ตอนที่ 230 แยกจาก
ตอนที่ 230 แยกจาก
ความแข็งแกร่งเป็นเช่นไร ? หวู่เฉิงยี่กล่าวถามต่อ
เขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 !!
เมื่อคำนี้ถูกกล่าวออกไป หยางไค่มองเห็นความเหยียดหยามความรำคาญใจที่ประกายออกมาจากสายตาของหวู่เฉิงยี่ แต่มันก็ไม่น่าแปลก เพราะผู้ฝึกยุทธุ์ที่ยังมีชีวิต มีใครบ้างที่ความแข็งแกร่งไม่ได้อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริง ? ในสายตาของพวกเขาหยางไค่ที่มีความแข็งแกร่งเพียงเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 ช่างต้อยต่ำอย่างยิ่ง
เย่วชิงซือแห่งนิกายซิ่วหล่อแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจ มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านางเองก็คาดไม่ถึงว่าความแข็งแกร่งของหยางไค่จะอ่อนแอเช่นนี้
เดิมทีนางคิดว่าหยางไค่อาศัยอยู่ในสถานที่เต็มไปด้วยอันตรายกว่าครึงปีโดยที่ยังมีชีวิตรอด อย่างน้อยหยางไค่ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริงระดับสูง แต่หยางไค่กล่าวว่าความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในขั้นเขตแดนผสานลมปราขั้นที่ 7 มันทำให้ผู้ที่ได้ยินต่างตะลึงกับคำตอบของเขา
ความแข็งแกร่งของศิษย์น้องหยางมีเพียงเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 ? เย่วชิงซือกล่าวถามอีกครั้ง
หยางไค่พยักหน้า เขาค่อยเคลื่อนไหวพลังลมปราณภายใน เมื่อพลังลมปราณเคลื่อนไหว เขตแดนของเขาได้ประจักษ์ต่อหน้าทุกคน
ผู้ฝึกยุทธุ์จำนวนมากที่อยู่รอบบริเวณเข้าใจในทันที หลังจากนั้นจึงมีเสียงหัวเราะเบาๆดังแว่วเข้ามา
หัวเราะอะไร ? ซูเสี่ยวหยี่รู้สึกไม่พอใจแทนหยางไค่ นางอดไม่ได้ที่จะตะโกน พวกบ้าที่ไร้ซึ่งแววตาที่ชาญฉลาด แม้ว่าศิษย์น้องผู้นี้จะมีเพียงเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 แต่การต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนผสานลมปราณแท้จริงหลายคน
หยางไค่ได้ช่วยนางและเฉินเซี่ยซู่ในสถานการณ์แห่งความเป็นความตายและเขายังได้ฆ่าสัตว์อสูรขั้นที่ 5 จำนวน 2 ตัวและสัตว์อสูรขั้นที่ 4 จำนวน 4 ตัว โดยใช้เวลาไม่ถึง 10 ลมหายใจ
แม้ว่าจะมีเหตุผลบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เขาสามารถเอาชนะสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง แต่ไม่ว่าอย่างไรไม่ต้องสงสัยถึงความแข็งแกร่งและความสามารถของเขาแม้แต่น้อย
ไม่มีใครเข้าใจและรับรู้ถึงความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของหยางไค่ไปมากกว่าซูเสี่ยวหยี่และเฉินเซี่ยซู เมื่อมีคนอย่างเขาเข้าร่วม มันเป็นความโชคดีของกลุ่มคนเหล่านี้ !!แต่มันน่าขำที่พวกเขากลับไม่ทราบความจริง แต่ยังหัวเราะหยางไค่ด้วยความเยาะเย้ย
ซูเสี่ยวหยี่โกรธจนหงุดหงิดใจ แต่นางไมได้กล่าวอะไรไปมากกว่านี้ นางมิใช่สตรีที่โง่เขลา นางจะแพร่งพรายบรรทัดฐานที่แข็งแกร่งของหยางไค่ออกไปได้อย่างไร ?
ความแข็งแกร่งของเจ้ามีเพียงเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 ทำไมเจ้าถึงมีชีวิตรอดในระยะเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ ? เย่วชิงซื้อกล่าวถามด้วยความไม่เข้าใจ สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความตะลึง
ข้าไม่ระวัง ตกลงไปยังเบื้องล่างของหุบเขา ข้าค้นหาเส้นทางกว่าครึ่งปี จึงจะสามารถปีนป่านขึ้นมาได้....... หยางไค่ยักไหล่ไปมา
เมื่อคำนี้กล่าวออกไป กลุ่มคนที่อยู่รอบข้างต่างหัวเราะอย่างไม่หยุด ทรวงอกของซูเสี่ยวหยี่กระชับขึ้นลงด้วยความโกรธ แต่นางก็ไร้ความสามารถที่จะต่อต้าน
สีหน้าของหวู่เฉิงยี่เย็นชา เขากล่าวอย่างไม่เกรงใจ : ความแข็งแกร่งต่ำเกินไป ไม่เหมาะสมที่จะใช้ในการต่อสู้ที่สำคัญ ในเมื่อเขาเป็นคนที่ศิษย์น้อ้งเฉินนำกลับมา ก็ให้เขาเคลื่อนไหวลงมือพร้อมกับศิษย์น้องฌแน อย่างมากเขาจะสามารถล่อลวงสัตว์อสูรขั้นที่ 4 ได้ไม่กี่ตัว ไม่ถือว่าไร้ประโยชน์ !!
เมื่อกล่าวจบ หวู่เฉิงยี่ได้หันกลับไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่กล่าวสิ่งใดกับหยางไค่อีก
ข้าไม่คิดจะอยู่ที่นี้ หยางไค่ขมวดคิ้วไว้แน่น การที่เขาออกจากการปิดกั้นตนเอง เขาต้องหาใครสักคนเพื่อสอบถามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กลับถูกเฉินเซี่ยซูนำกลับมายังที่นี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ในตอนนี้หยางไค่เข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน เขาจึงต้องการที่จะออกไป
การเคลื่อนไหวไปพร้อมกับกลุ่มคนเหล่านี้มีเป้าหมายที่ใหญ่เกินไป หากพวกเขาเป็นศิษย์ที่มาจากสำนักเดียวกันจะเป็นเรื่องที่ดีกว่านี้ เพราะทุกคนจะห่วงใยซึ่งกันและกันด้วยความจริงใจ แต่ใครจะไปรู้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะมีจิตใจที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่งหรือไม่ ? ตนเองเป็นผู้ที่มีเขตแดนต่ำที่สุด เมื่อพบเจอกับสถานการณ์ที่อันตราย เขาคงจะกลายเป็นระเบิดที่ถูกคนเหล่านั้นยิ่งออกไปก่อนอย่างแน่นอน
หยางไค่จะฝากชีวิตของตนเองไว้ในมือของผู้อื่นได้อย่างไร ?
หากเคลื่อนไหวเพียงคนเดียว แม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยความอันตรายที่มากมาย แต่หยางไค่เชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตนเอง ตราบใดที่เขาระมัดระวังตัวไม่มีทางที่จะเกิดเรื่องกับเขาแน่
แม้จะถูกกลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่างล้อมเอาไว้ หยางไค่สามารถใช้เพลิงปีกอัคคีโลกันย์ในการหลบหนีจากวงล้อม ไม่จำเป็นที่เขาจะอยู่รวมตัวกับกลุ่มคนเหล่านี้
นอกจากนั้น หยางไค่ยังมีความกังวลใจ
นั่นก็คือเย่วชิงซื้อและโจวป้าที่อยู่ตรงหน้า หากพวกเขาตรวจพบถึงการดำรงอยู่ของกระบี่มารโลหิตแห่งนิกายซิ่วหล่อ มันต้องเกิดเรื่องวุ่นวายอย่างแน่นอน แม้ว่าความเป็นไปได้จะไม่มาก แต่ก็ต้องป้องกันเอาไว้
ไม่ว่าตนจะยินยอมหรือว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ล้วนแล้วที่จะไม่ยินยอมให้หยางไค่อยู่กลุ่มคนเหล่านี้
เจ้าพูดว่าอะไร ? หวู่เฉิงยี่ชะงักฝีเท้า เขาหันหน้าจ้องมองหยางไค่ หรี่ตาลงและกล่าวถาม : เจ้าต้องการที่จะออกเดินทางเคลื่อนไหวเพียงคนเดียว ?
อืม !! หยางไค่พยักหน้า
ศิษย์น้องหยาง.............. สีหน้าของเฉินเซี่ยซูเปลี่ยนแปลในทันที เขาเดินก้าวเข้ามาและกล่าวกระซิบ : การออกเดินทางเคลื่อนไหวเพียงคนเดียวอันตรายเกินไป เจ้าร่วมมือกับข้าและศิษย์น้องซู และทุกคนต่างมีพันธะสัญญาที่จะดูแลปกป้องซึ่งกันและกัน มันปลอดภัยยิ่งกว่าการเผชิญหน้ากับอันตรายเพียงผู้เดียว
คำกล่าวของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจ ที่ไม่มีสิ่งใดแอบแฝง
เย่วชิงซือกล่าวเกลี้ยกล่อม : ศิษย์น้องหยาง เจ้าอย่าเพิ่งวู่วาม เจ้าอยู่ที่นี้กับพวกเรา แม้ว่าพวกเราจะพบเจอกันครั้งแรก แต่ว่าข้ารู้สึกคุ้นเคยกับเจ้าด้วยความจริงใจ หลายปีที่ผ่านมาไม่มีใครให้ความรู้สึกเช่นนี้ต่อพวกเราทั้ง 2 พวกเราไม่ต้องการให้เจ้าพบเจอกับอันตราย โจวป้าเจ้าก็คิดเหมืนอข้า ใช่หรือไม่ ?
บุรุษหนุ่มร่างกำยำที่มีสีหน้าเย็นชา พยักหน้าช้าๆ
ขอบคุณสำหรับความหวังดีของทุกท่าน หยางไค่ยิ้มอย่างแผ่วเบา : แต่ว่าข้าคุ้นเคยที่จะออกเดินทางเพียงคนเดียว ให้ข้าทำงานภายใต้การควบคุมของผู้อื่นมันเหมือนเป็นการปิดกั้นอิสระของข้า
คนเราย่อมมีเหตุผลของตนเอง ไม่จำเป็นที่จะต้องบังคับ ! หวู่เฉิงหยี่หันหน้ากลับไป เขากล่าวโดยไขว้มือเอาไว้ครั้งหลัง : แต่ว่า ก่อนที่เจ้าจะจากไป ทิ้งยาทั้งหมดของเจ้าไว้ที่นี้
สีหน้าของหยางไค่เฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยวหยี่แสดงออกอย่างเยือกเย็นในทันที
เมื่อสักครู่หยางไค่นำยารักษาอาการบาดเจ็บออกมาได้ถูกมองเห็นจากสายตาของผู้อื่น
เฉินเซี่ยซูขมวดคิ้วและกล่าว : ศิษย์พี่หวู่ มันคงไม่เหมาะสม ?
หวู่เฉิงยี่กล่าวอย่างเรียบเฉย : ไม่เหมาะสมอย่างไร ? เขาเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 อีกไม่นานเขาคงตายอยู่ในน้ำมือของกลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่าง เมื่อถึงตอนนั้นยาเหล่านี้จะตกอยู่ในมือของศัตรู ทิ้งไว้ที่นี้แล้วให้พวกเราใช้มัน มีประโยชน์กว่าเห็นๆ !!
ซูเสี่ยวหยี่หัวเราะอย่างเย็นชา : หวู่เฉิงยี่การกระทำของเจ้ามันเป็นการบีบบังคับเพื่อแย่งชิง !!
เย่วชิงซือขมวดคิ้วไว้แน่น นางและโจวป้าจ้องมองหวู่เฉิงยี่โดยไม่กล่าวสิ่งใดออกไป
หวู่เฉิงยี่หัวเราะอย่างเย็นชา : บีบบังคับเพื่อแย่งชิง ? พวกเจ้ามองไปทั่วบริเวณซิ มีคนจำนวนมากแค่ไหนที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ไร้ซึ่งยารักษา ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะลดลงมากแค่ไหน มีเพียงการรักษาอาการบาดเจ็บให้เร็วที่สุด จึงจะสามารถป้องกันการโจมตีจากกลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่าง !!การที่ข้าแย่งชิงยาของเขา มิใช่เพื่อตัวข้า แต่เพื่อพวกเราทุกคน !!
เฉินเซี่ยซูกล่าวด้วยความโกรธ : หวู่เฉิงยี่ทำไมเจ้าต้องทำเรื่องที่ไร้ศีลธรรมเช่นนี้ !!หากเจ้าจะแย่งชิงมันมา ข้าและศิษย์น้องซูคงไม่มีวันยอมแน่
หวู่เฉิงยี่จ้องมองเฉินเซี่ยซูด้วยสายตาที่หยิ่งยะโสและกล่าวด้วยความความเหยียดหยาม : หากพวกเจ้าไม่ยินยอมแล้วจะทำไม ? หรือว่าพวกเจ้าต้องการที่จะปะทะกับข้า ?
ทันใดนั้นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเริ่มรุนแรงและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งเจตนาแห่งการฆ่า
ข้าก็คิดว่ามันเหมาะสม เย่วชิงซือยิ้มหวาน ดวงตาที่งดงามจ้องมองไปที่หวู่เฉิงยี่ : มันเป็นการกระทำที่เหมือนการบีบบังคับเพื่อแย่งชิง หวู่เฉิงยี่เจ้าเป็นศิษย์อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์จากสำนักที่ยิ่งใหญ่ ไม่เหมาะสมที่เจ้าจะทำการข่มขู่เสมือนการอยู่เหนือผู้อื่น ?
ม่านตาของหวู่เฉิงยี่หดลง ดูเหมือนว่าเขาจะหวาดกลัวเย่วชิงซือ ผ่านไปชั่วครู่ เขาจึงกล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่แผ่วเบา : เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นให้ทุกคนเป็นผู้ตัดสิน !! ดูซิว่ายาของเขาควรจะทิ้งไว้ที่นี้หรือไม่ หรือว่าให้เขานำติดตัวกลับไป !!
ควรทิ้งยาไว้ที่นี้ !! มีกลุ่มคนตะโกนในทันที : ศิษย์พี่หวู่กล่าวได้ถูกต้อง เจ้าคนที่มีความแข็งแกร่งในระดับต่ำเพียงคนเดียว อีกไม่กี่วันเขาคงต้องตาย หากยาเหล่านั้นอยู่ในร่างกายของเขาคงต้องถูกกลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่างนำไปใช้อย่างแน่นอน
เมื่อคำกล่าวนี้ถูกกล่าวออกไป กลุ่มคนส่วนใหญ่ต่างเห็นด้วย
และยังมีคนกล่าว : ทำไมศิษย์พี่เฉินต้องเคืองโกรธ ข้าขอกล่าวคำพูดทียุติธรรม !!ศิษย์แห่งสำนักหลิงเซี่ยวผู้นี้มีความแข็งแกร่งในระดับต่ำ หากเขายินยอมที่จะอยู่รวมกับพวกเราที่นี้และแบ่งปันยาเหล่านั้นให้แก่พวกเราก็ไม่มีปัญหาอะไร ยานั้นจะถูกเก็บไว้ที่เขา เมื่อมีคนได้รับบาดเจ็บ ข้าคิดว่าเขาคงไม่เห็นแก่ตัวเกินไป แต่เขากลับเลือกที่จะเดินทางเพียงคนเดียว ทำทุกอย่างเพียงคนเดียว ข้าคิดว่ายาเหล่านั้นควรทิ้งไว้ที่นี้ !!
กลุ่มคนส่วนใหญ่ต่างเห็นด้วยต่อการกระทำของหวู่เฉิงยี่ ทำให้ใบหน้าของเฉินเซี่ยซูและซู่เสี่ยวหยี่แปรเปลี่ยนไป
เฉินเซี่ยซูหัวเราะอย่างเย็นชา : ทุกท่านคิดว่าการตัดสินใจของพวกเจ้าเป็นเรื่องถูกต้อง ? หากว่ายากรักษาชีวิตของพวกเจ้าถูกแย่งชิงไป พวกเจ้าจะทำอย่างไร ?
กลุ่มคนจำนวนมากขมวดคิ้วไว้แน่นในทันที แม้ว่าพวกเขาจะทราบว่าวิธีการเช่นนี้เป็นเรื่องที่ผิดต่อศีลธรรม แต่ในตอนนี้ยารักษาอาการบาดเจ็บ ยารักษาบาดแผลต่างๆของพวกเขาถูกใช้จนหมด หากมีขวดยาที่เพิ่มอีก 1 ขวด ไม่แน่ว่าในช่วงเวลาที่สำคัญอาจจะช่วยชีวิตของคนหลายคนได้
เจ้าไม่ต้องทำสิ่งใดทั้งสิ้น !! เสียงที่สดใสดังขึ้น
หยางไค่เงยหน้ามอง ซึ่งพบเห็นสตรีแห่งวังบุพผาหมื่นปีกำลังพยักหน้าให้แก่เขา
หวู่เฉิงยี่กระแอ่มอย่างแผ่วเบา เขาไม่คิดว่าจะมีคนจำนวนมากมายช่วยเหลือหยางไค่ เขาจึงกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ : เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะให้เจ้าตัดสินใจเลือก 1 ทางเลือก อย่ากล่าวตำหนิว่าข้ารังแกผู้น้อยเลย
สายตาที่เย็นชาจ้องมองมาที่หยางไค่ : ประการที่ 1 อยู่ที่นี้กับพวกเรา ประการที่ 2 ทิ้งยาเหล่านั้นไว้ แล้วเดินจากไปตามความต้องการของเจ้า !!
ฮ่าฮ่า.............. หยางไค่หัวเราะอย่างแผ่วเบา เขาจ้องมองหวู่เฉิงยี่และกล่าวอย่างช้าๆ : ข้าเลือกทางเลือกที่ 2 !!
หยางไค่ไม่คิดที่จะเดินทางเคลื่อนไหวไปพร้อมกับกลุ่มคนเหล่านี้ หวู่เฉิงยี่ยังมีนิสัยที่หยิ่งยะโสทะนงตนเช่นนี้ มันยิ่งทำให้จิตใจของหยางไค่เบื่อหน่ายกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาจะยอมอยู่ต่อเพื่อทนรับตรงแรงกดดันแห่งการรังแกเหยียดหยามเช่นนี้ไดอย่างไร ?
แต่ตอนนี้มีสายตาที่จ้องมองตนเอง หากไม่ทิ้งยาไว้ให้พวกเขาแล้วเดินจากไป กลุ่มคนที่กล่าวออกความคิดเห็นเมื่อสักครู่คงไม่มีทางยอม
มันเป็นการตัดสินใจของเจ้า!! หวู่เฉิงยี่ยื่นมือไปยังด้านหน้าของหยางไค่อย่างรวดเร็ว
หยางไค่ส่ายศีรษะไปมา และยิ้มอย่างเกลียดชัง
สีหน้าของหวู่เฉิงยี่เปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลัน : เจ้าหมายความว่าอย่างไร ?
ข้ากล่าวเพียงว่าจะทิ้งยาไว้ที่นี้ แต่ข้าไม่ได้กล่าวว่าจะมอบมันให้เจ้า ทำไมเจ้าต้องทำเกินหน้าที่ของเจ้าด้วย หยางไค่หัวเราะอย่างเย็นชา เขาล้วงมือไปยังทรวงอกและนำยารักษาอาการบาดเจ็บออกมา 1 ขวด ก่อนจะยื่นมันให้แก่เฉินเซี่ยซู โดยไม่ละสายตาจากหวู่เฉิงยี่ และกล่าวอย่างเย็นชา : ศิษยืพี่เฉิน ยาเหล่านี้เก็บไว้ที่เจ้า !!
เฉินเซี่ยซู่รับขวดยามา โดยที่สีหน้าของเขาแสดงออกอย่างเกรี้ยวโกรธโดยมิอาจปิดบัง
เขาเป็นคนพาหยางไค่มา แต่ในเวลานี้หยางไค่กลับถูกกลุ่มคนจำนวนมากรังแกและเหยียดยาม เขาจะสามารถควบคุมอารมณ์ความโกรธของตนเองได้อย่างไร ?
เฉินเซี่ยซูสูดลมหายใจเข้าและกล่าว : ศิษย์น้องหยางโปรดวางใจ ยานี้ควรให้ใครใช้ ศิษย์พี่ย่อมรู้ดี !!
ความหมายของคำกล่าวนี้ ทำให้กลุ่มคนที่อยู่ข้างหวู่เฉิงยี่ทราบในทันที ว่าพวกเขาไม่มีทางที่จะได้ครอบครองยาขวดนี้ของหยางไค่
หยางไค่พยักหน้า ยกมือกุมหมัดและกล่าว : วันเวลาข้างหน้าอีกยาวไกล หวังว่าข้าจะได้พบพวกเจ้าอีกครั้ง
ทันทีที่กล่าวจบ หยางไค่เปิดใช้ท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวและพุ่งออกไปในทันที
คงไม่มีโอกาสจะได้เจอกันอีก !! หวู่เฉิงยี่สบทอย่างเย็นชา เขาดึงมือของเขากลับ สีหน้าเขียวคล้ำและกล่าวตะโกนอย่างสง่างาม : หากพี่น้องทุกคนพักฟื้นจนเสร็จสิ้น เราจะเริ่มออกเดินทาง ! กลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่างคงเตรียมตัวที่จะโจมตีเราอีก หากพวกเรายังไม่ออกเดินทาง เกรงว่าจะไม่ทันการณ์
กลุ่มคนกว่า 30 คนรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ภายใต้การจัดแจงของหวู่เฉิงยี่ พวกเขาเดนิทางอยู่ในป่าลึกอย่างระมัดระวัง
ในระหว่างที่เดินทาง คนที่เดินอยู่ด้านหลังที่สุดได้หายไปโดยไม่มีใครสังเกต จนกระทั่งกลุ่มคนเหล่านี้เดินทางออกไปสักระยะ คนผู้นี้จึงมั่นใจว่าเป็นทิศทางที่เขากำลังตามหา ก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ทิศทางแห่งนั้น คือทิศทางที่หยางไค่เดินจากไป
แม้ว่าก่อนที่หยางไค่จะจากไป หยางไค่ได้ให้ยารักษาอาการบาดเจ็บให้แก่พวกเขา 1 ขวด แต่ว่าศิษย์สาวกที่เข้ามาบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งในสถานที่แห่งนี้ ทำไมจึงมียารักษาอาการบาดเจ็บเพียง 1 ขวด ? นอกจากนั้น หยางไค่เคยกล่าวว่า เขาตกลงไปในหุบเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาค้นหาเส้นทางกว่าครึ่งปีจึงสามารถปีนป่ายขึ้นมาจนสำเร็จ เมื่อเป็นเช่นนั้น นั่นแสดงว่าครึ่งปีที่ผ่านมาเขาไม่ได้พบเจอกับการต่อสู้ เมื่อไม่มีการต่อสู้ย่อมไม่ได้รับบาดเจ็บ เมื่อไม่ได้รับบาดเจ็บไม่จำเป็นที่จะใช้ยารักษาอาการบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ดังนั้น เขาต้องมียาอีกมามายที่ซ่อนไว้ในร่างกายของเขา !!
คนคนนี้ได้รับคำสั่งจากหวู่เฉิงยี่ ให้ไปฆ่าหยางไค่และนำยาที่อยู่ในร่างกายของเขามาทั้งหมด
หวู่เฉิงหยี่วางแผนอย่างรอบคอบ เขาสั่งการให้คนคนนี้ไปจัดการหยางไค่ มันจึงไม่เป็นที่ดึงดูดความสนใจของใคร