ตอนที่ 233 เจ้าหนีพ้น ?
ตอนที่ 233 เจ้าหนีพ้น ?
เมื่อไร้ซึ่งกระบี่ จี่เจี่ยนซิงสามารถใช้เงาร่างแห่งกระบี่ เมื่อความแข็งถึงขั้นเขตแดนลมปรารแท้จริง วิธีการเช่นนั้นสามารถทำได้ แตว่าพลังแห่งการฆ๋าของมันจะลงน้อยลง มากที่สุดมันจะมีความแข็งแกร่งเพียง 9 ส่วนของพลังทั้งหมดเท่านั้น
เมื่อความแข็งแกร่งลดน้อยลง 1 ขั้น ข้าก็สามารถเอาชนะเจ้าได้อย่างง่ายดาย !! จี่เจี่ยนซิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น
ในขณะที่กำลังจะเคลื่อนไหวเพื่อลงมือ เขากลับมองเห็นหยางไค่กำลังเคลื่อนไหวฝ่ามือทั้ง 2 ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเขา
เคล็ดวิชาแห่งจิตวิญญาณอสูร !! เมื่ออดทนต่อความเจ็บปวดเป็นเวลานาน ในที่สุดก็สามารถแสดงพลังความแข็งแกร่งของตนเองทั้งหมด หยางไค่ก็มิอาจที่จะรีรอต่อไป
ฝ่ามือพยัคฆ์ขาว ฝ่ามือเทพวัว ฝ่ามือแห่งเคล็ดวิชาจิตวิญญาณอสูรได้ถูกปลดปล่อยออกมา
เสียงคำรามแห่งพยัคฆ์ขาวสะท้านสวรรค์ เสียงคำรามแห่งเทพวัวทะลายปฐพี สีหน้าของจี่เจี่ยนซิงแปรเปลี่ยนอย่างกะทัน เขามองเห็นรูปร่างของสัตว์อสูรทั้ง 2 ตนกำลังพุ่งมายังทิศทางของตนเอง
ราวกับว่าสัตว์อสูรทั้ง 2 ตนมีชีวิต มันเคลื่อนไหวได้อย่างพลิ้วไหวและดุดัน ร่างกายสีแดงเพลิงดั่งปีศาจที่โหดเหี้ยม ดวงตาที่แดงก่ำเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าที่รุนแรง
จิตใจของจี่เจียนซิงเต็มไปด้วยความหวาดกัว เขาจะกล้ารอช้าได้อย่างไร ?
นิ้วของเขาเคลื่อนไหวไปมาจนเกิดเป็นรูปร่างของกระบี่ ทันใดนั้นเขากล่าวตะโกน : กระบี่เงาลวงสายฟ้า
แสงประกายที่ส่องสว่างแห่งกระบี่ได้พุ่งออกไป มันได้พุ่งแทงไปยังร่างหนึ่งของสัตว์อสูร แม้มันจะโจมตีไปยังร่างกายของสัตว์อสูรจนมันมีสีที่ดำมืด แต่มันก็ไม่สามารขัดขวางการพุ่งโจมตีเข้ามาของมัน
กระบี่ลมวายุ !! จี่เจี่ยนซิงถอยหลังออกไปอย่างเร่งรีบ เขาสะบัดข้อมือไปมา เคล็ดวิชากระบวนท่าการโจมตีแห่งกระบี่ลอยว่อนทั่วท้องฟ้า แต่มันก็ไม่สามารถทำให้สัตว์อสูรทั้ง 2 ถอยหนี
มันกำลังจะพุ่งมาถึงตัวเขา จี่เจียนซิงตื่นกลัวจนเข่าอ่อน เขากระโดดหลบหนีไปยังด้านข้างด้วยความรุนแรง
ในขณะที่กระโดดได้พียงครึ่ง จ้าง เหนือศีรษะของเขาได้มีกลิ่นอายแห่งการฆ่าที่รุนแรงพุ่งออกมา
เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เขาพบเจอกับหยางไค่ที่ลอยตัวอยู่บนอากาศ เขาแสะยิ้มอย่างโหดเหี้ยมและพุ่งหมัดโจมตีตนเองอย่างไม่ปราณี
