บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 75 ปราบมาร
ตอนที่ 75
ปราบมาร
“เป็นอะไรหรือเปล่า”อู๋หมิงถามพลางมองหลินหลินที่อยู่ด้านหลังตนเอง ความจริงมันนัดไป๋จูเหวินเอาไว้เผื่อจะประลองก่อนที่มันจะจากเมืองนี้ไป แต่ไม่คิดเลยว่าจะเจอกับอสูรเลี้ยงของไป๋จูเหวินโดนใครก็ไม่ทราบไล่ตามมาเสียอย่างนั้น แถมอีกฝ่ายยังกำลังมากเสียด้วยเพียงแต่มันไม่สามารถสัมผัสพลังวิญญาณจากร่างของชายคนนั้นได้เลย
“มันเป็นอสูรงั้นเหรอ”อู๋หมิงถามหลินหลินที่อยู่ข้างหลัง เมื่อสัมผัสพลังวิญญาณจากอีกฝั่งไม่ได้อู๋หมิงย่อมคิดว่าอีกฝ่ายคืออสูรอย่างเลี้ยงไม่ได้
“ไม่ใช่ พี่เวยเป็นมนุษย์”หลินหลินว่าพลางถอยห่างออกมา
“งั้นเหรอ”อู๋หมิงว่าพลางจ้องหมองหยงเวยที่กำลังเตรียมโจมตีตนเอง มันสัมผัสพลังวิญญาณไม่ได้เลย แต่แรงกระแทกเมื่อครู่ไม่มีทางที่คนธรรมดาจะทำได้อย่างแน่นอน
เคร๊ง! อู๋หมิงรับดาบมรกตของหยงเวยอย่างรวดเร็ว เรื่องสายตาและเชิงกระบี่อู๋หมิงเหนือกว่าหยงเวยอย่างเห็นได้ชัด แต่กำลังของหยงเวยหลับเหนือกว่าอู๋หมิงนิดหน่อย
“ตายซะ”หยงเวยคำรามพลางพุ่งเข้ามาหาหลินหลิน ช่วงเวลานี้หยงเวยไม่สนใจมนุษย์แม้แต่น้อย ราวกับพลังมารในร่างของหยงเวยใช้เพียงความรู้สึกโกรธแค้นอสูรของหยงเวยในการคบคุมมันเท่านั้น
เคร๊ง! เคร๊ง! กระบี่ของอู๋หมิงหนึ่งต้านดาบของหยงเวย อีกหนึ่งแทงใส่อกของหยงเวย แต่เสียงที่ดังออกมากลับเป็นเสียงโลหะกระทบกัน แถมบนจุดที่แทงกระบี่เข้าไปยังมีสีเขียวเข้มปรากฏขึ้นมาแทนอีกต่างหาก
เคร๊งๆๆๆ กระบี่ของอู๋หมิงฟันใส่ร่างของหยงเวยอีกหลายครั้งแต่ที่ๆควรมีรอยแผลกลับปรากฏหินสีเขียวขึ้นมาแทน แถมมันยังค่อยๆลามไปทั้งตัวจนราวกับหยงเวยสวมใส่เกราะมรกตไม่มีผิด
“ธาตุทอง..”อู๋หมิงขมวดคิ้ว มันไม่ใช่อสูร แถมยังไม่มีพลังวิญญาณแต่กลับมาสามารถใช้ธาตุทองได้เหมือนหลินหลินไม่มีผิด ทำเอาอู๋หมิงอดประหลาดใจไม่ได้
“หลินหลิน เจ้าหนีไปก่อน”อู๋หมิงว่าพลางใช้กระบี่ขัดขวางหยงเวยเอาไว้ มันแทบไม่ตอบโต้อู๋หมิงเลย มันเอาแต่พุ่งเข้าใส่หลินหลินเท่านั้น
“ค่ะ”หลินหลินรับคำพลางวิ่งไปอีกทางอย่างรวดเร็ว
“แก”หยงเวยคำรามพลางไล่ตามหลินหลินไป เพียงแต่อู๋หมิงไม่คิดจะปล่อยหยงเวยให้ตามหลินหลินไปอยู่แล้ว
เปรี้ยง! กระบี่ทัณฑ์สวรรค์ปลดปล่อยพลังธาตุสายฟ้าออกมาก่อนจะแทงใส่ร่างของหยงเวยอย่างแรง แต่เพราะมรกตที่เคลือบร่างของหยงเวยเอาไว้ทำให้สายฟ้าแทบทำอะไรไม่ได้
“อย่ามาขวาง”หยงเวยคำรามพลางกระทืบพื้นอย่างแรง พริบตานั้นหอกสีเขียวเข้มก็แทงขึ้นมาจากพื้นทำให้อู๋หมิงต้องถอยออกไป
เปรี้ยง!! แต่ไม่เสียแรงที่อู๋หมิงใช้วิชาความเร็วเป็นหลัก พริบตาเดียก็อ้อมหอกสีเขียวมาโจมตีหยงเวยได้อย่างง่ายดาย ทำให้หยงเวยไม่สามารถตามหลินหลินไปได้
“หนอย”หยงเวยคำรามขณะใช้แขนรับกระบี่ของอู๋หมิง สัมผัสของมันตามหลินหลินไปไม่ทันแล้ว ทำให้มันตามหลินหลินไปได้ลำบากขึ้น
“แข็งมาก”อู๋หมิงกัดฟันพลางถอนกระบี่ออกจากเกราะของหยงเวย ไม่ทราบว่าเกราะสีเขียวนั่นทำจากอะไร แต่มันแข็งมากแม้แต่กระบี่ทัณฑ์สวรรค์ยังเจาะไม่เข้าทำเอาอู๋หมิงนึกถึงใยแมงมุมของไป๋จูเหวินขึ้นมาเลย
“ไปให้พ้น”หยงเวยว่าพลางใช้ดาบมรกตโจมตีอู๋หมิงอย่างรวดเร็ว แต่วิชาดาบของหยงเวยกลับอ่อนด้อยต่างจากพลังฝีมือและกำลังอย่างมาก ไม่ว่าจะฟันใส่อู๋หมิงกี่ครั้งก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้อีกฝั่งได้เลย
ตูม! อยู่ๆที่ด้านหลังของหยงเวยก็ปรากฏแรงกระแทกอย่างรุนแรงทำเอาร่างของมันล้มไปอีกทาง
“ไป๋จูเหวิน...”อู๋หมิงขมวดคิ้วพลางมองไป๋จูเหวินที่เข้ามาโจมตีเมื่อครู่
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองหยงเวยที่ราวกับสวมเกราะมรกตเอาไว้
“ข้าก็ไม่ทราบ มันกำลังไล่ฆ่าอสูรของเจ้าข้าเลยเข้ามาขวางเท่านั้น”อู๋หมิงตอบพลางมองเกราะมรกตของหยงเวย ฝ่ามือเมื่อครู่ของไป๋จูเหวินคือฝ่ามือเพลิงพิโรธอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หยงเวยกลับไม่ค่อยได้รับความเสียหายเลย
“หยงเวย เจ้าเป็นอะไรไป”ไป๋จูเหวินถามพลางตั้งท่ารับมือ คนอื่นอาจสัมผัสพลังของหยงเวยตอนนี้ไม่ได้ แต่ไป๋จูเหวินที่ใช้ดวงตาสีม่วงมองหยงเวยในยามนี้กลับไม่กล้าวางใจ พลังของหยงเวยตอนนี้สูงมาก มากกว่าตัวมันหรืออู๋หมิงเสียอีก เพียงแต่ไอพลังสีเขียวที่ลอยอยู่รอบๆตัวหยงเวยมันกลับไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อน
“ไป๋จูเหวิน”หยงเวยพูดพลางหันหน้ามาทางไป๋จูเหวิน นอกจากความแค้นที่มันมีต่ออสูรแล้ว ก็มีไป๋จูเหวินนี่เองที่ทำให้มันรู้สึกหงุดหงิดได้
ฟุบ! ร่างของหยงเวยพุ่งเข้ามาหาไป๋จูเหวินอย่างรวดเร็ว พริบตานั้นดาบมรกตของหยงเวยก็พุ่งเข้ามาใส่อย่างรวดเร็ว เพียงแต่กระบวนท่าของหยงเวยยังห่างขั้นกับอู๋หมิงอยู่มากเพียงดวงตาของไป๋จูเหวินเปลี่ยนเป็นสีแดงก็สามารถหลบดาบของหยงเวยได้อย่างง่ายดาย
ตูม! ฝ่ามือเพลิงพิโรธของไป๋จูเหวินเป็นฝ่ามือที่รุนแรงอย่างมาก แม้แต่อู๋หมิงยังรับมือได้ยากและลำบากอย่างมาก แต่เกราะมรกตของหยงเวยกลับสามารถรับฝ่ามือเพลิงพิโรธของไป๋จูเหวินได้อย่างไม่ยากเย็น แม้จะไม่ถึงกับไร้ผลแต่ก็ไม่สร้างความเสียหายอะไรกับหยงเวยนัก
“ตาย”หยงเวยคำรามพลางโถมเข้าหาไป๋จูเหวินโดยไม่สนใจฝ่ามือของอีกฝ่ายเลย
กึก! ขาของไป๋จูเหวินที่กำลังจะก้าวหลบอยู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมารั้งเอาไว้ เมื่อก้มมองดูถึงได้ทราบว่าขาของมันถูกหินสีเขียวเกาะกุมเอาไว้ไม้ให้ไปไหนนั่นเอง
เคร๊ง! ไป๋จูเหวินใช้ฝ่ามือที่พันใยแมงมุมเอาไว้รับดาบของหยงเวยพร้อทั้งใช้วิชาฝ่ามือหิมะละลายกลางนภาอีกด้วย เพียงแต่...
ฉั๊ว! ดาบมรกตของหยงเวยตัดใยแมงมุมของไป๋จูเหวินจนขาดก่อนจะเฉือนฝ่ามือของไป๋จูเหวินจนเกิดรอยแผล แม้จะโชคดีอยู่มากที่บาดแผลไม่ลึกเพราะเคล็ดวิชาฝ่ามือหิมะละลายกลางนภาช่วยลดแรงลงไปได้ แต่เรื่องที่ใยแมงมุมที่มันสืบทอดมาจากมารดาโดนตัดขาดกลับไม่ใช่เรื่องธรรมดาสามัญอีกต่อไปแล้ว
ฟุบ! เมื่อเห็นว่าดาบมนกตมีความคมเหนือกว่าใยแมงมุมของตนไป๋จูเหวินก็เอี้ยวตัวหลบดาบของหยงเวยที่กำลังโถมเข้ามาหาตน ต้องบอกว่าโชคดีของไป๋จูเหวินยังไม่หมดเพราะหากหยงเวยเคยเรียนวิชาดาบที่สูงล้ำกว่านี้มาวันนี้คงเป็นวันตานของไป๋จูเหวินไปแล้ว
ฟุบ! หยงเวยเห็นว่าไป๋จูเหวินเอี้ยวตัวหลบคมดาบของตนได้มันเลยมองไปที่ขาของไป๋จูเหวินที่ถูกหินสีเขียวมัดขาเอาไว้ พลังของไป๋จูเหวินในตอนนี้ไม่สามารถทำอะไรหินสีเขียวชนิดนี้ได้หยงเวยเลยเล็งดาบมาที่ขาของไป๋จูเหวินแทน
เปรี้ยง! พริบตานั้นกระบี่ของอู๋หมิงก็เข้ามาโจมตีหยงเวยเข้าที่แขน ทำให้อาวุธในมือของหยงเวยพลาดเป้า แต่กระบี่ของอู๋หมิงก็ไม่สามารถทำร้ายหยงเวยได้
ผลัก! แขนของหยงเวยเปวี่ยงใส่อยู่หมิงอย่างจังทำเอาร่างของอู๋หมิงลอยออกมาจนตัวปลิว กำลังของหยงเวยยิ่งมายิ่งมากทำเอาอู๋หมิงรับมือไม่ไหว
เปรี้ยง! ขณะหยงเวยกำลังจะจัดการไป๋จูเหวิน อยู่ๆร่างของหยงเวยก็ปลิวไปอีกทางด้วยแรงกระแทกมหาศาล
“ท่าน...”ไป๋จูเหวินเบิกตากว้างมองไปทางผู้ลงมือ
“ไม่ได้เห็นมารมานับร้อยปีแล้ว นึงว่าวิชามารจะหายไปจากโลกนี้แล้วเสียอีก”อาวุโสเทียนหมิงพูดพลางพริ้วตัวลงมาจากอากาศ โชคดีจริงๆที่อู๋หมิงรายงานอาจารย์ของมันว่าตนนัดกับไป๋จูเหวินไว้ที่เหนือผาหยก ทำให้อาวุโสเทียนหมิงคิดจะมาร่วมชมการประลองด้วย
“อัก...แกเป็นใคร”หยงเวยว่าพลางลุกขึ้นยืน การโจมตีเมื่อครู่รุนแรงมากทำเอาเกราะมรกตของมันแตกกระจายไม่มีชิ้นดีเลย
“ช่างเป็นมารที่เสียมารยาทจริงๆ ถึงกับไม่รู้จักข้า”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางลอยตัวมาทางหยงเวย ท่านเพียงชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้วก่อนจะฟันลงมาใส่หยงเวยในระยะที่ห่างมาก แต่ในสายตาของพวกไป๋จูเหวินกลับเห็นราวกับมีกระบี่เล่มหนึ่งฟันลงมาไม่มีผิด
“อากกก”หยงเวยร้องเสียงหลงพร้อมร่างที่ปรากฏบาดแผลโดนฟัน แม้แต่เกราะมรกตของมันยังโดนตัดเสียจนเรียบเนียนราวกับใช้กระบี่ตัดอย่างรวดเร็วเลย
ฟุบ! อาวุโสเทียนหมิงฟันใส่หยงเวยอีกครั้ง ทำให้ร่างของมันปรากฏบาดแผลลึกอีกจุด
“แก”หยงเวยกัดฟันพลางสร้างเกราะมรกตขึ้นใหม่อีกครั้ง แต่เพียงพริบตาเดียวอาวุโสเทียนหมิงก็ใช้มือเปล่าๆฟันใส่มันอย่างรวดเร็วจนร่างของมันปรากฏบาดแผลอีกรอบ
“อาจารย์ท่านจะฆ่ามันงั้นเหรอ”อู๋หมิงถามพลางมองหยงเวยที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด
“ใช่ มารเป็นอันตรายต่อทั้งมนุษย์และอสูร หากเจ้าเจอพวกมันจงฆ่าซะ”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางง้างมือขึ้นอีกครั้ง มารตนนี้พึ่งเกิดได้ไม่นาน การพัฒนาตัวเองของมารไวกว่ามนุษย์และอสูรหลายเท่าทำให้มารเกือบทั้งหมดแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก เพียงแต่ผู้กลายเป็นมารจะมีอารมความรู้สึกรุนแรง ยิ่งเป็นคนที่มีความแค้นอยู่ในใจจะยิ่งดึงมารเข้าร่างได้ง่าย ในอดีตถึงกับมีสงครามระหว่างมนุษย์และมารเลยทีเดียว
“แต่ว่าอาจารย์ มัน...”อู่หมิงเห็นไป๋จูเหวินและหลินหลินรู้จักหยงเวยเลยมีความคิดที่จะห้ามเอาไว้ เพียงแต่เมื่อครู่มันก็โจมตีทั้งหลินหลินและไป๋จูเหวินทำให้อู๋หมิงไม่ทราบว่าควรทำเช่นไร
“อย่าได้ลังเลไปศิษย์ข้า เมื่อถูกมารเข้าครอบงำก็ไม่ต่างจากโดนยึดร่างไปแล้ว ไม่ว่ามันจะเคยเป็นใครก็ต้องฆ่าซะ”พูดจบอาวุโสเทียนหมิงก็ฟาดฝ่ามือลงมา คราวนี้ทั้งไป๋จูเหวินทั้งอู๋หมิงต่างเห็นราวกับมีแสงสีขาวพุ่งผ่านร่างของหยงเวยไป
“อัก...”หยงเวยกระอักเลือดออกมาก่อนจะล้มลงนอนกับพื้น แต่ก่อนที่มันจะกระแทงใส่พื้นอยู่ๆพื้นรอบกายของมันก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวก่อนที่พื้นจะกลืนร่างของหยงไปจนหมด
“เสร็จกัน มันดำดินหนีไปแล้ว”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางฟันฝ่ามือใส่พื้นดิน แต่เมื่อรอยฟันปรากฏขึ้นกลับเหลือเพียงพื้นสีเขียวว่างเปล่าเท่านั้น
“ท่านอาวุโส...”ไป๋จูเหวินพูดพลางมองตรงพื้น ดวงตาสีม่วงของมันสัมผัสถึงพลังของหยงเวยไม่ได้แล้ว ท่าทางพริบตาเมื่อครู่มันจะดำดินหนีไปแล้วจริงๆ
“ข้าเองก็แก่แล้วหรือนี่”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางลดมือลง เพราะเห็นว่าเป็นมารพึ่งเกิดเลยลงมือไม่หนักมากเพราะกลัวผาหยกจะพังลงไปใส่เมืองด้านล่าง แต่กลายเป็นว่ามันเปิดโอกาสให้มารหนีไปได้เสียนี่
“ไป๋จูเหวิน เจ้าต้องระวังตัวให้มาก มารพัฒนาได้เร็วและน่ากลัวมาก หากพบมันอีกมันอาจจะเก่งกว่านี้มาก”อาวุโสเทียนหมิงเตือนพลางเดินเข้ามาปลดหินที่เท้าของไป๋จูเหวินให้ เพียงแค่พลังธาตุของหยงเวยยังเหนือกว่าไป๋จูเหวินและอู๋หมิงเสียอีก หากไม่มีอาวุโสเทียนหมิงในวันนี้พวกมันอาจจะตายไปแล้วก็ได้