ตอนที่แล้วตอนที่ 215 ร่วมมือ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 217 ถึงจุดหมาย

ตอนที่ 216 ข้าชื่อจิงฮ่าว


ตอนที่ 216 ข้าชื่อจิงฮ่าว

หลังจากที่เดินไปได้ไม่นาน ชู่วชู่ว !! ได้มีเสียการเคลื่อนไหวดังขึ้นอย่างฉับพลัน ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังวิ่งใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

ศิษย์สาวกรุ่นเยาว์ต่างเฝ้าระมัดระวังตนเองอย่างตรึงเครียด แต่สีหน้าของผู้อาวุโสแห่งเขตแดนเทพสวรรค์ทั้ง 4 ยังคงนิ่งสงบเช่นเดิม

ซว๊า !!!! ศรีษะของสัตว์อสูรที่โหดเหี้ยมขนาดใหญ่ได้พุ่งมาจากป่าด้านหน้าอย่างกะทันหัน มันอ้าปากอันมหึมาของมันและพุ่งกัดไปยังแม่เฒ่าที่เดินนำทางอยู่หน้าสุด

ศรีษะของสัตว์อสูรมีความยาวประมาณ 2 จ้าง ดวงตาที่มีรูปทรงสามาเหลี่ยมของมันกระพริบด้วยแสงสว่างที่โหดเหี้ยม มันพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตามันก็ได้ปรากฏตัวอยู่หน้าแม่เฒ่า

ฮึ่ม !! แม่เฒ่าสบทอย่างแผ่วเบา นางยกไม้เท้าที่อยู่ข้างตัวขึ้น พุ่งไปยังด้านหน้าเบาๆ ทันใดนั้นไม้เท้าสัมผัสไปถึงกลางหน้าผากของมัน แม่เฒ่าเหวี่ยงไม้เท้าไปมาและฟาดไปยังขากรรไกรของมัน ซึ่งทำให้ศีรษะของสัตว์อสูรได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ก่อนที่แม่เฒ่าจะเหวี่ยงมันไปยังอีกด้านหนึ่ง

แต่ยังมิทันที่ร่างกายของมันจะตกลงไปที่พื้น ศีรษะที่น่าหวาดกลัวของมันได้ระเบิดเป็นเสี่ยงๆอย่างกะทัน ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยโลหิตที่น่าสะอิดสะเอียน

ทันใดนั้น เงาร่างของสตรีที่มีหน้างดงามเป็นประกาย นางพุ่งออกมาข้างหน้า และยกมือที่ขาวเนียนของนาง แพรไหมสีรุ้งได้พุ่งออกมาจากข้อมมือของนาง ราวกับอสรพิษที่พุ่งออกมาจากถ้ำ แพรไหมสีรุ้งได้ม้วนเก็บเมล็ดวิญญานสัตว์อสรูเข้าไป จากนั้นแพรไหมสีรุ้งได้พุ่งกลับไป

งูหลามนัตย์ตาทอง !! สัตว์อสูรขั้นที่ 5 ความแข็งแกร่งขั้นสูงสุด !! หลิงไท่ซู่อธิบายให้แก่หยางไค่อย่างแผ่วเบา

หยางไค่จ้องมองออกไปอีกครั้ง เขามองเห็นร่างของงูหลามขนาดใหญ่ที่ไร้ซึ่งศรีษะ ด้านหลังของมันมีลวดลายสีเงิน เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง เหตุการณ์เมื่อสักครู่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ซ เขายังมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ชัดเจน งูหลามตัวนั้นก็ถูกแม่เฒ่าฆ่าตายไปก่อน แม้แต่เมล็ดวิญญานสัตว์อสูรยังถูกสตรีที่มีหน้าตางดงามนางนั้นเก็บเอาไป

สัตว์อสูรขั้นที่ 5 ความแข็งแกร่งขั้นสูงสุดเทียบเท่าเขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นสูงสุด แต่เมื่อมันเผชิญหน้ากับแม่เฒ่าเพียงพริบตากลับถูกแม่เฒ่าฆ่าตายในทันที ความแข็งแกร่งของแม่เฒ่าจากวังบุพผาหมื่นปีต้องแข็งแกร่งอยู่ในะดับหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะเทียบเท่าความแข็งแกร่งของหลิงไท่ซู่ หรืออาจจะเหนือกว่านั้น

