ตอนที่ 206 นกกาเหว่าแห่งตระกูลหยาง
ตอนที่ 206 นกกาเหว่าแห่งตระกูลหยาง
แซ่หยาง !! เป็นแซ่ที่ธรรมดาสามัญอย่างยิ่ง ตั้งแต่ราชวงศ์ ชนชั้นสูง ตระกูลของผู้ฝึกยุทธุ์ชาวบ้านทั่วไป หรือแม้แต่ขอทานตามข้างถนนล้วนแซ่หยางกันอย่างมากมาย
แต่ในใต้หล้าอันกว้างไกลมีเพียงตระกูลหยางเพียงตระกูลเดียว ที่ทำให้ต่งชิงฮานต้องกล่าวออกมาด้วยความตั้งใจเช่นนี้
นั่นคือ ตระกูลหยาง ตระกูลที่มีอำนาจอันใหญ่ในเมืองหลวง !! ตระกูลหยางที่ดำเนินแผนการต่างๆด้วยความลึกลับอย่างน่าอัศจรรย์ นอกจากนั้นตระกูลหยางยังเป็นตระกูลอันดับหนึ่งที่มีอำนาจความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ในบันดาลตระกูลทั้ง 8 ในเมืองหลวง
แม้ว่าตระกูลต่งจะถูกยกย่องว่าเป็นตระกูลที่มีอำนาจและกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ แต่ความยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งของพวกเขาต่างจากตระกูลทั้ง 8 ในเมืองหลวง และยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงตระกูลที่มีอำนาจอันดับหนึ่งเช่นตระกูลหยาง !
หากกล่าวว่ามีนายน้อยจากตระกูลที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ ปิดบังชื่อเสียงเรียงนามที่แท้จริง เพื่อเดินทางมายังสถานที่ห่างไกล ในการเข้าฝากตัวเป็นศิษย์ในสำนักที่เล็กๆเช่นนี้ มันยากที่จะให้ผู้พิทักษ์เมฆาคู่เข้าใจกับตรรกะความคิดของเขา นายน้อยเหล่านั้นต่างมีผิวพรรณที่อ่อนนุ่มและเปราะบาง พวกเขาได้รับแต่ความมั่นคั่งความสุขสบายตั้งแต่เกิด พวกเขาไม่เคยประสบกับปัญหาหรือความลำบากใดๆ ทุกเส้นทางของพวกเขาถูกโรยด้วยกลีบกุหลาย พวกเขาอยากได้สิ่งใดก็จะได้รับสิ่งนั้นโดยไม่ต้องขวานขวายแม้แต่น้อย
แต่หากกล่าวว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นคนของตระกูลหยาง ผู้พิทักษ์เมฆาคู่มีความเชื่อลึกๆอยู่ภายในว่ามันเป็นเรื่องจริง
เพราะตระกูลหยางมีวิธีการฝึกฝนศิษย์สาวกของพวกเขาด้วยวิธีการที่แปลกประหลาด ผู้สืบเชื้อสายของศิษย์สาวกทุกรุ่นต่างเติบโตด้วยวิธีการฝึกฝนเช่นนี้ เมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม ทายาทผู้สืบเชื้อสายโดยตรงจะถูกส่งออกไปจากตระกูลเพื่อหาสถานที่ฝึกฝนวิชายุทธุ์ตามโชคชะตาที่พวกเขาได้รับ จนถึงเวลาที่สมควรพวกเขาจะถูกเรียกตัวกลับไปอีกครั้ง
วิธีการฝึกฝนเช่นนี้เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะในขณะที่ทายาทผู้สืบเชื้อสายของพวกเขาถูกส่งออกไปฝึกฝนในดินแดนที่ห่างไกล พวกเขาจะไม่สามารถใช้อำนาจของตระกูล หากพวกเขามีเรื่องขัดแย้งหรือถูกหมายปองเอาชีวิตจากผู้ใด พวกเขาจะถูกฆ่าในทันที ในความเป็นจริงเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง ทายาทผู้สืบเชื่อสายจากตระกูลหยางที่ถูกส่งออกไปฝึกฝนวิชายุทธุ์ ยังมิทันที่จะเติบโตเป็นผู้แข็งแกร่ง พวกเขาก็ต้องประสบกับความตายในวัยอันควร
แต่ในขณะที่มันมีจุดบกพร่อง มันก็มีข้อดีเช่นเดียวกัน
การฝีกฝนด้วยวิธีการเช่นนี้ ทำให้ทายาทผู้สืบเชื้อของพวกเขากลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาจะนำพาตระกูลให้เป็นผู้แข็งแกร่งและมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกัน การฝึกฝนอยู่ภายนอกตระกูลที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรค์ความทุกข์ทรมาณที่มากมาย ทำให้พวกเขาได้ทราบว่าในโลกนี้มีเพียงสิ่งเดียวพวกเขาเชื่อใจได้ นั่นคือตัวของเขาเอง !!
ดังนั้นทายาทผู้สืบเชื้อสายของพวกเขา จึงไม่โอ้อวดและดูหมิ่นใครเช่นนายน้อยนายท่านของตระกูลอื่นๆ พวกเขาเยือกเย็นสุขุมดั่งมีดที่แหลมคม การลงมือของพวกเขาโหดเหี้ยมรุนแรงอย่างไร้ซึ่งความปราณี
นอกจากนั้น ตะกูลหยางที่ฝึกฝนทายาทผู้สืบเชื้อสายของพวกเขาด้วยวิธีนี้ ทำให้ตระกูลหยางสามารถเก็บรวบรวมเคล็ดวิชาทักษะการต่อสู้ของสำนักอื่นๆให้เป็นมรดกสืบทอดของตนเอง หากกล่าวว่าในใต้หล้าตระกูลได้เก็บรวบรวมเคล็ดวิชาทักษะการต่อส้และสิ่งลึกลับไว้มากที่สุด นั้นก็คือตระกูลหยาง
ในโลกนี้มีนกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า นกกาเหว่า
นกกาเหว่าจะวางไข่ของพวกมันไว้ในรังของนกตัวอื่นๆ เพื่อให้นกตัวอื่นๆเหล่านั้นฟูมฟักเลี้ยงดูแทนพวกเขา มันทำให้นกน้อยที่ลืมตาดูโลกกลายเป็นนกที่โหดเหี้ยม มันคอยแย่งอาหารของนกตัวอื่นๆ และยังฆ่านกตัวอื่นๆที่เกิดจากนกที่เลี้ยงดูมันมา เพื่อให้มันกลายเป็นนกตัวเดียวที่รอดชีวิตและได้รับความรักจากนกที่เลี้ยงดูมันมาตั้งแต่เกิด
ชื่อเสียงของนกกาเหว่าไม่ดี เฉกเช่นชื่อเสียงของตระกูลหยาง เพราะการกระทำของตระกูลหยางไม่เป็นที่ชื่นชอบของตระกูล สำนัก นิกาย หรือพรรคต่างๆ
ทุกๆครั้งที่ตระกูลหยางกำลังจะส่งศิษย์สาวกทายาทผู้สืบทอดของพวกเขาออกไป สำนักต่างๆ นิกาย พรรค ตระกูลที่มีชื่อเสียงต่างพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการรับทายาทของตระกูลหยางดั่งการหลบหนีการโจมตีของพยัคฆ์ร้าย หากพวกเขารับคนของตระกูลหยางโดยไม่ตั้งใจ เมื่อคนเหล่านี้เติบใหญ่เป็นผู้แข็งแกร่ง พวกเขาจะกางปีกและหนีออกไปจากพวกเขาในทันที
การปฏิบัติด้วยวิธีการเช่นนี้ของตระกูลหยาง สร้างความเดือดร้อนให้แก่สำนัก นิกาย หรือพรรคต่างๆที่เปี่ยมล้นด้วยอำนาจที่ยิ่งใหญ่อย่างรุนแรง แต่ไม่ว่าอย่างไร ใน 8 ตระกูลที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในเมืองหลวง ตระกูลหยางเป็นผู้ที่แข็งแกร่งและมีอำนาจมากที่สุด แม้ว่าคนเหล่านั้นจะได้รับความเดือดร้อน พวกเขาก็มิอาจที่จะล่วงเกินตระกูลหยาง
มีเรื่องกล่าวขานว่าเมื่อ 100 ปีก่อน มีทายาทผู้สืบเชื้อสายของตระกูลหยางคนหนึ่งได้เข้าไปยังสำนักชั้นหนึ่งที่ชื่อว่าสำนักฮุนเทียน ศิษย์ผู้นี้มีพรสวรรค์ที่วิเศษมีความสามารถที่แข็งแกร่ง ใน 100 ปี จะพบเจออัฉริยะเช่นเขาได้เพียง 1 คนเท่านั้น
ประมุขและผู้อาวุโสแห่งสำนักฮุนเทียนต่างรักและชื่นชมเขา พวกเขาจึงฝึกฝน บ่มเพาะเขาอย่างสุดความสามารถ และยังแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขแห่งสำนักฮุนเทียน ความลับต่างๆของสำนักต่างเผยแพร่ให้แก่คนผู้นี้จนหมดสิ้น
เด็กคนนี้เป็นอัจฉริยะผู้มีความสามารถอย่างแท้จริง เขาใช้เวลาในการเรียนรู้เคล็ดวิชา ทักษะการต่อสู้ และกระบวนท่าต่างในการโจมตีไดอย่างยอดเยี่ยม ทำให้อาจารย์ของเขาชื่นชมและภาคภูมิกับศิษย์ผู้นี้อย่างยิ่ง
แต่ หลังจากที่ผ่านไป 10 ปี ศิษย์อัจฉริยะที่ถูกบ่มเพาะฝึกฝนด้วยของล้ำค่าต่างของสำนัก ศิษย์ที่เป็นดั่งความหวังของประมุขและผู้อาวุโส ได้ออกจากสำนักฮุนเทียนในค่ำคืนหนึ่ง
เมื่อถึงตอนนั้น สำนักฮุ่นเทยีนจึงทราบว่าศิษย์อัจฉริยะผู้ที่มีพรสวรรค์อันโดดเด่นเป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลหยาง !!
ประมุขและผู้อาวุโสของสำนักฮุนเทียนเสียใจจนกระอักโลหิตออกมา !! ราวกับว่าพวกเขาตกอยู่ในอาการป่วยอย่างฉับพลัน พวกเขาใช้เวลาหลายสิบปีในการฝึกฝนสุนัขตาขาวที่เนรคุณผู้นี้ พวกเขายังได้ถ่ายทอดความลับที่มิอาจแพร่งพรายของสำนักหยุนเซี่ยให้แก่เขา จนมันกลายเป็นสมบัติของตระกูลหยาง สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ทำให้พวกเขาไม่เศร้าเสียใจได้อย่างไร ?
การที่คนแห่งสำนักฮุนเทียนรวมตัวกันเพื่อไปยังตระกูลหยาง พวกเขาทำไปเพื่อแสวงหาความยุติธรรมและร้องขอการชดเชยจากตระกูลหยาง
จากโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกสำนัก ทุกนิกาย ทุกพรรคที่อยู่ในใต้หล้าเฝ้าระวังศิษย์สาวก ทายาทผู้สืบเชื้อสายจากตระกูลหยาง มันเป็นบทเรียนแห่งประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ หากพวกเขาพลาดพลั้งพวกเขาจะต้องสูญเสียสิ่งล้ำค่าในการเลี้ยงดู ฟูมฟัก ฝึกฝนศิษย์แห่งตระกูลหยางจนแข็งแกร่ง และมองดูเขาจากไปด้วยความอาลัย หากเป็นเช่นนั้นมันจะกลายเป็นเรื่องที่ซ้ำรอยกับประวัติศาสตร์ของสำนักฮุนเทียน และมันจะกลายเป็นเรื่องตลกที่แพร่กระจายไปทั่วอาณาจักร
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเฝ้าป้องกันเช่นไร เมื่อถึงเวลาที่ทายาทผู้สืบเชื้อสายจากตระกูลหยางต้องออกจากตระกูลของตนเองโดยมิอาจหลีกเลี่ยง ในขณะที่พวกเขายังไม่ถูกส่งออกไป ทายาทผู้สืบเชื้อสายจากตระกูลหยางจะถูกซ่อนเอาไว้ มีน้อยคนที่จะรู้จักชื่อของพวกเขา และมีน้อยคนนักที่จะได้เห็นหน้าพวกเขา
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ทราบว่าศิษย์สาวกที่เข้ามาฝากตนเป็นทายาทผู้สืบเชื้อสายของตระกูลหยางหรือไม่ !
เมื่อผู้พิทัษก์เมฆาคู่ครุ่นคิดไปมาอย่างละเอียด พวกเขาเริ่มมั่นใจในตัวตนของหยางไค่ เพราะประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา ตระกูลหยางได้ส่งทายาทผู้สืบเชื้อสายรุ่นใหม่ของพวกเขาออกจากตระกูลหยาง
หากเป็นเช่นนี้ นั่นหมายความว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นบุตรชายคนเล็กของตระกูลหยาง ? มีคนกล่าวว่าร่างกายของเขาไม่เหมาะสมที่จะฝึกยุทธุ์ ? ทำไมในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในเขตแดนผสานลมปราณ ? แม้ว่าความแข็งแกร่งเช่นนี้จะไม่โดดเด่น แต่มันก็ไม่เลว
แต่การที่นายน้อยของพวกเขารู้จักกับนายน้อยตระกูลหยาง มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกสำหรับผู้พิทักษ์เมฆาคู่ เพราะว่าตระกูลต่งและตระกูลหยางเคยมีลูกหลานของพวกเขาสมรสกับ ท่านอาแท้ๆของนายน้อยตระกูลต่งได้สมรสกับกับคุณชายสี่ของตระกูลหยาง ตอนนายน้อยยังเด็ก เขาเคยไปจวนของตระกูลหยางหลายครั้ง ก่อนหน้านั้นพวกเขาทั้ง 2 ต้องรู้จักกันอย่างแน่นอน
เข้ามาข้างในก่อน ดวงตาของต่งชิงฮันประกายด้วยความเกลียดชังที่ไม่เหมือนการเกลียดชัง และยังประกายด้วยความเหลือชื่อและแฝงด้วยความดีใจ
หยางไค่พยักหน้าเล็กน้อย
ทั้งสองเดินเข้าไปในกระท่อม ในกระท่อมไม้ยังคงว่างเปล่า แต่สิ่งที่เพิ่มเติมคือโต๊ะตัวหนึ่ง บนโต๊ะยังเต็มไปด้วยอาหารและเหล้า
"นั่ง!" ต่งชิงฮันกล่าวอย่างห้วนๆ
เจ้ารอข้าอยู่ที่นี้ ? หยางไค่นั่งลงและจ้องมองอาหารบนโต๊ะอย่างระวัง
ดวงตาของต่งชิงฮันประกายด้วยจริงจังเขาพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าว : เจ้าอยู่นอกตระกูลหยางเพียงไม่กี่ปี ดูเหมือนว่าเจ้าเติบโตและก้าวหน้ามากขึ้น วิธีการฝึกฝนของตระกูลหยาง น่าทึ่งยิ่งนัก !!
ตราบใดที่มีชีวิต มนุษย์เราก็ต้องเติบโตก้าวหน้า หยางไค่ยกขวดเหล้าและเทให้ต่งชิงฮัน และเทให้ตนเองอีกถ้วย
ก่อนหน้านั้นเมื่อเจ้าเห็นข้าราวกับว่าเจ้าเป็นแมวที่พบเจอกับไม้เรียว ทำไมตอนนี้เจ้าไม่กลัวข้าแล้วล่ะ ? เจ้ายังกล้าทำร้ายข้าอีกด้วย จนถึงตอนนี้ต่งชิงฮันยังรู้สึกถึงกลิ่นคาวโลหิตที่อยู่ในปากของเขา มันแสดงให้เห็นว่าหมัดที่ต่อยเข้ามานั้นหนักหน่วงแค่ไหน
ข้าทำร้ายเจ้าแล้วจะทำไม ? ตอนเด็กเจ้ารังแกข้านับครั้งไม่ถ้วน ในตอนนี้ถึงคราวที่ข้าจะเอาคืนบ้าง หยางไค่ยิ้มที่มุมปาก พี่ชายบุญธรรมที่อยู่ตรงหน้าไม่ชอบตระกูลหยางของเขา ทุกครั้งที่เขามาถึงตระกูลหยางเขามักจะทุบตีทำร้ายตนเองเป็นประจำ มันน่าสงสารที่ในตอนนั้นตนเองยังไม่รู้จักวิชายุทธุ์ ตงซิฮันยังอายุมากกว่าหลายปี ตัวเขาจะเป็นคู๋ต่อสู้ของเขาไดอย่างไร ? ดังนั้นในทุกๆครั้ง ตัวเขาจะถูกต่งชิงฮันทุบตีสั่งสอนจนใบหน้าเขียวช้ำและบูดบวม
เมื่อคิดย้อนกลับไป หยางไค่รู้สึกหงุดหงิด เขารู้สึกว่าการต่อสู้ในเมื่อสักครู่ เขาลงมือเบาเกินไป
ตอนเด็ก.................... สีหน้าของต่งชิงฮันเรียบเฉย โดยมองไม่ออกว่าเขากำลังรู้สึกเช่นไร เขายกถ้วยดื่มเหล้าเข้าไปและกระแทกลงไปที่โต๊ะ โดยแสดงออกว่าเขาต้องการให้หยางไค่เติมมันอีก
พี่ชายและน้องชายทั้งสองดื่มเหล้ากันไปมา โดยไม่กล่าวสิ่งใดออกไป
หลังจากที่พวกเขาดื่มเหล้าไปหลายถ้วย พวกเขาจ้องมองซึ่งกันและกันและถอนหายใจออกมาอย่างลึกซึ้ง แม้ว่าในตอนเด็กความสัมพันธุ์ของพวกเขาทั้งสองไม่สู้ดีนัก แต่เขาทราบดีว่าพี่ชายบุตรธรรมของเขาผู้นี้ไม่ได้เกลียดชังเขา เพราะในตอนนี้ตัวเขาไม่เต็มใจที่จะฝึกฝนวิชายุทธุ์ เขาจึงต้องใช้หมัดในการบังคับให้เขาลุกขึ้นสู้
อาจจะกล่าวได้ว่า ต่งชิงฮันได้สร้างความทรงจำในวัยเยาว์ให้แก่หยางไค่อย่างมาก ทั้งหมดที่เขาทำไปเพราะความหวังดี แต่ว่าวิธีการของเขาค่อนข้างรุนแรง
ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเดินทางมายังสถานที่เช่นนี้ !! ต่งชิงฮันหัวเราะเบาๆ : เมื่อข้ามาถึงสถานที่เช่นนี้ ข้าได้ยินชื่อของเจ้า มันทำให้ข้ามิกล้าที่จะเชื่อ แต่เมื่อข้าตรวจสอบและค้นหาข่าวคราวต่างๆ ข้าจึงมั่นใจว่าเป็นเจ้า
"ท่านพ่อให้ข้ามาที่นี้ "
โอ้ว ? หรือว่าอาเขยเคยฝึกฝนวิชายุทธุ์ในสถานที่แห่งนี้? ต่งชิงฮันกล่าวด้วยความประหลาดใจ
ข้าไม่แน่ใจ ท่านพ่อไม่ได้กล่าวบอก แต่เขาสั่งให้ข้ามายังสถานที่แห่งนี้ หยางไค่เองก็สงสัยในเรื่องนี้ เขาไม่เข้าใจความหมายและจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา
ท่านพ่อและท่านแม่ของข้าเป็นเช่นไร ? หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่ หยางไค่จึงเงยหน้ากล่าวถาม
ต่งชิงฮันจ้องมองหยางไค่และกล่าว : ท่านอาคิดถึงเจ้ามาก นางซูบผมลงอย่างเห็นได้ชัด
หยางไค่แสดงสีหน้าด้วยความอึมครึม ในเวลานั้นในขณะที่เขาออกจากตระกูลหยาง เขาเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญคนหนึ่ง หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่ได้กลับไป ท่านพ่อและท่านแม่คงกังวลใจอย่างมาก
นอกจากนั้น........ท่านอาของเข้ายังถูกตระกูลหยางของพวกเจ้ากักขังเป็นเวลากว่าครึ่งปี อาเขยยังถูกลงโทษด้วยการถูกโบยถึง 30 ครั้ง
เพล้ง !! ถ้วยเหล้าที่อยู่ในมือของหยางไค่แตกเป็นเสี่ยงๆ สีหน้าของเขาแสดงออกอย่างโกรธเคือง เขากล่าวถามโดยที่กลิ่นอายแห่งความดุดันแพร่กระจายออกมา : เกิดอะไรขึ้น ?
ต่งชิงฮันหัวเราะอย่างเย็นชา : เพราะท่านอาคิดถึงเจ้า นางจึงแอบหนีออกมาเพื่อมาดูว่าเจ้าเป็นเช่นไร หลังจากนั้นนางถูกจับได้โดยตาเฒ่าที่ไม่ตายสักที เจ้าก็ทราบดีถึงกฎต้องห้ามของตระกูลหยาง เมื่อทายาทผู้สืบทอดฝึกฝนวิชายุทธุ์อยู่ภายนอกตระกูลหยาง ไม่ว่าใครก็ห้ามหาหนทางในการพบเจอพวกเขา หากละเมิดกฎข้อต้องห้ามจะถูกลงโทษอย่างหนัก !! หากว่าท่านอาเขยไม่อาสารับการโบย 30 ครั้งจากพวกเขา คงเป็นท่านอาที่ต้องถูกลงโทษจากการโบยที่รุนแรง
การโบย 30 ครั้ง มิใช่การโบยเฉกเช่นคนธรรมดาสามัญ !! ตระกูลหยางลงทัณฑ์โดยใช้สมบัติวิเศษชนิดหนึ่ง มันถูกขับเคลื่อนโดยพลังลมปราณ มันใช้สำหรับการโบยผู้ที่กระทำผิดโดยเฉพาะ แม้ผู้ที่ถูกโบยจะเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริง ยังต้องนอนซมอยู่บนเตียงหลายวัน
เมื่อท่านอาเขยถูกโบย 30 ครั้ง ทำให้ท่านอาเขยนอนซมอยู่เตียงเป็นเวลากว่าหลายเดือน
หยางไค่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาค่อยๆ ปราบปรามโลหิตที่เดือดพล่านด้วยความโกรธ เขาคว้าถ้วยเหล้าที่อยู่ตรงหน้าของต่งชิงฮานและโยนออกไปอย่างรุนแรง
ไม่ช้าหรือเร็ว ตาเฒ่าเหล่านั้นต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำ !! หยางไค่กล่าวด้วยความเย็นเยือก
ในเวลานั้นร่างกายของเขาไม่เหมาะสมที่จะฝึกฝนวิชายุทธุ์ ตัวเขาเองก็ไม่ต้องการที่จะฝึกฝนวิชายุทธุ์ การเกิดเป็นมนุษย์สามัญคนหนึ่ง ยังถูกตาเฒ่าเหล่านั้นไล่ออกมาจากตระกูลหยาง
พวกเขาเหล่านั้นบีบบังคับให้เขาและศิษย์พี่คนอื่นๆ ต้องออกใช้ชีวิตอยู่ภายในตระกูลที่เต็มไปด้วยความลำบาก
เด็กน้อยอายุ 12 ปี เป็นเพียงคนธรรมดาสามัญคนหนึ่ง ที่ถูกบังคับให้เดินทางมายังสถานที่ห่างไกลกว่าหลายพันหลายหมื่นลี้เพื่อทนทุกข์ต่อความทรมาณและความยากลำบาก การกระทำเช่นนี้ไร้ซึ่งศีลธรรมแห่งจิตมนุษย์อย่างสิ้นเชิง
ข้าไม่ชอบตระกูลหยาง ข้าไม่ชอบคนของตระกูลหยาง คนของตระกูลหยางเย็นชาโหดเหี้ยมโดยไร้ซึ่งความเมตตา ต่งชิงฮันกล่าวด้วยความเหยียดหยาม
วิธีการฝึกฝนของตระกูลหยางค่อนข้างแตกต่างจากตระกูลอื่นๆ แม้ว่ามันจะสร้างคนคนหนึ่งให้โดดเด่นและแข็งแกร่ง แต่เพราะการฝึกฝนด้วยวิธีการเช่นนี้ จึงทำให้ความสัมพันธุ์ระหว่างครอบครัวของตระกูลหยางจืดจาง เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ตระกูลหยาง พวกเขาสามารถสละชีวิตของคนในครอบครัวตนเองโดยไม่ลังเล
คนแห่งตระกูลหยางไค่ต้องใช้ชีวิตอยู่ภายในตระกูลทั้งหมด 10 ปี จึงจะกลับไปยังตระกูลของตนเองได้ แต่ในตอนนี้เพิ่งผ่านไปเพียง 4 ปี ท่านอาต้องรออีก 6 ปีจึงจะพบเจ้าได้ ไม่รู้ว่านางจะทนรอได้อีกนานแค่ไหน . ต่งชิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า
เมื่อเจ้ากลับไป ช่วยส่งข่าวของข้าให้ท่านพ่อและท่านแม่ กล่าวบอกเขาว่าข้าสบายดี ให้พวกเขาวางใจว่าข้าจะกลับไปยังตระกูลหยางได้อย่างปลอดภัย
ข้าจะทำเช่นนั้น ต่งชิงฮันพยักหน้า : นางเป็นอาแท้ๆของข้าเชียวน่ะ
หลังจากหัวข้อสนทนาที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าผ่านไป พวกเขาทั้งสองค่อยๆกล่าวเรื่องราวเล็กๆทั่วไปอย่างเรื่อยเปื่อย
เจ้ามาในสำนักหลิงเซี่ย เพราะเรื่องราวของถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ใช่ไหม ? หยางไค่กล่าวถาม
แน่นอน ไม่เช่นนั้นข้าจะเดินทางมายังสถานที่ห่างไกล แม้แต่ฝูงนกยังไม่ฟักไข่ได้อย่างไร ? ต่งชิงฮันเบ้ปาก และเปลี่ยนหัวข้อในการสนทนาทันที : แต่จริงๆแล้วสำนักของเจ้าก็มีอัจฉริยที่มีพรสวรรค์ถึงหลายคน โดยเฉพาะสตรีนางหนึ่งที่ชื่อว่าซู่เหยียน จากคำกล่าวที่ข้าได้ยิน ไม่เพียงแต่ความแข็งแกร่งของนางสูงส่ง นอกจากนั้นนางยังงดงามดั่งนางเซียนจากสรวงสวรรค์ แต่น่าเสียดายที่ข้ายังไมได้ยลโฉมนางแม้แต่ครั้งเดียว