางและวุ่นวาย ในบางครั้งเขาสามารถให้ความช่วยเหลือ แต่ในบางครั้งเขาไม่มีประโยชน์ต่อตนเอง หยางไค่คุ้นชินกับเหตุการณ์เช่นนี้ตั้งแต่แรก
หากมารปฐพีทราบว่าสิ่งนี้คืออะไร เขาจะออกมายืนยันด้วยตนเองอย่างรวดเร็ว ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้หยางไค่กล่าวถาม
หลังจากตรวจสอบไปสักครู่ หยางไค่รู้สึกว่าสิ่งนี้คงไร้ซึ่งพิษที่ร้ายแรง เขาได้ปรึกษามารปฐพี มารปฐพีก็คิดเช่นเดียวกันเขา
แต่หยางไค่ยังรู้สึกกังวลใจ เขากระโดดออกมาจากถ้ำ และค้นหาสัตว์อสูรเป็นเวลานาน ในที่สุดจึงค้นพบสัตว์อสูรขั้นที่ 4 เขาไม่กล่าวสิ่งใด แต่โจมตีทำร้านสัตว์อสูรตนนี้จนสลบ จากนั้นจึงนำมันกลับไปที่ถ้ำ
ในขณะที่กลับไป เขาได้เด็ดต้นหญ้าที่แห้งเหี่ยวกลับไปด้วย หยางไค่ใช้ต้นหญ้าที่แห้งเหี่ยวเตะไปยังหยดวารีที่อยู่ในขวด จากนั้นจึงป้อนมันลงไปที่ปากของสัตว์อสูร
หยางไค่เฝ้าสังเกตการณ์ด้วยความสงบ
หลังจากที่ผ่านไปได้ไม่นาน สัตว์อสรูร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ราวกับว่ามันถูกพิษร้าย ร่างกายของมันกระตุกไปมาอย่างไม่หยุด น้ำลายไหลออกมาจากปากของมันอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของมันเปล่งประกายด้วยแสงสว่างไปมาอย่างไม่หยุด
สีหน้าของหยางไค่เต็มไปด้วยความตกใจ โชคดีที่เขาไม่ได้ทดสอบ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่รู้ว่าตนเองจะตายอย่างไร
ในขณะที่หยางไค่คิดว่าเป็นเช่นนี้ สัตว์อสูรที่สลบได้แพร่กระจายกลิ่นอายแห่งพลังความแข็งแกร่งที่พุ่งทะยานไปมาอย่างรุนแรง ทันใดนั้นมันได้ฟื้นคืนมาและสลัดตนเองการจับกุมของหยางไค่ มันเต็มไปด้วยพลังความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น และเริ่มต่อสู้กับหยางไค่อย่างรุนแรง
พฤติกรรมของมันในตอนนี้ ไม่มีเค้าร่างว่าถูกพิษร้ายเข้าแทรกซึม
หยางไค่ต่อสู้กับมันเป็นเวลานาน หยางไค่จึงสามารถฆ่ามันได้ในที่สุด !!
หยางไค่จ้องมองซากศพของมันด้วยความสนใจ และมีความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ
ก่อนหน้านั้นที่ตนเองพามันกลับมา มันเป็นเพียงสัตว์อสูรขั้นที่ 4 โดยที่ตนเองสามารถโจมตีจนทำให้มันสลบได้อย่างง่ายดาย แต่ทำไมเมื่อสักครู่ตนเองจึงรู้สึกว่ามันแข็งแกร่งมากกว่าเดิม ? ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของมันเป็นความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรขั้นที่ 5
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดไปมาด้วยความสงสัย ทันใดนั้น มันได้กลั่นตัวกลายเป็นรูปร่างของลูกแก้วชีพจรโลหิต
หยางไค่จ้องมองอย่างไม่วางตา เขาอึ้งไปเป็นเวลานาน สีหน้าเขียวคล้ำอย่างเห็นได้ชัด และอดไม่ได้ที่จะสบทด่า
นายน้อยอย่าเกรี้ยวโกรธไปเลย............ มารปฐพีกล่าวปลอบโยนอย่างรวดเร็ว
เหตุผลที่ทำให้หยางไค่เกรี้ยวโกรธไม่ใช่สิ่งอื่นใด แต่เพราะเขารู้แล้วว่าสิ่งที่อยู่ในขวดยาสีเขียวมรกตคือสิ่งใด
หลักฐานที่สำคัญนั่นคือลูกแก้วชีพจรโลหิตที่ได้รับหลังจากที่สัตว์อสูรตนนั้นตายไป
ลูกแก้วชีพจรโหลิตวงนี้ มีขนาดเท่าหัวแม่มือ แม้ว่ามันจมีขนาดไม่เท่าลูกแก้วชีพจรโลหิตของสัตว์อสูรขั้นที่ 5 แต่มันใหญกว่าลูกแก้วชีพจรโลหิตของสัตว์อสูรขั้นที่ 4
สิ่งที่สามารถทำให้สัตว์อสูรขั้นที่ก้าวหน้าจนเกือบจะมีความแข็งแกร่งเทียบท่าสัตว์อสูรขั้นที่ 5 ในระยะเวลาสั้นๆ สิ่งนั้นต้องเป็นสมบัติที่น่าอัศจรรย์อย่างแน่นอน
จากสิ่งที่เขาได้ยินมาหลังจากที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้กว่าครึ่งปี และเมื่อจ้องมองรูปร่างลักษณะสีสันของสิ่งที่อยู่ในขวดยาสีเขียวมรกต สีหน้าของหยางไค่แสดงออกด้วยความเจ็บปวดใจ
หยดวารีเปลวเพลิง !!
สมบัติล้ำค่าที่ช่วยขัดเกลาพลังลมปราณของผู้ฝึกยุทธุ์ มันสามารถทำให้พลังลมปราณโดยทั่วไปบริสุทธ์ หนาแน่นและเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม
ในโลกแห่งหนี้ สิ่งที่สามารถขัดเกลาพลังลมปราณของผู้ฝึกยุทธุ์มีไม่มาก ดังนั้นสมบัติทุกชิ้นล้วนเป็นสมบัติที่ล่ำค่า เช่นผลึกน้ำแข็งนพเก้าที่ดำรงอยู่ในระดับสูง
หยดวารีเปลวเพลิง มีคุณสมบัติเช่นผลึกน้ำแข็งนพเก้า
ก่อนหน้านั้นในขณะที่ได้ยินผู้อาวุโสโจวเหวินแห่งสำนักจันทราซ่อนกล่าวถึงหยดวารีเปลวเพลิง หยางไค่ไม่ได้สนใจมันมากเท่าไหร่ เพราะเขาได้ครอบครองผลึกน้ำแข็งนพเก้า ดังนั้นหยดวารีเปลวเพลิงจึงไม่จำเป็นสำหรับเขา แต่ในตอนนี้เขากลับพบเจอกับหยดวารีเปลวเพลิงโดยไม่ตั้งใจ
ผลึกน้ำแข็งนพเก้าสามารถกักเก็บไว้ในร่างกายเพื่อใช้ในขณะที่ก้าวเข้าสู่เขตแดนลมปราณแท้จริง
แต่หยดวารีเปลวเพลิงสามารถใช้ได้ในทันที โดยไม่คำนึงถึงระดับขั้นของเขตแดน ผลลัพธุ์ของมันยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
น่าเสียดาย สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ แต่กลับแบ่งให้แก่สัตว์อสูรไปถึง 1 หยด หยางไค่เจ็บปวดใจ อวัยวะภายในร่างกายปวดร้าวอย่างสุดขีด .............ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
แต่ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้ เสียใจไปก็เปล่าประโยชน์ เขาชื่นชมในความโชคดีของคนแห่งสำนักกระบี่เก้าดวงดรา และนั่งขัดสมาธิลงไป
เขาค่อยเทหยดวารีเปลวเพลิง 1 หยดเข้าไปในปากของเขาอย่างระมัดระวัง หยางไค่หลับตาเพื่อสัมผัสมันอย่างรวดเร็ว
กลยุทธุ์หยางเริ่มเคลื่อนไหว หยางไค่รู้สึกว่าในท้องของเขามีเปลวเพลิงที่กำลังกระจายไปทั่วร่างกาย ผู้ฝึกยุทธุ์ที่ฝึกนเคล็ดวิชาแห่งคุณสมบัติของพลังหยาง จะไม่ก่อเกิดความรู้สึกเช่นนี้
แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ว่าพลังที่ซ่อนอยู่ในหยดวารีเปลวเพลิงร้อนระอุแค่ไหน
ความรู้สึกที่ร้อนระอุในตอนแรกไม่รุนแรง แต่จากระยะเวลาที่ไหลผ่าน มันไดก่อเกิดความรู้สึกที่เสมือนกับเตาไฟกำลังเผาไหม้อย่างรุนแรง ร่างกายทั้งหมดเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความร้อนที่เพิ่มมากขึ้น เสื้อผ้าที่เพิ่งเปลียนถูกชะโลมด้วยเหงื่อจนเปียกชุ่มในชั่วพริบตา
ความรู้สึกที่ร้อนระอุอย่างรุนแรง มันได้หยุดลงที่ช่องท้องของเขา ภายใต้การหมุนเวียนและการนำพาของกลยุทธุ์หยาง มันค่อยๆแพร่กระจายไปยังทุกส่วนของร่างกาย
เส้นชีพจรลมปราณเต็มไปด้วยความเจ็บปวด !! หยางไค่อดทนกัดฟันไว้แน่น โดยมิกล้าที่จะยอมแพ้ กลยุทธุ์หยางไค่เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเรื่อยๆ
อุณหภมิความร้อนระอุเช่นนี้ราวกับว่ามันเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง มันสามารถแผดเผาปฐพีที่กว้างใหญ่ ในขณที่มันพุ่งเข้าสู่เส้นชีพจรลมปราณ มันได้แผดเผาพลังลมปราณที่อยู่ในเส้นชีพลมปราณของเขา
หลายวันที่หยางไค่หมุนเวียนกลยุทธุ์หยาง หยางไค่พบว่าตนเองสามารถบีบเค้นให้มันแผดเผาพลังลมปราณอยู่ในขีดจำกัดสูงสุด ซึ่งทำให้พลังลมปราณของเขาบริสุทธ์มากยิ่งขึ้น
หยางไค่ตื่นตะลึงกับสิ่งที่พบเอจ เขาเพิ่มความตั้งใจมากขึ้น
หลังจากนั้น พลังลมปราณได้ถึงขีดจำกัดสูงสุดของมัน มันไม่สามารถบริสุทธุ์ไปมากกว่านี้ หยางไค่ใช้จิตวิญญานในการนำพลังแห่งหยดวารีเปลวเพลิงไปยังจุดตันเถียนของเขา
ภายในจุดตันเถียน มีหยดน้ำพลังลมปราณกว่าร้อยหยดที่สามารถแผดเผาให้มันบริสุทธ์
ระยะเวลาค่อยๆผ่านไป หลายวันต่อมา หยางไค่ลืม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสดใจ เขาสูดลมหายใจและกล่าวด้วยความยินดี : สดชื่นยิ่งนัก !!
หยดวารีเปลวเพลิงเพียง 1 หยด เผาไหม้พลังลมปราณของตนเองจนมีความบริสุทธ์มากยิ่งขึ้นอีกครั้ง หยดน้ำพลังลมปราณหยางกว่า 100 หยดลดลงไปกว่า 10 หยด แต่ว่าทุกหยดน้ำพลังลมปราณหยางทุกหยดล้วนเต็มไปด้วยพลังความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้น
ไม่เพียงพลังลมปราณที่มีการเปลี่ยนแปลง แม้แต่เส้นชีพจรลมปราณและโลหิตภายในร่างกายของเขาต่างมีการเปลี่ยนแปลง
เส้นชีพจรลมปราณกว้างมากขึ้น โลหิตและกล้ามเนื้อภายในร่างกายมีความแข็งแกร่งและแน่นมากขึ้น ทุกอณุขุมขนต่างกระตุกไปมาด้วยความยินดี มันแปรเปลี่ยนเป็นผิวหนังใหม่ตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก
เดิมที่ความแข็งแกร่งอยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 แต่ในเวลานี้ความแข็งแกร่งได้เพิ่มมากขึ้น มันห่างจากเขตแดนผสานลมปราณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น !
นี้คือผลลัพธุ์จากการขัดเกล่าพลังลมปราณ ในบางครั้งอาจทำให้เขตแดนมีการบรรลุไปยังขีดจำกัดสูงสุดและก้าวเขตแดนที่สูงขึ้น โดยที่มันไม่ได้เพิ่มพลังความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกาย !!
มารปฐพี หากข้ากลืนกินหยดวารีเปลวเพลิงอีก 1 หยด เจ้าว่าข้าจะสามารถบรรลุขีดจำกัดสูงสุดของเขตแดนและก้าวข้ามเขตแดนหรือไม่ ? หยางไค่กระตือรือร้นที่อยากทดสอบ
แม้ว่าในบางครั้งมารปฐพีอาจจะช่วยเขาไม่ได้มาก แต่ในตอนนี้เขากล่าวให้คำตอบแห่งประสบการณ์ที่ล้ำค่าของเขา : มันคงทำไม่ได้ มันสามารถขัดเกล่าพลังลมปราณของนายน้อยจสถึงขั้นนี้ ถือเป็นประโยชน์สูงสุดของสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ สิ่งเหล่านี้ยิ่งกลืนกินมันเข้าไปมากเท่าไหร่จะยิ่งส่งผลดีต่อร่างกาย หากต้องการที่จะขัดเกล่าพลังลมปราณ มีเพียงการค้นหาสมบัติที่วิเศษและอยู่ในขั้นที่สูงกว่านี้
ข้าก็รู้สึกเช่นนี้ หยางไค่เลิกครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเก็บขวดยาสีเขียวมรกตเข้าไปในถุงผ้าสวรรค์ล้อมปฐพีด้วยสีหน้าที่เคร่งขรคม
เขาไม่รู้ว่าคนแห่งสำนักกระบี่เก้าดวงดาราค้นพบหยดวารีเปลวเพลิงที่ไหน ในร่างกายของจี่เจี่ยนซิงมีหยดวารีหลายหยด แล้วหวู่เฉิงยี่ล่ะ ? ในร่างกายของเขาต้องมีหยดวารีเปลวเพลิงที่มากกว่านี้ ?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หยางไค่หัวเราะออกมาด้วยความเยือกเย็น
หวู่เฉิงยี่สั่งการให้จี่เจี่ยนซิงไล่ฆ่าตนเอง หยางไค่จะยอมเมตตาต่อเขาได้อย่างไร ? พวกเขามีความแค้นต่อกันตั้งแต่แรก ในตอนนี้หยางไค่กลับรู้ว่าร่างกายของเขามีสมบัติวิเศษวซ่อนเร้นอยู่ภายใน หยางไค่ไม่คิดที่จะแย่งชิงมันมาคงเป็นเรื่องที่แปลก
แต่ว่าความแข็งแกร่งของหวู่เฉิงยี่อยู่ในระดับสูง นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้นำของกลุ่มคนแห่งผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่นที่หลงเหลืออยู่ในสถานที่แห่งนี้ หากเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง คงไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับตนเอง เรื่องนี้ต้องมีการวางแผนให้เขาตกหลุมพราง
หยางไค่เก็บความรู้สึกไว้ภายใน และออกจากการปิดกั้นตนเอง
บริเวณนี้เป็นเวลากว่า 1 เดือน ระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา เขาไม่พบเจอกับบุคคลอื่น แต่ว่าสัตว์อสูรที่เขาพบเจอมีจำนวนที่น้อยยิ่งกว่าน้อย ดูเหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคงเป็นดั่งที่เฉินเซี่ยซูกล่าวให้แก่เขา สัตว์อสูรที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ ส่วนใหญ่ต่างกลายเป็นทาสรับใช้ของกลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่าง