เขารับรู้ถึงสิงที่จะเกิดขึ้น จึงได้ปิดผนึกทุกเส้นทางหลบหนีของตนเอง
ในความตื่นตระหนก จี่เจี่ยนซิงกัดฟันไว้แน่น นิ้วมือของเขาพุ่งออกไปยังท้องฟ้า เงาร่างแห่งกระบี่ 3 เล่มได้พุ่งออกไป
หยางไค่ปล่อยหมัดออกมา 3 ครั้งอย่างรวดเร็ว เขาได้ทำลายกระบี่ทั้ง 3 เล่มจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ แต่ในช่วงเวลานี้ กลับทำให้จี่เจียนซิงมีโอกาสในการบิดร่างกายและหลบหนีทิศทางที่หยางไค่จะโจมตี มีเพียงฝ่ามือเดียวที่พุ่งโจมตีไปยังหัวไหล่ของจี่เจียนซิง
เสียงโหยหวนดังขึ้น จี่เจี่ยนซิงตกกระแทกไปที่พื้นดิน ช่วงเวลาแห่งความตายอยู่ตรงหน้า ศิษย์ระดับสูงแห่งสำนักกระบี่เก้าดวงดาราได้ปลดปล่อยพลังแห่งการต่อสู้ทั้งหมดออกมา สองมือของเขาร่ายไปมา จนก่อให้เกิดเงาร่างแห่งกระบี่ที่ลึกซึ้งและพุ่งโจมตีไปยังสัตว์อสูรทั้ง 2 จนเงาร่างของมันอ่อนลง จนแทนบพังทลาย
พยัคฆ์ขาวและเทพวัวพุ่งขย้ำผ่านไป โดยไม่สามารถทำอันตรายจี่เจี่ยนซิง เงาร่างแห่งกระบี่ของเขาพุ่งโจมตีไปอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดเป็นเกราะป้องกันแห่งกระบี่ที่มากมาย ทุกๆครั้งที่พยัคฆ์ขาวและเทพวัวพุ่งโจมตีเข้ามา มันจะถูกกระบี่เหล่านั้นทำลายจนเริ่มอ่อนกำลังลง
ระยะเวลาเพียงสั้น เงาร่างแห่งพยัคฆ์ขาวและเทพวัวได้พลันหายไปในทันที
พยัคฆ์ขาวและเทพวัวเป็นการโจมตีที่ก่อกำเนิดจาพลังลมปราณของหยางไค่ มันเป็นเพียงเงาร่างของสัตว์อสูร เมื่อพลังลมปราณถูกทำลายจนหมด มันจึงไม่สามารถดำรงอยู่ต่อไปได้
หึหึ............ จี่เจี่ยนซิงหัวเราะด้วยความสะใจ เขาจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่ได้ใจ ในความคิดของเขา การสูญเสียพลังลมปราณที่มากมายเพื่อสร้างเงาร่างของสัตว์อสูรเช่นนี้ มันช่างไม่คุ้มเสียเลย จากความสามารถแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นที่ 7 ไม่สามารถที่ก่อกำเนิดเงาร่างของสัตว์อสูรขึ้นมาอีก การเก็บพลังลมปราณเหล่านั้นไว้เพื่อต่อสู้กันตนเองจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
เสียงหัวเราะยังมิทันจางหายไป ภายใต้สายตาที่ดูถูกหยางไค่ เงาร่างแห่งพยัคฆ์ขาวและเทพวัวได้พุ่งออกมาอีกครั้ง มันคล้ายคลึงกับเงาร่างแห่งพยัคฆ์ขาวและเทพวัวเมื่อสักครู๋อย่างไม่ผิดเพี้ยน
เป็นไปได้อย่างไร !! จี่เจี่ยนซิงกล่าวตะโกนด้วยความตื่นตะลึงจนแทบจะสิ้นสติ
แม้ว่าข้าจะไม่ลงมือ เพียงการลงมือด้วยกระบวนท่านี้ก็สามารถทรมาณเจ้าจนตาย !! หยางไค่กล่าวและจ้องมองจี่เจียนซิงด้วยสีหน้าที่เยือกเย็นอย่างสุดขีด
สีหน้าของจี่เจี่ยนซิงแปรเปลี่ยนไปอย่างไม่หยุด ในเวลานี้สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมืดมน เขารู้ดีว่าหยางไค่จะไม่กล่าวสิ่งใดที่มากไปกว่านี้ สัตว์อสูรจากพลังลมปราณยากต่อการรับมือ ความแข็งแกร่งของการโจมตีด้วยกระบี่ลดลงอย่างมาก หากถูกโจมตีอีกครั้ง เงาร่างแห่งกระบี่คงต้องพังทลาย ตัวเขาเองสูญเสียพลังลมปราณแท้จริงอย่างมาก มันไม่สามารถพุ่งโจมตีอย่างสง่างามเหมือนตอนแรก
นั้น.......ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องลงมือ !! ทันทีที่กล่าวจบ หยางไค่และเงาร่างแห่งพยัคฆ์ขาวและเทพวัวได้รวมตัวเป็นหนึ่ง และพุ่งโจมตีไปยังจี่เจี่ยนซิง แต่ไม่มีทางที่จี่เจียนซิงจะนั่งรอความตาย เขาตะโกนคำรามด้วยความโกรธ และร่ายฝ่ามือไปมาเพื่อให้กระบี่เคลือนไหวอีกครั้ง
ในครั้งนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่ได้ซ่อนเร้นความแข็งแกร่งของตนเอง พวกเขาต่างระเบิดพลังออกมาอย่างสุดกำลัง การประมาทหรือการออมแรงล้วนส่งผลกระทบต่อพวกเขา
การต่อสู้รุนแรงอย่างสุดขีด และยังเต็มไปด้วยความดุดันความโหดเหี้ยมที่มิอาจควบคุม
สัตว์อสูร 2 ตนล่มสลายไปอีกครั้ง หยางไคเองถูกโจมจีจากกระบี่ของจี่เจี่ยนซิงจนได้รับบาดแผลถึง 2 แห่ง มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่กระบี่ได้พุ่งทะลุร่างกายของเขา โลหิตสีแดงพุ่งออกมา ย้อมเสื้อของเขาจนกลายเป็นสีแดง
จี่เจียนซิงเลวร้ายยิ่งกว่านี้ เมื่อเผชิญหน้าต่อศัตรูถึง 3 เงาร่างแห่งกระบี่ของเขาถูกทำลายจนหมดสิ้น พลังลมปราณแท้จริงในร่างกายใกล้จะหมดลง สีหน้าของอ่อนล้าและยังสูดลมหายใจเข้าอย่างหนักหน่วง แขนข้างหนึ่งห้อยลงมาข้างร่างกาย ด้านหนาของแขนเผยให้เห็นเนื้อหนังที่น่าสยดสยอง มันเต็มไปด้วยรอยเขี้ยวที่มากมาย นั้นคือบาดแผลแห่งการขย้ำของพยัคฆ์ขาว
ทรวงอกของเขาลดต่ำลง กระดูกในทรวงอกหักหลายท่อน บาดแผลนนี้เกิดจากการพุ่งชนของเทพวัว ศีรษะของเทพวัวมีเขา 1 คู่ โชคดีที่มันยังไม่ได้พุ่งแทงเข้าไป
ทั้งสองจ้องมองซึ่งกันและกันในระห่าง 10 จ้าง ดวงตาของหยางไค่ประกายด้วยความเยือกเย็น หนังหน้าของจี่เจี่ยนซิงกระตุกไปมาอย่างไม่หยุด แม้ว่าเขาจะไม่คิดว่าเขาจะพ่ายแพ้ให้แก่ผู้ฝึกยุทะู์แห่งเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 แต่เขาต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
ความอับปยศและความไม่ยอมทำให้เขาบ้าคลั่งอย่างถึงขีดสุด !!
หยางไค่ไมไ่ด้พุ่งโจมตีเพื่อฆ่าจี่เจี่ยนซิงในทันที การตอบโต้ก่อนที่ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนลมปราณแท้จริงทำให้เขาค่อนข้างหวาดกลัว เขากำลังรอให้ความแข็งแกร่งของจี่เจี่ยนซิงถดถอยจนถึงขีดสุด
หึหึ ... สีหน้าของจี่เจี่ยนซิงไร้ซึ่งความกังวล เขากำลังหัวเราะอย่างเยือกเย็นโดยไม่หยุด เขาสูดลมหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วงและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉิย : ข้ายอมรับ ว่าเจ้าแข็งแกร่ง แข็งแกร่งยิ่งว่าผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนลมปราณแท้จริงทั่วไป แต่เม้ว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้แล้วจะอย่างไร ? ข้าเป็นผู้ฝึกยุทธุืแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริง เจ้าไม่สามารถฆ่าข้าได้ หากข้าอยากจะหนีไป ไม่มีทางที่เจ้าจะรั้งข้าเอาไว้ !!
ในขณะที่เขาหัวเราะ สองขาของเขาย่อลง เขาได้พุ่งสูงขึ้นไปกว่า 30 จ้าง ร่างกายลอยเคว้งอยู่กลาางอากาศ มือหนึ่งห้อยอยู่ข้างตัว อีกมือหนึ่งกุมทรวงอกที่ได้รับบาดเจ็บ เขาจ้องมองหยางไค่ที่อยู่ด้านล่าง ใบหน้าแสดงออกด้วยอวดเก่ง : นี้ก็คือความแตกต่างระหว่างเขตแดนผสานลมปราณและเขตแดนลมปราณแท้จริง !!ข้าสามารถเหาะ ลอย บินกลางอากาศ แต่เจ้า ..ทำไม่ได้ ดังนั้นข้าสามารถหนีออกไปได้ตลอดเวลา !!
ในขณะที่กล่าว จี่เจี่ยนซิงยังได้กระอักโลหิตสีแดงออกมา เขาใช้มือของเขาเช็ดอย่างยากลำบาก สีหน้าที่บ้าคลั่งจ้องมองหยางไค่และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม : ข้าจะจำความอัปยศในวันนี้ เจอกันคราวหน้า ข้าจะเอาชีวิตเจ้าจนได้ !! ทางทีดี เจ้าภาวนาอธิษฐานให้ตนเองสามารถมีชีิวิตรอดถึงวันนั้น !!
ทันทีที่กล่าวจบ เขาหลับตาไว้แน่น ราวกับว่ากำลังจดจำใบหน้าของหยางไค่เอาไว้
เบื้องล่าง สีหน้าของหยางไค่เรียบเฉิย เข้าจ้องมองจี่เจี่ยนซิงอย่างไม่แยแส
หลังจากนั้น จี่เจี่ยนซิงหมุนตัว เงร่างซวนเซพุ่งออกไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความอัปยศอย่างสุดขีด
ความแค้นในวันนี้ ข้าจะชำระมันด้วยตนเอง !! จี่เจี่ยนซิงกล่าวสาบานต่อตนเอง
จี่เจี่ยนซิงบินออกไปไม่ถึง 30 จ้าง ด้านหลังของเขากลับมีความร้อนระอุแผ่กระจายเข้ามาอย่างฉับพลัน ตามมาด้วยเสียงที่เยือกเย็น : เจ้าหนีข้าพ้น ?
หน้าของจี่เจี่ยนซิงแปรเปลี่ยนอยา่งกะทันหัน ในชั่ววินาทีนั้นเขาตื่นตกใจจนวิญญานไม่อยู่กับตัว เขาหันหน้ากลับไปอย่างช้าๆ เห็นเพียงแต่ศิษย์แห่งสำนักหลิงเซี่ยว ที่กำลังบินไล่ตามเขามา
ด้านหลังของเขา ..
ปีกคู่ใหญอันมหึมาที่กำลังโหมกระหนำด้วยเปลวเพลิงที่งดงาม !!
ปีกทั้ง 2 ข้างกำลังกระพือไปมา ราวกับพญาอินทรีที่น่าหวาดกลัว
เจ้า . จี่เจี่ยนซิงตื่นตกใจอย่างสุดขีด เขาไม่เคยเห็นด้านหลังของผู้ฝึกยุทธุ์สามารถก่อกำเนิดปีกอันมหึมาเช่นนี้
กล่าวออกมาเพียงคำเดียว หยางไค่ได้พุ่งบินมายังด้านหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือของเขาพุ่งประทับไปยังช่องท้องของจี่เจียนซิง จากนั้นเขาได้ง้างฝ่ามือขนาดใหญ่และกุมขมับไปยังลำคอของเขา และพ่งลงไปยังเบื้องล่างด้วยความเร็วที่เสมือนแสงแห่งสายฟ้า
ในระยะห่างเพียงน้อยนิด จี่เจียนซิงมองเห็นเจตนาแห่งการฆ่าในสายตาของหยางไค่ สีหน้าของเขาไร้ซึ่งอารมณ์แต่มันเต็มไปด้วยความเยือกเย็นไร้ซึ่งความปราณี
ซวา
เงาร่างของพวกเขามั้งสองดั่งฝนดาวตาที่ตกลงมาจากฟากฟ้า เพียงพริบตาพวกเขาได้พุ่งลงไปยังเบื้องบ่างทันที
ะยะห่างระหว่างพื้นดินเบื้องล่างเหลือเพียง 10 จ้างหยางไค่ใช้พละกำลังทั้งหมด โยนร่างกายของจี่เจี่ยนซิงลงไปอย่างรุนแรง แต่ตนเองกลับยืนนิ่งในตำแหน่งเดิม
ปัง .
เศษดินทรายฟุ้งกระจาย ร่างกายของจี่เจี่ยนซิงกระแทกไปที่พื้นดินด้านล่างอย่างรุนแรง จึงก่อเป็นหลุมลึกขนาดเล็ก เสียงกระดูกหักและแตกกระจายดังแว่วขึ้นมาหลายครั้ง
ร่างกายของจี่เจี่ยนซิงราวกับผ้าที่เบาบาง มันหมุนตลบไปหลายครั้ง ก่อนจะหยุดลงในที่สุด
จี่เจี่ยนซิงลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ในชั่ววินาทีน้นเขามองเห็นปีกอันมหึมาของหยางไค่ที่กำลังกระพือไปมา และค่อยๆพุ่งเข้าใกล้ตนเองอย่างน่าหวาดกลัว
เมื่อบินลงไปถึงระยะห่างที่พอดี หยางไค่เก็บปีกเพลิงปีกอัคคีโลกันย์ และเหยียบย่ำลงไปที่พื้นดินอย่างสง่างาม เขาเดินไปยังตรงหน้าของจี่เจี่ยนซิง จ้องมองจี่เจี่ยนซิงด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น ราวกับสายตาของจี่เจี่ยนซิงที่จ้องมองหยางไค่ในขณะที่ตนเองกำลังบินอยู่บนกลางอากาศ
จิตใจของจี่เจี่ยนซิงเปรียบดั่งเศษฝุ่่นที่ไร้ค่า จี่เจี่ยนซิงพยายามที่จะปลดปล่อยกระบวนท่าสุดออกไป แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็มิอาจที่จะทำตามอย่างที่ใจต้องการ
ทำเช่นนี้ก็ยังไม่ตาย สมแล้วที่เป็นยอดฝีมือแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริง !! หยางไค่แสะยิ้มอย่างเยือกยิ้ม เขายกเท้าขึ้นมาและเหยียบไปยังลำคอของจี่เจี่ยนซิง
อย่าฆ่าข้าเลย . จี่เจี่ยนซิงสบทดดิ้นรนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา มุมปากมีโลหิตสีแดงไหลรวยรินออกมา : เจ้าอยากเรียนเคล็ดวิชาแห่งสำนักกระบี่เก้าดวงดาราไม่ใช่หรือไง ? ข้าสอนเจ้าได้ เจ้าอยากเรียน ..ข้าจะสอนเจ้า ...ในสำนักกระบี่เก้าดวงดารา ข้าถือว่าเป็นศิษย์อัจฉริยะที่มีพรสวรรคื ข้าเคยได้ร่ำเรียนเคล็ดวิชากระบวนท่าระดับสูงของกระบี่ ..แค่กแค่ก ..
ไม่จำเป็น ข้าไม่เชื่อ หยางไค่กล่าวด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
เคล็ดวิชาแห่งสำนักระบี่เก้าดวงดารา เป็นความจริงที่หยางไค่ต้องการมัน แต่หยางไค่ไม่เชื่อว่าจี่เจี่ยนซิงจะสอนเขา จากนิสัยและวิธีการของเขา เมื่อเขาสามารถฟื้นฟูพลังลมปราณแท้จริง มันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ดังนั้นจึงไม่ควรไว้ชีวิตเขา
เมื่อได้ยินดังนี้ สีหน้าของจี่เจี่ยนซิงแสดงออดถึงความอาลัย ความเศร้าโศก และความืดมน
ทำไมต้องเป็นศัตรูกับสำนักกระบี่เก้าดวงดาราด้วย ? หากเจ้าฆ่าข้า ...แค่กแค่ก .ศิษย์พี่ใหญ่ของข้าจะรับรู้ในเวลาแรก เขาไม่มีวันปล่อยเจ้าไป เจ้าไม่สามารถต่อต้านเขาได้
หยางไค่หรี่ตาลง และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา : หวู่เฉิงยี่ ? เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง แม้ว่าเขาจะไม่มาหาข้า ข้าจะไปหาเขาเอง
จำเป็นไหมที่เจ้าต้องทำเช่นนี้ ...
เป็นเจ้าที่คิดจะฆ่าข้าก่อน หยางไค่ยิ้มอย่างเยือกเย็น เขาไม่กล่าวพร่ำเพรื่ออีกต่อไป ฝ่าเท้าขนาดใหญ่ได้เหยียบลงไปอย่างรุนแรง และปลดปล่อยพลังลมปราณลงไป
กร๊อบ !! เสียงกระดูกคอที่ัหักไปของจี่เจี่ยนซิงดังขึ้น ศีรษะของเขาหันไปอีกทิศทางหนึ่ง โดยไม่มีโอกาสที่จะมีชีวิตรอดต่อไป
นชั่ววินาทีที่จี่เจี่ยนซิงตายไป คิ้วของหวู่เฉิงยี่ที่อยู่ห่างจากเขาไปประมาณ 10 ลี้ กระตุกไปมาอย่างรุนแรง สีหน้าของเขาประกายด้วยความประหลาดใจและจ้องมองไปยังทิศทางที่ห่างไกล
ศิษย์แห่งสำนักทะเลสาปปีศาจจักรพรรดิ์สามารถใช้วิิธีการที่พิเศษในการสัมผัสถึงความเป็นความตายของกันและกัน ศิษยืแห่งสำนักกระบี่เก้าดวงดาราก็เช่นกัน
แต่สิ่งที่ทำหให้หวู่เฉิงยี่ไม่เข้าใจ นั้นคือจี่เจี่ยนซิงตายได้อย่างไร ?
หรือว่าเขาพบเจอกับกลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่าง ? หากไม่ใช่เช่นนี้ เขาที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นที่ 3 ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องพ่ายแพ้และถูกหยางไค่ฆ่าตาย
ใบหน้าของหวู่เฉิงยี่เผยให้เห็นความเจ็บปวด เขาไม่สนใจกับความเป็นความตายของหวู่เฉิงยี่ แต่เพราะร่างกายของหวู่เฉิงยี่มีสมบัติช้ินหนึ่ง มันเป็นสมบัติวิเศษที่พวกเขาค้นพบในสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นจึงได้แบ่งให้แก่เขา 1 ชิ้น
จากการรับรู้ของหวู่เฉิงยี่ จี่เจี่ยนซิงยังไม่ใช้มัน
ศิษย์พี่หวู่ เป็นอะไรไป ? ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งนิกายผลาญอัคคีคนหนึ่งได้กล่าวถาม ทันใดนั้นเขาหยุดนิ่งอยู่กับที่และกล่าวด้วยความตื่นตระหนก : เป็นเพราะว่ากลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่างอยู่ใกล้เคียง ?
มีความเป็นไปได้ หวู่เฉิงยี่เก็บสีหน้าที่เจ็บปวด เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา : พวกเราต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น พวกเราต้องหาสถานที่ปลอดภัยให้เร็วที่สุด
เมื่อได้ยินดังนี้ สีหน้าของกลุ่มคนจำนวนมากแปรเปลี่ยนในทันที การกระทำของพวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นความระมัดระวังในทันที หลายเดือนที่ผ่านมา พวกเขาต่างต้องทนทุกข์ทรมาณและประสบกับความยากลำบากจากลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่าง