ตอนที่ 490 ปัญหา
หลิน ฮวงเรียกสายฟ้ากลับและปรากฏตรงหน้าชาโคลและไป่
“นายท่าน!”ชาโคลรีบพุ่งมาหาเขาอย่างตื่นเต้นขณะที่ไป่เดินทางมาโดยไม่พูดอะไร
“ไม่เป็นไรนะ?”หลิน ฮวงมองหน้าอกชาโคลที่ดูเหมือนจะหายดีแล้ว
“ก็แค่แผลเล็กน้อยนายท่าน ข้ารักษาตัวเองได้”ชาโคลดูภูมิใจ
“ดีมาก!ฉันกังวลว่าพวกแกจะรับมือกับพวกมันไม่ได้”หลิน ฮวงลูบหัวชาโคลด้วยรอยยิ้ม
ชาโคลดูเหมือนจะชอบให้หลิน ฮวงลูบหัวขณะที่ไป่ดูเหินห่าง
“ไป่ แกอยากเรียกทักษะดาบไหม?”หลิน ฮวงหันไปมองและถามไป่ ไปตกตะลึงและพยักหน้า
“ฉันจะหาเวลามาสอนแกเมื่อเรากลับไป”หลิน ฮวงกล่าวอย่างจริงจัง สำหรับเขา การพัฒนาไป่ย่อมหมายถึงพลังที่เพิ่มขึ้นของเขา
“ขอรับ!”ดวงตาของไป่สว่างขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่หลิน ฮวงกล่าว เขาตื่นเต้นที่จะได้เรียนรู้ทักษะมนุษย์
หลิน ฮวงไม่เพียงแต่วางแผนจะสอนทักษะดาบไป เขาแม้กระทั่งยากรวบรวมทักษะต่อสู้ทุกประเภทในโลกมนุษย์เพื่อสอนมอนสเตอร์ร่างมนุษย์กลายพันธ์สามครั้งทั้งหมดของเขา เขาเชื่อว่าคงมีคนไม่มากที่ทำเช่นนี้
“รีบไปกันเถอะ พวกแกทำให้มันวุ่นวายไปใหญ่แล้ว พวกอาวุโสของนักบุญอาจมาที่นี่”หลิน ฮวงไม่อยากอยู่ที่นี่อีก เขาอัญเชิญสายฟ้าอีกครั้งและพาทั้งคู่ไป
ในเวลาไม่ถึง20นาทีหลังจากหลิน ฮวงไป เงาสองร่างก็มาถึงจุดต่อสู้ เพียงสามวินาทีแทบพร้อมกัน พวกเขาคือนักบุญอาวุโสสองคนที่ปลอมเป็นพวกนอกรีต พวกเขาสวมหน้ากากสีขาวบนใบหน้า และร่างยังถูกปกคลุมด้วยชุดคลุมสีดำทั้งตัว แม้กระทั่งรอยสักนอกรีตบนคอพวกเขายังไม่อาจเห็น
“คลื่นพลังควรจะมาจากตรงนี้”ทั้งคู่มองเส้นทางบนพื้นและในไม่ช้าก็พบร่างที่ถูกเผาไหม้ของลู่ เฟิง วู่ ฟาง(ผมแดง)ถอดฮู้ดและก้มลงเพื่อตรวจสอบศพ
“เขาถูกเผาจนตาย คนที่ทำต้องครอบครองพลังไฟที่ทรงพลังมาก ฉันเคยได้ยินว่าคณบดีจาง เสวี่ยเฟิงแห่งสถาบันนักล่ายุทธ์คือหนึ่งในนั้น”
“นี่คือเพลิงมังกร มันยังคงมีกลิ่นอายเพลิงมังกรในอากาศ”ยู่ เหวินปิงกล่าว
“มันคือมังกรที่ฆ่าเขา”
“มังกร?หมายความว่าสถาบันนักล่ายุทธ์ส่งผู้ควบคุมมา?”วู่ ฟางขมวดคิ้ว
“เราไม่อาจเมินเฉยความเป็นไปได้นี้”ยู่ เหวินปิงพยักหน้า
“บอกได้ไหมว่านี่คือใคร?”
“ฉันจะบอกได้ยังไงเมื่อมันถูกเผาทุกส่วน?”วู่ ฟางยิ้มเก้อ
“มีอีกร่างหนึ่งอยู่”ยู่ เหวินปิงขยับและปรากฏข้างศพของลิงขณะที่วู่ ฟางตามมา
“มันดูเหมือนศพของลิงที่ถูกเผาโดยเพลิงมังกรเช่นกัน”ยู่ เหวินไม่อาจบอกได้ว่ามันคือมอนสเตอร์อะไร
“โอ้ ไม่...”วู่ ฟางดูกังวลหลังตรวจสอบศพ
“มีอะไร?”ยู่ เหวินปิงมองเขา
“หากฉันเดาไม่ผิด ศพนั่นควรจะเป็นลู่ เฟิง ท่ามกลางเพลิงสวรรค์นับร้อยที่เราพามา เขาเป็นผู้ควบคุมเพียงคนเดียว ฉันจำได้ว่าเขามีลิงเฮอคิวเลี่ยน ซึ่งควรจะเป็นศพนี้”วู่ ฟางดูอารมณ์เสีย
“หลานชายของลู่ หยวน?!”ยู่ เหวินปิงดูกังวลเช่นกัน
“แน่ใจนะ?”
“ยิ่งกว่าแน่”วู่ ฟางส่ายหัว
“ชักยุ่งยากซะแล้ว....”ยู่ เหวินปิงกลายเป็นเคร่งเครียด
ทั้งคู่กำลังหงุดหงิดเพราะลู่ หยวนคือผู้อาวุโสลำดับ2ของวิหารนักบุญที่อยู่ในระดับนิรันดร์ขั้น9 เขาอยู่ห่างจากจักรพรรดิเพียงก้าวเดียว มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น เมื่อเขาไปถึงระดับจักรพรรดิ เขาจะได้รับข้อความของนักบุญซึ่งจะทำให้เขามีสถานะสูงยิ่งกว่าผู้อาวุโส แม้เขาจะไม่มีสิทธิ์ตัดสินชีวิตของผู้อาวุโส เขาก็ยังมีสิทธิ์จับกุมผู้อาวุโสได้เป็นเวลาร้อยปี และเคยมีกรณีดังกล่าวมาแล้วในอดีต
“เราควรทำยังไงกันดี?”วู่ ฟางที่มักจะกล้าหาญกลับทำอะไรไม่ถูก ในหมู่สมาชิกนักบุญ ลู่ หยวนคือหนึ่งในไม่กี่คนที่เขาไม่กล้าตอแยด้วย เขาไม่คิดว่าหลานชายของลู่ หยวนจะมาตกตายในภารกิจนี้
“เราจะทำอะไรได้?แกก็รู้จักอารมณ์ของลู่ หยวนดี เนื่องจากหลานชายเขาตามเรามาที่นี่และตาย คิดว่าเขาจะไม่เอาเรื่องเรารึไงกัน?สิ่งเดียวที่ต้องทำตอนนี้คือหาตัวการและนำตัวไปให้เขา บางที เขาอาจจะไม่โกรธเรา เราอาจขอให้ผู้อาวุโสลำดับ1ช่วยไกล่เกลี่ยและค่อยขอโทษเขาเป็นการส่วนตัว”นี่เป็นทางออกเดียวที่ยู่ เหวินปิงคิดได้ แม้มันจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ มันก็ยังลดความขัดแย้งได้
“ผู้ควบคุมที่ครอบครองมังกรต้องทรงพลังเช่นกัน”วู่ ฟางยังคงกังวล
“ฉันรู้จักความสามารถลู่ เฟิงดี เขามีจิตวิญญาณแฝงระดับนิรันดร์ขั้น1 และยังกลายพันธ์สองครั้ง เนื่องจากมังกรสามารถฆ่ามันได้ ความสามารถมันก็ควรอยู่ที่นิรันดร์ขั้น2เป็นอย่างน้อย และเจ้านายมันก็ควรจะทรงพลังยิ่งกว่า เขาอาจจะมีมอนสเตอร์อัญเชิญอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือทรงพลังยิ่งกว่า”
วู่ ฟางถูกล่อลวงโดยวิธีที่ลู่ เฟิงตายและได้สมมติฐานผิดๆ เขาประเมินหลิน ฮวงและมอนสเตอร์อัญเชิญเขาสูงไป
“ยิ่งไปกว่านั้น ศัตรูเรายังไม่ได้มีเพียงผู้ควบคุม แต่ยังมีคณบดีแห่งสถาบันนักล่ายุทธ์”วู่ ฟางกล่าวเสริมขระที่มองยู่ เหวินปิง
“ฉันไม่คิดว่าจะมีใครมาแทรกแซงเกมส์ใส่ร้ายที่เรากำลังเล่น มันควรจะเป็นเกมส์ง่ายๆ”ยู่ เหวินปิงขมวดคิ้ว
“เราจะพยายามฆ่ามันและพาศพมันกลับไป หากเราไม่อาจฆ่ามัน เราก็จะถ่ายรูปเขาไว้และส่งมันให้ลู่ หยวน เราไม่อาจเอาชีวิตเราไปแลกกับหลานชายเขาได้”
ขณะที่ทั้งคู่กำลังถกเถียงกัน กองหนุนสถาบันนักล่ายุทธ์ก็มาถึงป่าหมอก เมื่อคณบดีหวัง ซือจุนมาถึงขอบป่า เขาก็อัญเชิญสมบัติมิติและส่งอาจารย์ทุกคนที่เข้าร่วมภารกิจมา สมบัติมิติเขาคือสมบัติสูงสุดที่มีความสามารถเคลื่อนย้ายคนจำนวนมาก มันสามารถส่งผู้คนได้นับพัน ในหนึ่งนาที และยิ่งคนน้อย เวลาก็ยิ่งสั้น
ในขณะเดียวกัน สมบัติมิติของหลิน ฮวงคือสมบัติเกรด4ที่ไม่อาจส่งคนเป็นกลุ่มได้ อย่างมากเขาก็สามารถเคลื่อนย้ายคนได้5คนและช่วงเวลาก็คือ5นาที เมื่ออาจารย์พุ่งออกจากสมบัติมิติ หวัง ซือจุนก็เดินไปในป่าเช่นกัน เขาลอยในอากาศและเปิดใช้งานสมบัติตรวจสอบเกรด5โดยการใส่พลังชีวิตลงไป
“พาฉันไปพบกับตัวการที่ทรงพลังที่สุด!”เมื่อหวัง ซือจุนสั่ง ผลลัพธ์ก็มาจากสมบัติตรวจสอบเขา