ตอนที่ 231 ไล่ฆ่า
ตอนที่ 231 ไล่ฆ่า
จากในป่าลึก เงาร่างของหยางไค่เปรียบดั่งลิงน้อย เขากระโดดขึ้นลงจากต้นไม้อย่างไม่หยุด มันแผ่วเบาดั่งนกน้อย ในขณะที่กำลังเคลื่อนไหวนำพามาซึ่งเสียงแห่งสายลมที่แผ่วเบา แม้แต่ใบไม้ใบเดียวก็ยังไม่ร่วงโรยลงมา
สีหน้าของหยางไค่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม หยางไค่จ้องมองไปทั่วบริเวณอย่างระมัดระวังและคิดวาแผนหนทางในวันครั้งหน้า แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธุ์ที่ไม่ราบรื่นกับกลุ่มคนแห่งหวู่เฉิงยี่ แต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อเขา เป้าหมายของเขาได้สำเร็จอย่างลุล่วง
แต่เขาไม่คิดว่าสถานการณ์ที่เขาสืบหาจะร้ายแรงเช่นนี้
ตั้งแต่เริ่มต้น ศิษย์สาวกจากสำนักต่างๆที่เข้ามาบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งในสถานที่แห่งนี้ ไม่มีทางที่จะร่วมมือกันอย่างสามัคคีเช่นนี้ แต่เพราะในครั้งนี้มีการปรากฏตัวของกลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่าง จึงทำให้ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่นต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนอย่างแน่นแฟ้นเช่นนี้
มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวพันถึงชีวิตของศิษย์สาวกรุ่นเยาว์ของ ทั้ง 2 อาณาจักร
สุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้ชนะ หยางไค่ไม่สามารถคาดเดาไ แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่น หากกล่าวด้วยจริงใจ เขาไม่ต้องการที่จะให้ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรเทียนหล่างเข้ามายุ่งวุ่นวายในสถานที่แห่งนี้
หากไม่ใช่เพราะพบเจอกับศิษย์สาวกแห่งนิกายซิ่วหล่อ หากไม่ใช่เพราะหวู่เฉิงยี่หยิ่งยะโส ไม่แน่ว่าหยางไค่อาจเลือกที่จะอยู่กับกลุ่มคนเหล่านั้น เมื่อต่อสู้ไปพร้อมกันเฉินเซี่ยซู มันจะสามารถแบ่งเบาภาระของเขาได้อย่างมาก
ตอนนี้ครุ่นคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาก็ไร้ประโยชน์ หยางไค่ได้กำจัดความคิดที่รกสมองของเขา ในขณะที่เขากำลังวิ่งออกไปเขาได้ชะงักฝีเท้าอย่างกะทันหัน เขาค่อยๆหันหน้ากลับไป และแสดงสีหน้าที่แปลกประหลาด
เมื่อคิดไตร่ตรองในบริเวณเดิมเป็นเวลานาน หยางแสะยิ้มอย่างโหดเหี้ยม เขากระโดดลงไปที่พื้นดิน และซ่อนตัวอยู่ด้านหลงต้นไม้ใหญ่ และเก็บกลิ่นอายแห่งพลังลมปรารทั้งหมด
หลังจากนั้นสักครู่ เงาร่างของคนผู้หนึ่งได้บินมาอย่างรวดเร็ว ในชั่ววินาทีนั้น หยางไค่ได้จดจำใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
ด้านหลังของคนผู้นี้มีกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง เขาสวมใส่เสื้อสีน้ำเงิน อายุประมาณ 20 ต้นๆ สีหน้าเย็นชา เขาได้วิ่งผ่านไปยังทิศทางที่ตนเองเคยวิ่งผ่านไป
หยางไค่กระแอ่มอย่างเยือกเย็น ดวงตาประกายด้วยความเจตนาแห่งความต้องการฆ่า !!
คนผู้นี้ คือคนที่ทำความสะอาดบริเวณที่ต่อสู้และคนที่เก็บลูกแก้วชีพจรโลหิต กระบี่ที่สะพายอยู่ด้านหลังบ่งบอกสถานะอย่างชัดเจนว่าเขาเป็นศิษย์แห่งสำนักกระบี่เก้าดวงดารา เขาน่าจะเป็นศิษย์น้องของหวู่เฉิงยี่
เขาไม่ต้องการที่จะเคลื่อนไหวไปพร้อมกับพวกเขา แต่เป็นพวกเขาเองที่ตามเขามา เจตนาของพวกเขาชัดเจนโดยไม่ต้องกล่าวถาม
สีหน้าของหยางไค่เยือกเย็นยิ่งขึ้น ก่อนหน้านั้นเขาไม่ต้องการที่จะปะทะกับหวู่เฉิงยี่ เพราะกลัวว่าจะทำให้เฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยวหยี่เดือดร้อน แต่ในตอนนี้เขากลับส่งคนตามเขาโดยไม่ยอมปล่อย ไม่มีเหตุผลที่เขาจะยอมอ่อข้อให้แก่พวกเขา
รูปปั้นยังมีอารมณ์แห่งความโกรธถึง 3 ส่วน แล้วหยางไค่ล่ะจะไม่มีอารมณ์ที่โกรธเคืองได้อย่างไร ?
ทันใดนั้นเสียงแห่งเสื้อผ้าที่ปะทะกับสายลมได้ดังแว่วเข้า ศิษย์แห่งสำนักกระบี่เก้าดวงดาราได้หวนกลับมา เขาบินเข้ามาอย่างรวดเร็ว สองตาจ้องมองไปทั่วบริเวณ ปากสบทด้วยความไม่เชื่อ : น่าแปลก เขาไปไหน ?
เขาเป็นยอดฝีมือแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริง ความเร็วของเขาต้องว่องไวกว่าหยางไค่อย่างมาก เขาไล่ตามหยางไค่มาตั้งแต่ต้น แต่กลับตามเขาไม่ทัน เขาจึงต้องหวนกลับมาตรวจสอบ มันจึงทำให้เขาตั้งใจเสาะหามากยิ่งขึ้น
จิตใจของหยางไค่ก่อเกิดความสงสัย เขาคิดว่าผู้ที่ไล่ตามเข้ามาคงมีความสามารถไม่น้อย ระหว่างทางเขาระมัดระวังอย่างยิ่ง โดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้แม้แต้น้อย แต่กลับถูกเขาไล่ตามมาได้อย่างกระชั้นชิด
หลังจากนั้น ศิษย์แห่งสำนักกระบี่เก้าดวงดราได้หยุดลงในตำแหน่งที่ห่างจากหยางไค่ประมาณ 30 จ้าง เขาขมวดคิ้วไว้แน่น และเริ่มค้นไปทั่วบริเวณ
หยางไค่ไม่ได้หวาดกลัวหรือตื่นตระหนก เขาซ่อนตัวอยู่ด้านหลังต้นไม้ ค่อยๆสังเกตคนผู้นี้
ผ่านไปเป็นเวลานาน มุมปากของคนผู้นี้เผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆ เขาชักกระบี่ที่อยู่ด้านหลังออกมาจากฝัก และกุมกระชับมันไว้ในมือ
เมื่อกระบี่อยู่ในมือ กลิ่นอายแห่งความแข็งแกร่งของเขาไดเพิ่มสูงขึ้น ร่างกายของเขาแปรเปลี่ยนดั่งกระบี่ที่แหลมคมในทันที
ศิษย์ระดับสูงแห่งสำนักระบี่เก้าดวงดรา มีความสามารถอย่างแท้จริง !เพราะกลิ่นอายเช่นนี้ มิใช่ยอดฝีมือทั่วไปแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริงจะครอบครองมัน
ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ใกล้เคียง !! จี่เจี่ยนซิงแสะยิ้มที่มุมปาก เขากุมกระชับกระบี่ในมือไว้อย่างแน่นหนา และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ข่มขู่ : เจ้าเดินออกมาแต่โดยดี ข้าจะไม่บังคับขู่เข็ญเจ้า
หยางไค่ขมวดคิ้วไว้แน่น เขาไม่รู้ว่าศิษย์แห่งสำนักกระบี่เก้าดวงดาราพบเจอร่องรอยของเขาหรือแสร้งทำไปเท่านั้น
จี่เจียนซิงกล่าวต่อ : เจ้าเด็กน้อย ข้าชื่นชมในความกล้าหาญของเจ้า ในใต้หล้าแห่งนี้ผู้ที่กล้ากล่าวเช่นนั้นกับศิษย์พี่ใหญ่ของข้า นอกจากคุณชายแห่งตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 8
มีเพียงเจ้าคนเดียว เพราะเหตุผลนี้ ข้าสาบานว่าจะไม่ทำร้ายเจ้า เพียงแค่เจ้ามอบยาทั้งหมดของเจ้าให้ข้า ถือว่าภารกิจของศิษย์ใหญ่ได้เสร็จลุล่วง
รอบบริเวณทั้ง 4 ทิศไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว สีหน้าของจี่เจี่ยนซิงเผยให้เห็นถึงความไม่พอใจ : ทำไมถึงไม่รับข้อเสนอที่ดีต่อตัวเจ้าเอง เมื่อข้าค้นพบสถานที่หลบซ่อนตัวของเจ้า ข้าจะไม่กล่าวเช่นนี้กับเจ้า ออกมาในขณะที่ข้ายังอารมณ์ดี ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะเจราจาต่อรองกันได้
ยังคงไม่มีการตอบสนอง จี่เชี่ยนซิงไม่รอช้า เขาเหวี่ยงกระบี่ไปมา จนก่อให้เกิดเสียงที่ก้องกังวาน
ทันใดนั้นยังไค่รู้สึกว่าบริเวณมีความรู้สึกที่เยือนเย็น สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงในทันที ก่อนที่เขาจะค่อยๆปีนขึ้นไปต้นไม้
การโจมตีจากกลิ่นอายแห่งกระบี่ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าพุ่งออกไปอย่างต่อเนื่อง ต้นไม้ที่อยู่รอบๆบริเวณถูกฟันจนขาด ก่อนที่พวกมันจะค่อยล้มลงไป
สีหน้าของหยางไค่แสดงออกด้วยความตกใจ จนถึงตอนนี้เขาทราบในทันทีว่าศิษย์แห่งสำนักกระบี่เก้าดวงดาราวางแผนให้ตนเองติดกับ สิ่งที่เขาพูดออกไปเมื่อสักครู่เป็นการแสร้งทำไปเช่นนั้น จากระยะเวลาที่ไหลผ่าน เขาไม่สามารถอดทนต่อความโกรธเขาจึงลงมือไปทั่วบริเวณ
กลิ่นอายแห่งการฟันด้วยกระบี่ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มันได้แพร่กระจายในขณะที่เขากล่าวพูด เมื่อรอจนกระทั่งเขากวัดแกว่งกระบี่ไปทั่วทุกคนทุกแห่ง กลิ่นอายการฟันแห่งกระบี่แพร่กระจายไปทั่วทุกที่ เพียงแค่ตนเองยังซ่อนตัวอยู่ในบริเวณนี้ จะต้องถูกโจมตีอย่างแน่นอน
โชคดที่เขาตรวจสอบได้ถึงความไม่ปลอดภัย ไม่เช่นนั้นกลิ่นอายแห่งกระบี่เหล่านั้นคงฟันเข้าไปยังร่างกายของตนเอง ไม่เช่นนั้นตัวเขาเองอาจจะได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน
หยางไค่มิกล้าที่จะประมาทคนที่อยู่ตรงหน้า สำนักกระบี่เก้าดวงดาราถูกขนานนามว่า 1 ใน 8 ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ความแข็งแกร่งของสำนักยังอยู่ในระดับสูง แล้วศิษย์อัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์จะแข็งแกร่งมากเพียงใด
ข้าหาเจ้าเจอแล้ว !! จี่เจี่ยนซิงหมุนตัวกลับไป เขาจ้องมองหยางไค่ที่กำลังกระโดดลงมาด้วยสายตาที่น่าขำขัน
เขาไม่ลงมือโจมตีอีกต่อไป แต่จ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่เหยียดหยาม เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 เป็นธรรมดาที่จี่เจี่ยนซิงจะไม่หวาดกลัว คู่ต่อสู้ในระดับขั้นเช่นเขา และยังถือกำเนิดในสำนักอันดับ 2 เพียง 1 กระบี่ที่กวัดแกว่งออกไปก็สามารถฆ่าเขาได้
การซ่อนตัวของเจ้าช่างน่าอัศจรรย์ จี่เจี่ยนซิงกล่าวชมอย่างไค่ : เจ้าฝึกฝนจากใคร ?
เขาสนใจวิธีการหลบซ่อนของหยางไค่ ในสถานที่เต็มไ่ปด้วยอันตราย เมื่อมีความสามารถในการหลบซ่อนเช่นนี้ มันจะสร้างโอกาสในการมีชีวิตรอด นี้ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาไม่ลงมือโจมตีหยางไค่ในเวลาแรก
หยางไค่หัวเราะเบาๆ : แม้มันจะน่าอัศจรรย์แค่ไหน มันก็ถูกเจ้าจับได้อยู่ดี
จี่เจี่ยนซิงส่ายหน้าไปมา ดวงตาของเขาประกายด้วยความชื่นชมและความโลภ : ข้ามองไม่เห็น แต่เข้าจงใจทำไปเท่านั้น กระบี่ของข้ามีการตอบสนองจากเจ้าของของมันเท่านั้น แท้จริงแล้วข้ารู้ว่าเจ้าหลบซ่อนอยู่ในบริเวณใกล้เคียง แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าซ่อนอยู่ตรงไหน ข้าสามารถบีบบังคับให้เจ้าออกมา ช่างเป็นความโชคดีของข้า
เขากล่าวอธิบายและแสะยิ้มอย่างเยือกเย็น : เจ้าเป็นคนฉลาด ในเมื่อเจ้ายืนอยู่ตางนี้ เจ้าน่าจะรู้เจตนาของข้า นำยาที่อยู่ในร่างกายของเจ้าออกมาให้หมดแล้วมอบมันให้แก่ข้า จากนั้นจึงกล่าววิธีการฝึกฝนการซ่อนเร้นตัวตนของเจ้า ข้าจะไว้ชีวิตของเจ้า !!
หยางไค่กล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะเข้าได้ ?
จี่เจี่ยนซิงตกใจอย่างกะทันหัน แต่เขายังคงกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร ?
มีเพียงเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 ที่ต้อยต่ำ แต่กล้าที่จะเปรียบเทียบกับเขตแดนลมปราณแท้จริง หรือว่ามันยังเป็นการบีบบังคับตัวเองไม่พอ ?
จี่เจี่ยนชิงพยักหน้าและกล่าว : ช่างมันเถอะ ข้าทุบตีเจ้าจนได้รับบาเจ็บสาหัส ข้าก็จะสามารถบีบบังคับให้เจ้ากล่าวบอกวิธีการฝึกฝนการซ่อนเร้นตัวตน !!
ในขณะที่กล่าว กระบี่ที่อยู่ในมือของเขาสั่นสะท้านไปมา
ปัง !!! เสียงสะท้านจากพื้นดินดังขึ้น แสงประกายแห่งกระบี่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา แสงประกายแห่งกระบี่พุ่งออกมาดั่งรูปร่างของใบพัด แสงประกายแห่งกระบี่ซ่อนเร้นความเยือกเย็นที่โหดเหี้ยม แสงประกายแห่งกระบี่ทุกๆคลื่นต่างเต็มไปด้วยพลังแห่งการฆ๋าที่มากมายมหาศาล
ไป !! จี่เจียนชิงมีชื่อที่แปลว่ากระบี่ ตัวเขาเองฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งกระบี่ที่ไม่ธรรมดา พลังแห่งการโจมตีของเขาเต็มไปด้วยพลังแห่งการฆ่าที่รุนแรง เมื่อกระบี่พุ่งโจมตีออกไป แสงประกายแห่งกระบี่จำนวนมากมายได้พุ่งโจมตีไปยังหยางไค่
เมื่อสัมผัสได้อำนาจพลังแห่งกระบี่คลื่นแสงของกระบี่เหล่านี้ หยางไค่ก้าวถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขายังแปรเปลี่ยนอย่างกะทันหัน
สมแล้วที่เป็นศิษย์แห่งสำนักที่ยิ่งใหญ่ !! อายุเพียงยังน้อยแต่กลับมีความแข็งแกร่งและความสามารถเช่นนี้
ระยะเวลาไม่ถึง 1 ลมหายใจ แสงประกายแห่งกระบี่ได้พุ่งไปถึงด้านหน้าของหยางไค่ มันได้พุ่งทะลุเข้าสู่ร่างกายของหยางไค่ ทันใดนั้นคิ้วของจี่เจี่ยนชิงขมวดไว้แน่น เขาไม่คาดคิดว่ามันจะสำเร็จลุล่วงเช่นนี้ เขาไม่ต้องการที่จะฆ่าหยางไค่ เขายังต้องบีบบังคับให้หยางไค่กล่าวบอกวิธีการฝึกฝนการซ่อนเร้นตัวตน ดังนั้นการโจมตีเมื่อสักครู่จึงไม่รุนแรง เพราะมันมิใช่กระบวนท่าแห่งการโจมตีจากกระบี่ที่แข็งแกร่ง
หลังจากนั้น ดวงตาของจี่เจี่ยนซิงเป็นประกาย กระบี่ของเขาสั่นสะท้านอีกครั้ง เขาพุ่งกระบี่ไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
มันเป็นแสงประกายแห่งกระบี่สีรุ้ง ที่พุ่งตัดผ่านห้วงอากาศที่ว่างเปล่า
เมื่อสักครู่หยางไค่เผยให้เห็นตัวตนของเขา ทำให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีเป็นครั้งที่ 2 การโจมตีครั้งที่ 2 ยังเป็นการโจมตีโดยตรง ทำให้เขาต้องเปิดใช้ท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหว เพื่อหลบหนีจากการโจมตี
ดีดีดี !! จี่เจี่ยนชิงแสดงสีหน้าที่ตื่นเต้น เขาตะโกนออกมาหลายครั้ง และโจมตีออกไปอีก 2 ครั้ง และไม่ได้โจมตีออกไปอีก แต่เขาจ้องมองหยางไค่และกล่าวด้วยความสนุก : ท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวของเจ้าก็ไม่เลว ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 แต่กลับสามารถหลบหนีได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ หากข้าได้มันมา ข้าคงจะกลายเป็นพญาอินทรีที่ว่องไว !! เจ้าต้องมอบมันให้แก่ข้าเช่นกัน !!
หยางไค่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขายืนอยู่กับที่แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม : ในเมื่อเจ้าต้องการวิธีการฝึกฝนการซ่อนเร้นตัวตนและท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวของข้า พวกเรามาทำการแลกเปลี่ยนจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมกว่า
ข้อแลกเปลี่ยนเช่นไร ? จี่เจี่ยนชิงขมวดคิ้วไว้แน่น
่ข้าจะให้ในสิ่งที่เจ้าต้องการ เจ้าสอนเคล็ดวิชาแห่งกระบี่ของสำนักระบี่เก้าดวงดาราให้แก่ข้า !! เป็นไง ?
เจ้าอยากเรียนเคล็ดวิชาแห่งกระบี่ ? จี่เจี่ยนชิงกล่าวถามหยางไค่ด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ เขาจ้องมองหยางไค่ โดยไม่พบร่องรอยแห่งกระบี่แม้แต่น้อย
เจ้าไม่มีอาวุธ จะฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งกระบี่ได้อย่างไร ?
ประโยชน์เลย หยางไค่พยักหน้หน้า แม้ว่าในเวลานี้ในมือของเขาจะไร้ซึ่งกระบี่ แต่ภายในร่างกายของเขามีกระบี่มารโลหิต มันเป็นกระบี่ที่เต็มไปด้วยความน่าอัศจรรย์และอำนาจแห่งการฆ่าที่รุนแรง สำนักกระบี่เก้าดวงดาราเป็นสำนักแห่งกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุด แม้แต่ 8 ตระกุลที่ยิ่งใหญ่ก็มิอาจที่จะปฏิเสธความจริงในข้อนี้ได้
เรื่องตลก !! เคล็ดวิชากระบี่แห่งสำนักเก้าดวงดาราจะเผยแพร่หให้แก่บุคคลภายนอกได้อย่างไร ? จี่เจี่ยนซิงหัวเราะอย่างเย็นชา : นอกจากนั้น เจ้ากับความแข็งแกร่งของข้าห่างชั้นกันเกินไป ข้าสามารถเอาชีวิตเจ้าได้อย่างง่ายดาย ทำไมข้าต้องทำการแลกเปลี่ยนกับเจ้าด้วย ?
หยางไค่หัวเราะแห้งๆ กลิ่นอายแห่งความโอหัง กลิ่นอายแห่งความอดทนที่ไร้พ่าย กลิ่นอายแห่งมารปีศาจได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากระดูกทองคำ หยางไค่กัดฟันไว้แน่นและกล่าวตอบ : ข้ายืนยันคำเดิม เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะข้าได้ ?
แต่ว่าท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวของเจ้าก็น่าอัศจรรย์เช่นเดียวกัน เมื่อข้าเอาชนะเจ้าได้ ข้าจะกล่าวกับเจ้าอีกครั้ง !! จี่เจี่ยนชิงสบทด้วยความเยือกเย็น เขาไม่เปิดใช้แสงแห่งกระบี่อีกต่อไป เขารู้ดีว่าแสงแห่งกระบี่ไม่สามารถทำอะไรหยางไค่ได้ ในขณะที่กล่าว แสงประกายแห่งกระบี่ประกายอย่างเจิดจรัส กระบี่ได้พุ่งโจมตีไปยังหยางไค่ในทันที