ตอนที่ 227 พบเจอเฉินเซี่ยซู
ตอนที่ 227 พบเจอเฉินเซี่ยซู
หากเป็นผู้อื่นที่ถูกสัตว์อสูรจำนวนมากมายล้อมเอาไว้ หยางไค่จะนั่งดูสถานการณ์ต่อไป การวิ่งออกไปช่วยเหลือพวกเขาจะเป็นการกระทำที่โง่เขลาและมันจะทำให้ตนเองเดือดร้อน โดยเฉพาะผู้บ่มเาพาะพลังรุ่นเยาว์ที่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ มีใครบ้างที่ไม่อยากได้สิ่งของที่ล้ำค่าไป ? มันเป็นการดีหากจะสามารถมองเห็นจิตใจที่แท้จริงของผู้อื่นว่าจิตใจของพวกเขาเป็นสีดำหรือสีแดง
แต่ในเมื่อศิษย์ทั้งสองแห่งสำนักจันทราซ่อนเร้นได้รับอันตราย หยางไค่ไม่มีเวลาที่จะครุ่นคิดอะไรมาก
เฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยวหยี่ให้ความทรงจำที่ไม่เลวสำหรับเขา พวกเขาทั้งสองเป็นศิษย์พี่ที่ไม่เลวร้าย ก่อนหน้าที่หยางไค่พบเจอกับพวกเขา หยางไค่ได้เชื่อว่าพวกเขาเป็นคนซื่อสัตย์ที่่สามารถเชื่อใจได้
การสืบหาเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ พวกเขาเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หางไค่ไม่ลังเล เขาค่อยๆปีนลงมาจากต้นไม้ และวิ่งเข้าไปยังบริเวณที่เกิดการต่อสู้ในทันที
สีหน้าของเฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยวหยี่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด พลังลมปราณของพวกเขาปล่ดปล่อยออกไปอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดเป็นกระบวนท่าแห่งการฆ่าที่ดุดันและรุนแรง แม้ว่าพวกเขาจะสามารถฆ่าสัตว์อสูรขั้นที่ 4 เป็นจำนวนหลายตัว แต่ไม่ว่าอย่างไรสถานการณ์ของพวกเขาก็ไมได้ดีขึ้น สัตว์อสูรมีจำนวนที่มากเกินไป มันล้อมพวกเขาไว้ทั้ง 4 ทิศทาง โดยเฉพาะสัตว์อสูรขั้นที่ 5 ทั้ง 3 ตนนั้น มันมีความคิดที่ชาญฉลาด ในขณะที่สัตว์อสูรขั้นที่ 4 กำลังลงมือโจมตี มันจะลอบโจมตีอยู่ด้านหลัง มันจึงทำให้พวกเขาทั้ง 2 ไม่ไดรับชัยชนะ และบาดแผลของเฉินเซี่ยซูก็ได้มาเพราะเช่นนี้
หากพวกเขาทั้งสองมีจิตใจที่เชื่อมประสานกัน เข้าใจกันและกันอย่างถ่องแท้ สถานการณ์ที่อันตรายคงจะหยุดลงตั้งแต่แรก
ระหว่างการต่อสู้ แววตาของเฉินเซี่ยซูกระพริบอย่างฉับพลัน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม : ศิษย์น้อง อีกสักพักข้าจะใช้พลังทั้งหมดโจมตีพวกมันเพื่อเปิดช่องว่างให้เจ้า เมื่อถึงตอนนั้นให้เจ้าวิ่งหนีออกไปให้เร็วที่สุด ข้าจะรั้งสัตว์อสูรที่เหลือเอาไว้เอง
เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ซูเสี่ยวหยี่เข้าใจแผนการและเจตนาของเขาในทันที นางรีบส่ายหัวไปมา : ไม่ หากจะไปเราต้องไปพร้อมกัน หากจะตาย .ก็ต้องตายพร้อมกัน !!
อย่าดื้อสิ !! เฉินเซี่ยซูกล่าวตะโกนด้วยความโกรธ : พลังลมปราณแท้จริงของพวกเราเหลือเพียงไม่กี่ส่วน แต่สัตว์อสูรกลับมีจำนวนที่มากมายเช่นนี้ พวกเราไม่สามารถที่จะหนีรอดออกไปได้ !! มีเพียงการทิ้งคนคนหนึ่งเอาไว้ที่นี้ เพื่อรั้งพวกมันเอาไว้ จึงจะมีโอกาสในการหลบหนี !! เมื่อเจ้าหนีไปอย่าคิดแม้แต่จะหันกลับมา หาสถานที่ปลอดภัยและหลบซ่อนตัว และอย่าออกมาอีก รอจนกระทั่งสถานที่แห่งนี้ปิดกั้นตนเอง เจ้าก็จะสามารถกลับไปยังสำนักจันทราซ่อนเร้นได้อย่างปลอดภัย !!
ข้าไม่อยากฟัง ข้าไม่อยากฟัง ! ซู่เสี่ยวหยี่ส่ายหัวไปมาและร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง
เฉินเซี่ยซูพยายามโน้มน้าวนางอีกครั้ง แต่ซูเสี่ยวหยี่กลับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง : หากเจ้ายังกล้ากล่าวอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ข้าจะวิ่งเข้าไปให้สัตว์อสูรเหล่านี้ฉีกร่างกายของข้าจนกลายเป็นชิ้นๆ
ทำไมเจ้า .. เฉินเซี่ยซูกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด
เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้า ? ซู่เสี่ยวหยี่จ้องมองเฉินเซี่ยซูด้วยสายตาที่เคืองโกรธ ดี !! ข้าจะไม่กล่าวอะไรมาก งั้นพวกเราใชต้องโจมตีจนมันเปิดทางให้พวกเรา !! ให้สัตว์เดรฉานเหล่านี้่เห็นเคล็ดวิชาขั้นสูงสุดของสำนักจันทราซ่อนเร้น !! จิตวิญญานของเฉินเซี่ยซูสั่นสะท้าน ความคิดสั้นได้มลายหายไปในทันที
ซูเสี่ยวหยี่ยิ้มอย่างเงียบๆ นางยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับเฉินเซี่ยซู และเริ่มหมุนเวียนพลังลมปราณแท้จริงภายในร่างกาย ก่อนจะรวมพลังและพุ่งฝ่ามือออกไปพร้อมกัน
ทันใดนั้น จันทราครึ่งเสี้ยวได้ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าราว แสงจันทร์สีเงินที่งดงามได้แพร่กระจายออกมา จันทราครึ่งเสี้ยวซ่อนเร้นพลังแห่งการฆ่าที่รุนแรง สัตว์อสูรกว่า 10 ตัวที่ล้อมพวกเขาอยู่บริเวณทุกทิศทางต่างถูกจันทราครึ่งเสี้ยวพุ่งผสานเข้าไปในร่างกาย ทำให้พวกเขาส่งเสียงร้องที่โหยหวนออกมา สัตว์อสูรขั้นที่ 4 ตายไปกว่าครึ่งในทันที แม้แต่สัตว์อสูรขั้นที่ 5 ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส จนทำให้โลหิตสีแดงกระเด็นไปทั่วบริเวณ
เคล็ดวิชาขั้นสูงสุดของจันทราซ่อนเร้น จันทราผลาญทำลาย !!
หากกระบวนท่านี้สามารถใช้พลังความแข็งทั้งหมดในการโจมตี สัตว์อสูรทั้ง 10 ตัวคงไร้ซึ่งโอกาสในการมีชีวิต แต่น่าเสียดายที่พลังความแข็งแกร่งของเฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยหยี่เหลือเพียงเล็กน้อย แม้ว่าพวกเขาทั้ง 2 จะร่วมมือกันอย่างสุดกำลัง พลังแห่งการโจมตีของจันทราผลาญทำลายที่ปลดปล่อยออกมาก็มิอาจที่จะแสดงอำนาจพลังที่แท้จริงของมันได้
แต่สัตว์อสูรได้รับบาดเจ็บ พวกมันค่อยๆถอยร่นออกไป เฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยวหยี่หอบหายใจและจ้องมองซึ่งกันและกัน ดวงตาของพวกเขาไร้ซึ่งความเสียงใจ มีเพียงแต่ความอบอุ่นในหัวในเท่านั้น
พวกเขาพยามอย่างเต็มที่แล้ว พลังลมปราณแท้จริง 10 ส่วนถูกใช้ออกไปถึง 9 ส่วน พวกเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรกงที่จะต่อต้าน หากมีการโจมตีของสัตว์อสูรในครั้งต่อไป จะเป็นเวลาที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความตาย
ดูเหมือนว่าสัตว์อสูรที่ยังมีชีวิตเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากที่พวกมันถอยร่นออกไปพวกเขาได้แสะเขี้ยวและเดินเข้ามาอีกครั้ง ดวงตาที่เยือกเย็นของมันจ้องมองพวกเขาทั้งสองอย่างโหดเหี้ยม และเตรียมตัวที่จะโจมตีพวกเขาทั้งสอง
พวกเขาทั้งสองไม่ได้นั่งรอความตาย เฉินเซี่ยซูปกป้องซูเสี่ยวหยี่ ในขณะที่ตนเองต่อสู้กับสัตว์อสูรอย่างสุดำลัง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าอย่างสุดขีด
ซวาก ซวาก ซวาก !! สัตว์อสูรที่เหลือได้พุ่งเข้ามา เฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยวหยี่ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา พวกเขาได้ปลดปล่อยพลังลมปราณแท้จริงในเฮือกสุดท้ายออกไป
สัตว์อสูรขั้นที่ 4 ที่อยู่หน้าสุดถูกโจมตีจนศีรษะของมันแตกกระจายและตายในทันที
ยังมีสัตว์อสูรขั้นที่ 4 อีกตนที่ถูกโจมตีจนมันลอยกระเด็นออกไป มันกระแทกลงไปที่พื้นด้วยน้ำเสียงที่โหยหวนและตายในทันทีเช่นกัน
แต่จำนวนของสัตว์อสูรยังมีจำนวนมากมาย สองมือของพวกเขาต้องต่อสู้กับศัตรูที่พุ่งเข้ามายังรอบบริเวณ ในขณะที่ต่ออสู้ ยังมีสัตว์อสูรขั้นที่ 5 จำนวน 2 ตนที่ลอบโจมตีพวกเขาอยู่ด้านหลัง ก่อนจะพุ่งขย้ำไปยังเฉินเซี่ยซู
กลิ่นคาวโลหิตฟุ้งกระจาย กลิ่นอายแห่งความตายได้มาถึง
ทันใดนั้น เงาร่างของคนผู้นี้ได้เหาะลงมาจากกลางอากาศ เขาพุ่งออกไปด้านหน้าของเฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยวหยี่เพื่อต้านรับการโจมตีจากสัตว์อสูรอย่างไม่หวาดกลัว
สายตาของศิษย์ทั้งสองประกายด้วยความตื่นตะลึง
หลังจากนั้น พวกเขามองเห็นฝ่ามือของคนผู้นี้พุ่งโจมตีไปยังด้านหลังของสัตว์อสูรขั้นที่ 5 ทั้ง 2 ตน
เสียงโหยหวนของสัตว์อสูรทั้ง 2 ตนดังขึ้น สัตว์อสูรขั้นที่ 5 ที่กำลังจะขย้ำเฉินเซี่ยวู ได้ถูกหมัดของคนผู้นี้โจมตีจนมันล้มลงไปที่พื้น
ทันใดนั้นเสียงระเบิดได้ดังขึ้นจากร่างกายของสัตว์อสูรทั้ง 2 พลังแห่งความร้อนได้แพร่กระจายออกมา นำพามาซึ่งความรู้สึกที่ร้อนระอุ
หลังจากที่คนผู้นี้มาถึงสถานที่แห่งนี้ เขาได้ออกหมัดโจมตีไปยังสัตว์อสูรทั้งหมดด้วยความเร็วที่เปรียบดั่งสายฟ้า
ปังปังปัง !!!
สัตว์อสูรขั้นที่ 4 ที่อยู่รอบบริเวณถูกโจมตีจนลอยกระเด็น หลังจากที่พวกมันกระแทกลงไปที่พื้น พวกมันดิ้นรนได้ไม่นาน ปากของมันมีโลหิตสีแดงไหลออกมา โดยที่พวกมันไม่สามารถที่จะคลานลุกขึ้นอีก
เป็นเจ้า !! ซู่เสี่ยวหยี่กล่าวตะโกนด้วยความตำใจ เขาจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่ดีใจและตื่นเต้น
ศิษย์น้องหยาง !! เฉินเซี่ยซูถอนหายใจด้วยความโล่งอก การหนีรอดจากความตายเป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์อย่างยิ่ง !
ค่อยคุย !! ฝ่าเท้าของหยางไค่เหยียบย่ำสายลมที่พัดผ่าน เขาพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วอีกครั้ง
การโจมตีด้วยหมัด 2 ครั้ง ทำให้สัตว์อสูรขั้นที่ 5 ทั้ง 2 ตนล้มลงในทันที แต่ยัวไม่สามารถเอาชีวิตของพวกมันได้ ในตอนนี้สัตว์อสูรขั้นที่ 5 ทั้ง 2 ตนมองเห็นอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น มันแสะเขี้ยวตะโกนคำราม มันค่อยๆถอยหนีออกไป และพยายามวิ่งหนีออกไป
สีหน้าของหยางไค่เยือกเย็น เขารีบพุ่งไปยังด้านหน้าของสัตว์อสูรทั้ง 2 โดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว เขายกมือขึ้นสูงและพุ่งโจมตีไปยังศีรษะของสัตว์อสูรขั้นที่ 5 ตน ที่ 1
ปฏิกิริยาการตอบสนองของสัตว์อสูรรวดเร็วอย่างยิ่ง มันรีบหลบหนีจากการดจมตีในครั้ง แต่ยังมิทันที่จะให้มันตอบสนอง หยางไค่ฝ่ามือโจมตีไปยังคางของมันทันที
ป๊าป !! ฝ่ามือของเขาฟาดลงไปยังใบหน้าของสัตว์อสูรขั้นที่ 5
สัตว์อสูรที่มีรูปร่างขนาดใหญ่หมุนตลบบนกลางอากากศ มันลอยกระเด็นออกไปกว่า 10 จ้างและกระแทกไปยังต้นไม้่ต้นหนึ่ง ก่อนที่จะค่อยๆตกลงมาที่พื้นดิน
หยางไค่โจมตีด้วยหมัดของเขาไปยังสัตว์อสูรขั้นที่ 5 อีก 1 ตัว เขาได้เปิดใช้หมัดเปลวเพลิงผลาญอัคคีและพุ่งไปยังหน้าผากของมันทันที ฃเสียงแห่งความเจ็บปวดดังขึ้น ราวกับว่าสัตว์อสูรตนนี้ดื่มเหล้าจนมันเมา เพราะร่างกายของมันโอนเอียงโดยไม่สามารถเหยียบย่ำอยู่ในตำแหน่งเดิม หน้าผากของมัน ได้ก่อเกิดรอยแตกแห่งโลหิตออกมา
หยางไค่พุ่งเท้าเตะออกไป จนร่างกายของมันลอยกระเด็นออกไป และตกลงไปยังข้างๆของสัตว์อสูรอีก 1 ตน
หยางไค่พุ่งออกไปดั่งความเร็วแห่งสายลม หมัดทั้งสองพุ่งโจมตีออกไปอย่างต่อเนื่อง
สัตว์อสูรทั้ง 2 โหยหวนด้วยความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดเสียงนั้นได้เงียบลงอย่างช้าๆ
ศิษย์สาวกแห่งสำนักจันทรซ่อนเร้นจ้องมองด้วยความโง่เขลา ซูเสี่ยวหยี่อ้าปากค้าง เฉินเซี่ยซูตกตะลึงกับสิ่งที่มองเห็นอย่างสุดขีด
หลังจากนั้น หยางไค่ถอนหายใจเบาๆ ร่างกายที่ชะโลมด้วยโลหิตเดินกลับมาอย่า่งไม่แยแส เมื่อมาถึงด้านหน้าของพวกเขาทั้ง 2 หยางไค่จ้องมองพวกเขาด้วยสีหน้าที่สงสัย : เกิดอะไรขึ้น ?
ในตอนนี้เฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยวหยี่จึงจะสามารถดึงสติของพวกเขากลับมา ใบหน้าของพวกเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ขมขื่น เฉินเซี่ยซูได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ระมัดระวัง : ศิษย์น้อง การบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งของเจ้าอยู่ในเขตแดนใด ?
เขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 !! หยางไค่ยิ้มแยะๆ จากนั้นจึงยืนมือเก็นลูกแก้วชีพจรโลหิตของสัตว์อสูรขั้นที่ 5 ที่ตายไปและโยมันเข้าไปในปากของซูเสี่ยวหยี่
อ๊า !!! ซูเสี่ยวหยี่กระโดดด้วยความตกใจ ในเวลานี้นางรีบปิดปากของนาง แต่หลังจากทีนางตอบสนองกับสิ่งที่เกิดขึ้น คิ้วของนางขมวดด้่วยความดีใจและความตื่นเต้น
เขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 ใบหน้าของเฉินเซี่ยวูเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
เจ้าโกหก !! แม้ว่าซูเสี่ยวหยี่จะรู้สึกซาบซึ้งที่หยางไค่มองลูกแก้วชีพจรโลหิตให้แก่นาง 1 ดวง แต่นางกลับรู้สึกหงุดหงิดเพราะหยางไค่โยนมันเข้ามาอย่างไม่กล่าวถาม หากว่ามันเป็นสิ่งของสกปรกล่ะ ? นางคงจะกล่าวด่าด้วยความไม่เกรงใจ
ข้าจะโกหกพวกเจ้าเพื่ออะไร ? หยางไค่หัวเราะ จากนั้นจึงยื่นลูกแก้วชีพโลหิตอีก 1 ดวงให้แก่เฉินเซี่ยซู
เฉินเซี่ยซูขมวดคิ้วไว้แน่น เขารีบยื่นมือรับเอาไว้และกล่าว : ขอบคุณสำหรับบุญคุณในครั้ง ข้าจะจำมันเอาไว้ในใจ !!
ไม่ต้องเกรงใจ ข้าเห็นพลังลมปราณแท้จริงของพวกเจ้าเหลือไม่มาก พวกเจ้ารีบดูดซับพลังของมันเถุ และรีบฟื้นฟูพลังของตนเองจะดีกว่า หยางไค่กล่าวและชี้ไปรอบๆบริเวณ
ทั้งสองพยักหน้า และเดินไปเก็บลูกแก้วชีพจรโลหิตทั้งหมดกลับมา
ออกไปจากที่นี้ก่อน เฉินเซี่ยซูจ้องมองรอบๆบริเวณ จากนั้นจึงนำพาหยางไค่และซูเสี่ยวหยี่อออกไปอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเร่งรีบ เพราะระหว่างทางที่เดินออกมาพวกเขาได้ดูดซับพลังของลูกแก้วชีพจรโลหิต โดยไม่ให้เสียเวลาอย่างเปล่าประโยชน์
เมื่อมีการช่วยเหลือจากลูกแก้วชีพจรโลหิต พลังลมปราณแท้จริงของพวกเขาได้ฟื้นฟูจนกลับสู่สภาพเดิม ระยะเวลาไม่เพียงครึ่งก้านธูป หยางไค่ได้ยินเสียงการต่อสู้จากระยะไกลอีกครั้ง
ทางนี้ !! เฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยวหยี่ตื่นตกใจ พวกเขารีบวิ่งไปยังทิศทางนั้ในทันที
หยางไค่ได้กดทับความอยากรู้อยากเห็นไว้ชั่วคราวและตามหลังพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาได้มาถึงสถานที่แห่การต่อสู้่ ฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คิ้วของหยางไค่ขมวดไว้แน่น
เขาพบว่าสัตว์อสูรจำนวนหลาย 10 ตัว กำลังล้อมผู้ฝึกยุทธุ์คนหนึ่ง ราวกับสถานการณ์ที่เฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยวหยี่ต้องพบเจอ
ศิษย์น้องหยาง หากเจ้าไม่อยากยุ่ง เจ้ายืนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็พอ เมื่อพวกเราจัดการเรื่องนี้จนเสร็จพวกเราจะกล่าวอธิบายให้แก่เจ้าอย่างละเอียด !! เฉินเซี่ยวูกล่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม จากนั้นจึงพุ่งเข้าสู่การต่อสู้ที่เกิดขึ้นในทันที
ศิษย์พี่เฉินกลับมาแล้ว !! เมื่อคนผู้นั้นมองเห็นการกลับมาของเฉินเซี่ยศูและซูเสี่ยวหยี่ เขาได้กล่าวตะโกนด้วยความตื่นเต้น
ศิษย์พี่เฉินมีความแข้งแกร่งที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ศิษย์พี่เฉินสามารถหนีรอกจากสัตว์อสูรที่มากมาย !! มีคนอีกคนตะโกน
เฉินเซี่ยซูยิ้มอย่างขมขื่น มีเพียงเขาและซูเสี่ยวหยี่ที่ทราบเท่านั้นว่าในขณะที่พวกเขากำลังจะถูกสัตว์อสูรขย้ำ หากหยางไค่ไม่ลงมือช่วยพวกเขาอย่างฉับพลัน พวกเขาจะมีชีวิตรอดกลับมาได้อย่างไร ?
ในตอนนี้คำกล่าวชมที่ได้ยิน กลับทิ่มแทงอย่างยิ่ง
เสียงอีมครึมดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ศิษย์แห่งสำนักจันทราซ่อนเร้นได้มาถึงกลุ่มของผู้ฝึกยุทธุ์กลุ่มหนึ่ง และร่วมมือต่อสู้กับสัตว์อสูรเหล่านั้น
อาจเป็นเพราะการกลับมาอย่างปลอดภัยของเฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยวหยี่จึงทำให้จิตใจและจิตวิญญานของกลุ่มคนเหล่านั้นถูกกระตุ้นขึ้นอีกครั้ง หรืออาจเป็นเพราะสัตว์อสูรเหล่านั้นรู้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่สู้ ผ่านไปได้สัักพัก เสียงตะโกนที่ก้องกังวานของสัตว์อสูรได้ดังขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนนี้ สัตว์อสูรที่เหลือกว่า 10 ตัวได้ปล่อยผู้ฝึกยุทธุ์กลุ่มนี้ออไป พวกมันค่อยๆถอยร่นออกไป ในที่สุดพวกมันได้หนีเข้าไปในป่าที่หนาทึบ
ในบริเวณแห่งนี้ ทิ้งไว้เพียงซากศพของสัตว์อสูรกว่า 10 ตัวและร่างศพของผู้ฝึกยุทธุ์คนหนึ่ง
หยางไค่ยืนมองสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่สามรถซ่อนความประหลาดใจและความสับสนเอาไว้ได้
เขาพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้มาจากต่างนิกายต่างสำนักต่างพรรคแต่เขาไม่รู้ว่าพวกเขามารวมตัวกันด้วยเหตุผลใด และร่วมมือการต่อสู้กับสัตว์อสูรด้วยความสามัคคี