ตอนที่ 229 นิกายซิ่วหล่อ
ตอนที่ 229 นิกายซิ่วหล่อ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ สีหน้าของหยางไค่เต็มไปด้วยความตรึงเครียด เขาเสียใจต่อการเคลื่อนไหวของเขาเมื่อสักครู่ เขาไม่รู้ว่ามันได้ล่วงรู้เข้าสู่สายตาของใครบ้างหรือไม่ หากมีกลุ่มคนอื่นๆมองเห็นคงต้องพบเจอกับเรื่องที่เดือดร้อนอย่างแน่นอน
เพียงแค่ยารักษาอาการบาดเจ็บกลับกลายเป็นสิ่งของล้ำค่า ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางคิดว่ามันจะเป็นเช่นนี้
ศิษย์น้องเฉิน เข้ามาคุยกับข้าได้ไหม ? ทันใดนั้นเสียงตะโกนเรียกจากหวู่เฉิงหยี่ดังขึ้น เฉินเซี่ยซูขานรับ และกล่าวด้วยเสียงหัวเราะต่อหยางไค่ : ศิษย์น้องหยางรอสักครู่ ข้าจะรีบไปรีบกลับมา
อืม หยางไค่พยักหน้า
เมื่อเฉินเซี่ยซูเดินไป หยางไค่กวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ และพบว่ามีสายตาของกลุ่มคนจำนวนมากกำลังจ้องมองมาที่ตนเอง
กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้เห็นหน้าสมาชิกใหม่มานาน ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่นที่กระจัดกระจายคงตายทั้งหมด ในเวลานี้เมื่อเห็นหยางไค่ที่เป็นสมาชิกใหม่ พวกเขาจึงตื่นเต้นอย่างมาก นอกจากนั้นหยางไค่ยังมาเพียงคนเดียว พวกเขาไม่เข้าใจว่าหยางไค่สามารถหลบหนีจากการไล่ฆ่าของผู้ฝึกยุทธ์แห่งอาณาจักรเทียนหล่าง
หยางไค่กวาดสายตามอง สตรีแห่งวังบุพผาหมื่นปีทั้ง 4 ยังได้พยักหน้าให้แก่เขา
สตรีทั้ง 4 เข้ามายังหุบเขาอเวจีพร้อมกับหยางไค่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยพูดคุยกัน แต่ก็เข้ามาพร้อมๆกัน ในตอนนี้เมื่อตกอยู่ในความเดือกร้อน ความรู้สึกจึงสนิทสนมกันมากขึ้น
หยางไค่ยิ้มอย่างแผ่วเบาให้แก่พวกนาง
ในขณะที่กำลังสังเกตุการณ์ ทันใดนั้นในบริเวณหนึ่งได้มีคน 2 คนลุกขึ้นอย่างฉับพลัน คนแรกเป็นสตรีมีงดงามดั่งบุพผาที่อ่อนช้อย ร่างกายของนางเย้ายวนรัดแน่นด้วยเสื้อผ้าสีเขียวมรกตซึ่งเผยให้เห็นเนินอกที่เร่าร้อน ขาที่เรียวยาว และก้นทั้ง 2 ที่เต่งตึง นอกจากนั้นผิวของนางยังขาวเนียดั่งหยกที่สว่างใส มันประกายอย่างน่าหลงไหล นิ้วทั้ง 10 อ่อนนิ่มโดยเล็บของพวกนางถูกแต่งแต้มด้วยสีแดง ดูให้ความรู้สึกแห่งปีศาจสาวที่งดงาม
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้พบเจอไม่สามารถละสายตาจากนั้น ก็คือทรวงอกที่อวบอิ่มของนาง มันกลมกลึง อย่างน่าหลงไหล สตรีที่หยางไค่เคยพบเจอ ก็มีเพียงหล่างฉู่วเต่วที่สามารถเทียบกับนางได้
นางยิ้มอย่างมีเสน่ห์ และเอียงอายโดยเอวที่บอบบางของนางเคลื่อนไหวอย่างอ่อนช้อย ดวงตาที่สดใสจ้องมองหยางไค่อย่างไม่วางตา มุมปากของนางยังเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ลึกซึ้ง
อีกคนที่ตามหลังนั้น เป็นบรุุษคนหนึ่ง มีเอวที่หนาดั่งหมียักษ์แผ่นหลังที่แข็งแกรงดั่งพยัคฆ์ร้าย ร่างกายใหญ่โตกำยำ โดยร่างกายของคนใหญ่กว่าทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้ สีหน้าที่โหดเหี้ยมเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ใบหน้าของมีมีแผลเป็นที่ยาวกว่า 1 ฉื่อ มันดูน่าเกร่งขามและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่า ดวงตาของเขาเปรียบดั่งสายฟ้าที่เฉียบแหลม และยังประกายด้วยความเยือกเย็นที่ไร้ความปราณี
ไม่ว่าสตรีหรือบุรุษล้วนให้กลิ่นอายแห่งการฆ่าและความรู้สึกแห่งกลิ่นคาวโลหิต
ซูเสี่ยวหยี่ขมวดคิ้วและกล่าว : พวกเขากำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเรา ?
คงเป็นเช่นนั้น หยางไค่ขมวดคิ้ว เขาพบว่าสตรีและบุรุษทั้ง 2 จ้องมองเขาอย่างไม่วางตา และกำลังเดินเข้ามายังทิศทางแห่งนี้
ศิษย์น้องหยางรู้จักพวกเขา ? ซูเสี่ยวหยี่กล่าวถามด้วยความสงสัย
หยางไค่หรี่ตาและส่ายหัว เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบเจอกับพวกเขาทั้ง 2 แม้ว่าในบริเวณริมทะเลสาป หลิงไท่ซู่เคยกล่าวชื่อของสำนักและความแข็งแกร่งของศิษย์สาวกนั้นให้แก่เขา แต่ว่าทะเลสาปนั้นกว้างใหญ่ มีกลุ่มคนจำนวนมากที่อยู่ตรงข้ามที่หลิงไท่ซู่ไม่ได้กล่าวแนะนำ ดังนั้นเขาจึงไม่ทราบฐานะของพวกเขาทั้ง 2
ไม่ใช่เพราะ .ยารักษาอาการบาดเจ็บ ? ซูเสี่ยวหยี่กล่าวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนแปลง
สีหน้าของหยางไค่เปลี่ยนแปลงไป เขารีบระมัดระวังตัวในทันที
ศิษย์น้องหยาง เจ้าอย่าทำการต่อสู้กับพวกเขาทั้ง 2 เด็ดขาด พวกเขาทั้ง 2 แข็งแกร่งอย่างมาก !! ซู่เสี่ยวหยี่กล่าวตักเตือน
ข้าจะพยายาม หยางไค่พยักหน้า เขาเองไม่ต้องการที่จะปะทะกับกลุ่มคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพียงการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ตนเองจะกลายเป็นศัตรูกับพวกเขา นั่นหมายความว่าเขาจะเป็นศัตรูกับกลุ่มคนทั้งหมด มันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน แต่หากพวกเขารับแกตนเอง หยางไค่ไม่มีวันยอมอ่อนข้ออย่างแน่นอน
จากการเดินเข้ามาของพวกเขาทั้ง 2 สายตาของกลุ่มคนทั้งหมดต่างถูกดึงดูด พวกเขาต่างทราบดีว่าสตรีนางนี้กำลังจะทำอะไร
หลังจากนั้น สตรีมาถึงด้านหน้าของหยางไค่ นางยิ้มอย่างมีเสน่ห์และจ้องมองหยางไค่โดยไม่กล่าวสิ่งใดเป็นเวลานาน บุรุษที่อยู่ด้านหลังของนางยิ่งแสดงสีหน้าที่เยือกเย็น ดวงตาทั้งคู่ของเขาราวกับกระบี่แหลมคมที่พุ่งมายังหยางไค่ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะจ้องมองลึกเช้าไปในจิตใจและจิตวิญญานของหยางไค่
หยางไค่ขมาดคิ้วไว้แน่น : ท่านทั้งสองมีเรื่องใดหรือไม่ ?
สตรีมิได้กล่าวตอบ แต่เริ่มสังเกตุหยางไค่อย่างจริงจัง ในขณะเดียวกัน นางได้ลดตัวต่ำลง มุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้ม แม้แต่ใบหน้าของนางยังเข้าใกล้ใบหน้าของหยางไค่ โดยที่จมูกของนางได้ขยับเขยื้อนไปมา
ทันใดนั้นสีหน้าของหยางไค่แสดงออกด้วยความประหลาดใจ
เขาไม่ได้กลิ่นอายแห่งการฆ่าและเจตนาร้ายต่อตนเอง แต่ว่าการกระทำของนางในตอนนี้ ทำให้เขาไม่เข้าใจว่านางต้องการสิ่งใด
สตรีทีท่าทางดั่งสุนัข นางไม่หยุดที่สูดดมร่างกาของหยางไค่อย่างถี่ถ้วน ในขณะที่นางสูดดมไปยังลำคอของหยางไค่ ยังได้นำพากลิ่นหอมที่น่าหลงไหลมาด้วย
กลิ่นหอมของนางคละคลุ้งอยู่บนจมูกของหยางไค่ มันหอมหวานอย่างเย้ายวน ทำให้ผู้ที่เผชิญหน้าต้องจินตนาการไปอย่างยาวไกล
ด้วยลำคอที่เรียวยาว และเนินอกที่อวบอิ่มขาวเนียนดุจหิมะปรากฏอยู่ตรงหน้า และยังมีก้นทั้ง 2 ที่เต่งตรึงอย่างน่าหลงไหลมันทำให้ผู้พบเห็นต้องหวาดหวั่นใจกับสิ่งที่มองเห็น
หยางไค่กลืนน้ำลายเข้าไปอย่างควบคุมไม่ได้ ลำคอของเขาเริ่มร้อนระอุ
นี่ ..เจ้ากำลังจะทำอะไร ? ซู่เสี่ยวหยี่จ้องมองด้วยสายตาที่เบิกโพลง หน้านางแดงก่ำ โดยที่หัวใจของนางเต้นไปมาอย่างว้าวุ่น
การกระทำของสตรี กำลังยั่วยวนอย่างหยาบคาย จิตใจของบุรุษหนุ่มที่กำลังนั่งฟื้นฟูพลังลมปราณต่างหวั่นไหวต่อการกระทำของนาง โดยเฉพาะซูเสี่ยวหยี่ที่ยังบริสุทธุ์ ?
ในเวลานี้นั่งนั่งอยู่ข้างหยางไค่ นางรู้ดีกว่าใคร
เสียงกลืนน้ำลายดั่งมาจากรอบบริเวณ จิตใจของบุรุษหนุ่มต่างสั่นระรัวกับสิ่งที่มองเห็น พวกเขาไม่เคยเห็นสตรีทีมีร่างกายที่เย้ายวนเช่นนี้ แต่เพราะบุรุษหนุ่มที่อยู่ด้านหลังของนาง จึงทำให้ไม่มีใครที่จะกล้าเสียมารยาทต่อนาง
ในเวลาทั่วไปเขาไม่เคยหัวเราะและกล่าวสิ่งใด แล้วจะมีใครจะเข้ากับสตรีนางนี้ ?
แต่ว่าตอนนี้ ดูเหมือนว่าสตรีนางนี้ต้องการที่จะพุ่งเข้าสู่ร่างกายของหยางไค่ด้วยความต้องการ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่างเร่าร้อนและหอมหวานยิ่งนัก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่พบเจอกับความลำบาก และยังต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่รุนแรง ยิ่งทำให้โลหิตของพวกเขาเดือดพล่าน
แม่นางเจ้า ... หยางไค่รู้สึกอึดอัด แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกถึงเจตนาแห่งการฆ่า แต่ว่าสตรีนางนี้ประหลาดเหลือเกิน พวกเขาเพิ่งพบเจอกับครั้งแกร แต่นางกลับมาใกล้ชิดเขาเช่นนี้ มันช่างเป็นเรื่องที่น่าแปลก
ชู่ว . สตรีนางนี้บิดเอวของเขา นางยื่นมือที่ขาวเนียนออกไป และทาบไปยังริมฝีปากของหยางไค่ ทำให้คำกล่าวของเขาต้องกลืนลงท้องไป
หยางไค่ยังถูกกระตุ้น โดยมิอาจห้ามปราณ แม้แต่ใบหูของเขายังแดงก่ำ
ศิษย์น้องหยาง .. ซูเสี่ยวหยี่มิอาจทนดูได้อีกต่อไป นางเตะไปยังหยางไค่ด้วยความรุนแรง
ฮ่าฮ่า ... เมื่อสตรีนางนี้มองเห็นเช่นนี้ นางหัวเราะเบาๆและลุกขึ้น นางจ้องมองหยงไค่ด้วยความสนใจ ใบหน้ารูปไข่เผยให้เห็นความแปลกประหลาดและความไม่เข้าใจ นางจ้องมองหยางไค่อย่างออกรสชาติ ดวงตาประกายด้วยความสนใจ
เป็นอย่างไร ? สตรีนางนั้นหันกลับไปกล่าวถามบุุรุษที่อยู่ด้านหลัง
กลิ่นอายแห่งการฆ่า กลิ่นอายแห่งโลหิต !! บุรุษหนุ่มกล่าวอย่างชัดเจนและเย็นชา
อืม สตรีพยักหน้า และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สดใส : ศิษย์น้องไม่ต้องแปลกใจ เพราะศิษย์พี่ของข้ารู้สึกที่กลิ่นอายที่คุ้นเคย จึงมาตรวจสอบดูเท่านั้น
ฮึ่ม !! ซู่เสี่ยวหยี่สบทออกทางจมูก และหันไปทิศทางอื่น
นางแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อคำแก้ตัวที่่ง่ายดาย
หยางไค่เองก็ไม่เชื่อเช่นเดียวกัน
สตรีนางนี้ยังคงหัวเราะและจ้องมองหยางไค่ : คำอธิบายนี้คงไม่สามารถทำให้เจ้าเชื่อได้ แต่ว่าข้าไม่ได้โกหกเจ้า แท้จริงแล้วข้าเองก็ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร
มารู้จักกันหน่อย ข้าชื่เย่วชิงซือ ศิษย์น้องของข้าโจวป้า !!
หยางไค่ !!
ศิษย์น้องหยางไค่ ... เย่วชิงซือเม้มริมฝีปาก และกล่าวต่อ : พวกเราทั้งสองมาจานิกายซิ่วหล่อที่อยู่ในท้องทะเลที่ไกลพ้น ศิษย์น้องหยางคงไม่เคยได้ยิน
สีหน้าของหยางไค่เปลี่ยนแปลงในทันที แต่เขารีบปิดบังมันยังรวดเร็ว เขาเข้าใจในทันทีว่าทำไมสตรีและบุรุษหนุ่มจึงเข้ามาหาเขาโดยไม่มีสาเหตุ
นิกายซิ่วหล่อแห่งท้องทะเลอันไกลพ้น นิกายชั้น 1 ที่ยิ่งใหญ่
พวกเขาทั้ง 2 น่าจะเป็นศิษย์อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์แห่งนิกายซิ่วหล่อ พวกเขาต้องทราบความลับที่เกี่ยวกับนิกายซิ่วกล่อ นอกจากนั้นสมบัติล้ำค่าของนิกายซิ่วหล่อยังอยู่ในร่างกายของเขา การที่มันจะมีปฏิกิริยาที่ตอบโต้กันก็มิใช่เรื่องที่แปลก
ไม่น่าแปลกที่นางกล่าวว่ารู้สึกคุ้นเคย !! จิตใจของหยางไค่สั่นไหว แต่เขาไม่กล้าที่จะแสดงออกมา ในตอนนี้พวกเขามีความรู้สึกที่คุ้นเคยกับตนเอง หากให้พวกเขารู้ว่าสมบัติล้ำค่าแห่งนิการยซิ่วหล่ออยู่ในร่างกายของเขา ความรู้สึกที่คุ้นเคยต้องกลายเป็นเจตนาแห่งการฆ่าในทันที
มันอาจจะเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
หยางไค่แสร้งทำว่าไม่รู้จักและกล่าวถามด้วยความสงสัย : ท้องทะเลอันไกลพ้น?
เย่วชิงซือพยักหน้า : ทางทิศใต้สุดของอาณาจักรฮั่น ทะเลที่ไร้ที่สิ้นสุด ยังมีสำนักนิกายเป็นจำนวนมาก ศิษย์น้องหยางอาศัยอยู่ในสถานที่ห่างไกล คงไม่รู้จักมัน
มีเพียงนิกายของเจ้าที่มีจากท้องทะเลอันไกลพ้น ? หยางไค่แสดงสีหน้าที่สนใจ ร่างกายของเขายังมีสมบัติวิเศษของพรรคที่มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่อีก 1 ชิ้น
เย่วชิงซือกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : ยังมีคนฝาแฝดอีก 2 คน แต่ตอนนี้เหลือเพียง 1 เขาอยู่ที่นั่น
ในขณะที่กล่าว นางได้ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
หยางไค่มองอย่างไม่สนใจ จิตใจของเขาผ่อนคลายอย่างยิ่ง โชคดีที่ไม่คนแห่งพรรคบุพผาโรยราเข้ามา ไม่เช่นนั้น พวกเขาคงมีความรู้สึกที่คุ้นชินต่อเขาอย่างแน่นอน
ศิษย์น้องหยางเกิดที่ไหน ? เย่วชิงซือกล่าวถาม แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความสงสัยในจิตใจของนางยังไม่หายไป นางต้องการที่จะถามจนแจ่มชัด
หากมีความรู้สึกที่คุ้นเคยกับคนที่เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรก และความรู้สึกที่เกิดขึ้นยังเป็นความรู้สึกของคนทั้ง 2 ดันั้นมันจึงต้องเกิดความสงสัยอย่างแน่นอน
สำนักหลิงเซี่ยว มันไม่มีอะไรที่ต้องปกปิด เขากล่าวต่อ : คงเป็นเพราะวิชายุทธุ์ที่ข้าฝึกฝนมีกลิ่นอายแห่งการฆ่า และระยะเวลาที่ผ่านมาร่างกายของเขาถูกชะโลมด้วยโลหิตที่มากมาย ดังนั้นพวกท่านทั้งสองจึงเกิดความรู้สึกเช่นนั้น
เป็นเช่นนี้ เย่วชิงซือเม้มริมฝีปากและพยักหน้า นางกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : พบเจอเป็นโชคชะตา หากศิษย์น้องเคลื่อนไหวไปพร้อมกับพวกเรา ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมาก เมื่อเจ้ายืนเคียงข้าง ข้าจะปกป้องเจ้า ฮ่าฮ่า .
ขอบคุณสำหรับความหวังดี หยางไค่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ในขณะที่ตนเองกำลังจะเดินไป หวู่เฉิงยี่และเฉินเซี่ยซูได้เดินออกมา
ขอให้การกล่าวคุยได้จบลงเพียงเท่านี้ !! หวู่เฉิงยี่สีหน้าเย็นชา เขาเดินมาหยุดตรงหน้าของหยางไค่ ก้มหน้าลงมองและกล่าว : ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นศิษย์แห่งสำนักหลิงเซี่ยว
หยางไค่ขมวดคิ้วไว้แน่น เขารู้สึกไม่พอใจ หวู่เฉิงยี่มีกลิ่นอายที่หยิ่งยะโส สุุ้มเสียงยังเต็มไปด้วยความเอาแต่ใจและความไม่ยอมใคร
ถูกต้อง หยางไค่พยักหน้า