ตอนที่ 217 ถึงจุดหมาย
ตอนที่ 217 ถึงจุดหมาย
ระยะทาง 500 ลี้ จากการเดินทางของพวกเขาจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วยาม แต่เมื่อยอดฝีมือแห่งเขตแดนเทพสวรรค์ใช้วิธีเหาะเหินกลางอากาศ จะใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น
แต่ระยะทาง 500 ลี้ในหุบเขาอเวจี กลับใช้เวลาไป 2 วันก็ยังไม่ถึงจุดหมาย เพราะระหว่างทางพวกเขาต่างพบเจอกับการต่อสู้ที่รุนแรง จึงทำให้การเดินทางใช้ระยะเวลาเกินกว่าการคาดหมายของพวกเขา
องค์หญิงเหยียน ศิษย์สาวกแห่งวังบุพผาหมื่นปีต่างนำพามายังสถานที่แห่งนี้ทุกๆ 10 ปี และในทุกๆครั้งต้องพบเจอกับหนทางที่อันตรายเช่นนี้ ? ครั้งหนึ่งที่พวกเขาหยุดพัก หลิงไท่ซู่ได้กล่าวถาม ครั้งล่าสุดที่เขาเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้เป็นเวลากว่า 50 ปี ในตอนนั้นแม้ว่าจะมีสัตว์อสูรคอยกรีดขวางเส้นทาง แต่มันไม่ได้มากและอันตรายถึงเพียงนี้
แม่เฒ่ากล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย : ไม่ ครั้งนี้แตกต่างกับครั้งก่อนๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อาจเป็นเพราะหุบเขาอเวจีมีการเปลียนแปลงไป สัตว์อสูรที่อ่อนแอล้วนถูกขับไล่มายังนอกบริเวณหบุเขาอเวจี
เมื่อแม่เฒ่ากล่าวเช่นนี้ สีหน้าของหลิงไท่ซู่และกู่ยหลี่เปลี่ยนแปลงในทันที
เราไม่ควรอยู่ที่นี้นานเกินไป พวกเราต้องไปให้เร็วที่สุด แม่เฒ่าตระหนักถึงอันตรายที่จะได้พบ นางจึงกล่าวด้วยความตื่นตระหนก
กลุ่มคนเเหล่านี้เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง หลังจากนั้นครึ่งวัน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลางทางอย่างปลอดภัย
ด้านหน้าของพวกเขามีทะเลสาปขนาดใหญ่ น้ำในทะเลสาปใสสะอาดและเป็นประกาย แต่ทะเลสาปกที่เงียบสงบกลับมีกลิ่นอายที่น่าขนลุกแพร่สะพัดออกมา มันทำให้จิตใจของหยางไค่รู้สึกไม่ปลอดภัย
เมื่อมองไปรอบๆ เขามองเห็นรอบๆบริเวณทะเลสาปเต็มไปด้วยกลุ่มคนและกองกำลังต่างๆเป็นจำนวนมาก กลุ่มคนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือแห่งสำนักต่างๆที่ส่งศิษย์สาวกของตนเองมาบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งในสถานที่แห่งนี้ กลุ่มคนของพวกเขามีน้อยมีมาก มากที่สุดจะมีประมาณ 7-8 คน น้อยที่สุดจะมีประมาณ 3-4 คน เท่านั้น
กลุ่มคนเหล่านี้อยู่ห่างกันประมาณ 3- 4จ้าง พวกเขาต่างยืนอยู่รอบๆ บริเวณทะเลสาปด้วยความเงียบสงบ
หลังจากที่กลุ่มคนอื่นๆมองเห็นกลุ่มคนของหลิงไท่ซู่ พวกเขาต่างแสดงสีหน้าที่ไม่พบใจและแปลกใจ
แม่เฒ่าแห่งวังบุพผาหมื่นปีพยักหน้า ก่อนจะนำพาศิษย์สาวกทั้ง 4 เดินทางไปยังทะเลสาปที่อยู่ด้านหน้า
เมื่อสตรีทั้งเหล่านี้ปรากฏตัว มันได้ดึงดูดสายตาของบุรุษหนุ่มเป็นจำนวนมาก สตรีเหล่านั้นต่างคุ้นชินกับเหตุการณ์เช่นนี้ พวกเขาไมไ่ด้แสดงปฏิกิริยาอื่นๆออกไป แต่ยังคงเดินตามแม่เฒ่าไปอย่างนิ่งสงบ ก่อนจะค้นหาบริเวณหนึ่งที่ไร้ซึ่งผู้คน
กุ๋ยหลี่ยิ้มให้แก่หลิงไท่ซู่ด้วยความชั่วร้าย ก่อนจะจ้องมองหยางไค่ด้วยเจตนาที่ลึกซึ้ง
จิงฮ่างสบทออกมาอยา่งดุดัน เขาทำท่าทางใช้นิ้วกรีดคอให้แก่หยางไค่ ก่อนที่จะเดินตามกุ๋ยหลี่และคนแห่งวังบุพผาหมื่นปี
พวกเราหาบริเวณหนึ่งที่ไร้ซึ่งผู้คน !! หลังจากที่หลิงไท่ซู่กล่าวจบ เขาได้นำพาหยางไค่ไปยังบริเวณที่ใกล่เคียงกับทะเลสาป
รอบๆบริเวณต่างถูกจับจ้องจากผู้ที่มาก่อน หลิงไท่ซู่และหยางไค่เดินหาเป็นเวลานาน ก็ยังไม่สามารถหาบริเวณที่พวกเขาจะหยุดลงได้
แต่ทุกครั้งที่เดินผ่านกลุ่มคนเหล่านี้ หลิงไท่ซู่จะกล่าวบอกประเภทและความแข็งแกร่งของกลุ่มคนเหล่านั้นอย่างเงียบเชียบ ว่าเป็นกลุ่มคนที่ชั่วร้ายหรือกลุ่มคนที่มีศีลธรรม ความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ในขั้นไหน สำนัก นิกาย พรรคไหนที่ควรระมัดระวัง
หยางไค่จดจำรายละเอียดทุกอย่างอย่างมั่นใจ โดยสีหน้าของเขาไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย
พวกเขาเดินอ้อมทะเลสาปกว่าครึ่งรอบ ในที่สุดจึงหาพื้นที่ว่างที่จะให้พวกเขาหยุดลง มันจึงทำให้หลิงไท่ซู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลังจากที่พวกเขาหยุด ทั้งสองนั่งขัดสมาธิลง หลิงไท่ซู่ได้กล่าวอธิบายถึงรายละเอียดของสถานการณ์ต่างๆของสำนักน้อยใหญ่ที่เดินทางเข้ามา หยางไค่จดจำมันอย่างตั้งใจและคอยสังเกตุอย่างระมัดระวัง
ยิ่งเขารับรู้มากเท่าใด หยางไค่จะยิ่งสัมผัสและรับรู้ถึงภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้น
กลุ่มคนเหล่านั้นล้วนเป็นตัวแทนแห่งสำนักที่ตั้้งอยู่ในอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่ ส่วนใหญ่พวกเขาจะเป็นสำนักชั้นหนึ่งและชั้นสอง แต่อาจจะมีสำนักชั้นสามปะปนกันมาบ้าง ทุกๆ สำนักต่างนำพาศิษย์เข้ามาอย่างน้อย 3 คน ไม่มีสำนักไหนที่ส่งศิษย์สาวกเข้ามาเพียงคนเดียวเฉกเช่นหยางไค่
หลิงไท่ซู่ต้องการนำพาศิษย์อีก 2 คนเพื่อเป็นสหายให้แก่หยางไค่ แต่ศิษย์สาวกแห่งสำนักหลิงเซี่ยวไม่มีใครที่เหมาะสมที่จะเป็นตัวเลือก
ซู่เหยียนอาจจะได้ แต่เคล็ดวิชาที่นางฝึกฝนคือปราณจิตเย็น การฆ่าที่มากเกินไปจะไม่ส่งผลดีต่อตัวนาง เซี่ยหนิงฉางก็สมควร แต่นางกลับเป็นศิษย์ของเม้งวู่หยา เม้งวู่หยาดูแลนางราวกับบุตรสาวที่ล้ำค่า ไม่มีทางที่เขาจะส่งนางมาเผชิญกับสิ่งที่อันตรายเช่นนี้ หากเป็นเจี่ยหงเฉิน หลิงไท่ซู่ไม่จำเป็นต้องคิดเลย หากนำพาเขามา เขาจะกลายเป็นตัวถ่วงของหยางไค่
การบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งของเหล่าศิษย์สาวกที่มายังสถานที่แห่งนี้ ล้วนแข็งแกร่งยิ่งกว่าหยางไค่ อย่างน้อยที่สุดพวกเขาจะอยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 8 และส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริง
ตระกูลทั้ง 8 ไม่ได้ส่งศิษย์สาวกของพวกเขาเข้ามา นับเป็นข่าวดีอย่างหนึ่ง
มีเพียงศิษย์สาวกที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงและต่ำกว่าลมปราณแท้จริงถึงจะเข้าไปบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะต้องพบเจอกับยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนเทพสวรรค์ จากความแข็งแกร่งของเจ้า เมื่อพบเจอกับศัตรูที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นที่ 2-3 เจ้าคงจะสามารถรับมือได้ แต่หากเจ้าพบเจอกับผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ อาจารย์ปู่แนะนำให้เจ้าวิ่งหนี !! เกิดเป็นบุรุษสิ่งใดควรคว้าเอาไว้สิ่งใดควรทิ้งขว้างไปเจ้าน่จะรู้ดี อย่าเผชิญหน้ากับใครจนไม่สนใจความแข็งแกร่งของตนเอง สิงที่ควรคว้าเอาไว้คือความแข็งแก่ร่ง สิ่งที่สามารปลอ่ยวางคือความชาญฉลาด !!
ข้าทราบแล้ว หยางไค่พยักหน้าอย่างช้าๆ
จำเอาไว้ อยู่ในสถานที่แห่งนั้น ภารกิจของเจ้ามีเพียง 1 ประการ นั้นคืิอการมีชีวิตรอดกลับมา เจ้าอยากกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง ไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องต่อสู้กับใคร การฆ่าสัตว์อสูรก็สามารถทำให้เจ้ากลายเป็นผู้แข็งแกร่งได้
ข้าคิดว่าผู้ที่มีตระกระความคิดเช่นนี้คงมีไม่มาก หากเจ้าพบเจอกับผู้ที่เจ้าสามารถวางใจได้จริง ก็ให้เจ้าร่วมมือกับเขา เพราะมันเป็นหนทางในการอยู่รอด
อืม อาจารย์ลุง ท่านดีสำนักเหล่านี้สิ การแต่งตัวของพวกเขาค่อนข้างแปลกประหลาด หยางไค่มองเห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ระยะไกลอย่างกะทันหัน
หลิงไท่ซู่จ้องมองออกไป เขาขมวดคิ้วไว้แน่น ซึ่งพบเห็นกลุ่มคนเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นหน้าตารูปลักษณ์หรือการแต่งตัวล้วนแตกจ่างจากกลุ่มคนอื่นๆ
ราวกับว่าพวกเขาสัมผัสได้ถึงสายตาของหลิงไท่ซู่ กลุ่มคนเหล่านั้นล้วนมองมาทางด้านนี้ สีหน้าของพวกเขาดุดันและเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ราวกับว่าพวกเขากำลังตักเตือนหลิงไท่ซู่
พวกเขาไม่ใช่คนแห่งอาณาจักรฮั่น !! หลิงไท่ซู่กล่าวอย่างแผ่วเบา : พวกเขาเป็นคนแห่งอาณาจักรเทียนหลาง
ทำไมคนแห่งอาณาจักรเทียนหลางถึงมาสถานที่แห่งนี้ ? หยางไค่ตื่นตกใจ คนแห่งอาณาจักรเทียนหลาง อยู่ติดกับอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่ ทำไมคนของพวกเขาจึงเดินทางมายังสถานที่ต้องห้ามแห่งนี้ ?
คนแห่งอาณาจักรเทียนหลาง ค่อนข้างแตกต่างจากพวกเรา ได้มีข่าวลือต่างๆมากมายว่าพวกเขามีจิตใจที่โหดร้ายและลงมืออย่างโหดเหี้ยม นอกจากนั้นพวกเขายังไม่ใช่คนแห่งอาณาจักรฮั่น เมื่อเจ้าพบเจอกับพวกเขาด้านใน เจ้าต้องระวังตัว ความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้ สำหรับเจ้าแล้วยากที่เจ้าจะต้านทาน
เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ค่อนข้างที่จะเปิดเผย หยางไค่จ้องมองพวกเขาและกล่าวออกความคิดเห็น กลุ่มคนแห่งอาณาจักรเทียนหลางมีสตรีอยู่ 2 นาง เรือนร่างของพวกเขาเย้ายวน เสื้อผ้าที่สวมใส่ค่อนข้างน้อย มันเปิดเผยให้เห็นแขนทั้งสองข้าง และยังเผยให้เห็นเนินอกที่อวบอิ่มของพวกนาง เสื้อผ้าครึ่งบนของพวกนางยังเบาบาง ทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวของพวกนางยังเยผให้เห็นเอวและหน้าท้องที่งดงาม เรือนร่างของพวกนางงดงามอย่างยิ่ง นอกจากนั้นกางเกงของพวกนางยังสั้นเหนือเข่า และยังเผยให้เห็นเรียวขาที่งดงามอีกด้วย
อั๊ย . หลิงไท่ซู่ส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ ทำไมศิษย์คนโตที่ซื่อตรงมีคุณธรรมของเขา จึงให้กำเนิดบุตรชายเช่นหยางไค่นี้ได้
จากเวลาที่ไหลผ่าน กลุ่ทคนจำนวนมากเริ่มเดินทางมาเรื่อยๆ และไม่รู้เป็นเพราะกฏข้อห้ามหรืออย่างไร กลุ่มคนของแต่ละสำนักต่างเว้นระยะห่างที่เท่าเทียมกันและนั่งรอด้วยความเงียบงัน
ระยะเวลาไม่ถึง 1 วัน รอบทะเลสาปถูกล้อมรอบอย่างสมบูรณ์
บรรดาที่ผู้มาถึงภายหลัง เมื่อไม่สามารถหาตำแหน่งได้ พวกเขาจะเริ่มหากลุ่มคนที่อ่อนแอ ก่อนจะเข้าไปเจราจาและทุบตีพวกเขา
ระยะเวลาสั้นเพียง 1 ชั่วยาม ได้เกิดการต่อสู้ถึง 4-5 ครั้ง กลุ่มคนจากสำนักเล็กๆไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสหรือศิษย์สาวกของพวกเขาต่างถูกศิษย์รุ่นเยาว์ที่เข้ามาทีหลังทุบตีและฆ่าอย่างไร้ความปราณี
กลิ่นโลหิตที่เหม็นคาวฟ้งกรุจาย แต่มันไม่ได้ดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนอื่นๆ ในเมื่อมาถึงตรงนี้ ต้องเตรียมพร้อมที่จะมีความขัดแย้งกับผู้อื่น หากถูกฆ่าก็ไม่สามารถตำหนิใครได้
ๆ
แต่โชคดี ที่แม้ว่าหลิงไท่ซู่และหยางไค่จะมีเพียง 2 คน แต่ไม่มีใครให้ความสนใจพวกขเา ทำให้พวกเขารอดพ้นจากปัญหาที่วุ่นวาย
แต่ความโชคดีไม่ได้ยาวนาน หลังจากนั้นกลุ่มคนเริ่มเข้ามาเรื่อยๆ ในที่สุดหลิงไท่ซู่และหยางไค่ได้ถูกเพ็งเล็งจากบุคคลอื่น
ทันใดนั้นมีชายชราอายุประมาณหลิงไท่ซู่ ได้เดินมาพร้อมกับศิษย์สาวกชายและศิษย์สาวกหญิง ก่อนจะเดินมาถึงด้านหน้าของหลิงไท่ซู่ที่ห่างกันประมาณ 10 จ้าง
หลิงไท่ซู่นั่งขัดสมาธิบนพื้นดิน เขาจ้องมองออกไป โดยสีหน้าที่เรียบเฉย
หยางไค่เฝ้าระวังอยู่ข้างๆ อย่างระมัดระวัง แต่สิ่งที่แปลกใจ คือหยางไค่สัมผัสไม่ถึงเจตนาแห่งการฆ่าแม้แต่น้อย
ชายชราที่อยู่ตรงข้ามครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะยกมือทำความเคารพและกล่าว : ข้า โจวเหวินจากสำนักจันทราซ่อนเร้น ไม่ทราบว่ายอดฝีมือท่านี้มีชื่อว่าอะไร ?
สำนักหลิงเซี่ยว หลิงไท่ซู่ !!
เป็นศิษย์พี่หลิงนั้นเอง แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าโจวเหวินเคยได้ยินชื่ของสำนักหลิงเซี่ยว เขากล่าวอย่างสุภาพ และทักทายอย่างตรงไปตรงมา : ศิษย์พี่ได้โปรดให้อภัย ระหว่างทางที่เดินทางเข้ามา ข้าพบเจอกับอุปสรรค์ที่มากมาย จึงทำให้มาช้าไป และข้าไม่คิดว่ากลุ่มคนที่เดินทางเข้ามาบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งจะมีมากมายเช่นนี้ มันจึงทำให้ข้าไร้ซึ่งตำแหน่งรอบๆทะเลสาป
หลิงไท่ซู่พาหยางไค่เหินบินเป็นระยะทางกว่าหลายพันลี้ แม้ว่าจะค่อนข้างช้า แต่ก็ถือว่ามาเร็วในระดับหนึ่ง แต่โจวเหวินแห่งสำนักจันทราซ่อนเร้น ได้เดินทางล่วงหน้าถึ 1 เดือน แต่หนทางยาวไกล และหนทางที่เต็มไปด้วยอันตรายแห่งหุบเขาอเวจี จึงทำให้เขามาช้ากว่าหลิงไท่ซู่ถึง 2 วัน
ศิษย์น้องโจวต้องการสิ่งใด ? ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามไม่มีเจตนาร้าย หลิงไท่ซู่จึงให้เกียรติเขา เขาคาดเดาความต้องการของฝ่ายตรงข้าม แต่็ต้องกล่าวถามสักก่อน
โจวเหวินหัวเราะเบาๆ : ข้าอยากเจรากับศิษย์พี่หลิง ทะเลสาปแห่งนั้นสามารถเข้าไปทีละ 4 คน โจวเหวินมองเห็นข้างกายของศิษย์พี่หลิงมีศิษย์เพียงคนเดียว ข้าต้องการความช่วยเหลือที่จะให้ศิษย์ทั้งสองของข้าไปกับเขา ? ไม่เช่นนั้น การเดินทางของข้าในครั้งนี้คงจะสูญเปล่า หากกลับไปคงได้รับเสียงหัวเราะเยาะจากผู้อื่น และยังทำให้ศิษย์ทั้้งสองต้องผิดหวัง
หลิงไท่ซู่จ้องมองไปยังศิษย์สาวกทั้งสองที่อยู่ด้านหลังโจวเหวิน
ศิษย์สาวกทั้งสองรีบก้าวขึ้นมาข้างหน้า ศิษย์สาวกชายกล่าว : ข้าเฉินเซี่ยซู เคารพท่านผู้าอวุโสหลิง
ศิษย์สาวกหญิงกล่าว : ข้าซูเสี่ยวหยี่ ทำความเคารพท่านผู้อาวุโสหลิง
ทั้งสองโค้งทำความเคารพหลิงไท่ซู โดยไม่แสดงสีหน้าที่ไม่พอใจหรือหยิ่งยะโส เมื่อหลิงไท่ซู่เห็นพฤติกรรมของพวกเขา เขาคิดไตร่ตรองอย่างช้าๆ สำนักจันทราซ่อนเร้นและสำนักหลิงเซี่ยวเป็นสำนักชั้น 2 เช่นเดียวกัน ศิษย์ในสำนักไม่ได้โหดร้ายหรือชั่วร้าย นอกจากนั้นศิษย์สาวกทั้งสองยังมีท่าท่างท่ี่สุภาพและอ่อนโยน โดยไม่แสดงออกว่าพวกเขาไม่ชื่นชอบการต่อสู้และการนองเลือด
เมื่อเห็นการกระทำของหลิงไท่ซู่โจวเหวินจึงรีบกล่าวอย่างรวดเร็ว : ศิษย์พี่หลิงวางใจ ศิษย์ทั้งสองของข้ามีจิตใจที่อ่อนโยน ครั้งนี้ที่พวกเขาไปบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งในสถานที่แห่งนั้น พวกเขาจะฆ่าเพียงสัตว์อสูร เพื่อหาโอกาสในการเป็นผู้นำ ไม่มีทางที่พวกเขาจะคิดร้ายต่อศิษย์ของท่าน ข้าสามารถใช้ศีรษะของข้ารับประกันได้
หลังจากที่กล่าวจบ เขายังกล่าวเสริมเข้าไปอีก : หากศิษย์ของท่านไม่รังเกียจ เมื่อไปถึงด้านใน เขาและศิษย์ทั้ง 2 ของข้าสามารถร่วมมือกันเพื่อเป็นสหายในการบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่ง และยังสามารถดูแลซึ่งกันและกันได้
หลิงไท่ซู่มีแผนการของเขาแล้ว แต่เขายังคงหันกลับไปถามหยางไค่ : เจ้าว่าอย่างไร ?
หยางไค่พยักหน้า : เราสามารถเข้าไปได้ แต่เรืองการเป็นสหายดูแลซึ่งกันและกันนี้ไม่จำเป็น
พวกเขาต่างไม่ค้นเคยกัน แม้ว่าเฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยวหยี่จะดูอ่อนโยน แต่ว่าคนเรารู้หน้าไม่รูใจ ดังนั้นต้องปกป้องตัวเองเอาไว้ นอกจากนั้น แม้ว่าหยางไค่จะเชื่อใจพวกเขาทั้งสอง ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาทั้งสองจะเชื่อใจหยางไค่หรือไม่ คำกล่าวของโจวเหวินก็เป็นเพียงการกล่าวทักทายอย่างสุภาพ จะสามารถจริงจังกับพวกเขาได้อย่างไร ?