ตอนที่แล้วตอนที่ 225 กลิ่นอายที่พุ่งทะยาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 227 พบเจอเฉินเซี่ยซู

ตอนที่ 226 เคล็ดวิชาแห่งจิตวิญญาณอสูร


ตอนที่ 226 เคล็ดวิชาแห่งจิตวิญญาณอสูร

ใจกลางหุบเขาแห่งนี้ มีหลุมขนาดใหญ่ หลุมขนาดใหญ่นี้คือหลุมที่หยางไค่ขุดขึ้นเพื่อค้นหาลูกแก้วชีพจรโลหิต จากเวลาที่ไหลผ่าน เศษฝุ่นเศษดินได้ปลิวทับถม จนหลุมแห่งนี้เหลือเพียงความลึกที่ไม่ถึงครึ่งจ้าง

ในเวลานี้รอบทั้ง 4 ทิศของหลุมลึกนี้ มีกลิ่นอายแห่งวิญญานที่ชั่วร้ายพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรุนแรง หากตั้งใจดูอย่างละเอียด จะมองเห็นว่ากลิ่นอายแห่งวิญญานที่ชั่วร้ายนี้แบ่งแยกเป็น 2 ส่วน และพวกมันกำลังต่อสู้กันอย่างไม่ปราณีซึ่งกันและกัน

ไม่รู้ว่าการต่อสู้ระหว่างกลิ่นอายที่ชั่วร้ายผ่านไปนานแค่ไหน แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขายังคงต่อสู้กันไปโดยไม่มีใครได้ชัยชนะเหนือใคร

ในวันนี้ กลิ่นอายแห่งวิญญาณที่ชั่วร้ายได้ได้พุ่งเข้าสู่ใจกลางของหลุมลึก โดยไร้ซึ่งซึ่งสุ้มเสียงและไร้ซึ่งทำให้เงาร่างของมันหายไปเช่นเดียวกัน ท้องฟ้าที่มืดมนสว่างในทันที แม้แต่พลังแห่งฟ้าดินก็กลับสู่สภาวะเดิม

หลังจากนั้นเป็นเวลานาน พู่ว !!! เงาร่างของคนผู้หนึ่งได้พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ่า ร่างกายที่แข็งแกร่งเปรียบดั่งพญาอินทรีที่สง่างาม ก่อนที่เขาจะกระโดดลงไปยังพื้นดินเบื้องล่างอย่างปลอดภัย

เขาสะบัดเศษดินทรายที่เกาะตามเสื้อผ้า และสูดลมหายใจเข้าลึกๆ คนผู้นี้ยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิมอย่างเงียบสงบ เขาขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง

ในที่สุดหยางไค่ได้ออกมาจากการปิดกั้นตนเองอย่างปลอดภัย !!

ความแค้นความเกลียดชังที่หลงเหลือไว้หลังจากที่สัตว์อสูรทั้ง 2 ตนตายไป มันแข็งแกร่งจนทำให้เขามองเห็นฉากเหตุการณ์ตั้งแต่การต่อสู้ในเริ่มแรกจนถึงห้วงสุดท้ายของการต่อสู้ สามารถกล่าวได้ว่าการต่อสู้ในครั้งนี้สะเทือนสวรรค์สะเทือนปฐพี เป็นเหตุการณ์แห่งบรรพกาลที่ไร้ซึ่งพยาน หยางไค่มองเห็นสัตว์อสูรทั้ง 2 ตนต่อสู้ไปมาอย่างไม่หยุด พวกมันได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง แต่พวกมันไร้ซึ่งความหวาดกลัวและอดทนต่อความเจ็บปวด และพุ่งโจมตีซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่อง พวกมันทั้งสองถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จนท้ายที่สุด พวกมันได้ตายไปในเวลาเดียวกันโดยที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะใครได้

มันเป็นการต่อสู้ที่รู้แก่ใจดีว่าตนเองว่าต้องตายสถานเดียว !! เพราะมันเป็นการตต่อสู้ที่เดิมพันด้วยเกียติ์และศักดิ์ศรีของตนเอง !!