เพราะวังบุพาผาหมื่นปีเป็นสำนักชั้น !! ความแข็งแกร่งของสำนักต้องแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่าสำนักหลิงเซี่ยวอย่างมาก

ระวังตัวด้วย สัตว์อสรูเหล่านั้นชองอยู่เป็นกลุ่ม! หลิงไท่ซู่กล่าวเตือนหยางไค่

ยังมิทันที่เสียงตักเตือนของหลิงไท่ซู่จะจางหาย บริเวณทั้ง 4 ทิศทางมีเสียงการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วดังขั้น จากรอบๆบริเวณที่เป็นป่าทึบสามารถมองเห็นงูหลามนัตย์ตาทองเป็นจำนวนมาก พวกเขามันต่างจับจ้องมายังพวกเขาและพุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว

แม่เฒ่ามิได้อยู่นิ่ง นางกล่าวตะโกนอย่างเสียงดัง : จัดการให้รวดเร็ว เมือกลิ่นคาวแห่งโลหิตแพร่กระจายออกไป มันจะดึงดูดสัตว์อสูรที่มากขึ้น

การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเหล่านี้จึงมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น

ซว๊า ซวา ซวา ..ทุกทิศทางเต็มไปด้วยเสียงการเคลือนไหวนี้ งูหลามนัตย์ตาทองจำนวนมากดีดตัวขึ้นสูง พวกมันต่างอ้าปากอันมหึมาของมันและพุ่งมายังกลุ่มคนที่กำลังเดินทางเข้าไปอย่างดุดัน

ไม้เท้าของแม่เฒ่าซ่อนเร้นพลังแห่งการฆ่าที่รุนแรง เพียงแค่นางพุ่งออกไปอย่างแผ่วเบา งูหลามนัตย์ตาทองเหล่านั้นจะถูกฆ่าตายอย่างง่ายดาย ส่วนกุ๋ยหลี่และสตรีที่มีหน้าตางดงามอีกนางได้คุ้มกันอยู่ตรงกลาง เพื่อปกป้องความปลอดภัยของเหล่าศิษย์สาวก

กุ๋ยหลี่เป็นผู้บ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งที่ชั่วร้ายอย่างแท้จริง เมื่อเขาเริ่มเคลื่อนไหวพลังของตนเอง ควันหมอกสีดำและกลิ่นอายที่เหม็นคาวได้แพร่ะสบัดออกมาอย่างรุนแรง ในมือของเขาถือหอกที่่เป็นสมบัติวิเศษ เขาพุ่งไปยังด้านซ้ายและด้านขวาอย่างต่อเนื่อง เขากำลังพุ่งเข้าไปฆ่างูหลามมนัตย์ตาทองที่พุ่งเข้ามาอย่างไร้ความปราณี แม้ว่าสตรีที่มีหน้าตางดงามจะมีความแข็งแกร่งที่อ่อนแอกว่า แต่การเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรขั้นที่ 5 เป็นเรื่องที่ง่ายดายสำหรับนาง นางเคลื่อนไหวพลังของนาง นำพามาซึ่งกลิ่นหอมที่สามารถมึนเมาผู้ที่ได้กลิ่นของมัน แต่งูหลามนัตย์ตาทองยังมิทันที่จะพุ่งถึงตัวนาง กลับถูกฆ่าตายอย่างแปลกประหลาด

หลิงไท่ซู่มิได้ใช้สมบัติวิเศษใดๆ เขาเคลื่อนไหวพลังอย่างแผ่วเบาและเรียบง่าย แต่พลังที่เขาเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งที่มากมายมหาศาล ความรวดเร็วในการฆ่างูหลามนัตย์ตาทองเหล่านั้นก็มิได้ล่าช้าไปกว่าแม่เฒ่าแห่งวังบุพผาหมื่นปีแม้แต่น้อย

โลหิตสีแดงปลิวว่อนกระเด็นไปยังทุกแห่งหน งูหลามนัตย์ตาทองถูกฆ่าตายอย่างต่อเนื่อง เส้นทางที่พวกเขาเดินเข้าไปเป็นดั่งเส้นทางแห่งฤดูใบไม้ผลิที่มีใบไม้ร่วงโรยลงมา พวกเขาต่างไม่พบเจอกับอุปสรรค์ที่ขัดขวางเส้นทางเลย

ข้อมือของสตรีรุ่นเยาว์ทั้ง 4 ล้วนมีแพรไหมสีรุ่งพุ่งออกมา พวกนางไม่ได้มีเจตนาที่จะต่อสู้กับสัตว์อสูรเหล่านี้ แต่พวกนางกำลังใช้แพรไหมสีรุ้งเก็บรวบรวมเมล็ดวิญญานสัตว์อสูรที่ถูกฆ่าตาย

สตรีทั้ง 4 เป็นศิษย์สาวกสำนักเดียวกัน การกระทำของพวกเขาจึงเต็มไปด้วยความร่วมมือที่แข็งแกร่ง สตรีทั้ง 3 ลงมือโจมตีศีรษะของสัตว์อสูรที่ถูกฆ่าตาย ส่วนสตรีอีก 1 คนใช้แพรไหมสีรุ้งเก็บรวบรวมเมล็ดวิญญานสัตว์อสูร

เมล็ดวิญญานสัตว์อสูรขั้นที่ 5 มีความล้ำค่าอย่างยิ่ง

การกระทำของพวกนางทำให้ศิษย์สาวกแห่งทะเลสาปจักรพรรดิ์ปีศาจไม่พอใจ แต่เพราะพวกเขาไร้ซึ่งวิธีการเช่นศิษย์สาวกแห่งวังบุพผาหมื่นปี พวกเขาจึงทำได้เพียงจ้องมองด้วยสายตาที่อิจฉาริษยา

สตรีเหล่านั้นได้รับของรางวัลแห่งชัยชนะ ทำให้รอยยิ้มที่งดงามปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา

เป็นงูหลามนัตย์ตาทองอีกตนที่พุ่งเข้ามา กู่ยหลี่พุ่งหอกของเขาแทงเข้าไป เขาได้ถ่ายทอดพลังลมปราณแท้จริงอย่างดุดัน ทำให้งูหลามนัตย์ตาทองถูกฆ่าตายในทันที

ทันใดนั้นกุ๋ยหลิี่ได้เหวี่ยงซากของงูหลามนัตย์ตาทองของเข้าไปยังศิษย์สาวกของเขา เห็นได้อย่างชัดเจนว่ากุ๋ยหลี่อยากให้ศิษย์ของตนเองได้รับผลประโยชน์จากการต่อสู้ในครั้งนี้บ้าง

แต่ไม่รู้ว่าเป็นการกระทำที่เจตนาหรือไม่เจตนา เมื่อกุ๋ยหลี่เหวี่ยงซากที่ไร้ชีวิตของงูหลามนัตย์ตาทอง ตำแหน่งที่มันกระแทกลงไปกลับเป็นตำแหน่งของหยางไค่

ดวงตาของหลิ่งไท่ซู่ประกายด้วยแสงแห่งความเยือกเย็น แต่เขาไม่ได้ลงมือห้ามปราม

ซวา !! ศิษย์สาวกชายหนึ่งของทะเลสาปจักรพรรดิ์ปีศาจพุ่งเข้ามา มุมปากของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่าหวาดกลัว พลังลมปราณแท้จริงพุ่งไปยังสองมือที่ซีดขาวของเขา ทันใดนั้นสองมือของเขาได้แปรเปลี่ยนไปราวกับใบมีดที่แหลมซึ่งได้พุ่งตัดไปยังศีรษะของงูหลามนัตย์ตาทองตัวนั้น

การโจมตีของเขาในครั้งนี้ ราวกับว่ากำลังจะเก็บเมล็ดวิญญานสัตว์อสูร แต่พลังที่เขาพุ่งลมปราณออกไปนั้นรุนแรงและหนักหน่วงอย่างมาก มันรุนแรงและหนักหน่วงจนรัศมีของพลังพุ่งโจมตีไปยังหยางไค่ที่ยืนอยู่ที่ด้านหลังสุด

สีหน้าของหยางไค่แสดงออกอย่างเย็นชา เขาตระหนักถึงเจตนาร้ายของฝ่ายตรงข้าม จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะไม่หยุดเฉย

หยางไค่ไม่ได้เผชิญหน้ากับเขาโดยตรง แต่เขายื่นสองมือออกมา และคว้าซากของงูหลามนัตย์ตาทองเอาไว้ หลังจากนั้นเขาจึงใช้เรี่ยวแรงพละกำลังทั้งหมดโยนซากศพนั้นไปยังอีกด้านหนึ่ง

ใบหน้าของศิษย์สาวกแห่งทะเลสาปจักรพรรดิ์ปีศาจเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดุดันอยา่งยิ่ง แต่หลังจากนั้นสีหน้าของเขาได้แปรเปลี่ยนไปในทันที

การตอบโต้ของหยางไค่เกินความคาดหมาของเขา อ๊าก !! เสียงร้องที่แปลกประหลาดดังขึ้น ร่างกายของเขาและซากศพของงูหลามนัตย์ตาทองถูกโยนออกไปหลายสิบจ้างพร้อมๆกัน

แต่ปฏิกิริยาการตอบโต้ของเขาค่อนข้างรวดเร็ว เขารีบชักมือออกจากซากศพของงูหลามนัตย์ตาทอง สองเขาเหยียบย่ำไปยังหลังของงูหลามนัตย์ตาทอง เขาออกแรงเล็กน้อย จนสามารถยับยังตนเองไม่ให้กระแทกลงไปที่พื้นเหมือนงูหลามนัตย์ตาทอง

แต่ยังมิทันที่เขาจะลงไปถึงพื้นดินอย่างปลอดภัย งูหลามนัตย์ตาทองขนาดใหญ่สองตนได้พุ่งเข้ามาเขาด้วยเจตนาแห่งการฆ่า มันอ้าปากขนาดใหญ่ของมัน ทำให้กลิ่นอายที่เหม็นคาวพุ่งออกมา จนเขารู้สึกเวียนศีรษะดวงตาพร่ามัวในทันที

สีหน้าของเขาแสดงออกด้วยความหวาดกลัว

ปฏิกิริยขาของเขาตรงกันข้ามกับยอดฝีมือแห่งเขตแดนเทพสวรรค์ทั้ 4 เพราะพวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือที่สามารถฆ่าสัตว์อสูรขั้นที่ 5 ดังหมูหมากาไก่ แต่หากยอดฝีมือแห่งเขตแดนผสาลมปราณหรือเขตแดนอื่นๆพบเจอกับสัตว์อสูรขั้นที่ 5 เช่นนี้ พวกเขาจะถูกฆ่าตายสถานเดียวเท่านั้น

ในช่วงเวลวิกฤต ศิษย์สาวกแห่งทะเลสาปจักรพรรดิ์ปีศาจสัมผัสได้กลิ่นอายแห่งความตาย เขาไม่คิดว่าการวางแผนลอบทำร้ายหยางไค่ ตัวเขาจะถูกโยนเข้าไปยังสถานการณ์ที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้

หอกยาวพุ่งเหินผ่านกลางอากาศ มันได้พุ่งแทงไปยังงูหลามนัตย์ตาทองจนพวกเขากระเด็นออกไปในทันที ก่อนที่กุ๋ยหลี่จะคว้าไหล่ของศิษย์สาวกและโยนเขาไปยังอีกทิศทางหนึ่ง ส่วนตัวเองรีบพุ่งกลับไปอย่างรวดเร็ว

แต่ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ เมื่อกุ๋ยหลี่กำลังพุ่งออกไป ในช่วงเวลาเพียงเล็กน้อย มันกลับทำให้ศิษย์สาวกทั้ง 4 แห่งวังบุพผาหมื่นปีกำลังจะถูกโจมตีโดยงูหลามนัตย์ตาทอง หากไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วของสตรีที่งดงาม ที่รีบพุ่งกลับมาปกป้องพวกเยาง ไม่แน่ว่าสตรีทั้ง 4 อาจจะถูกโจมตีจากงูหลามนัตย์ตามองเหล่านี้

เมื่อกุ๋ยหลี่กลับมาถึง สตรีที่งดงามจ้องมองกุ๋ยหลี่ด้วยสายตาที่โกรธเคือง เขาออกจากตำแหน่งการคุ้มกันในการเดินทาง ทำให้ศิษย์สาวกแห่งวังบุพผาหมื่นต้องเผชิญหน้ากับอันตราย

กุ๋ยหลี่รู้ตัวว่าเป็นความผิดของตนเอง เขาไม่กล้าที่จะตอบโต้กลับไป แต่เพียงจ้องมองหยางไค่และหลิงไท่ซู่ด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น

ในความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ผู้อาวุโสต่างทราบดีว่าพวกเขาไมควรเข้าไปยุ่งวุ่นวาย แต่อาจเป็นความชาญฉลาดของหยางไค่และโชคของเขาจึงทำให้ศิษย์ของตนเองต้องอับอาย เขาจึงเก็บซ่อนความเกลียดชังไว้ใจใจ รอเวลาที่จะปลดปล่อยความแค้นในครั้งนี้

หยางไค่ไม่ได้สนใจพวกเขา ผู้อาวุโสของฝ่ายตรงข้ามจะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการจะฆ่าตนเอง แล้วตนเองจะต้องเกรงใจและให้เกียรติพวกเขาอีกทำไม ? หากยังเกรงใจพวกเขามันมิใช่ความปราถนาดี แต่มันจะเป็นการแสดงความอ่อนแอ

กลุ่มคนเหล่านี้ยังคงต้องสู้อย่างต่อเนื่อง เมื่อพวกเขาได้ฆ่างูหลามนัตย์ตาทองจำนวน 20 ตัว พวกเขาจึงสามารถหลบหนีจากสถานที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรเหล่านี้

นี้เป็นเพียงพื้นที่รอบนอกสุดของหุบเขาอเวจี แต่มันกลับเต็มไปด้วยอันตรายที่มากมาย ซึ่งสามารถมองเห็นชื่อเสียงอันน่าหวาดกลัวของสถานที่ต้องห้ามเช่นหุบเขาอเวจีได้อย่างชัดเจน

หลังจากที่ผ่านการต่อสู้ที่รุนแรง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้อาวุโสได้สูญเสียพลังไปเป็นจำนวนมาก แม่เฒ่ายังคงเดินนำไปอย่างเงียบๆ โดยไม่กล่าวสิ่งใด จนเดินทางออกไปเป็นระยะทาง 100 ลี้ นางจึงหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อหยุดพักฟื้น

ผู้อาวุโสต้องรักษาสภาพความแข็งแกร่งของพวกเขา ในขณะที่ศิษย์รุ่นเยาว์ต้องฟื้นฟูพลังทางด้านร่างกายของพวกเขาเช่นเดียวกัน

หลังจากที่หยุดพัก แม่เฒ่าแห่งวังบุพผาหมื่นปีจ้องมองกุ๋ยหลี่ด้วยสายตาที่เยือกเย็น และกล่าวสบทด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา : เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ขอให้มันเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ข้าไม่ต้องการให้มันมีครั้งที่ 2 ไม่เช่นนั้น พวกท่านทั้งสองแยกกันเดินทาง ข้าคนแห่งวังบุพผาไม่ต้องการที่จะทำลายการเป้าหมายในครั้งนี้ด้วยเจตนาที่ชั่วร้ายของพวกท่าน มันจะเป็นอันตรายต่อศิษย์สาวกของวังบุพผาแห่งข้า

กุ๋ยหลิี่หัวเราะฮึๆ : องค์หญิงเหยียนโปรดวางใจ มันเป็นความผิดพลาดของข้าที่เกิดขึ้นอย่างไม่ตั้ง ศิษย์สาวกของเขาค่อนข้างรุนแรง มันจึงเกิดความเข้าใจเช่นนี้

เป็นเช่นนั้นก็ดี !! แม่เฒ่าพยักหน้าเบาๆ หลังจากที่กล่าวจบนางจึงนั่งสมาธิและฟื้นฟูพลังของนาง

ระหว่างทั้ง 3 สำนัก พวกเขาต่างเว้นระยะห่างกันอย่างมาก ต่างฝ่ายต่างฟื้นฟูพลังไปด้วยความเงียบ

หลังจากนั้น หยางไค่จึงลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาจ้องมองไปยังศิษย์สาวกชายแห่งทะเลสาปจักรพรรดิ์ปีศาจที่วางแผนจะฆ่าตนกำลังเดินทางเข้ามาอย่างเงียบงัน

หลังจากที่เขาเดินมาถึงระยะห่างจากหยางไค่ประมาณ 10 จ้าง เขาจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่เยือกเย็นและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดุร้าย : ข้าชื่อ จิงฮ่าว ข้าว่าเจ้าควรหนีออกไปให้ไกลที่สุด มิฉะนั้นหากเมื่อถึงสถานที่แห่งนั้น ข้าจิงฮ่าวจะฆ่าเจ้าอย่างไร้ความปราณี

เขากล่าวตะโกนด้วยความเสียมารยาท โดยไม่สนใจหลิงไท่ซู่ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

หลิงไท่ซู่ยังคงปิดตานั่งสมาธิต่อไป

หยางไค่จ้องมองเขาและหัวเราะออกมาอย่างเสียงดัง : ศิษย์พี่จิง สุนัขทั่วที่จะกัดมันจะไม่เห่าเช่นนี้

ฮ่าฮ่า !! . เสียงหัวเราะที่แผ่วเบาจากบริเวณใกล้เคียงดังขึ้น มันคือเสียงหัวเราะของศิษย์สาวกทั้ง 4 แห่งวังบุพผาหมื่นปี

สตรีที่มีหน้าตางดงามจ้องเขม่งพวกนาง พวกนางจึงรีบปิดปากอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแกล้งนั่งสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลังทางด้านร่างกายต่อไป

จิงฮ่าวกล่าวด้วยเสียงที่เย็นชา : ฝีปากเก่งกล้า เจ้าจงภาวนาอย่าให้ตนเองพบเจอกับข้าในสถานที่แห่งนั้น

หลังจากที่กล่าวจบ เขาได้หมุนตัวกลับไปในทันที

หยางไค่จ้องมองด้านหลังของเขา จิตใจเต็มไปด้วยเจตนาแห่งการฆ่าที่รุนแรง ศิษย์สาวกทั้ง 3 แห่งทะเลสาปจักรพรรดิ์เป็นศัตรูของตนเองอย่างแท้จริง แต่ว่าการบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งของพวกเขาล้วนเหนือกว่าเขา นอกจากนั้นพวกเขายังมีจำนวนที่มากกว่า หากพเจอกับพวกเขาในสถานที่แห่งนั้นคงต้องพบเจอกับการต่อสู้ที่หนักหนาสาหัสเช่นเดียวกัน

หลังจากที่พักผ่อนเป็นระยะเวลาหนึ่ง แม่เฒ่าลุกขึ้น หลิงไท่ซู่และกุ๋ยหลี่ก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกัน

กลุ่มคนเหล่านี้ยังคงเดินทางต่อไปยังหุบเขาอเวจีต่อไป

ในระหว่างทางพวกเขามักจะถูกคุกคามจากสัตว์อสูร หุบเขาอเวจีเต็มไปด้วยสัตว์อสูรที่มากมาย ระดับขั้นของมันก็แตกต่างกันไป บางตนอาจจะอยู่ในขั้นที่ 3 ขั้นที่ 4 5 หรือแม้กระทั่งขั้นที่ 6

แต่ว่าสัตว์อสูรขั้นที่ 6 ทราบดีว่ากลุ่มคนเหล่านี้มิใช่คนที่พวกเขามันจะสามารถโจมตีได้ พวกมันจึงละทิ้งเจตนาในการโจมตี แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกมันฉลาดกว่าสัตว์อสรูตนอื่นๆที่รนหาที่ตายเอง

หลังจากที่ฆ่าสัตว์อสูรเหล่านั้น ศิษย์สาวกทั้ง 4 แห่งวังบุพผาหมื่นปีได้รับผลตอบแทนที่มากที่สุด เมล็ดวิญญานสัตว์อสูรเป็นของพวกนาาง คนแห่งทะเลสาปจักรพรรดิ์ปีศาจก็พยายามเต็มที่ในการเก็บเกี่ยวเมล็ดวิญญานสัตว์อสูร พวกเขาต่างร่วมมือกับเก็บเกี่ยวเมล็ดวิญญานสัตว์อสูรจากสัตว์อสูรที่ถูกฆ่าจากุ๋ยหลี่

มีเพียงหยางไค่ที่ได้รับผลตอบแทนที่น้อยที่สุด ระหว่างทาง เขาได้รับเมล็ดวิญญานสัตว์อสูรเพียง 5 เม็ด และมันยังเป็นความตั้งใจที่หลิงไท่ซู่โยนร่างไร้วิญญานของสัตว์อสูรให้แก่เขา

แต่หยางไค่ไม่ได้สนใจ ตนเองเป็นผู้มีการบ่มเพาะพลังที่อ่อนแอที่สุด ในตอนนี้การแสดงออกอย่างอ่อนแอเช่นนี้ จะทำให้พวกเขาให้ความสนใจกับตนเองน้อยลง ในเวลานี้เขาต้องอดทนต่อการเหยียดหยาม มันจึงจะช่วยให้เขาหลีกเลี่ยงจากภัยอันตราย และจะทำให้เขาค่อยๆเติบโตและก้าวหน้าได้อย่างมั่นคง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด