ตอนที่ 222 หน้าผา
ตอนที่ 222 หน้าผา
เมื่อหยางไค่เริ่มก้าวเท้า ศิษย์คนที่ 3 แห่งสำนักทะเลสาบจักรพรรดิปีศาจหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา แม้ว่าจิงฮ่าวและยูเฉินคุนมองเห็นว่าหยางไค่กำลังพุ่งไปหาศิษย์สาวกหญิง แต่พวกเขาไม่มีท่าทีที่เป็นกังวลแม้แต่น้อย แต่กลับแสดงสีหน้าที่รังเกียจและเหยียดหยามหยางไค่ สิ่งที่พวกเขาแสดงออกเห็นได้ชัดว่าพวกเขามั่นใจว่าความแข็งแกร่งของศิษย์สาวกหญิงมากพอที่จะสกัดกั้นหยางไค่
สีหน้าของนางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นางเริ่มหมุนเวียนพลังลมปราณของตนเอง ดวงตาที่งดงามจ้องเขม็งไปที่หยางไค่ ราวกับว่ากำลังจ้องมองคนตายคนหนึ่งที่ไร้ความสามารถ
ในขณะที่ระยะห่างระหว่างหยางไค่และนางเหลือเพียง 5 จ้างนั้น พลังลมปราณภายในของหยางไค่ได้ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
ความอดทนที่ไร้พ่าย !!
เมื่อต้องการจะหลบหนีจากการจับกุมของยอดฝีมือแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริง หยางไค่มิกล้าที่จะปิดบังพลังแท้จริงของตนเอง
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณแพร่กระจายออกมาอย่างรุนแรง สีหน้าของนางเปลี่ยนแปลงในทันที สองมือสีขาวซีดเริ่มเคลื่อนไหวในทันที เส้นไหมหลายเส้นได้พุ่งออกมาจากนิ้วมือของนาง ราวกับอสรพิษที่พุ่งออกมาจากถ้ำ และพุ่งแทงไปยังหยางไค่ทันที
เส้นไหมเหล่านี้มิได้ก่อกำเนิดจากพลังลมปราณแท้จริง แต่เป็นเส้นไหมชนิดหนึ่งที่มีความแข็งแกร่ง เมื่อถ่ายทอดพลังลมปราณเข้าไปมันจะเปรียบเสมือนใบมีดที่แหลมคมเล่มหนึ่ง มันมิใช่สมบัติวเศษ ดังนั้นจึงสามารถใช้พวกมันในสถานที่แห่งนี้
เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่ในเส้นไหมเหล่านี้ สีหน้าของหยางไค่แสดงออกด้วยความเคร่งขรึม ความคิดไหลเวียนในจิตใจ ทันใดนั้น หยดน้ำพลังลมปราณหยางได้พุ่งออกมาจากนิ้วมือของเขา
เมื่อหยดน้ำพลังลมปราณหยางเหล่านี้ปรากฏออกมา หยางไค่ได้ใช้ความคิดอ่านทางจิตวิญญานในการแปรเปลี่ยนมันให้เป็นรูปร่างของโล่ป้องกันหลายชั้นไปยังด้านหน้าของเขา
ทันทีที่เขาสร้างโล่กำบังจากหยดน้ำพลังลมปราณหยางจนเสร็จ เส้นไหมเหล่านั้นได้พุ่งโจมตีมาถึงด้านหน้าของเขา
พู่ว !!......................เสียงที่แผ่วเบาดังขึ้น โล่ที่สร้างขึ้นจากหยดน้ำพลังลมปราณหยางไค่ถูกทำลายจนมันแตกกระจาย แต่เมื่อมีการหยุดยั้งจากโล่กำบังเป็นระยะเวลาสั้น หยางไค่สามารถหลบหนีจากการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิต ทำให้เส้นไหมเหล่านั้นพุ่งไปยังส่วนอื่นๆของร่างกายที่ไม่สำคัญ และพุ่งออกไปในทันที
ร่างกายของหยางไค่มิอาจทนต่อความเจ็บปวดในการโจมตี เข้าล้มลงที่ด้านหน้าของนาง ก่อนจะพุ่งหมัดออกไปหลายครั้ง
ศิษย์สาวกหญิงหัวเราะเยาะด้วยความเย็นชา กรงเล็บปีศาจของนางกรีดกรายกลางอากาศและพุ่งไปที่หลังของหยางไค่ กรงเล็บที่แหลมได้ฉีกชิ้นเนื้อด้านหลังของหยางไค่ออกมาส่วนหนึ่ง
อ๊าก !!! สีหน้าของหยางไค่ซีดขาว แต่เมื่อหยางไค่อดทนต่อการโจมตีที่เลวร้ายนี้ได้มีกี่ครั้ง เขาได้กระโดดข้ามศีรษะของสตรีนางนี้ ก่อนที่จะเปิดใช้ท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวหนีออกจากวงล้อมที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
กลับมา !!! นางตะโกนด้วยเสียงที่เล็กแหลม เส้นไหมในมือได้พุ่งออกไปอีกครั้ง มันได้พุ่งตะครุบไปยงหยางไค่ด้วยความรุนแรง แต่ร่างกายของหยางไค่ไม่ถูกลากกลับมา แต่ร่างกายของเขานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะวิ่งหนีออกไปด้วยความรวดเร็ว เหลือไว้เพียงโลหิตสีแดงที่กระเด็นอยู่บนกลางอากาศ
ดวงตาของศิษย์สาวกหญิงประกายด้วยความประหลาดใจและความตื่นตะลึง สีหน้าของจิงฮ่าวและยูเฉินคุนก็แสดงออกด้วยความตื่นตกใจโดยไม่ต่างกัน
เกิดอะไรขึ้น? จิงฮ่าวบินมาหานางและกล่าวถาม เส้นไหมของศิษย์น้องของเขาแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด ซึ่งเห็นว่ามันได้พุ่งแทงเข้าไปยังร่างกายของเจ้าเด็กนั้น แต่ทำไมมันถึงไม่สามารถยึดร่างกายของเขาเอาไว้
ถูกหลอมละลายจนหัก !! ศิษย์สาวกหญิงมองไปยังเส้นไหมที่หักของยาง จิตใจของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทันใดนั้นสีหน้าของนางแสดงออกด้วยความอาฆาต นางรีบกล่าวในทันที : มัวแต่มองอะไร ตามมันไป !!
ยูเฉินคุนหรี่ตา ร่างกายของเขาประกายออกไป จิงฮ่าวและศิษย์สาวกหญิงก็รีบไล่ตามไปเช่นกัน
ในสถานการณ์ที่วิกฤต หยางไค่ใช้พลังความแข็งแกร่งของเขาในการหลบหนี
มันไม่ง่ายที่จะมองเห็นช่องโหว่ และเพื่อช่องโหว่นี้เขาได้สูญเสียไปมากเช่นเดียวกัน หากเขาถูกศิษย์ทั้ง 3 แห่งสำนักทะเลสาบจักรพรรดิปีศาจล้อมไว้อีกครั้ง เขาคงต้องใช้เพลิงปีกอัคคีโลกันต์ของตนเอง
ท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวที่สร้างขึ้นเองได้เปิดใช้งานจนถึงขีดสุด แต่ด้านหลังของเขายังคงมีเงาร่างไล่ตามมาอย่างไม่หยุด
เป็นศิษย์แห่งสำนักทะเลสาบจักรพรรดิปีศาจที่มีความว่องไวมากที่สุด !! จิงฮ่าวแลศิษย์สาวกหญิงมีความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวไม่เท่ายูเฉินคุน พวกเขาจึงอยู่ด้านหลังที่สุด
เขาวิ่งหนีเป็นเวลากว่าครึ่งวัน ยูเฉินคุนยังคงไล่ตามหยางไค่อย่างไม่หยุด ราวกับเงาที่คอยตามติดตาม ในเมื่อการเคลื่อนไหวของหยางไค่ไม่สามารถละทิ้งการติดตามจากยูเฉินคุน ฝ่ายตรงข้ามจึงแสดงเจตนาแห่งการฆ่าหยางไค่อย่างชัดเจน
หยางไค่เริ่มเกรี้ยวโกรธ
ด้านหน้าของหยางไค่มีกลุ่มสัตวอสูรจำนวนหนึ่ง มันมีประมาณ 4-5 ตน ระยะห่างจากตนเองประมาณ 100 จ้าง แต่ทันใดนั้นแผนการที่เหี้ยมโหดได้ก่อกำเนิดขึ้น หยางไค่ไม่ได้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับพวกเขา แต่กลับล่อลวงพวกมันและพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของหยางไค่เป็นประกายอยู่หลายครั้ง ก่อนจะพุ่งออกมาจากลุ่มของสัตว์อสูร ก่อนจะมองย้อนกลับไป และยังพบเห็นยูเฉินคุงที่พุ่งออกมาโดยไม่ได้รับอันตราย เขาไม่ถูกสัตว์อสูรเหล่านั้นรั้งเอาไว้เลย
ในความรวดเร็วระดับหนึ่ง มันสามารถจะหลบหนีจากการไล่ล่าของสัตว์อสูรขั้นที่ 5
เจ้าเด็กจากสำนักหลิงเซี่ยว แม้ว่าเจ้าหลบหนีไปยังสุดหล้าฟ้าเขียวก็ไม่สามารถหนีพ้นจากการไล่ล่าของข้า เจ้าเลิกล้มความตั้งใจในการหลบหนีตั้งแต่ตอนนี้จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ในขณะที่ยูเฉินคุนไล่ตามหยางไค่เขาได้กล่าวตะโกนออกมา : ความเร็วในการหลบหนีของเจ้าไม่เลว แต่เจ้ามีเพียงเขตแดนผสานลมปราณ พลังลมปราณภายในร่างกายของเจ้าจะยืนหยัดได้นานแค่ไหน ? ไม่ช้าหรือเร็วพลังลมปราณของเจ้าจะหมดไป เมื่อถึงตอนนั้นมันคือเวลาตายของเจ้า ยอมแพ้แล้วหยุดเดี่ยวนี้ ข้าจะให้เจ้าตายอย่างมีความสุข มิฉะนั้นหากข้าจับเจ้าได้ ข้าจะทำให้เจ้าทรมาณอย่างตายทั้งเป็น !!
ยูเฉินคุงเริ่มเกรี้ยวโกรธและอับอาย ความเร็วของตนเองถือเป็น 1 ในยอดฝีมืแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริง แต่ในตอนนี้การไล่ล่าผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนผสานลมปราณโดยผ่านไปกว่าครึ่งวันก็ยังไม่สามารถจับตัวเขาได้ ในใจของเขารู้สึกตื่นตะลึงกับท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวของหยางไค่ แต่เมื่อคิดเช่นนั้นมันยิ่งทำให้เขาเคืองโกรธ เมื่อเขาจับตัวหยางไค่ได้ เขาตั้งใจว่าจะทรมาณหยางไค่อย่างสาสมใจต่อความอัปยศนี้
หยางไค่ไม่หวาดกลัวต่อความกล่าวของเขาแม้แต่น้อย ในระหว่างที่เขาวิ่งหนีเขาได้หมุนเวียนพลังลมปราณเพื่อรักษาบาดแผลของตนเอง หยางไค่ไม่ต้องกังวลว่าพลังลมปราณของตนเองจะหมดไป ดวงตาของเขากวาดสายไปด้านซ้ายและขวาเพื่อหาโอกาสในการหลบหนี
ในระหว่างที่หลบหนี หยางไค่ตั้งใจวิ่งผ่านบริเวณที่ชุมนุมด้วยสัตว์อสูรจำนวนมากมาย เขาวิ่งผ่านเทือกเขาวิ่งไปยังป่าลึก และไม่รู้ว่าวิ่งหนีไปนานแค่ไหน แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็มิอาจที่จะละทิ้งระยะห่างระหว่างเขาและยูเฉินคุง แต่จิงฮ่าวกับศิษย์สาวกหญิงกลับหายไปโดยมองไม่เห็นเงาของพวกเขาแม้แต่น้อย
แต่ไม่ว่าอย่างไรหยางไค่มิกล้าที่จะหยุดวิ่ง หากมียูเฉินคุนเพียงคนเดียว เขายังพอมีโอกาสที่จะชนะ แต่หากจิงฮ่าวและศิษย์สาวกหญิงนางนั้นตามมา มันจะจบลงด้วยความตาย
1 วันเต็มๆที่หยางไค่วิ่งหนี เขาเองก็ไม่รู้ว่าตนเองวิ่งหนีมากไกลเท่าใด แต่ยูเฉินคุนยังคงไล่ตามเขาอย่างต่อเนื่องโดยไม่ลดละ
ในขณะที่กำลังวิ่ง หยางไค่ได้วิ่งออกจากป่าที่ลึก และวิ่งตรงไปยังหน้าผาสูงแห่งหนึ่ง
ในที่สุดก็มาถึงสถานที่แห่งนี้ หยางไค่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก !! ก่อนหน้าที่เขามาถึงสถานที่แห่งนี้เขาได้ตรวจสอบบริเวณแห่งน้ และพบบริเวณหน้าผาสูงแห่งนี้ หน้าผาสูงกว่าหมื่นต้าง มันเต็มไปด้วยก้อนเมฆที่หนาแน่นและบดบังทัศนียภาพด้านล่าง และไม่รู้ว่าด้านล่างมีสภาพเช่นไร ครึ่งวันก่อนเขามองเห็นหน้าผาที่มีสภาพเช่นนี้ เขาจึงรู้ว่าโอกาสของตนเองมาถึง ดังนั้นเขาจึงจงใจล่อลวงยูเฉินคุงให้วิ่งมายังทิศทางนี้
เมื่อสองเท้าหยุดนิ่งอย่างมั่นคง หยางไค่หอบหายใจเฮือกใหญ่ถึงหลายครั้ง
ยูเฉินคุนพุ่งออกมาจากป่าลึก เมื่อเห็นสภาพแวดล้อมบริเวณ สีหน้าของเขาแสดงออกด้วยความประหลาดใจ เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขาค่อยๆเดินเข้าไปหาหยางไค่อย่างช้าๆ และกล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่โหดเหี้ยม : วิ่งสิ วิ่งต่อไปสิ !! ไม่เจียมกะลาหัว ความแข็งแกร่งอ่อนด้อย แต่ความรวดเร็วถือว่าใช้ได้ ทำให้ข้าต้องเสียเวลาไล่ตามเจ้าเช่นนี้
ชัยชนะอยู่ในกำมือของเขา !! ด้านหลังของหยางไค่เป็นทางตัน เพราะมันคือหน้าผาสูง ความแข็งแกร่งในเขตแดนผสานลมปราณ นั่นหมายความว่าถูกบีบบังคับจนไร้ซึ่งหนทาง
หยางไค่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาจ้องมองยูเฉินคุนด้วยสีหน้าและแววตาที่เยือกเย็นโดยไม่ขยับเคลื่อนไหว
ทำไมไมวิ่งแล้วหล่ะ ? ยูเฉินคุงจ้องมองหยางไค่อย่างเยือกเย็น และหยุดลงในตำแหน่งที่ห่างจากหยางไค่เพียง 5 จ้าง
ไร้ซึ่งหนทางที่จะหลบหนี !! หยางไค่กล่าวความจริงอย่างง่ายๆ
ฮ่าฮ่าฮ่า !! ยูเฉินคุนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง : ที่แท้ เจ้าไร้ซึ่งหนทางที่จะวิ่งหนี !
ปล่อยข้าเถอะ !! หยางไค่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่อึมครึม
เจ้ากำลังขอร้องอ้อนวอน ? ยูเฉินคุนเผยรอยยิ้มที่น่าเกลียดและได้ใจ : นี้คงไม่ใช่วิธีการขอร้องอ้อนวอน !!เจ้าต้องคุกเข่าสิ จากนั้นจึงคลานมายังด้านหน้าของหน้าและคำนับยอมรับผิด ถ้าอารมณ์ของเขาดี บางทีข้าอาจจไว้ชีวิติเจ้าก็ได้ !!
ข้าไร้ซึ่งความแค้นกับพวกเจ้า ทำไมพวกเจ้าต้องฆ่าข้าด้วย ?
ยู่เฉินคุนหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม : มันเป็นความจริงที่พวกเราเราไร้ซึ่งความแค้นกับเจ้า แต่ว่าผู้อาวุโสของพวกเรามีความแค้นต่อกัน ทำไมเจ้าต้องโชคร้ายเช่นนี้ด้วย สถานที่กว้างใหญ่ไพศาล แต่เจ้ากลับพบเจอกับพวกเรา อย่ากล่วาคำที่ไร้สาระไปมากกว่ากนี้ ทำลายเส้นชีพจรของตนเอง แล้วภาวนาให้ข้าปล่อยเจ้าไป
ได้โปรดปล่อยข้าไปด้วย ข้าจะให้สิ่งชดเชยแก่เจ้าอย่างคุ้มค่า !!
ยูเฉินคุนหัวเราะด้วยค้วยความสะใจ : เจ้ามีลูกแก้วชีพโลหิตกี่เม็ด ?
หยางไค่ส่ายหัวไปมา : ข้าได้ดูดซับพลังแห่งลูกแก้วชีพจรโลหิต แต่ว่าข้ายังมียาที่มีสรรพคุณที่วิเศษ ระดับของมันยังอยู่ในระดับสูง
ในขณะที่กล่าว เขาค่อยๆล้วงมือเข้าไปในทรวงอก ก่อนจะดึงยาออกมาจากถุงผ้าสวรรค์ล้อมปฐพี และวางไว้ตรงหน้าของยูเฉินคุน และเก็บเข้าไปในทรวงอกอีกครั้ง
ยาเหล่านี้ ล้วนเป็นยารักษาบาดแผลและอาการบาดเจ็บ เมื่ออยู่ในสถานที่อันตรายแห่งนี้ เจ้าต้องการมันอย่างแน่นอน
เมื่อมองเห็นขวดยาเหล่านี้ สีหน้าของยูเฉินคุนประกายด้วยความโลภในทันที เขาหัวเราะอย่างประสงค์ร้าย : ไม่เลว ไม่เลว ดูเหมือนว่าเจ้าเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากพอสมควร เจ้าเด็กน้อย โยนยาเหล่านั้นให่แก่ข้า !!
ท่านยินดีที่จะปล่อยข้าไป ? หยางไค่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสลด
ยูเฉินคุงส่ายหัวอย่างช้าๆ : ทำไมข้าต้องปล่อยเจ้าไป ? ฆ่าเจ้า ข้ายังได้รับลูกแก้วชีพจรโลหิต นอกจากนั้นยาเหล่านี้จะกลายเป็นของข้า สวรรค์ช่างเมตตาต่อข้ายิ่งนัก !!
หากท่านคิดเช่นนี้ มันได้ตัดสินแล้วว่าท่านจะไม่ได้รับอะไรเลย !! สีหน้าของหยางไค่แสดงออกด้วยความไร้ปราณีอย่างฉับพลัน เขาค่อยๆถอยหลังออกไปหลายก้าว ทำท่าท่างที่คล้ายว่าจะกระโดดหน้าผา
หน้าของยูเฉินคุนอึ้งไปชั่วขณะ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง : ข้ารู้ว่าเจ้าต้องเลือกหนทางที่ดีกว่า ข้าไม่เชื่อกว่าจะเจ้ากล้าที่จะกระโดดลงไป
ในขณะที่กล่าว เขาได้ก้าวเท้า และพุ่งไปหาหยางไค่ในทันที
แต่มันทำให้ยูเฉินคุนตะลึงอย่างสุดขีด เพราะหยางไค่เผยให้เห็นรอยยิ้จาง เขาหมุนตัวกลับไป และกระโดดลงไปในทันที
กระโดดจริงๆ ? ดวงตาทั้งคู่ของยูเฉินคุงเบิกกว้าง เขาไม่คิดว่าหยางไค่จะสิ้นคิดเช่นนี้ ในตอนแรกเขาคิดว่าหยางไค่เพียงล้อเล่น เพราะเขาเป็นผูฝึกยุทธุ์ในเขตแดนผสานลมปราณเท่านั้น เขาไม่สามารถเหาะเหินบนอากาศ หากกระโดดลงไปในระยะที่สูงเช่นนี้กระดูกในร่างกายของเขาต้องแตกสลายในทันที หากเขาหันกลับมาต่อสู้กับตนเอง จากความเร็วของเขาก็ยังมีโอกาสที่จะหลบหนี
แต่ในตอนนี้หยางไค่กระโดดลงไปอย่างไม่ลังเล มันทำยูเฉินคุนอึ้งไปชั่วขณะ
แต่ในขณะเดียวกัน ยูเฉินคุงเกรี้ยวโกรธ เพราะเจ้าเด็กคนนี้ทำให้เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขายอมตายดีกว่าที่จะให้ตนได้รับผลประโยชน์จากตัวเขา การตัดสินใจของเจ้าเด็กคนนี้ช่างเด็ดขาดและไร้ความปราณีอย่างแท้จริง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ยูเฉินคุนรีบวิ่งไปที่ริมหน้าผา ก่อนจะกระโดดลงไป
หน้าผาสูงสำหรับเขาจะนับอะไรได้ เพราะเขาเป็นผู้ฝึกยุทธุ์ในเขตแดนลมปราณแท้จริง หลังจากที่พลังลมปราณในร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นพลังลมปราณแท้จริง เขาสามารถเหาะเหินบินบนอากาศ !! เพียงแค่ฆ่าเจ้าเด็กแห่งสำนักหลิงเซี่ยวให้ตาย จากความแข็งแกร่งของตนเองเขาจะสามารถบินขึ้นมาแต่อาจจะใช้เวลาสักหน่อยเท่านั้น
เขาไม่มีวันปล่อยลูกแก้วชีพจรโลหิต 1 เม็ด และยารักษาบาดแผลและอาการบาดเจ็บระดับสูงเหล่านั้น
หลังจากที่ดิ่งลงไปจากหน้าผากด้วยระยะความสูงหลายสิบจ้าง หยางไค่เงยหน้าขึ้นมา และเห็นว่ายูเฉินคุงกำลังพุ่งดิ่งมาหาเขา ราวกับอินทรีขนาดยักษ์ที่กำลังพุ่งมาหาเหยื่อขอตนเองด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม
หยางไค่แสะยิ้มที่มุมปาก เขากังวลอย่างยิ่งว่ายูเฉินคุนจะไม่กระโดดตามเขามา หากเขาไร้ซึ่งความกล้านี้ งั้นการแสดงละครแสแสร้งเมื่อสักครู่คงจะสูญเปล่า เมื่อเห็นว่าเขากระโดดลงจากหน้าผาก ความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมได้พุ่งออกมาจากจิตใจอย่างแรงกล้า !!
22