ก่อนหน้านี้ หยางไค่ไม่เคยทราบมาก่อนว่าสัตว์อสูรจะมีจิตวิญญาณเช่นนี้ มันไม่แตกต่างจากจิตวิญญานของมนุษย์ผู้แข็งแกร่ง การต่อสู้ที่ดุเดือด การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมีหยางไค่เป็นเพียงพยานคนเดียวที่มองเห็นเหตุการณ์จนโลหิตของเขาพุ่งพลุกพล่าน และหยางไค่ยังได้รับผลประโยชน์จากการต่อสู้ของสัตว์อสูรทั้ง 2 ตน

นอกจากนั้น หลังจากที่ความแค้นความเกลียดชังของสัตว์อสูรทั้ง 2 ตนได้หายไป หยางไค่รู้สึกว่าร่างกายของเขามีบางสิ่งบางอย่างที่เพิ่มขึ้น

ก่อนมีชีวิต สัตว์อสูรทั้งสองต่อสู้กันโดยไม่ยังไม่รู้ว่าใครชนะหรือใครแพ้ แต่หลังจากที่พวกมันตาย พวกมันได้หยิบยืมอำนาจพลังแห่งร่างกายของหยางไค่ เพื่อต่อสู้และเผชิญหน้ากันอีกครั้ง จนความปราถนาอันยาวนานของพวกเขาได้บรรลุตามความต้องการ สิ่งแปลกใหม่ที่อยู่ในร่างกายคงเป็นของตอบแทนจากสัตว์อสูรทั้ง 2 ตน มันอาจจะเป็นความรับรู้แห่งจิตวิญญาณ แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็มิอาจที่จะอธิบายและมิอาจแก้ปริศนาที่เกิดขึ้นได้

หยางไค่เหยียดมือทั้งสองข้างออก เขาก้มหน้าลงมอง จัดแจงความคิดที่สับสนวุ่นวาย หยางไค่หมุนเวียนพลังลมปราณภายในร่างกาย โดยใช้วิธีการเฉพาะของเขาเอง

หลังจากนั้น ภายในร่างกายของหยางไค่มีเสียงตะโกนคำรามของสัตว์อสูร หยางไค่พุ่งฝ่ามือออกไป เงาร่างสีแดงเปลวเพลิงได้พุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา

เสียงคำรามจากพยัคฆ์ดังก้องไปทั่วสวรรค์ มันคือพยัคฆ์ร้ายที่มีชีวิตซึ่งก่อกำเนิดจาดพลังลมปราณที่บริสุทธุ์ พยัคฆ์ร้ายที่ดุดันสง่าอย่างน่าเกรงขาม มุมปากของมันมีเขี้ยวสีขาวขนาดใหญ่ทั้งสองที่กำลังประกายด้วยแสงแห่งความเยือกเย็น มันพุ่งออกไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วอย่างสุดขีด มันอ้าปากขย้ำทุกสิ่งที่อยางที่กรีดขวางอย่างน่าอัศจรรย์

หยางไค่พุ่งฝ่ามืออกไปอีกครั้ง ร่างแห่งวัวขนาดมหึมาได้ปรากฏขึ้นอย่างน่าตื่นตะลึง ปังปังปัง !! มันกระทืบเท้าจนพื้นดินสั่นสะเทือน และพุ่งทำลายทุกสิ่งที่อย่างที่กีดขวางอยู่ด้านหน้าจนสิ่งเหล่านั้นแตกกระจายเป็นปุยผง โดยไม่มีใครที่จะสามารถขัดขวางมันได้ !!

พยัคฆ์ขาวสะท้านฟ้า เทพวัวทะลายปฐพี !! แต่ว่าในเวลานี้ พยัคฆ์ขาวและเทพวัวเกิดขึ้นจากพลังลมปราณของหยางไค่ ร่างกายของพวกมันทั้งสองแดงก่ำ ดูเหมือนว่าเจตนาแห่งการฆ่าของพวกมันได้ครุ่กกรุ่นอย่างรุนแรง

เงาร่างที่แผ่วเบาได้วิ่งออกไปกว่าหลายร้อยจ้าง เงาร่างของพวกมันจึงค่อยๆสลายบนกลางอากาศที่ว่างเปล่า

หยางไค่ยืนนิ่งด้วยความตื่นตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขาพึงพอใจกับสิ่งที่ตนเองได้รับอยางยิ่ง

สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้ แต่มันเป็นเคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้ที่ได้รับจากความรู้สึกสุดท้ายแห่งสัตว์อสูร

อาจจะกล่าวได้ว่ามันเป็นเคล็ดวิชาแห่งจิตวิญญาณอสูร

ในโลกนี้มีเคล็ดวิชาการต่อสู้ที่มากมาย ล้วนแล้วแต่เลียนแบบรูปร่างของสัตว์อสูร ก่อนหน้าที่อยู่ในหุบเขาน้ำแข็งแกร่งนพเก้า หยางไค่เคยเห็นผู้นำแห่งนิการโลหิตเหวินเฟยเฉินใช้เคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้เช่นนี้ แต่สิ่งที่เขาปลดปล่อยออกมา เป็นเพียงเงาร่างของศีรษะพยัคฆ์ โดยที่ไม่ใช่ร่างกายทั้งหมดที่สมบูรณ์

มันแตกต่างจากเคล็ดวิชาแห่งจิตวิญญาณที่หยางไค่ได้รับโดยมิอาจที่จะกล่าวเปรียบเทียบกันได้

ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาแห่งจิตวิญญาณของพยัคฆ์ขาวหรือเทพวัว หยางไค่สามารถสำแดงเงาร่างที่สมบูรณ์ของสัตว์อสูรทั้ง 2 นอกจากนั้นพฤติกรรมที่แสดงออกมาราวกับว่าพวกมันมีชีวิต ราวกับสัตว์อสูรที่แท้จริง พลังแห่งการฆ่าที่สามารถสำแดงออกมายอ่มแข็งแกร่งและรุงแรงยิ่งกว่าเหวินเฟยเฉินหลายเท่า

เมื่อมีเคล็ดวิชาแห่งจิตวิญญาณอสูรที่คล้ายคลึงกัน ความแข็งแกร่งของหยางไค่มีความก้าวหน้าอีกครั้ง

เคล็ดวิชาทั้งสองแขนง จากรูปร่างของมัน สามารถตั้งชือของมันว่าฝ่ามือประทับพยัคฆ์ขาวและฝ่ามือประทับเทพวัว

หยางไค่หันหน้ามองไปทั่วบริเวณทั้ง 4 ทิส และขมวดคิ้วไว้แน่น จากหลุมลึกที่ถูกทับถมด้วยเศษดินทราบ หยางไค่รู้ในทันทีว่าตนเองได้ปิดกั้นเพื่อฝึกยุทธุ์เป็นเวลาที่ยาวนาน

มารปฐพี ผ่านมานานแค่ไหน ? หยางไค่กล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่เงียบขรึม

ประมาณครึ่งปีขอรับนายน้อย !!!

หยางไค่ทนไม่ได้จนต้องสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมท้องของเขาจึงรู้สึกหิวอย่างยิ่ง หากไม่ได้ผ่านไปเป็นเวลานาน ไม่มีทางที่ตนเองจะมีความรู้สึกเช่นนี้

แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับการกิน หยางไค่เขย่าเศษดินโคลนที่ติดอยู่บนเสื้อผ้า เขานั่งขัดสมาธิลง เพื่อนึกถึงความรู้สึกที่ตนเองดูดซับพลังแห่งลูกแก้วชีพจรโลหิตเมื่อครึ่งปีที่แล้ว

ผ่านไปเป็นเวลานาน รอยยิ้มได้ปรากฏบนใบหน้าของหยางไค่ : มารปฐพี ข้าจะแสดงกลลับที่น่าทึ่งให้เจ้าดู !!!

กลลับเช่นไร ? มารปฐพีกล่าวถามด้วยความสงสัย

หยางไค่หัวเราะโดยไม่กล่าวตอบ แต่เขาเริ่มหยั่งไปยังการรับรู้ทางจิตวิญญาณ และระเบิดหยดน้ำพลังลมปราณหยาง 1 หยดออกมา

ครึ่งวันผ่านไป บริเวณที่เงียบสงบได้ก่อเกิดเป็นลมพายุที่บ้าคลั่ง ร่างกายของหยางไค่สั่นสะท้านไปมา พละกำลังความแข็งแกร่งได้พุ่งทะยานอย่างสุดขีด

มารปฐพีตื่นตะลึง เพราะในขณะที่ไร้ซึ่งสัญญานใด หยางไค่กลับบรรลุเขตแดนถึง 1 ขั้น และก้าวไปยังเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 6

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ? ครึ่งปีที่แล้วนายน้อยดูดซึมพลังที่มากมายมหาศาล โดยไร้ซึ่งร่องแห่งการบรรลุเขตแดนที่สูงขึ้น ซึ่งยังคงอยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 5 เช่นเดิม แต่ในวันนี้การที่เขานั่งอย่างเงียบสงบเป็นเวลาครึ่งวัน ทำไมเขาถึงบรรลุและก้าวข้ามเขตแดน ? เขาไม่ได้หมุนเวียนพลังลมปราณ และไม่ได้ดูดซับพลังแห่งฟ้าสวรรค์ อาจจะกล่าวได้ว่า พลังภายในร่างกายของเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย

เขาบรรลุและก้าวข้ามเขตแดนเช่นไร ? มารปฐพีไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

แม้ว่าเขาจะกล่าวถามด้วยความอยากรู้ แต่หยางไค่ยังคงหลับตาและนั่งขัดสมาธิเช่นเดิม เขาจึงต้องระงับความสงสัยในจิตใจด้วยความโดดเดี่ยว

ผ่านไปอีกครึ่งวัน การบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งของหยางไค่บรรลุและก้าวข้ามไปอีก 1 ขั้น

เขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7

มารปฐพีอึ้งจนอ้าปากค้าง หยางไค่บรรลุก้าวข้ามเขตแดนอย่างรวดเร็ว มันเร็วเกินกว่าการพบเห็นของมารปฐพี เขาค่อยๆตรวจสอบอย่างละเอียด ในที่สุดก็พบเบาแสะบางอย่าง

พลังลมปราณภายในร่างกายของหยางไค่ไม่แตกต่างจากตอนแรก แม้ว่าพลังที่กักเก็บอยู่ภายในจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ว่าพบลังลมปราณเหล่านี้บริสุทธุ์ยิ่งกว่าบริสุทธุ์ หนาแน่นเข้มข้นยิ่งกว่าตอนแรกถึงหลายเท่า !!

เพราะการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ มันจึงทำให้หยางค่บรรลุและก้าวข้ามเขตแดนอย่างรวดเร็วเช่นนี้

แบบนี้ก็ได้หรอ ? มารปฐพีตื่นตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เมื่อประสบความสำเร็จในการก้าวข้ามไปยังเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 หยางไค่ค่อยๆเปิดตาอย่างช้าๆ หยดน้ำพลังลมปราณหยางไค่ที่อยู่ในจุดตันเถียนลดลงกว่า 1 ใน 3 ส่สน แม้ว่าจำนวนของมันจะลดน้อยลง แต่พลังความแข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่ภายในไม่เปลี่ยนแปลงเลย

นั่นหมายความหยดน้ำพลังลมปราณหยางในเวลานี้มีความบริสุทธ์และแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมอย่างมาก หากว่าใช้หยดน้ำพลังลมปราณหยางในเคล็ดวิชา พลังการโจมตีของมันจะแข็งแกร่ง พลังแห่งการฆ่าจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

เหมือนกับว่าหยดน้ำพลังลมปราณหยางที่อยู่ในจุดตันเถียนทั้งหมดถูกขัดเกลาพลังของมันอย่างน่าอัศจรรย์

เขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 3 เป็นขีดจำกัดสูงสุดของหยางไค่ เขาไม่สามารถที่จะทำให้พลังลมปราณของเขาบริสุทธุ์ไปมากกว่านี้

กลลับของนายน้อย ชาญฉลาดอยางยิ่ง แม้แต่ข้ายังได้รับผลประโยชน์จากมันอีกด้วย มารปฐพีลืมตามองหยางไค่ และรีบกล่าว แม้ว่าคำกล่าวนี้จะคล้ายคลึงกับคำพูดที่ประจบประแจง แต่มารปฐพีกล่าวด้วยความเคารพแลชื่นชมจากก้นบึ้งหัวใจอย่างแท้จริง

หยางไค่เผยให้เห็นรอยยิ้มที่สง่างาม

เมื่อได้รับเคล็ดวิชาใหม่ เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องลองทดสอบ

หลังจากที่เดินทางในหุบเขาเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็พบสัตว์อสูรขั้นที่ 5 จำนวน 1 ตน

เคล็ดวิชาแห่งจิตวิญญาณอสูรถูกปลดปล่อยออกมา เงาร่างของพยัคฆ์และวังพุ่งออกมาขย้ำสัตว์อสูรตนนั้นอย่างดุดัน มันพุ่งโจมตีและขย้ำจนสัตว์อสูรขั้นที่ 5 ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน หยางไค่เดินไปข้างหน้า และใช้เวลาเพียงไม่นานในการฆ่ามัน จนได้รับลูกแก้วชีพจรโลหิตอีก 1 ดวง

ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ง่ายดายและรวดเร็วอย่างยิ่ง หยางไค่มีความรู้สึกที่ไม่เชื่อแฝงเอาไว้ ครึ่งปีที่แล้ว ทุกครั้งที่เขาพบเจอกับสัตว์อสูรขั้นที่ 5 เขาต้องหยุดนิ่งเป็นเวลานานและค่อยๆวิ่งหนีมันไป แต่ในเวลานี้เขากลับสามารถฆ่ามันเฉกเช่นการเด็ดต้นหญ้าที่ง่ายดาย ในที่สุดสัตว์อสูรขั้นที่ 5 ไม่ได้แข็งแกร่งต่อเขาเหมือนเช่นเดิม

ลูกแก้วชีพจรโลหิตที่ได้รับมีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่เล็ก มันมีขนาดที่ไม่แตกต่างจากลูกแก้วชีพจรโลหิตของยอดฝีมือแห่งเขตแดนลมปราณที่จริงที่ตายไป

เมื่อเก็บลูกแก้วชีพจรโลหิต เมื่อหยางไค่ตรวสอบอย่างแน่ชัดว่าไม่มีใครตามเขามา เขาจึงเปิดเพลิงปีกอัคคีโลกันย์และพุ่งทะยานบินขึ้นไป

หน้าผาที่สูงชัน หากให้ยอดฝีมือแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริงบินขึ้นไป ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก แต่เพลิงปีกอัคคีโลกันย์ของเขาไม่เป็นเช่นนั้น

ระยะเวลาสั้นๆเพียงครึ่งชั่วยาม หยางไค่สามารถออกจากหุบเขาเบื้องล่างได้อย่างปลอดภัย

ครึ่งวันต่อมา หยางไค่ที่หิวโหยได้ค้นหาผลไม้บางอย่างและเก็บมันกลับมาเป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะนั่งอยู่บนกิ่งไม้และกลืนกินมันอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่กำลังกินผลไม้ หยางไค่ครุ่นคิดสิ่งต่อไปที่เขาจะทำ เมื่อตนเองเข้ามายังสถานที่แห่งนี้เพียงไม่นานกลับปิดกั้นตนเองเป็นเวลากว่าครึ่งปี โดยไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้ได้เกิดเรื่องที่น่าเศร้าเช่นไร นอกจากนั้นสิ่งที่เขาพบเจอในตอนแรกดูเหมือนว่าบริเวณนี้ไม่ได้มีต้นหญ้าจิตวิญญาณที่มากมายเช่นนี้ แต่มันกลับเต็มไปด้วยสัตว์อสูรที่มากมาย

นอกจากนั้นยังมีหยดวารีโลหิตและผลึกชำระจิตวิญญาณเป็นสมบัติที่วิเศษ หากมีโอกาสต้องเก็บเกี่ยวมันเอาไว้ ผลึกชำระจิตวิญญาณมีประโยชน์ต่อเขาอย่างยิ่ง แต่หยดวารีเปลวเพลิงไม่ได้สำคัญต่อเขา

แต่น่าเสียดายที่หยางไค่ไม่ร็ว่าต้องไปแห่งหนใดถึงจะพบกับสมบัติล้ำค่าทั้ง 2 ชนิด

ในขณะที่กำลังนั่นครุ่นคิด ทันใดนั้นหยางไค่ได้กระโดดลุกขึ้นและเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

เขาได้ยินเสียงสะเทือนจากบริเวณไกลๆ ราวกับว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้น

จิตใจของหยางไค่สั่นไหว เขารีบหยัดผลไม้ลงไปในถุงผ้าสรรค์ล้อมปฐพี จากนั้นจึงใช้ท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหววิ่งไปยังบริเวณต้นตอของเสียง เขาต้องหาใครบางคนเพ่อสอบถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะที่เขาปิดกั้นตนเองในหุบเขาเบื้องล่าง

เมื่อผ่านไปชั่วครู่ หยางไค่มาถึงบริเวณที่เกิดการต่อสู้

หยางไค่หลบซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ และจ้องมองไปยังบริเวณที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะแสดงออกด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก

บริเวณนั้นมีผู้คนจำนวน 2 คน มีบุรุษ 1 สตรี 1 ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับการต่อสู้อย่างรุนแรง และบุรุษ 1 สตรี 1ที่เขาพบเห็นยังเป็นคนที่เขารู้จัก

เฉินเซี่ยวูและซูเสี่ยวหยี่จากสำนักจันทราซ่อนเร้น !!

สิ่งที่กำลังล้อมพวกเขาทั้ง 2 เอาไว้คือฝูงแห่งสัตว์อสูร สัตว์อสูรมีประมาณ 10 กว่าตน และยังเป็นสัตว์อสูรที่แตกต่างกัน สัตว์อสูรจำนวนหลายชนิดได้รวมตัวกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสัตว์ขั้นที่ 4

หากเป็นเช่นนี้ เฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยวยูจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ในฝูงสัตว์อสูรเหล่านี้กลับมีสัตว์อสูรขั้นที่ 5 ถึง 3 ตน

เมื่อมีแรงกดดันจากสัตว์อสูรขั้นที่ 5 เฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยวหยี่รวมมือการต่อสู้อย่างลงตัว แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะฝ่าวงล้อมออกมาได้ พวกมันถูกสัตว์อสูรล้อมตัวเป็นวงกลม ไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิธีการใดมันก็เป็นเช่นนี จนทำให้สภาพของพวกเขาทั้งสองค่อนข้างเหนื่อยล้า

ร่างกายของเฉินเซี่ยซูมีบาดแผลที่มาก ต้นขาข้างซ้ายมีบาดแผลลึกโดยที่โลหิตสีแดงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ซูเสี่ยวหยี่เองก็หอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย หน้าอกของนางกระชับขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง เหงื่อที่หอมหวานไหลออกมาอย่างไม่หยุด

ศิษย์ทั้งสองมีความแข็งแกร่งในระดับสูง พวกเขาเป็นยอดฝีมือแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริง เมื่อพวกเขาปลดปล่อยเคล็ดวิชาแขนงต่างๆออกมามันสง่างามและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง แต่เนื่องจากพวกเขาถูกล้อมเอาไว้ พวกเขาไม่มีทางถูกฆ่าตายในเวลาแรก แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาต่อสู้กับสัตว์อสูรเลห่านี้เป็นเวลานาน พละกำลังทางด้านร่างกายลดลงจนเกือบจะหมด

ซูเสี่ยวหยี่เป็นสตรีนางหนึ่ง พละกำลังทางด้านร่างกายมิอาจที่จะเทียบเท่าเฉินเซี่ยซู หากว่าเฉินเซี่ยซูไม่ช่วยเหลือนาง นางคงจะได้รับบาดเจ็บตั้งแต่แรก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด