ตอนที่่ 228 สถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ตอนที่่ 228 สถานการณ์ที่เกิดขึ้น
หยางไค่คุ้นชินกับใบหน้าของกลุ่มคนเหล่านี้ พวกเขาล้วนเป็นกลุ่มคนที่เขาเคยพบเจอกับในริมทะเลสาป
สตรีทั้ง 4 แห่งวังบุพผาหมื่นปีก็อยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้น นอกจากนั้นยังมีกลุ่มคนแห่งตำหนักค้นใจ หอวารีจันทรา สำนักกระบี่เก้าดวงดารา นิกายผลาญอัคคี และหออินทรีโบยบิน ..
ศิษย์แห่งแต่ละสำนักต่างรวมตัวกันอยู่ในบริเวณ ทั้้งหมด 30 คน พวกเขาล้วนเป็นศิษย์รุ่นเยาว์อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์โดดเด่น
แต่ว่าสภาพของกลุ่มคนเหล่านี้ไม่สู้ดีนัก พวกเขาสูญเสียพลังลมปราณจำนวนมาก และยังมีผู้คนจำนวนมากได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและบาดเจ็บสาหัส
หลังจากที่การต่อสู้ที่รุนแรงได้จบลง กลุ่มคนทั้ง 30 คนรีบนั่งฟื้นฟูพลังลมปราณของตนเอง มีเพียงคนคนหนึ่งที่กำลังเดินไปเก็บรวบรวมลูกแก้วชีพจรโลหิตจากสัตว์อสูรที่ตายไป
แสงประกายแห่งสายตาพุ่งมาที่หยางไค่ หยางไค่มองไปยังทิศทางของแสงประกายแห่งสายตานี้ ซึ่งพบบุรษหนุ่มวัยกลางคนอายุประมาณ 27-28 กำลังจ้องมองตนเองด้วยสายตาที่เยือกเย็น
บุรุษหนุ่มีร่างกายที่กำยำ เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ฉีกขาดเป็นส่วนใหญ่ แต่มันยังคงดูเรียบร้อยและสง่างาม ไม่ร่องรอยแห่งพับแม้แต่น้อย บนร่างกายของเขามีร่องรอยแห่งโลหิต มันยิ่งขัดเกลาให้เขาดูเย็นชายิ่งขึ้น เขายืนนิ่งอยู่บริเวณนั้น ราวกับกระบี่ที่แหลมคม ที่พร้อมจะพุ่งแทงใครก็ได้ในทันที
หลังจากที่หยางไค่สบตากับสักครู่ บุรุษหนึ่งผู้นี้ค่อยๆเก็บสายตาของเขา และหันไปสนทนากับคนที่กำลังเก็บเกี่ยวลูกแก้วชีพจรโลหิตเหล่านั้น
เฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยวหยี่เกินเข้ามา ใบหน้าของพวกเขาทั้งสองแสดงสีหน้าความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้า
เกิดอะไรขึ้น? หยางไค่ขมวดคิ้วและกล่าวถาม เขาไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนักต่างๆ ต่างมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อบ่มเพาะพลังของตนเอง พวกเขาทุกคนที่เข้าล้วนเป็นศัตรูซึ่งกันและกัน หากไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ตั้งตนเป็นศัตรูกัน ก็ไม่มีวันที่จะร่วมมือกับเช่นนี้
เรื่องมันยาว !! เฉินซูเซี่ยกัดฟันไว้แน่น และโบกมือให้หยางไค่นั่งลง
หยางไค่เห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส โลหิตไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาจึงหยิบขวดยาออกมา 1 ขวด เขาค่อยๆเทยานั้นออกมาและยืนให้แก่เฉินเซี่ยซู
ยารักษาอาการบาดเจ็บ . ซูเสี่ยวหยี่กล่าวด้วยสายตาที่สว่าง
เฉินเซี่ยซูจ้องมองนางให้รู้จักมีมารยาทก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม : ศิษย์น้องหยาง รีบเก็บมันเข้าไป !!
หยางไค่ขมวดคิ้วไว้แน่นยิ่งขึ้นด้วยความสงสัย แม้ว่าเขาจะไม่เข้าในเหตุผล แต่เขาค่อยๆเก็บขวดยาไว้ในทรวงอกเช่นเดิม ก่อนจะยัดยาที่เทออกมาเหล่านั้นไว้ในมือของเฉินเซี่ยซู
จิตใจของหยางไค่เต็มไปด้วยความสงสัยที่มิอาจเข้าใจ มันก็เพียงยารักษาอาการบาดเจ็บเพียงไม่กี่เม็ด ? ทำไมซูเสี่ยวหยี่ต้องทำสีหน้าตกใจเช่นนั้น ? ศิษย์สาวกที่เข้ามาบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งในสถานที่แห่งนี้ ล้วนต้องมียาเหล่านี้ติดตัวเอาไว้ เพื่อใช้มันในยามที่จำเป็น
ถุงผ้าสวรรค์ล้อมปฐพีของเขามีขวดยากว่า10 ขวด ล้วนเป็นอาจารย์ปู่หลิงไท่ซู่เตรียมให้เขา แต่เขาไม่เคยใช้มันเลยสักครั้ง
ซูเสี่ยวหยี่หันหน้าไปรอบ 4 ทิศ และแสดงสีหน้าที่ขออภัยต่อการกระทำของนาง
ศิษย์พี่เฉิน ทำไมพวกเจ้าถึงมารวมตัวอยู่ด้วยกัน ? หยางไค่กล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เขาไม่เข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
เราไม่มีทางเลือก !! เฉินเซี่ยซู่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ขมขื่น
มีคนบีบบังคับเจ้า? หยางไค่กล่าวด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น
มันไม่ใช่เช่นนั้น เฉินเซี่ยซูส่ายหัว : การที่พวกเรารวมตัวอยู่ด้วยกัน เป็นความยินยอมของทุกคน มันเป็นการปกป้องซึ่งกันและกัน หากพวกเราไม่รวมตัวอยู่ด้วยกัน เราไม่สามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่อไป
หรือว่าสถานที่แห่งนี้เกิดอันตรายที่ไม่คาดฝันขึ้น ทำให้พวกเจ้าต้องรวมมือกันอย่างไร้ซึ่งหนทาง ? หยางไค่กล่าวถามด้วยความสงสัย
อืม เฉินซูเซี่ยพยักหน้า
มนุษย์หรือสัตว์อสูร ?
ทั้งมนุษย์ ทั้งสัตว์อสูร เฉินเซี่ยซูถอนหายใจ ก่อนจะเงยหน้ากล่าวต่อ : เจ้ายังจำกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งทียืนอยู่ริมทะเลสาป กลุ่มคนที่สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่เหมือนกับคนแห่งอาณาจักรฮั่นเช่นพวกเรา ?
ทำไมหยางไค่จะจำไม่ได้ เขาจดจำคนเรานั้นได้อย่างแม่นยำ ก่อนจะกล่าวตอบ : ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรเทียนหล่าง
เฉินเซี่ยซู่จ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่ตะลึง : ศิษย์น้องทราบถึงฐานะที่แท้จริงของพวกเขา !!พวกเราต้องสูญเสียอย่างมาก ถึงทราบว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรเช่นพวกเรา
อาจารย์ปู่เคยกล่าวแก่ข้า
เฉินเซี่ยซูตะลึงยิ่งกว่า เขาแสดงออกด้วยสีหน้าที่ชื่นชม : ผู้อาวุโสหลิงเป็นผู้รอบรู้อย่างแท้จริง !!
เกี่ยวข้องอะไรกับผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรเทียนหล่าง? เป็นความจริงที่พวกเขาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่พวกเขามีเพียง 4 คน พวกเจ้ามีคนตั้งมากมายเช่นนี้พวกเจ้าจะหวาดกลัวไปทำไม ? หยางไค่กล่าวถามด้วยความสงสัยอย่างยิ่ง
หากพวกเขามีเพียง 4 คน ไม่มีทางที่พวกเราจะหวาดกลัวพวกเขา !! ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรเทียนหล่างกล้าที่จะเสียมารยาทต่ออาณาจักรฮั่นของพวกเรา มันเป็นการรนหาที่ตาย พวกที่อยู่ในนี้เพียงไม่กี่คน สามารถที่จะฆ่าพวกเขาได้ทั้งมหด เฉินเซี่ยซูเกรี้ยวโกรธอย่างยิ่ง พอเขากล่าวจบเขาได้สหัวเราะด้วยน้ำเสียงที่ขมขื่น : พวกเขาไม่ได้มีเพียง 4 คน ไม่รู้ว่าพวกเขาฝึกฝนเคล็ดวิชาได้ ถึงสามารถควบคุมให้สัตว์อสูรเข้าร่วมกันต่อสู้ !! พวกเขาทั้ง 4 แต่ละคนมีสัตว์อสูรภายใต้การควบคุมกว่า 100 ตัว แล้วจะให้พวกเราเอาชนะพวกเขาได้อย่างไร ?
เมื่อได้ยินดังนี้ คิ้วของหยางไค่กระตุกอย่างรุนแรง เขากล่าวด้วยนำเสียงที่ตกใจ : ก่อนหน้านี้สัตว์อสูรที่ล้อมพวกเจ้าไว้ และสัตว์อสูรกลุ่มนนั้น ล้วนเป็นสัตว์อสูรที่ถูกส่งเข้ามาโดยผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรเทียนหล่าง ?
ถูกต้อง !! เฉินเซี่ยซูพยักหน้าด้วยความเคร่งขรึม : ศิษย์สาวกแห่งอาณาจักรฮั่นของพวกเราเข้าร่วมการบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งในสถานที่แห่งนี้กลายร้อยคน แต่ไม่คิดว่ากลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่างได้มีการเตรียมตัวไว้ตั้งแต่แรก ก่อนหน้านี้ 1-2 เดือน คนชั่วเหล่านั้นยังไม่มีการเคลื่อนไหว พวกเขาปล่อยให้ผู้ฝึกยุทธุืแห่งอาณาจักรฮั่นฆ่าสัตว์อสูรและเข่นฆ่ากันเอง แต่เมื่อ 2 เดือนผ่านไป หลังจากที่พวกเขาสามารถควบคุมสัตว์อสูรได้จำนวนมาก พวกเขาเริ่มสร้างความเดือดร้อนให้แก่ศิษย์สาวกแห่งอาณาจักรฮั่น มีผู้คนจำนวนมากที่ไม่ได้ป้องกันตนเอง จนถูกส้ตว์อสูรเหล่านั้นฆ่าตาย โดยที่คนแห่งอาณาจักรเทียนไม่ต้องลงมือ โดยสามารถฆ่าคนแห่งอาณาจักรฮั่นของเราไปทีละคนทีละคนได้อย่างง่ายดาย
หยางไค่ตื่นตกใจอย่างยิ่ง เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ของตนเองเป็นเวลานาน
แต่ว่าความสงสัยได้ถูกคลี่คลาย ไม่แปลกเลยที่ก่อนหน้านี้เขาจะมองเห็นสัตว์อสูรที่แตกต่างกันหลายชนิด ที่แท้แล้วมันมีคนควบคุมบงการพวกมันอยู่เบื้องหลัง !!
หลายเดือนที่พวกเราต่อสู้กันมา สัตว์อสูรของกลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนหล่างเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่สามารถที่จะฆ่าพวกมันให้หมดไป แต่ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่นของพวกเรา กับลดน้อยลงน้อยลง ก่อนหน้านั้นพวกเรารวมตัวกันกว่า 50 คน ตอนนี้ตายไปแล้วกว่า 10 คน นอกจากกลุ่มคนที่รวมตัวอยู่ที่นี้ ข้าคาดว่าคงไม่เหลือใครที่ยังมีชีวิต
อาจจะกล่าวได้ว่า ในสถานที่แห่งนี้มีเพียงผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรเทียนหล่าง 4 คนและพวกเราที่อยู่ในบริเวณนี้กว่า 10 คนที่ยังมีชีวิต
หยางไค่สูดลมหายใจเขา เขารู้สึกเหมือนสติหลุดลอย ก่อนหน้าที่เขามายังสถานที่แห่งนี้มีกลุ่มคนกว่า 300 คน แต่ผ่านไปยังไม่ถึงครึ่งปี กลับเหลือกลุ่มคนเพียง 1 ใน 10 ส่วนเท่านั้น กลุ่มคนที่ตายไปล้วนเป็นศิษย์อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ของสำนักน้อยใหญ่ การสูญเสียช่างใหญ่หลวงยิ่งนัก
เมื่อกล่าวไปเรื่อยๆ เฉินเซี่ยซูรู้สึกอึดอัดและว้าวุ่นใจอย่างสุดขีด จนใบหน้าของเขาแดงก่ำ : สิ่งที่เกิดขึ้นช่างน่าอับอายยิ่งนัก หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป เกียรติและศักดิ์ศรีของพวกเราคงถูกทำลายจนย่อยยับ ..
