ตอนที่แล้วตอนที่ 214 แผนการของหลิงไท่ซู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 216 ข้าชื่อจิงฮ่าว

ตอนที่ 215 ร่วมมือ


ตอนที่ 215 ร่วมมือ

ตอนนี้เจ้าก็คงเข้าใจว่าทำไมสถานที่แห่งนั้นจึงฆ่าโดยไม่ต้องใช้เหตุผลและข้ออ้าง ? หลังจากที่ได้รับลูกแก้วชีพโจรโลหิต เป็นเหตุผลและข้ออ้างที่ดีที่สุด !! ในสถานที่แห่งนั้น หนึ่งชีวิตเป็นเพียงแค่ศิลาก้อนหนึ่งที่จะแข็งแกร่งในวันข้างหน้า โดยเฉพาะเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 3 เช่นเจ้า จะถูกเพ่งเล็งและเป็นเป้าหมายจากพวกเขา หลิงไท่ซู่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

สีหน้าของหยางไค่แสดงออกอย่างตื่นตะลึง แต่มันแฝงไปด้วยความตื่นเต้นและความประหลาดใจที่มากกว่า

หลิงไท่ซู่จ้องมองหยางไค่อย่างถี่ถ้วน เขามองเห็นปฏิกิริยาและสีหน้าของหยางไค่อย่างชัดเจน ทำให้เขาต้องถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ในใจเขาคิดว่าเจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้คงถูกลิขิตให้เดินทางเข้าเส้นเส้นทางแห่งการฆ่า

หากเป็นผู้ฝึกยุทธุ์ในเขตแดนผสานลมปราณได้ยินเรื่องเช่นนี้ พวกเขาคงหวาดกลัวและพยายามหลบหนี แต่ใบหน้าของเด็กหนุ่มผู้นี้มิได้แสดงออกด้วยกิริยาเช่นนั้น แต่มันแสดงออกว่าเขากำลังใจจดใจจ่อที่จะวิ่งเข้าไปยังสถานที่แห่งนั้น เพื่อจะฆ่าผู้ที่อยู่ในนั้นให้ตายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ในสถานที่แห่งนั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะทำร้ายและฆ่าผู้บริสุทธุ์ แม้ว่าหยางไค่ไม่มีเจตนาที่จะไปฆ่าผู้ใด ย่อมมีผู้อื่นที่คิดจะฆ่าเขา นอกจากนั้น ในสถานที่แห่งนั้นยังเต็มไปด้วยผู้ฝึกยุทธุ์ที่มิีจิตใจที่ชั่วร้าย มันสมควรที่จะฆ่าพวกเขาให้หมดไป

ตลอดเส้นทาง หลิงไท่ซู่ได้กล่าวบอกข้อมูลที่เกี่ยวกับสถานที่แห่งนั้นให้เขา เพราะหลิงไท่ซู่ได้ฝึกฝนอยู่ในสถานที่แห่งนี้เป็นเวลาหลายปี เขามีประสบการณ์โดยตรง ประสบการณ์นี้มีค่ายิ่งกว่าสมบัติที่ล้ำค่าเสียอีก

จากคำกล่าวของหลิงไท่ซู่ สถานที่แห่งนั้นอยู่นอกบริเวณหุบเขาอเวจี แต่มันไม่ใช่สถานที่แท้จริงของหุบเขาอเวจี มันเป็นสถานที่น่าอัศจรรย์และเต็มไปด้วยความลึกลับ ทางเข้าออกของมัน คือทะเลสาปที่ตั้งอยู่ในหุบเขาอเวจี

หยางไค่ตั้งใจฟังอย่างยิ่ง เขาไม่กล้าที่จะละทิ้งสิ่งที่หลิงไท่ซู่กล่าวให้เขาฟังแม้แต่น้อย

และไม่รู้ว่าด้านในของมันมีกฏแห่งสวรรค์ที่แปลกประหลาดมากแค่ไหน เพราะสิ่งมีชีิวิตที่ตายอยู่ในสถานที่แห่งนั้น พลังลมปราณโลหิตของร่างกายทั้งหมดจะหลอมละลายกลายเป็นลูกแก้วชีพโลหิต มันเหมารวมไปถึงมนุษย์และสัตวอสูร !!ลูกแก้วชีพจรโลหิตจะกลืนกินด้วยตนเองหรือนำกลับไปให้แก่ผู้อื่นกลืนกินก็ได้ นอกจากนั้นยังถือว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าทีที่มีราคาสูงลิบลิ่ว หากเป็นมนุษย์หรือสัตว์อสูรที่มีพลัง

ความแข็งแกร่งที่สูงส่ง ราคาของลูกแก้วชีพจรดลหิตจะสูงขึ้นไปอีก และมันจะทำให้พลังความแข็งแแกร่งของผู้ที่กลืนกินมันมีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างทวีคุณ

นอกจากนั้น ในสถานที่แห่งนั้น สมบัติป้องกันและโจมตีทั้งหมดทั้งมวลจะไม่สามารถสำแดงพลังอำนาจของมัน อาจเป็นเพราะมันถูกพลังลึกลึบที่ไร้ตัวตนปิดผนึกเอาไว้ เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ มันทำให้จิตใจของหยางค่เต็มไปด้วยความโล่งจากอย่างสุดซึ้ง

ในตอนนี้ การบ่มเพาะพลังของตนเองอยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 3 ใครจะรู้ว่าภายในสถานที่แห่งนั้นจะมียอดฝีมือแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริงมากแค่ไหน เมื่อใดที่ต้องเผชิญกัยยอดฝีมือแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริง หากหยางไค่ไร้ซึ่งการช่วยเหลือจากกระบี่มารโลหิตและบุพผาโลหิตพันปี คงต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน และมีโอกาสที่เขาจะถูกฆ่าจะผู้อื่น

แต่เมื่อครุ่นคิดถึงการกระทำของผู้อื่นที่คิดเหมือนเขา ทำให้จิตใจของหยางไค่สั่นไหวอย่างยิ่ง

ประตูทางเข้าจะเปิดทุกๆ 10 ปี หยางไค่โชคดีอย่างมาก ในขณะที่เขากลับมาถึงสำนักหลิงเซี่ยว เขาได้เดินทางมาในทันที หากว่าเขากลับมาช้ากว่านั้น เขาต้องพลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน

สุดท้าย หลิงไท่ซู่ที่มีสีหน้าเคร่งขรึมได้มอบถุงผ้าเล็กๆให้แก่หยางไค่

ถุงผ้าชิ้นนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือ บนถุงผ้าแกะสลักด้วยลวดลายที่มีสีสันและลึกลับ วัสดุที่สร้างมันขึ้นมายังแปลกประหลาด มันดูงดงามอย่างยิ่ง

มันคืออะไร ? หยางไค่กล่าวถามอย่างไม่เข้าใจ

ข้าเรียกมันว่าถุงสวรรค์ล้อมปฐพี อย่ามองว่ามันมีขนาดเล็ก แต่ในความจริงด้านในของมันมีขนาดใหญ่ สามารถจัดเก็บทุกสิ่งทุกอย่างโดยไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด

สีหน้าของหยางไค่แสดงออกด้วยความตกใจอีกครั้ง เขาจ้องมองหลิงไท่ซู่ด้วยสีหน้าที่ไม่เชื่อ เขาไม่คาดคิดว่าหลิงไท่ซู่จะครอบครองสมบัติวิเศษในตำนานที่ใช้จัดเก็บสิ่งต่างๆอย่างไร้ซึ่งขอบเขต

ล้วนเป็นสมบัติที่ผู้ก่อตั้งสำนักทิ้งไว้ให้แก่ผู้อยู่เบื้องหลังเช่นเรา ในอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่ คงมีเพียงชิ้นเดียว แม้แต่ 8 ตระกูลที่ย่ิงใหญ่ของเจ้ายังมิได้ครอบครองมัน หลิงไท่ซู่กล่าวด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

โอ้ว ไม่สิ เม้งวู่หยาอาจจะครอบครองสมบัติิวิเศษเช่นนี้ แต่ว่าตาเฒ่านั้นต่างซ่อนเร้นสมบัติวิเศษของตนเองเอาไว้ เขาตะหนี่ไม่มอบให้ใคร นอกจากศิษย์รักของเขาเท่านั้น

ข้าเตรียมยาและโอสถวิเศษให้แก่เจ้า เจ้าอย่าใช้มันอย่างฟุ่มเฟือย หลิงไท่ซู่กล่าวตักเตือน

ขอบคุณ อาจารย์ปู่มาก !! เมื่อข้ากลับไป ข้าจะคืนถุงสวรรค์ล้อมปฐพีนี้ให้แก่ท่าน หยางไค่เก็บถุงผ้านั้นไว้ในทรวงอกของตนเองอย่างแน่นหนา

สมบัติวิเศษเช่นนี้ล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งใด มันสามารถจักเก็บสมบัติวิเศษเป็นจำนวนมาก ผู้คนสามัญต่างเคยไดยินเพียงชื่อของมัน แต่ไม่มีใครเคยพบเห็นมันมาก่อน

แต่ว่า แต่ในร่างกายของหยางไค่ซ่อนเร่นตำราสีดำที่ไร้ซึ่งอักขระ สมบัติชิ้นนั้นก็สามารถจัดเก็บสมบัติวิเศษต่างๆได้เช่นเดียวกัน นอกจากนั้นระดับของมันต้องสูงกว่าถุงสวรรค์ล้อมปฐพีของหลิงไท่ซู่อย่างแน่นอน

แต่โชคร้ายอยางยิ่ง แม้ว่ามันจะอยู่ในความครอบครองของหยางไค่ แต่เขาก็ไม่ทราบวิธีการใช้งานของมัน

พวกเขายังคงบินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 1 วัน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงสถานที่เงียบสงบที่เต็มไปด้วยความน่าขนลุก หุบเขาที่แพร่กระจายกลิ่นอายแห่งความโชคร้ายได้ปรากฏต่อสายตาของหลิงไท่ซู่และหยางไค่

หบเขาอเวจี !! สถานที่ต้องห้ามเพียงหนึ่งเดียวของอาณาจักรฮั่น !! กลิ่นอายแห่งความอ้าว้างและข่มขู่แพร่กระจายออกมา มันให้ความรู้สึกแห่งดินแดนที่อยู่อาศัของมังกรในบรรพกาล มันทำให้จิตใจของผู้ที่พบเห็นสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว

ก่อนจะถึงด้านหน้าของหุบเขา ยังมิทันที่พวกเขาจะเดินทางเข้าไป ด้านซ้ายและด้ายขวาของพวกเขากลับมีกลุ่มคนขนาดเล็กพุ่งออกมา

ด้านซ้ายมีคนทั้งหมด 6 คน หยางไค่จ้องมองออกไป และพบว่าเป็นสตรีทุกคน พวกเขาทั้ง 6 นำพาโดยสตรีที่มีหน้าตางดงามสองคนและแม่เฒ่าคนหนึ่งและสตรีที่เหลือทั้ง 4 ต่างเป็นสตรีแรกรุ่นทั้งหมด

ข้อมือและข้อเท้าของสตรีทั้ง 4 สวมกำไลระฆังเล็กๆ ในขณะที่พวกเขาบินขึ้นสูง จะก่อให้เกิดเสียงที่น่ารื่นรมย์เฉกเช่นเสียงของฤดูใบไม้ผลิที่ไหลผ่านเทือกเขา มันให้ความรู้สึกที่สดชื่นอย่างยิ่ง

นอกจากนั้นสตรีทั้งหมดต่างมีหน้าที่งดงามและสง่างาม มันเรือนร่างที่งดงามและอ่ิมอวบ ผมสีดำสะยายไปด้านหลังซึ่วเผยใหเห็นลำคอที่ขาวดุจหิมะ พวกเขาต่างแพร่กลิ่นอายแห่งความมีเสน่ห์ของสตรีออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นของพวกนาง ไหลเวียนไปมาอย่างน่าเย้ายวน มันทำให้จิตใจของผู้พบเห็นสั่นไหวไปมาโดยมิอาจควบคุม มันสามารถดึงดูดจิตวิญญานของผู้พบเห็นได้อย่างง่ายดาย ดวงตากลมตาที่เป็นประกายราวกับว่ามันมีชีวิต ทำให้ท้องฟ้าสีครามนี้ แปรเปลี่ยนเป็นความหอมกรุ่นที่อ่อนหวานในพริบตา

โดยเฉพาสตรีในวัยแรกรุ่นทั้ง 4 พวกนางงดงามราวกับบุพผาที่เบ่งบานอย่างละเอียดอ่อน มันงดงาม สง่างามอย่างไร้ฐิติ ผิวของพวกนางยังขาวดุจหิมะ เท้าของพวกเขาเรียวเล็กอย่างน่าสัมผัส นิ้วมือนิ้วเท้าของพวกนางต่างให้ความรู้สึกอันละเอียดอ่อนอันปราณีต เอวบางที่นุมนวลของพวกนางโค้งได้รูป แต่มันเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความเร่าร้อนที่ยั่วยวนใจ เมื่อพวกนางทั้ง 4 รวมตัวกัน มันสามารถทำให้บุรุษผู้หนึ่งระเบิดสติอารมณ์ออกมาอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่ากลิ่นอายของพวกนางยังเป็นกลิ่นอายแห่งเด็กสาว แต่มันกลับเต็มไปด้วยเสน่ห์และน่าหลงไหลอย่างยิ่ง

แม่เฒ่านางนั้นดูเหมือนว่าจะมีอายุมาก แต่มันสามารถบ่งบอกได้ถึงรูปลักษณ์ที่ครั้งเยาว์วัย แต่เพราะเวลาที่ผ่านไป จึงทำให้ใบหน้าของนางเต็มไป้ดวยรอยเหี่ยวย่นจำนวนมาก

ไท่เสียวก่อนที่จะหยุดยั้งสามร้อยฟุตหญิงชราคนหนึ่งจ้องมองไปที่ชายสองคนก่อนจะกรีดร้องเบา ๆ

พวกเขาพุ่งไปยังด้านหน้าของหลิงไท่ซู่และหยางไค่ ก่อนจะหยุดลงในระยะห่าง 30 จ้าง แม่เฒ่ากวาดสายตามองพวกเขาทั้งสองก่อนจะสบทด้วยสุ้มเสียงที่เยือกเย็น

ผู้คนที่มายังหบุเขาอเวจีในเวลานั้น เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีจุดประสงค์เช่นเดียวกัน

เมื่อเข้ามายังสถานที่เต็มไปด้วยความประหลาด มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องแย่งชิงกับผู้อื่น

หลิงไท่ซู่ยิ้มให้แก่แม่เฒ่า เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้มต่อหยางไค่ : เป็นกลุ่มคนจากวังบุพผาหมื่นปี สำนักที่มีความแข็งแกร่งชั้นหนึ่ง พวกนั้นล้วนเป็นอัจฉริยะแห่งอัจฉริยะ เมื่ออยู่ในสถานที่แห่งนั้นเจ้าต้องระวังเด็กสาวเหล่านั้นให้มาก ไม่เช่นนั้น พวกนางอาจจะกลืนกินเจ้าเข้าไปแม้แต่กระดูกของเจ้า

ดวงตาทั้งสองของหยางไค่ประกายด้วยแสงแห่งความเฉียบคม เขาใช้สายตาจ้องมองเด็กสาวทั้ง 4 เมื่อเขาได้ยินหลิงไท่ซู่กล่าวเช่นนี้ สีหน้าของหยางไค่แปรเปลี่ยนเป็นความจริงจังในทันที : อาจารย์ปู่ ข้าจะระวังตัว

หลังจากนั้น กลุ่มคนจากด้านขวาได้มาถึง เมื่อจ้องมองออกไป ผู้นำของกลุ่มคนกลุ่มนี้เป็นชายชราที่มีอายุใกล้เคียงกับหลิงไท่ซู่ ด้านหลังของเขา ตามมาด้วยศิษย์สาวกในวัยหนุ่มสาว มีทั้งบรุษและสตรี พวกเขาต่างมีพลัวความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี ร่างกายของพวกเขาต่างแพร่กระจายกลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายออกมาอย่างหนักหน่วง

บุรุษหนุ่มทั้งสองเสียมารยาทยิ่งกว่าหยางไค่เสียอีก ดวงตาของพวกเขาต่างจ้องมองไปยังสตรีแห่งวังบุพผาหมื่นปี ทำให้สตรีที่มีหน้างดงามนางหนึ่งไม่พอใจ จนนางต้องสบทออกมาอย่างรุนแรง

พวกเขาเป็นคนแห่งทะเลสาปจักรพรรดิ์ปีศาจ สีหน้าของหลิงไท่วู่แปรเปลี่ยนเป็นความเคร่งขรึมที่มากขึ้น : ความเดือนร้อนความวุ่นวายกำลังถาโถมเข้าใส่ตัวเจ้า

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? หยางไค่กล่าวถามด้วยความสงสัย

เพราะในอดีตข้าและชายชราที่อยู่ด้านหน้าเคยต่อสู้กันกว่าหลายครั้ง พวกเขาเป็นนิกายแห่งปีศาจที่ชั่วร้าย เมื่อเผชิญหน้ากับพวกเขา เจ้าต้องระวังกระบวนท่าในการต่อสู้ในมือของพวกเขา หลิงไท่ซู่กล่าวตอบ

หยางไค่จ้องมองออกไป หยางไค่พบว่ามือของพวกเขาทั้ง 3 ค่อนข้างประหลาด มันซีดเซียวไร้ซึ่งโลหิตเฉกเช่นผู้คนทั่วไป เมื่อมองออกไปราวกับมือของพวกเขาเป็นกรงเล็บของปีศาจที่โหดเหี้ยม

ชายชราที่อยู่ด้านหน้าหัวเราะอย่างเย็นชา : หลิงไท่ซู่ !! เจ้ายังไม่ตาย !!

ดีดีดี ก๋วยหลี่หัวเราะอย่างไม่หยุด : ข้ากลัวว่าเจ้าตายไป จนทำให้ข้าไม่สามารถแก้แค้นเจ้าได้ ไม่คิดเลยว่า เจ้ากับข้าจะพบเจอกันในวันนี้ มันช่างบังเอิญจริงๆ

หลิงไท่ซู่หัวเราะเบาๆ : ก๋วยหลี่เจ้าก็ยังไม่ตาย !!

ทำไมกัน ? 50 ปีก่อนที่ข้าสั่งสอนเจ้ายังไม่พอหรือไง ? ในวันนี้เจ้าจะรนหายที่ตายเองหรือไง ? หลิงไท่ซู่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและเย้ยหยัน

สีหน้าของก๋วยหลิี่แปรเปลี่ยนเป็นความดุดัน : เรื่องราวในอดีต จะกล่าวขึ้นมาอีกทำไม ? 50 ก่อนที่ข้าพ่ายแพ้ให้แก่เจ้า ไม่ได้หมายความว่า 50 ปีถัดมาข้าจะพ่ายแพ้ให้เจ้าอีกครั้ง

ลองดูไหม ? หลิงไท่ซู่หัวเราะอย่างท้าทาย

ดวงตาของก๋วยหลี่แพร่กระจายกลิ่นอายที่น่าสยดสยองออกมา เขาจ้อมองหลิงไท่ซู่ด้วยแววตาที่เคียดแค้น และยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเกลียดชัง

เมื่อผู้นำทั้งสองเผชิญหน้ากับ ศิษย์สาวกทั้ง 3 ของเขาต่างจ้องมองหยางไค่ด้วยความเกรี้ยวโกรธเช่นเดียวกัน

หยางไค่แสะยิ้มให้พวกเขา สีหน้าแสดงออกอย่างไม่แยแส

ปัง !! เสียงดังสนั่นดังขึ้นอย่างฉับพลัน มันเกิดจากการกระแทกด้วยฝ่ามือของแม่เฒ่าแห่งวังบุพผาหมื่อนปี

หากท่านทั้งสองไม่อยากที่จะต่อสู้ พวกเราร่วมมือกันเพื่อเข้าไปยังหุบเขาอเวจีจะดีกว่า ? สีหน้าที่เฉยชาของแม่เฒ่าจ้องมองไปยังหลิงไท่ซู่และก๋วยหลี่

พราะจุดประสงค์ของพวกเขาคือการศิษย์สาวกของตนเองเข้าไปฝึกฝนวิชายุทธุ์ หากว่าเลยเวลามันจะเป็นการทำลายเป้าหมายที่ตนเองวางแผนเอาไว้ แม่เฒ่าเองก็ชาญฉลาดอยางยิ่ง นางทราบดีว่าพวกเขาทั้งสองต่างต้องการผู้ห้ามที่ยุติธรรม พวกเขาจึงได้กล่าวเช่นนั้น

ก๋วยหลี่หัวเราะเบาๆ : ข้าจะให้เกียรติต่อองค์หยิงเหยียน ในวันนี้ข้าจะไม่สนใจเรื่องราวความแค้น แต่หลังจากที่เสร็จสิ้นเรื่องราวนี้ หลิงไท่ซู่ เจ้าและข้าจะต้องปะทะกันอีกสักครั้ง !!

ก๋วยหลี่จ้อมองหยางไค่ด้โดยไม่ปกปิดเจตนาที่ชั่วร้ายของเขา ก่อนที่เขาจะสั่งการให้แ่ก่ศิษย์สาวกทั้ง 3 ของเขา : จำหน้าเจ้าเด็กนั้นให้ชัดเจน เมื่อเขาไปยังภายใน ให้ฆ่ามันในทันที

ขอรับ !! ทั้งสามต่างกล่าวตอบด้วยสีหน้าที่เย็นชา

สีหน้าของหยางไค่แสดงออกอย่างเยือกเญ้น เขาเองก็ได้จดจำใบหน้าของพวกเขาทั้ง 3 เอาไว้แล้วเช่นกัน

เมื่อมี่การไกล่เกลี่ยของแม่เฒ่าแห่งวังบุพผาหมื่นปี หลิงไท่ซู่และก๋วยหลี่ได้ปล่อยวางความแค้นของตนเอง พวกเขาทั้ง 3 ปรึกษาหารือเป็นระยะเวลาหนึ่ง พวกเขาตัดสินให้แม่เฒ่าแห่งวังบุพผาหมื่นปีนำหน้า สตรีทั้ง 4 ต่างติดตามกันไปอย่างไม่ห่าง ก๋วยหลี่และศิษย์ของพวกเขาเดินอยู่ตรงกลาง ส่วนหยางไค่และหลิงไท่ซู่เดินอยู่ท้ายสุด

ส่วนสตรีที่มีน่าตางดงาม พวกเขาอยู่ในตำแหน่งตรงกลางเช่นกัน แต่ว่าคนหนึ่งอยู่ทางด้านซ้ายของก๋วยหลี่ อีกคนยืนอยู่ทางด้านขวาของก๋วยหลี่

เมื่อมีการปกป้องจากยอดฝีมือแห่งเขตแดนเทพสวรรค์ทั้ง 4 คน ศิษย์สาวกรุ่นใหม่จึงเดินทาเข้าไปได้อย่างปลอดภัย แน่นอนว่าพวกเขาได้ตกลงกันแล้วว่า หลิงไท่ซู่และก๋วยหลี่จะไม่กล่าวพาดพิงกัน

หลิงไท่ซู่มิใช่ผู้ที่มีจิตใจชั่วช้า แต่ก๋วยหลิี่ไม่เป็นเช่นเขา เมื่อความกังวลเช่นนี้ แม่เฒ่าจึงให้หลิงไท่ซู่คุ้มกันอยู่ด้านหลัง เพื่อไม่ให้ก๋วยหลี่ลอบโจมตีเขา

โชคดีที่ก๋วยหลี่ก็เข้าใจในเรื่องนี้ ระหว่างที่เขาเดินทางไป เขาไม่ได้ลงมือหรือเจตนาที่ชั่วร้ายใด แต่เพียงปกป้องตำแหน่งของตนเองอย่างตั้งใจ

หุบเขาอเวจี สถานที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย เมื่อกลุ่มกลุ่มหนึ่งได้เดินเข้ามา พวกเขาต่างระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะแม้พวกเขาจะอยู่ในบริเวณด้านนอกสุดของหุบเขาอเวจี ก็ไม่แน่ว่าจะไม่พบเจอกับสัตว์อสูรในขั้นที่ 5 และขั้นที่ 6

ไม่ทราบว่าสตรีแห่งวังบุพผาโลหิตหมื่นปีใช้วิธีการใด ในเวลานี้กำไลระฆังที่ข้อมือและข้อเท้าของพวกเขาไร้ซึ่งสุ้มเสียงใดๆ ระหว่างที่เดินทางจึงเต็บไปด้วยความเงียบงัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด