ตอนที่ 209 ปะทะเขตแดนลมปราณแท้จริง
ตอนที่ 209 ปะทะเขตแดนลมปราณแท้จริง
บริเวณนั้นเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ต่งชิงฮันจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่โง่เขลา ไม่เจอกันเพียง 4 ปี น้องบุญธรรมของเขาคนนี้ได้แปรเปลี่ยนจนเหี้ยมโหดถึงเพียงนี้ ผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 5 อดทนต่อการโจมตีของเขาไม่ถึง 30 ลมหายใจ แต่เขากลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยฝุ่นที่ฟ้งกรุจาย หยางไค่ยืนอยู่ท่ามกลางฝุ่นที่กำลังฟุ้งกระจาย สีหน้าของเขายังคงเย็นชา เขาจ้องมองทุกคนด้วยสีหน้าที่หยิงผยองอย่างสุดขีด
สีหน้าของไป๋ฟงหยุนและฟางหงตื่นตะลึงเล็กน้อย หลังจากนั้น ไป๋ฟงหยุนจึงเหลือบไปมองเฉาเจิ้งเหวินด้วยสีหน้าที่เหยียดหยาม เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา : สมแล้วที่เป็นศิษย์ที่ฝึกฝนมาจากสำนักที่ต้อยต่ำเช่นนี้ ดูเหมือนว่าข้าต้องลงมือด้วยตนเองสักแล้ว !
ฟางหงจ้องมองไป๋ฟงหยุนด้วยสีหน้าที่เข้ใจ ไป๋ฟงหยุนเป็นคุณชายแห่งตระกูลไป๋ เขาหยิ่งยะโสในศักดิ์ศรี แม้ว่าเขาจะไม่สนใจความเป็นความตายของเฉาเจิ้งเหวิน แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นศิษย์ที่ตนเองรับเข้ามา ถือว่าเฉาเจิ้งเหวินเป็นคนของตระกูลไป๋ ในตอนนี้คนของเขาถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา ไป๋ฟงฟยุนจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปได้อย่างไร ?
หากเป็นเขาเอง เขาคงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป นอกจากนั้น คนที่ชื่อว่าหยางไค่ยังมีเคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้ในขั้นจิตวิญญานศักดิสิทธิ์ สถานการณ์เช่นนี้เป็นข้ออ้างที่เพียงพอในการต่อสู้กับเขา จากนั้นจึงบีบบังคับให้เขาบอกวิธีการฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ให้แก่เขา
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฟางหงรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก เขาจ้องมองศิษย์สาวกแห่งสำนักหลิงเซี่ยวที่อยู่ด้านหลังของเขา เขาคิดในใจว่าทำไมเมื่อสักครู่หยางไค่จึงไม่ลงมือกับเขา ? หากหยางไค่ลงมือโจมตีทำร้ายเขา เขาจะได้มีเหตุผลที่เพียงพอในการลงมือ
ศิษย์น้องไป๋ ลงมือในดินแดนของผู้อื่น คงไม่ใช่เรื่องดี ? ต่งชิงฮันกังวลว่าหยางไค่จะรับมือไม่ได้ เขาจึงรีบกล่าวออกมา เพราะอย่างไป๋ฟงหยุนเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นที่ 1 เขตแดนลมปราณแท้จริงและผสานลมปราณ เป็นเขตแดขนาดใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิ้ง
ไป๋ฟงหยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา : ดินแดนของพวกเขาแล้วจะอย่างไร ? กล้าทำร้ายศิษย์ของตระกูลไป๋ เขาต้องชดใช้อย่างสาสม
เขาตั้งใจที่จะสั่งสอนหยางไค่อย่างสาสาม
ต่งชิงฮันขมวดคิ้วไว้แน่น เขาตั้งใจที่จะช่วยเหลือหยางไค่ แต่ก็เขาไม่รู้ว่าจะหาหนทางในการแทรกแทรงเหตุการร์ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะจากสายตาของผู้อื่น เขาและหยางไค่เพิ่งพบเจอกันครั้งแรกด้วยความยังเอิญ หากเขากระทำอย่างเปิดเผย ผู้อื่นต้องทราบเรื่องราวที่แท้จริง หากฐานะที่แท้จริงของหยางไค่ถูกเปิดโปง มันจะส่งผลเสียมากกว่าผลดีอย่างแน่นอน
แม้ว่าตระกูลหยางไค่จะมีเป็นตระกูลที่มีอำนาจอย่างยิ่งใหญ่ แต่ศัตรูของพวกเขาก็มีมากมายไม่แพ้กัน ในใต้หล้ามีผู้คนจำนวนมากมายที่เกลียดชังตระกูลหยาง
ในขณะที่กำลังพยายามหาหนทาง เขามองเห็นสายตาของหยางไค่ที่แอบส่งสัญญานให้แก่ เพื่อให้เขาคลายความกังวล มันทำให้จิตใจของเขาสั่นไหวและไม่กล่าวสิ่งใดออกไปอีก
ไป๋ฟงหยุนเดินเข้าไปหาหยางไค่อย่างช้าๆ ในระหว่างที่เขาเดินไปเขาได้กล่าวตะโกน : ผู้อาวุโสทั้ง 2 โปรดเฝ้าดูเหตุการณ์โดยไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวข้อง
ขอรับ !! เมื่อผู้อาวุโสกล่าวตอบ พวกเขาได้ก้าวถอยหลังออกไป
ข้างกายของต่งชิงฮันมียอดฝีมือแห่งเขตแดนเทพสวรรค์ปกป้อง แล้วข้างกายของไป๋ฟงหยุนและฟางหงจะไม่มีได้อย่างไร ? พวกเขาล้วนเป็นทายาทของผู้นำรุ่นใหม่ ในขณะที่พวกเขาจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พวกเขาล้วนมีผู้พิทักษ์คอยปกป้องความปลอดภัยของพวกเขา
ข้าจะให้โอกาสครั้งสุดท้ายแก่เจ้า เข้าร่วมกับตระกูลไป๋ มอบเคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้นั้นให้แก่ตระกูลไป๋ ข้าจะละเว้นชีวิตของเจ้า !! ไป๋ฟงหยุนจ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่หยิ่งยะโส ในตอนนี้เขาไม่ละสายตาจากหยางไค่แม้แต่น้อย
หยางไค่หัวเราะเยาะอย่างเย็นชา พลังลมปราณในร่างกายระเบิดออกมา เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการต่อสู้
ไม่จำเป็นต้องกล่าวให้มาก การกระทำเช่นนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาตัดสินใจอย่างไร
ดีมาก ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าก็ได้ อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีค่า !! เมื่อไป๋ฟงหยุนกล่าวจบ เงาร่างของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความพร่ามัว ราวกับควันที่ถูกสายลมพัดผ่านไป
สีหน้าของหยางไค่ยังคงเยือกเย็น เขาไม่กล้าที่ประมาท แม้ว่าไป๋ฟงหยุนจะดูเหมือนคุณชายที่อ่อนแอ แต่ไม่ว่าอย่างไรกเขาก็เป็นคุณชายจากตระกูลไป๋ เขตแดนของเขายังแข็งแกร่งและสูงส่งกว่าเขาอย่างมาก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนเช่นนี้ หากประมาทเพียงน้อยนิดก็จะถูกเขาโจมตีทำร้ายจนตายในทันที
ในเวลานี้หยางไค่ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับศัตรูเช่นนี้
แต่เมื่อคิดถึงภาพที่นายน้อยคนนี้อยู่ในจวนของซู่เหยียนตลอดทั้งวัน ทำให้หยางไค่รู้สึกเกลียดชัง บุรุษทุกคนต่างหวงแหนสตรีของตนเอง แม้ว่าไป๋หงหยุนจะไม่เคยพบเจอซู่เหยียน มันก็ทำให้เขาเกลียดชังการกระทำของเขา
ควันหมอกที่แปลกประหลาดปรากฏอยู่ด้านหลังของหยางไค่ มุมปากของไป๋ฟงหยุนแสะยิ้มด้วยความเยือกเย็น เขาค่อยๆพุ่งประทับฝ่ามือไปยังด้านหลังของหยางไค่ แม้ว่าฝ่ามือที่โจมตีออกไปของไป๋ฟงหยุนจะแผ่วเบา แต่มันเต็มไปด้วยพลังแห่งการโจมตีอันร้ายแรง
สีหน้าของต่งชิงฮันแสดงออกอย่างตื่นตระหนก แต่เขาไม่สามารถที่จะกล่าวตักเตือนหยางไค่
ทันใดนั้นหยางไค่พลิกตัว ฝ่ามือของเขากลายเป็นสีแดงก่ำ พลังลมปราณที่ร้อนแรงได้แพร่กระจายออกมาจากฝ่ามือของเขา ก่อนจะพุ่งปะทะกับฝ่ามือของไป๋ฟงหยุน
ปัง !!! เสียงปะทะดังสนั่น พลังแห่งฟ้าดินหมุนเวียนอย่างวุ่นวาย พลังลมปราณจากฝ่ามือของไป๋ฟงหยุนที่โหมกระหน่ำโจมตีหยางไค่ ทำให้ร่างกายของหยางไค่สั่นสะท้านและลอยกระเด็นออกไปถึงหลาย 10 จ้าง แต่ไป๋ฟงหยุนยังคงนิ่งเหมือนเดิม สีหน้าของเขาแสดงออกอย่างผ่อนคลายราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ก่อนหน้านี้แม้ไป๋ฟงหยุนจะเคยยื่นมือขวางทางของหยางไค่ แต่ในตอนนั้นหยางไค่ใช้พลังไปถึง 8 ส่วนจึงจะสามารถผลักมือของไป๋ฟงหยุนออกไปได้ เมื่อไป๋ฟงหยุนรับรู้ในจุดนี้ เขาจึงต้องการที่จะต่อสู้กับหยางไค่
และในตอนนี้ไป๋ฟงหยุนเริ่มลงมือโจมตีอย่างรุนแรง ผลลัพธุ์ของมันจะเทียบกับในตอนแรกได้อย่างไร ?
เพียงการโจมตีเพียงครั้งเดียว ทำให้หยางไค่เสียเปรียบอย่างมาก ร่างกายของเขาลอยกระเด็นออกไปและล้มลงไปที่พื้น เขารีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และจ้องเขม็งไปที่ไป๋ฟงหยุนด้วยสีหน้าที่เกลียดชัง
ความแข็งแกร่งแค่เพียงเขตแดนผสานลมปราณ แต่กล้าที่จะลงมือกับข้า ไม่เจียมกะลาหัว !! ไป๋ฟงหยุนหัวเราะอย่างเยือกเย็น เงาร่างของเขาประกายอีกครั้ง ไม่มีใครทราบว่าการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดนี้เรียกว่าท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวเช่นใด
หยางไค่กัดฟันไว้แน่น ดวงตาของเขาประกายด้วยความโกรธเคืองอย่างสุดขีด เขาจ้องมองรอบบริเวณด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
เจ้าจะสามารถป้องกันได้หรือไง ? เสียงของไป๋ฟงหยุนดังมาจากช่องอากาศที่ว่างเปล่า ทันใดนั้นร่างกายของเขาปรากฏอยู่ตรงหน้าของหยางที่ห่างกันไม่ถึง 3 จ้าง เขาได้พุ่งฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังลมปราณที่รุนแรงเข้ามาอีกครั้ง
หมัดอัคคีผลาญเปลวเพลิง !!
หยางไค่ไม่ยั้งมือ เขาใช้เคล็ดวิชาการต่อสู้ที่เขาสร้างมาจากการรับรู้แห่งจิตใต้สำนึกของเขา
สีหน้าของไป๋ฟงหยุนประกายอ้วยความระมัดระวัง เขาสัมผัสได้ว่าการโจมตีในครั้งนี้ของหยางไค่เต็มไปด้วยความรุนแรง เขาในฐานะที่เป็นคุณชายแห่งตระกูลไป๋ และยังเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริง เขาจะถอยกลับได้อย่างไร ? ไม่เพียงแต่ไม่ถอยกลับ แต่เขาต้องก้าวไปข้างหน้าเพื่อรับมือกับมัน
เขาต้องการที่จะปล่ดปล่อยนิสัยที่เด็ดเดี่ยวและพลังแห่งการโจมตีที่รุนแรงไปยังร่ากายของหยางไค่ เพื่อให้หยางไค่รับรู้ว่าช่องว่างความแตกต่างของพวกเขาห่างชั้นกันมากแค่ไหน
ปัง !! หยางไค่ถอยหลังกลับไปอีกครั้ง พลังลมปราณภายในร่างกายของหยางไค่ไหลเวียนอย่างวุ่นวาย แต่ในขณะที่ไป๋ฟงหยุนกำลังจะแสดงสีหน้าที่เยาะเย้นหยางไค่ สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน เสียงอึมครึมดังมาจากลำคอของเขา เขาสะบัดมือเพื่อขับไหลพลังลมปราณหยางที่ร้อนระอุของหยางไค่ พลังลมปราณหยางที่หยางไค่โจมตีเข้าสู่ร่างกายของเขา
การโจมตีที่มีการเปลี่ยนแปลงถึง 3 ครั้ง !! ดวงตาของไป๋ฟงหยุนประกายด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าหยางไค่ยังครอบครองเคล็ดวิชาการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาเช่นนีอีก เคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้นี้มีพลังการโจมตีที่มากมายจนมิอาจคาดเดา อย่างน้อยมันต้องอยู่ในขั้นฟ้าสวรรค์ เมื่อสักครู๋ตนเองประมาทไป ทำให้เสียเปรียบอย่างมาก หากว่าเขาไม่ประมาทและโจมตีด้วยความรวดเร็วให้มากกว่านี้ เขาคงได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เคล็ดวิชาชั้นดี เมื่อข้าเอาชนะเจ้าได้ข้าต้องได้รับมันมาจากเจ้า ไป๋ฟงหยุนหัวเราะด้วยความเหี้ยมโหด ร่างกายของเขาได้หายไปราวกับหมอกควันอีกครั้ง
ร่างกายของหยางไค่เริ่มตึงเครียด เขาเริ่มใช้จิตใจการสัมผัสการเปลี่ยนแปลงของรอบบริเวณ ทันใดนั้นดวงตาของของเขาประกายด้วยแสงแห่งการรับรู้ เขายื่นมือสัมผัสไปยังบริเวณที่มีแสงกระพริบ พลังลมปราณพุ่งออกจากฝ่ามือของเขาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับเปลวเพลิงที่กำลังโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง
เมื่อพลังลมปราณระเบิดออกมาจากฝ่ามือที่พุ่งเข้าสู่กลางอากาศที่ว่างเปล่า ร่างกายของไป๋ฟงหยุนปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลัน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจเขารีบก้าวถอยหลังด้วยความอับอาย โดยพยายามที่จะหลบหนีจากการโจมตีของหยางไค่
ยอดฝีมือแห่งเขตแดนเทพสวรรค์ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้างเคียงต่างตะโกนด้วยความตื่นตกใจ การที่พวกเขาสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของไป๋ฟงหยุนเป็นเพราะพวกเขาฝึกฝนปราณจิตสัมผันแห่งจิตวิญญาน พวกเขาจึงสามารถตรวจสอบการเคลื่อนไหวของไป๋ฟงหยุนอย่างง่ายดาย แต่ว่าศิษย์แห่งสำนักหลิงเซี่ยวผู้นี้ใช้สิ่งใดเป็นตัวชี้นำ ? เขาเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 1 ไม่มีทางที่เขาจะสามารถฝึกฝนปราณจิตสัมผัสได้ เพียงการปะทะกับไป๋ฟงหยุนเพียงไม่กี่กระบวนท่าเขาก็สามารถเข้าใจความลึกลับในการเคลื่อนไหวของไป๋ฟงหยุน
การต่อสู้ในของพวกเขาเริ่มทวีความรุนแรงไปหรือเปล่า ?
ข้าก็คิดว่าเจ้าจะแข็งแกร่ง ที่แท้ก็พึ่งพาพลังแห่งสมบัติวิเศษ !! หยางไค่จ้องมองไป๋ฟงหยุนด้วยสีหน้าที่เย้ยหยัน เขาหัวเราะเยาะไป๋ฟงหยุนอย่างเสียงดัง การเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดและน่าอัศจรรย์ของไป๋ฟงหยุนรวดเร็ยิ่งกว่าท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวที่ตนเองคิดค้นขึ้นมาเอง ในทีแรกหยางไค่ไม่สามารถเข้าใจถึงวิถีแห่งการเคลื่อนไหวของไป๋ฟงหยุน แต่ทันใดนั้นเขามองเห็นป้ายหยกที่แขวนอยู่บนเอวของไป๋ฟงหยุนประกายแวววาว ทำให้เขาทราบความจริงในที่สุด
การเคลื่อนไหวของไป๋หงหยุนมิใช่ท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวที่น่าอัศจรรย์ แต่เป็นเพราะสมบัติวิเศษกำลังสร้างภาพลวงตาให้เขาสับสนและงุนงงเท่านั้น
สีหน้าของไป๋ฟงหยุนแดงก่ำ หากกล่าวขึ้นมาเขาในฐานะยอดฝีมือแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริงเปิดใช้สมบัติวิเศษในการปะทะกับเขตแดนผสานลมปราณเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เมื่อหยางไค่มองเห็นข้อเท็จจริงจึงทำให้ความอับอายของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความเกรี้ยวโกรธ เขากล่าวสบทด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา : แม้ว่าข้าจะไม่ใช้สมบัติวิเศษ เจ้าก็ไม่ใช่คู๋ต่อสู้ของข้า
สองเท้าของเขาเคลื่อนไหว เขากระโดยบินไปยังด้านหน้าของหยางไค่ ความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งสายลมที่พัดผ่านไป
ความอดทนที่ไร้พ่าย !!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งทีห่างชั้นถึง 1 เขตแดนขนาดใหญ่ หยางไค่ไม่กล้าที่จะประมาท เขาจึงต้องเปิดใช้เคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้ที่ลึกลับซึ่งเป็นเคล็ดวิชาสำหรับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
พลังลมปราณในร่างกายทั้งหมดระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่ง มันเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและความรุนแรง สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความดุดันในทันที ดวงตาทั้งสองประกายด้วยความแสงแห่งความกระหายโลหิตราวกับปีศาจที่น่าหวาดกลัว
พลังความแข็งแกร่งพรั่งพรูเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พลังเหล่านั้นกระจายออกมาจากร่างกายของเขา ร่างกายของเขาประกายด้วยเปลวเพลิงสีดำแห่งความเกรี้ยวโกรธ
เปลวเพลิงสีดำที่ร้อนระอุ ห้วงอากาศตรงหน้าบิดเบี้ยวไปมา หยางไค่ยกมือกำหมัดเอาไว้ หมัดของเขาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ไม่มสิ้น เขาพุ่งมันออกไปยังทิศทางของไป๋ฟงหยุนอย่างดุเดือด
เมื่อศัตรูของเขาเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ทำให้ไป๋ฟงหยุนตึงตะลึง เมื่อเขาสัมผัสถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันของหยางไค่และความร้อนแรงของพลังลมปราณ ที่กำลังพุ่งโจมตีเข้ามาหาตัวเองอย่างฉับพลัน ทำให้เขาตระหนักถึงความรุนแรงในการต่อสู้ เขารีบหมุนเวียนพลังลมปราณของตนเองอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเปิดใช้เคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้ที่รุนแรงที่สุดของเขา
ตาข่ายตรึงฟ้า !!
ระหว่างนิ้วทั้ง 10 ของไป๋ฟงหยุนมีพลังลมปราณที่ราวกับเส้นไหมพุ่งออกมา จากมือที่เริงร่าของเขาเพียงพริบตามันได้ก่อกำเนิดตาข่ายขนาดใหญ่ มันเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นมาจากพลังลมปราณมันมีความบริสุทธุ์และแข็งแกร่งเพียงพอที่จะตัดหยกและทองคำให้เป็นเสี่ยงๆ ความแหลมคมของมันเปรียบดั่งอาวุธที่อยู่ในขั้นปฐพีระดับสามัญ
เมื่อเปลวเพลิงสีดำปะทะกับตาข่ายกับตาข่ายตรึงฟ้า ไป๋ฟงหยุนได้ถ่ายทอดพลังลมปราณไปยังตาข่ายเหล่านี้ เพื่อจะสั่งการให้ตาข่ายตรึงฟ้าพันธนาการหยางไค่เอาไว้
จิตวิญญาณแห่งการรับรู้ของหยางไค่เคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาได้ผลักดันพลังลมปราณให้พุ่งออกมาอย่างมากมาย ทำให้เปลวเพลิงที่ปกคลุมร่างกายของเขาทวีความร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
มันสามารถมองเห็นได้ตาเปล่าว่าเส้นไหมที่ก่อตัวเป็นตาข่ายตรึงฟ้าได้ถูกเปลวเพลิงสีดำที่ร้อนระอุของหยางไค่หลอมละลาย หลังจากนั้นหยางไค่ได้พุ่งฝ่ามือและโจมตีไปยังหัวไหล่ของไป๋ฟงหยุน
หยางไค่และไป๋ฟงหยุนถอยหลังออกไปพร้อมๆหัน พวกเขาทั้งสองต่างจ้องมองซึ่งกันและกันด้วยสายตาที่เหี้ยมโหดและดุดัน
บนร่างกายของหยางไค่ เริ่มปรากฏร่องรอยของหลุมโลหิตจำนวนมากมาย บาดแผลที่ปรากฏขึ้นเกิดจากการเฉือนตัดของตาข่ายตรึงฟ้า เส้นไหมแห่งพลังลมปราณต่างเฉือนตัดชิ้นเนื้อของไปกว่าครึ่งชุ่น
ในเวลานี้ไป๋ฟงหยุนก็มีสภาพที่น่าอึดอัดใจ หัวไหลของเขาได้กล่าวเป็นสีแดงราวกับถูกทาบด้วยเหล็กที่ร้อนแรง บาดแผลของเขายังส่งกลิ่นไหม้ออกมา เขาหมุนเวียนพลังลมปราณอย่างสุดชีวิต จึงจะสามารถทำลายพลังลมปราณที่ถูกโจมตีเข้ามาโดยศัตรูที่อยู่ตรงหน้า
โอ้ว !! เสียงสบทด้วยความตื่นตะลึงของยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนเทพสวรรค์ พวกเขาต่างจ้องมองไปที่หยางไค่ด้วยสายตาที่ตื่นตะลึง
เขตแดนผสานลมปราณปะทะเขตแดนลมปราณแท้จริง แม้ว่าเขาจะอ่อนแอกว่า แต่การต่อสู้ของพวกเขายังทั้งสองยังดุเดือดไม่มีใครเป็นรองใคร เจ้าเด็กคนนี้มีที่มาอย่างไร ? นอกจากนั้นพลังของเขายังเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาด เดิมทีเขามีพลังความแข็งแกร่งที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 1 แต่ทันใดนั้นพลังความแข็งแกร่งของเขาได้พุ่งสูงขึ้นจนอยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นสูงสุด ในขณะที่พลังความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มสูงขึ้น พฤติกรรมอารมณ์ของเขาได้แปรเปลี่ยนไปอย่างมากเช่นเดียวกัน
ก่อนหน้านั้นเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มสามัญคนหนึ่ง แต่ในตอนนี้มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขากำลังเดินเข้าสู่เส้นทางของมารปีศาจ ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เขาสามารถทำลายเส้นไหมที่ก่อกำเนิดจากพลังลมปราณแท้จริงของไป๋ฟงหยุน นั้นหมายความว่าพลังลมปราณภายในร่างกายของเขาต้องบริสุทธุ์และมีความเข้มข้นเทียบเท่ากับยอดฝีมือในเขตแดนลมปราณแท้จริง ? ไม่เช่นนั้นเขาจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร ?