GE51 วิชาขัดเกลาผสาน ปัญหาที่นำมา [ฟรี]
รุ่งเช้ามาเยือน ผู้ดูแลศิษย์เข้ามาปลุกเหล่าผู้ที่ต้องรับการทดสอบเพื่อเข้าร่วมนิกายทั้ง 200 คน
แสงแดดอาบไล้พื้นที่เบื้องนอกนิกาย ผู้รับการทดสอบจัดแถวเป็นสองแถวตอนลึก แถวแรกเป็นแถวของสตรี 70 คน อีกแถวเป็นของบุรุษ 130 คน
ผู้ดูแลจำนวนหนึ่งตรวจแถวและรายชื่อของผู้เข้ารับการทดสอบ
หัวหน้าผู้ดูแลเป็นผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 9 นางเป็นสตรีในอาภรณ์ชมพู ใบหน้ารูปไข่ ผมมัดม้วนเป็นทรงซาลาเปา งดงามและละเอียดอ่อน
ในมือของนางมีรายชื่อ นางจ้องมองผู้รับการทดสอบและกล่าวขึ้น
“ข้า ‘ไป๋เซี่ยว’ ผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 9 ข้าได้รับหน้าที่ดูการทดสอบแทนประมุขนิกาย วันนี้จะเป็นการทดสอบรอบที่ 2 ข้าจะนำพาพวกเจ้าไปยังเขตศิษย์นิกายฝ่ายใน ไปยังป่าภูติพราย ในเขตศิษย์นิกายฝ่ายในนั้นจะมีผู้อาวุโสคอยบอกกล่าวรายละเอียดกับพวกเจ้าเป็นการส่วนตัว... ส่วนในเรื่องที่ข้าต้องทำในยามนี้ คือตรวจสอบรายชื่อ ที่มา และการวิชาที่พวกเจ้าฝึกฝน”
‘วิชาที่ฝึกฝน’ ไป๋เซี่ยวกล่าวอย่างชัดเจน
นาม สถานะ ปูมหลังที่มา ทั้งหมดปั้นแต่งหลอกลวงได้ ทำให้ยากจะตรวจสอบว่าจริงหรือเท็จ แคว้นเยว่กว้างใหญ่กว่าล้านลี้ พูดใดจะทราบว่าคนผู้นั้นเกิดที่เมืองใด หรือหมู่บ้านใด... ยิ่งหากเป็นผู้ฝึกตนที่มาจากรอบนอกของแคว้นเยว่ยิ่งยากจะตรวจสอบ
ในการรับศิษย์ของนิกายกุ่ยเชว่แต่ละครั้ง ผู้เข้าทดสอบมักจะมีแอบแฝงอำพรางเพื่อลอบเข้านิกาย คนเหล่านั้นสามารถแอบอ้างชื่อปลอม สถานะปลอม หรือแม้กระทั้งรูปลักษณ์ปลอม ทั้งหมดยากจะตรวจสอบ
เว้นเสียแต่ระดับพลังและวิธีการฝึกฝนที่มิอาจปลอมแปลงได้
ระดับพลังจะทำการทดสอบในภายหลัง ส่วนวิชาการฝึกฝน หากพบว่าเป็นของนิกายฝ่ายธรรมะ คนผู้นั้นจะถูกจับกุม และหากพบว่าเป็นของศิษย์นิกายฝ่ายอธรรมแห่งอื่น คนผู้นั้นจะถูกจับกุม
“ยามนี้ข้าจะขานนามของพวกเจ้า... ‘ซู่ฉิงฉิง’”
ไป๋เซี่ยวหันมองสตรีนางหนึ่งราวกับนางสะอิดสะเอียนบุรุษ
“ซู่ฉิงฉิงจากทางใต้ขจองแคว้นเยว่ วิชาที่ฝึกฝน ‘วิชาปีศาจธาตุเพลิง’…” สตรีผู้มีรูปลักษณ์ธรรมดาสามัญนางหนึ่งเดินออกมาจากแถว ผู้ดูแลอีกคนเดินเข้าหานางและนำผลึกฟ้าแดงยื่นส่งให้
นางทาบฝ่ามือลงบนผลึก ก่อนที่ผลึกจะปรากฏเพลิงทมิฬอ่อนจาง
“ดี... เจ้ามิได้โกหก... ต่อไป หลานถิง”
“หลานถิง ผู้ฝึกตนจากเมืองวายุเหมันต์ ทางใต้ของแคว้นเยว่ วิชาที่ฝึกฝน ‘วิชาปีศาจวารี’”
“ต่อไป ‘รุ่ยฉี’”
“ต่อไป ‘หยางมี่’”
…
ผู้ฝกตนที่เป็นสตรีถูกขานชื่อและที่มา จากนั้นพวกนางต้องทาบฝ่ามือลงบนผลึกฟ้าแดงเพื่อทดสอบวิชาที่ฝึกฝน ทุกคนมีวิชาการฝึกฝนที่แตกต่าง และนั่นเป็นส่วนที่ยากจะปิดบังซ่อนเร้น
หลังตรวจสอบสตรีทั้งหมด 70 คน มี 11 คนที่โกหก พวกนางมิผ่านการทดสอบและถูกผู้อาวุโสของนิกายนำตัวไป
มีสตรีนางหนึ่งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ เมื่อสถานะที่แท้จริงของนางถูกเปิดเผย นางรีบเหยียบย่างนภาหลบหนี เพียงแต่ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ 3 คนที่เตรียมพร้อมขัดขวาง จึงทำให้นางมิอาจรอดพ้น
ผู้เข้ารับการทดสอบตกตะลึง คาดมิถึงว่านางจะลักลอบเข้ามาในกุ่ยเชว่ หนิงฝานที่เฝ้ามองก็ขบคิดในใจว่าตนเองจะตอบคำถามเช่นไร
เมื่อตรวจสอบสตรีเสร็จสิ้นก็เป็นคราวของบุรุษ
แววตาไป๋เซี่ยวเผยความรังเกียจ สีหน้าเย็นชา
“หากข้าถามและพวกเจ้ากล้าจ้องมองข้า ข้าจะควักลูกตาของพวกเจ้าทันที! คนแรก ลี่ซื่อหวน”
“ลี่ซื่อหวน ผู้เยาว์จากตระกูลสาขาของตระกูลลี่ในแคว้นเยว่ตะวันตก วิชาฝึกฝน ‘วิชายกระดับกาย’”
ผู้เยาว์ใบหน้าเป็นมิตรในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 3 มันเลี่ยงสายตาของไป๋เซี่ยวตามที่นางข่มขู่
มิเคยสัมผัสกายบุรุษ มิเคยสนทนากับบุรุษ มิเคยจ้องมองบุรุษ หากมิเพราะไป๋เซี่ยวต้องรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลในครั้งนี้ นางย่อมมิยอมพบเจอบุรุษ
เมื่อผู้คนได้ฟังที่มาของลี่ซื่อหวน พวกมันล้วนยกย่องนับถือ ความรังเกียจในสายตาของไป๋เซี่ยวที่จ้องมองมันก็ลดน้อยลง
ตระกูลลี่นับเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงของแคว้นเยว่ พวกมันมักจะส่งผู้เยาว์ในตระกูลเข้าร่วมกับนิกายกุ่ยเชว่อยู่เสมอ นอกจากนี้ ในนิกายกุ่ยเชว่ยังมีคนของตระกูลลี่ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย ทั้งยังรั้งต่ำแหน่งผู้อาวุโสของนิกาย
แม้ระดับพลังของลี่ซื่อหวนจะต่ำ แต่ร่างกายของมันกลับบรรลุวิชายกระดับกายในระดับสูง
ในหมู่วิชาปีศาจทั้งหมด วิชายกระดับกายเป็นวิชาที่มีชื่อเสียง หากผู้ที่ฝึกฝนวิชานี้ถูกสังหาร จิตวิญญาณที่หลุดลอยออกจากร่าง สามารถเข้ายึดครองร่างกายของผู้ฝึกตนคนอื่นๆเพื่อถือกำเนิดใหม่... นับว่ามิอาจสังหารมันได้อย่างหมดจด ทั้งสามารถถือกำเนิดใหม่ได้นับครั้งมิถ้วน...
วิชานี้นับเป็นวิชาที่ท้าทายสวรรค์ ผู้ที่ฝึกฝนจึงมีชื่อเสียง แต่การฝึกฝนวิชาน้นอันตรายร้ายแรง หากในแคว้นเยว่มีผู้ที่ฝึกฝนวิชาอยู่ 100 คน ผู้ที่สำเร็จและบรรลุระดับเดียวกับลี่ซื่อหวนจะมีเพียง 1 คนเท่านั้น ส่วนคนที่เหลือจะตายในระหว่างฝึก
หากในอนาคตหานลี่เติบใหญ่ บรรลุผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ ตำแหน่งผู้อาวุโสนิกายกุ่ยเชว่ย่อมมิยากเกินไขว่คว้า
แววตาของไป๋เซี่ยวอ่อนโยนลง และให้ลี่ซื่อหวนทดสอบวิชากับผลึกฟ้าแดง
ในยามนั้นเอง ผลึกฟ้าแดงปรากฏภาพกระดูก หมายความว่าลี่ซื่อหวนเป็นผู้ฝึกวิชายกระดับกายจริงๆ
*อืม!*
ผู้อาวุโสศิษย์นิกายฝ่ายนอกที่แอบเฝ้ามองการทดสอบล้วนอุทาน หยานซวนหยินผู้เพิ่งเป็นผู้อาวุโสเผยสีหน้าสนใจ
วิชายกระดับกาย... ผู้เยาว์นามลี่ซื่อหวนคือผู้มีอนาคตไร้ขอบเขต!
“ผู้อาวุโสลี่... ตระกูลลี่ของท่านเพาะสร้างเมล็ดพันธุ์ชั้นดีแล้ว” ผู้อาวุโสอีกคนจ้องมองชายชราในชุดคลุมเหลืองด้วยความอิจฉา
“ท่านชมเกินไปแล้ว... ทั้งหมดเป็นเด็กนั่นตั้งใจฝึกฝน การที่คนของตระกูลสาขาประสบความสำเร็จ คนในตระกูลหลักย่อมมีความสุขไปด้วย”
ชายชราในชุดคลุมเหลือเผยสีหน้าพึงพอใจ
เมื่อลี่ซื่อหวนผ่านการตรวจสอบ มันก็กลับเข้าไปในแถว... การตรวจสอบยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อการตรวจสอบดำเนินมาถึงคนที่ 32 ไป๋เซี่ยวกลับต้องตกตะลึงอีกครั้ง
“ลู่สื่อเฉียว... ผู้เยาว์แห่งตระกูลลู่ วิชาที่ฝึกฝน ‘วิชากลั่นวิญญาณ’!”
วิชากลั่นวิญญาณ!
วิชานี้ทำให้ผู้คนตกตะลึงอีกครั้ง
วิชากลั่นวิญญาณเป็นวิชาที่ไม่อันตรายเหมือนวิชายกระดับกาย แต่ต้องใช้พรสวรรค์ในการฝึกฝนสูง หมายความว่าผู้ฝึกฝนต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
ยากจะจินตนาการว่าผู้เยาว์ในชุดหนังสัตว์ผู้นี้ จะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ฝึกฝนวิชากลั่นวิญญาณ!
แต่เมื่อผู้ดูแลจะทดสอบลู่สื่อเฉียวด้วยผลึกฟ้าแดง มันกลับแค่นเสียงเย็นชาด้วยท่าทีเย่อหยิง
“มิจำเป็นต้องทดสอบด้วยผลึกฟ้าแดง หากข้าใช้วิชากลั่นวิญญาณ เจ้าจะรู้เองว่าจริงหรือเท็จ!”
ลู่สื่อเฉียวแตะกระเป๋าเพื่อนำริ้วธงสีดำออกมา จากนั้นเคลื่อนนิ้วชี้สัมผัสนิ้วโป้งแล้วร่ายอาคม อัญเชิญให้จิตวิญญาณที่อยู่ภายในริ้วธงหลายสายปรากฏ
จิตวิญญาณแต่ละสายล้วนเป็นมีระดับเปิดเส้นชีพจรที่ 10! การที่ลู่สื่อเฉียวมีสมบัติวิญญาณเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามันเข่นฆ่าผู้คนไปมากมายเท่าใด จึงสามารถผนึกวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญไว้ภายในได้
แม้ลู่สื่อเฉียวจะเป็นเพียงผู้เชี่ยวประสานวิญญาณที่ 4 แต่มันสามารถปลุกสัมผัสเทพที่ทรงพลัง ที่มิได้ด้อยไปกว่าผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นแรกได้ นอกจากนี้ ยิ่งด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งของมัน หากใช้วิชากลั่นวิญญาณร่วมกับสัมผัสเทพ ต่อให้มันเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณก็อาจประมือได้
การกระทำของมันนับว่าเย่อหยิง ยิ่งด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมของมัน ยิ่งทำให้ไป๋เซี่ยวและคนอื่นๆสีหน้าแปรเปลี่ยน... เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 4 ที่ต้อยต่ำ แต่กลับกล้าหยิ่งผยอง
ตระกูลลู่แห่งแคว้นเยว่ทางเหนือนั้นเต็มไปด้วยปีศาจที่ชั่วร้ายมากมาย ในเมื่อวันนี้ผู้คนได้ประจักด้วยตาของตน ชื่อเสียงของพวกมันยิ่งเพิ่มพูน
หนิงฝานขมวดคิ้ว สัมผัสเทพของลู่สื่อเฉียวไม่ธรรมดา คนผู้นี้กล่าวได้ว่าเป็นผู้ฝึกตนฝ่ายอธรรมที่มากพรสวรรค์
“เป็นวิชากลั่นวิญญาณที่ทรงพลัง... ไป๋เซี่ยวรู้ว่านายน้อยลู่มิได้โกหก... ต่อไป เส้าหวน...”
การตรวจสอบยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อผ่านไป 100 คน กลับไม่พบผู้ที่โดดเด่นเฉกเช่นลี่ซื่อหวนหรือลู่สื่อเฉียวอีก
บุรุษผู้ที่แอบแฝงตัวเข้ามานั้นจับได้มากถึง 10 คน
“ต่อไป... ‘หนิงฝาน’”
ดวงตาของไป๋เซี่ยวจับจ้องหนิงฝาน เหล่าผู้อาวุโสที่ซ่อนตัวอยู่ต่างเผยแววตาเป็นประกายคมกริบ
พวกมันทั้งหมดเพ่งเล็งหนิงฝานไว้ เพียงแต่ยังมิทราบว่าหนิงฝานฝึกฝนวิชาใด... หากวิชาที่หนิงฝานฝึกฝนตรงกับธาตุของผู้อาวุโสคนใด ผู้นั้นย่อมมีหวังได้ดึงตัวเป็นผู้รับใช้
“หวังว่าวิชาของมันจะเป็นธาตุเพลิง แต่แม้ข้าจะตรวจสอบมัน...แต่กลับสัมผัสพบธาตุเพลิงอ่อนจาง... ข้าเชื่อว่าข้ามิได้สัมผัสผิดไป” ชายขราชุดคลุมแดงกล่าว
“ก็มิแน่เสมอไป... ข้าสัมผัสได้ถึงพลังความเย็นที่อ่อนจางจากมัน บางทีอาจเป็นวิชาธาตุวารี” สตรีที่งดงามในอาภรณ์ขาวกล่าว
“พวกเจ้าคาดเดาผิด... วิชาของมันคือธาตุน้ำแข็ง...” หยานซวนหยินกล่าวในใจ
มันจดจำรุ้งหิมะของหนิงฝานได้ดี ความเร็วของหนิงฝานน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก... หนิงฝานผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง เป็นผู้ที่มีพลังธาตุน้ำแข็ง เช่นนั้น...เขาย่อมเป็นผู้ครอบครองเส้นชีพจรน้ำแข็งสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย
ในขณะที่ผู้คนคาดเดา หนิงฝานเผยสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ และไป๋เซี่ยวได้อ่านที่มาของเขา
“หนิงฝาน... ผู้เยาว์จากเมืองฉีเหม่ยแห่งตอนเหนือของแคว้นเยว่ วิชาที่ฝึกฝน ‘วิชาขัดเกลาผสาน’!”
ข่าวที่หานหยวนจี๋รับศิษย์คนใหม่ยังไม่แพร่มาถึงนิกายกุ่ยเชว่ จะมีก็เพียงกุ่ยเชว่สื่อและผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำไม่กี่คนของนิกายที่รู้ เรื่องของหนิงฝานยังไม่ได้บอกเล่าให้เหล่าผู้อาวุโสประสานวิญญาณของนิกายได้ฟัง
แต่ถึงอย่างนั้น ผู้คนกลับตกตะลึงกับวิชาการฝึกฝนของหนิงฝาน เพราะมันคือวิชาขัดเกลาผสานที่ไร้ยางอายที่สุดในหมู่วิชาปีศาจ
ในวิชาขัดเกลาผสานมีวิธีการฝึกฝนที่เรียกว่า ‘การแปลงหยินหยาง’ แม้จะเป็นวิชาที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์การระดับพลังของผู้อื่น แต่กลับมิได้ทำลายคนผู้นั้น แม้หนิงฝานจะเป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรม เป็นปีศาจ แต่ในสายตาของผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมด้วยกัน หนิงฝานเป็นปีศาจที่ร้ายกว่าปีศาจ
แต่หากเทียบกันแล้ว วิชาขัดเกลาผสานถูกมองดั่งเป็นสมบัติวิญญาณที่ไร้ค่า น้อยนักที่ผู้เชี่ยวชาญวิชาขัดเกลาผสานจะบรรลุถึงแก่นทองคำ แม้การขัดเกลาผสานจะทำให้ยกระดับพลังได้รวดเร็วในช่วงต้น แต่นั่นมินับว่าเป็นพลังของตน เพราะการขัดเกลาผสานต้องช่วงชิงพลังจากสตรี ยิ่งเมื่อบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ การยกระดับพลังจะทำได้ยากหากมิสามารถหาสตรีในขอบเขตแก่นทองคำได้ นั่นจึงส่งกระทบให้ความเร็วในการยกระดับพลังลดลง นั่นเป็นที่มาให้กลายเป็นเหมือนวิชาที่ไร้ค่า
ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขมวดคิ้ว พวกมันคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานผู้นี้จะเหนือความคาดหมายไปมาก การที่ฝึกฝนวิชาขัดเกลาผสาน ยิ่งนานไปตัวหนิงฝานยิ่งไร้ค่า
“ผู้เยาว์คนนี้ช่างน่าผิดหวัง... ข้ามิต้องการมัน ผู้อาวุโสชู่เอาไปเถอะ”
“ฮ่าฮ่า ข้าเองก็มิกล้าชี้แนะศิษย์ที่ฝึกฝนวิชาขัดเกลาผสาน เพราะหากข้ามิระวังตัว อาจเป็นตัวข้าก็กลายเป็นเหยื่อของมัน”
ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณมากมายเผยสีหน้าไร้ความสนใจในตัวหนิงฝาน แต่หยานซวนหยินกลับขมวดคิ้ว
“เป็นไปมิได้... ปราณของหนิงฝานทรงพลังราวกับมิใช่ยกระดับจากวิชาขัดเกลาผสานทั่วไป”
ผู้คนด่าทอหนิงฝานในใจ จ้องมองด้วยแววตารังเกียจ เหล่าสตรีผู้รับการทดสอบหวาดกลัวว่าตนเองจะถูกช่วงชิงพลัง
‘ผู้เยาว์คนนี่เปรียบได้ดั่งโจร... แม้มันจะทีผิวพรรณดี ใบหน้าหล่อเหลา แต่กลับเป็นโจรร้ายที่เป็นอันตรายต่อสตรี’
ไป๋เซี่ยวจ้องมองหนิงฝานด้วยแววตาเย็นชา แม้หนิงฝานจะเป็นปีศาจราคะ แต่ด้วยกฏของนิกายฝ่ายอธรรม นางไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินว่าจะรับหนิงฝานเจ้าร่วมนิกายหรือไม่
“วิชาขัดเกลาผสาน... เชิญตรวจสอบ...”
ผู้ดูแลการรับเข้าศิษย์คนหนึ่งยื่นผลึกฟ้าแดงให้หนิงฝาน แม้จะถูกอีกฝ่ายจ้องมองด้วยสายตาหยามหมิ่น แต่หนิงฝานไม่ใส่ใจ เพราะก่อนที่จะเปิดเผยวิชาขัดเกลาผสาน หนิงฝานคาดเดาไว้แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
แม้นิกายกุ่ยเชว่จะเป็นนิกายฝ่ายปีศาจ แต่หากเทียบกับนิกายเหอฮวนแล้ว นิกายกุ่ยเชว่สูงส่งกว่า... แม้ปีศาจเฒ่าหลายคนในนิกายจะเป็นปีศาจไร้หัวใจ แต่ไม่มีผู้ใดเป็นปีศาจราคะเช่นนั้น
เมื่อหนิงฝานทาบฝ่ามือลงบนผลึกฟ้าแดง โคจรวิชาขัดเกลาผสาน ผลึกเปล่งแสงสีครามอ่อนจาง แต่ไม่นานกลับแปรเปลี่ยนเป็นเส้นโลหิตแดงฉานนับไม่ถ้วน กระทั่งทำให้ผลึกฟ้าแดงแตกเป็นเสี่ยงๆ
การที่ผลึกฟ้าแดงถูกทำลายหมายความว่าปราณของหนิงฝานแข็งแกร่งเกินไป ที่สำคัญ ระดับวิชาของหนิงฝานยังสูงส่งเกินกว่าผลึกฟ้าแดงจะทนรับได้
“พลังของเด็กนี่... วิชาของมันอยู่ระดับใด!”
ผู้เชี่ยวชาญมากมายของนิกายกุ่ยเชว่ตกตะลึงอ้าปากค้าง คำด่าทอที่เคยมีค่อยๆเปลี่ยนเป็นความปรารถนา
แม้วิชาขัดเกลาผสานไม่เป็นที่ยอมรับ แต่วิชาที่ลึกล้ำเช่นนั้นย่อมไม่ใช่การยกระดับพลังที่ผิด
ยามนี้สายตาทุกคู่ที่จ้องมองหนิงฝาน แปรเปลี่ยนไปเป็นความโลภ หนิงฝานขมวดคิ้ว ดูเหมือนวิชาขัดเกลาผสานของตนจะนำพาปัญหามาไม่น้อย ที่สำคัญ ปัญหาเหล่านี้ยังไม่อาจหลีกเลี่ยง เพราะไม่ว่าผู้ใดที่อยู่ในนิกายกุ่ยเชว่ย่อมทราบถึงวิชาของหนิงฝาน
เป็นปัญหาแล้วอย่างไร? หนิงฝานไม่เกรงกลัวปัญหา หากผู้ใดกล้าคิดช่วงชิงวิชา กระบี่แยกสวรรค์ของหนิงฝานก็ไม่เกี่ยงที่จะปลิดชีวิตของพวกมัน
“เจ้ากลับเข้าแถวไปได้แล้ว...”
แววตาเกลียดชังที่ไป๋เซี่ยวจ้องมองหนิงฝานค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว
สิ่งที่นางหวาดกลัวไม่ใช้พลังของหนิงฝาน แต่เป็นบางสิ่ง
‘หลังจากเข้าสู่ป่าภูติพราย ข้าจะต้องเป็นผู้นำทางและปกป้องคนเหล่านี้ หากหนิงฝานคิดชั่วร้ายกับข้า...ด้วยวิชาที่ทรงพลังนั่น ข้ามิอาจรอดพ้นจากเงื้อมมือของมันแน่...’
แต่สตรีเช่นนาง... เหตุใดหนิงฝานต้องสนใจ...