อาณาจักรฮั่นมีสำนักน้อยใหญ่จำนวนมากมาย มีศิษย์รุ่นเยาว์มากฝีมือที่มากมาย แต่กลับถูกผู้ฝึกยุทธุ์ที่มาจากอาณาจักรเทียนหล่างกดขี่ จนมิอาจเงยศีรษะ หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป คงเป็นเรื่องที่น่าอับอายและเรื่องที่น่าขำขันของคนทั่วอาณาจักร ไม่น่าแปลกที่ใบหน้าของเขาจะแดงก่ำเช่นนี้
ศิษย์พี่ ไม่ใช่ความผิดของท่าน !! ซู่เสี่ยวหยี่กล่าวปลอบใจ : ไม่ใช่พวกเราไม่แข็งแกร่งพอ แต่กลุ่มคนเลวทรามเหล่านั้น เตรียมแผนการมาอย่างดี
อ๊า !! เฉินเซี่ยซูถอนหายใจด้วยควาสิ้นหวัง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง : ในตอนนี้ข้าเฝ้ารอให้สถานที่แห่งนี้ปิดกั้นตนเองให้เร็วไว้ พวกเราจะได้หนีออกไปได้
หยางไค่ขมวดคิ้วครุ่นคิด เขาได้กล่าวออกมาอย่างฉับพลัน : ในตอนนี้กลุ่มคนรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ฟังคำสั่งของใคร ?
ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่ง ในขณะที่พวกเขาอยู่ในสำนักของพวกเขา พวกเขาล้วนเก่งกล้าสามารถ แต่เมื่อกลุ่มคนที่มีความสามารถรวมตัวกัน มันเต็มไปด้วยความหยิ่งยะโสทะเยอะทะยานในความสามารถของตน ทุกคนต่างคิดว่าตนเองเองแข็งแกร่งที่สุด หากไม่มีผู้นำที่มีความแข็งแกร่งพอในการควบคุมพวกเขา มันก็เป็นเพียงเศษทรายที่ร่วนซุย
เฉินเซี่ยซูขมิบปากไปยังทิศทางหนึ่งและกล่าว : คนนั้น หวู่เฉิงยี่ แห่งสำนักกระบี่เก้าดวงดารา เขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 ในกลุ่มคนที่รวมตัวกัน เขาเป็นผู้มีความแข็งแกร่งมากที่สุด พวกเราทุกคนจึงเชื่อฟังคำสั่งของเขาเป็นเวลาชั่วคราว
หยางไค่จ้องมองออกไป และหรี่ตามอง และพบว่าคนคนนี้คือคนที่สบสายตากับเขาเมื่อสักครู่
หยางไค่พยักหน้าอย่างช้าๆ ไม่น่าแปลกที่เขาให้ความรู้สึกดั่งกระบี่ที่แหลมคน แท้จริงแล้วเขาเป็นศิษย์อัจฉริยะแห่งสำนักกระบี่เก้าดวงดารา
สำนักกระบี่เก้าดวงดารา ศิษย์ในสำนักฝึกฝนวิชายุทธุ์แห่งกระบี่ และยังเป็นสำนักที่มีชื่อเสียงกว้างไกล ในอาณาจักรฮั่นเป็น 1 ในสำนักที่แข็งแกร่ง
ผู้คนต่างๆล้วนขนานนามสำนักกระบี่เก้าดวงดราว่าเป็น 1 ในตระกูลที่ยิ่งใหญ่แห่งตระกูลทั้ง 8 ในเมืองหลวง หรือก็คือ 8 สำนักที่่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในเมืองหลวง เพียงเท่านี้ก็สามารถบ่งบอกได้ถึงความแข็งแกร่งของสำนักกระบี่เก้าดวงดารา
หวู่เฉิงยี่มีความแข็งแกร่งในระดับสูง ฐานะไม่ธรรมดา ไม่มีคำครหาใดๆเมื่อมีคนเช่นเขาเป็นผู้นำชั่วคราว นอกจากเขาแล้ว ในกลุ่มผู้ฝึกยุทธุ์ที่รวมตัวกันคงไม่มีใครน่าเคารพเช่นเขา
หยางไค่พยักหน้าอย่างช้าๆ และกล่าว : พฤติกรรมการวางตัวและกลิ่นอายของคนคนนั้นช่างเหมาะสมสำหรับการเป็นผู้นำ ดูเหมือนว่าสำนักกระบี่เก้าดวงดาราคงขัดเกลาเขามาอย่างดี
เมื่อซูเสี่ยวหยี่ได้ยินนางเบ้ปากและกล่าวกระซิบ : เขาเป็นบุรุษที่หยิ่งยะโส พวกเขาคิดว่าพวกเราเป็นทาสรับใช้ที่เรียกใช้เราตลอดเวลา นอกจากนั้นลูกแก้วชีพจรโลหิตที่ได้รับหลังจากที่ฆ่าสัตว์อสูร ต่างถูกเขาเก็บไปหมดโดยไม่ยอมวางมือแม้แต่ครั้งเดียว ไม่รู้ว่าเขาลักลอบมันไปใช้ไปมากเท่าไหร่
เฉินเซี่ยซูถลึงตาให้แก่ซูเสี่ยวหยี่ : อย่ากล่าวเช่นนั้น หากไม่ใช่เพราะเขาเป็นผู้รวบรวมกลุ่มคนที่มีชีวิต พวกเขาคงไม่สามารถรวมตัวกันเช่นนี้ พวกเราคงถูกกลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนกล่างฆ่าตาย เขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด เราออกแรงทำงานเป็นสิ่งที่ดีที่สุด พวกเราต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์มากที่สุด นอกจากนั้น สัตว์อสูรกว่า 8 ส่วนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่างถูกควบคุมโดยกลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทืียนหล่าง พวกเราไม่มีทางที่จะได้รับลูกแก้วชีพจรโลหิต เขาอยากได้เราก็ให้เขาไป ตอนนี้ข้าหวังเพียงว่าพวกเราจะออกจากสถานที่แห่งนี้ได้อย่างปลอดภัย ส่วนเรื่องอื่นๆเราไม่ต้องไปกังวลเลย
ซูเสี่ยวหยี่กล่าวด้วยความไม่พอใจ : หากเป็นเช่นนี้ข้าก็มิได้จะไปสนใจ แต่เขาไม่เคยสนใจชีวิตของผู้อื่น พวกเราถูกสั่งให้ออกไปล่อสัตว์อสูรกว่า 10 ตัวนั่น หากไม่มีความช่วยเหลือจากศิษย์น้องหยาง ศิษย์พี่คง .
เมื่อหวนคิดถึงสถานการณ์แห่งความวิกฤตเมื่อสักครู่ ซูเสี่ยวหยีรู้สึกตกใจจนดวงตาแดงก่ำ
เจ้าจะร้องไห้ทำไม เจ้าจะให้ศิษย์น้องหยางเห็นสภาพเจ้าเช่นนี้หรือไง ไม่ใช่พวกเราจะไม่ได้รับอันตรายเมื่ออยู่ในสถานที่แห่งนี้ ? เฉินเซี่ยซูปลอบโยนนางและแสดงสีหน้าที่ขอโทษและหัวเราะอย่างมีความสุข
หยางไค่ขมวดคิ้วและกล่าว : การที่พวกเจ้าถูกสัตว์อสูรล้อม เป็นเพราะคำสั่งของเขา ?
เฉินเซี่ยซูกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ขมขื่น : สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเพราะความโชคร้ายของข้าและศิษย์น้อง ที่ต้องพบเจอกับสัตว์อสูรที่มากมาย
หยางไค่ถอนหายใจ โดยสามารถเข้าใจความไร้หนทางของเฉินเซี่ยซู สถานการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่พอใจต่อหวู่เฉิงยี่ แต่ก็ทำได้เพียงฝืนทน หากออกจากการรวมตัวในสถานที่แห่งนี้ จากความแข็งแกร่งของเขาและซูเสี่ยวหยี่ คงจะต้องพบเจอกับความตายที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
เมื่อคิดไตร่ตรอง ในที่สุดหยางไค่ก็เข้าใจว่าทำไมในขณะที่ตนเองนำยารักษาอาการบาดเจ็บออกมา ซูเสี่ยวหยี่จึงดีใจเช่นนั้น
หลายเดือนที่ผ่านมา กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งต้องพบเจอกับการต่อสู้ที่มากมายนับไม่ถ้วน แม้ว่าถูกคนจะมียาแขนงต่างๆ แต่คงใช้หมดไปอย่างแน่นอน ในตอนนี้ไร้ซึ่งบุพผาหรือหญ้าจิตวิญญานที่วิเศษ ยากรักษาอาการบาดเจ็บที่ตนเองนำออกมามีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด