ตอนที่แล้วคุณหมอย้อนเวลา - ตอนที่ 6 : การแสดงผาดโผน (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปคุณหมอย้อนเวลา - ตอนที่ 8 : การแสดงผาดโผน (4)

คุณหมอย้อนเวลา - ตอนที่ 7 : การแสดงผาดโผน (3)


ตอนที่ 7 – การแสดงผาดโผน (3)

“ห๊า?” จองกุกผงะขึ้นมาจากผนังอย่างรวดเร็ว..

“ดูเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้น..” โดลซกมองออกไปด้านนอกสลึมสลืม

นักแสดงที่เริ่มมึนเมาวิ่งไปที่ห้องทีละคนๆ คนพวกนั้นดูเป็นผู้ชายดุดันที่ดูเหมือนพร้อมจะมีเรื่องกับผู้คนตลอดเวลา

“พวกมันเป็นนักเลงนายท่าน.. ระวังตัวไว้จะดีกว่า” โดลซกปิดประตูเบาๆ

ระบบป้องกันเสียงในยุคโชซ็อนแย่มากจริงๆ แม้จะปิดประตูไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น พวกเขายังคงได้ยินเสียงดังมาจากห้องข้างๆอยู่ดี

“ท่านหัวหน้า! ท่านหัวหน้า! ลืมตาขึ้นสิ!”

“ท่านเป็นอะไรไป?”

“ท่านพ่อ! เขาไม่หายใจแล้ว!”

มีเสียงผู้หญิงดังแทรกขึ้นมาจากเสียงทุ้มๆของผู้ชาย จองกุกรู้อยู่แล้วว่านั่นเป็นผู้หญิง แต่เขาไม่รู้ว่าเธอคือลูกสาวของหัวหน้าคณะ

จองกุกพยายามฟังดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับห้องข้างๆกันแน่ และโดลซกก็ขยับเข้าไปใกล้ผนัง

“นายท่าน.. ดูเหมือนมีคนล้มลง”

“อืมม.. เป็นหัวหน้าคณะ”

“แย่แล้ว.. ได้ยินมาว่าพวกเขาต้องเข้าไปแสดงที่จวนผู้ว่าในวันพรุ่งนี้ แต่ดูเหมือนพวกเขาอาจจะแสดงไม่ได้แล้วตอนนี้ พวกนั้นคงไม่ยกโทษให้เขาแน่”

“เขาได้รับบาดเจ็บ.. ทำไมถึงจะไม่ได้รับการให้อภัย?”

“นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องในครอบครัว ท่านอาจารย์ของพวกเราก็จะไปร่วมงานด้วย คนใหญ่คนโตอีกหลายคนก็จะไปรวมกันอยู่ที่นั่น รวมถึงท่านผู้ว่าและท่านเทศมนตรีตามหัวเมืองต่างๆก็จะมาร่วมด้วยเช่นกัน”

“อ่อ!”

ปัญหาอยู่ที่หน้าตาของท่านผู้ว่า หากใครก็ตามที่ทำให้งานมีปัญหา เขาผู้นั้นก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

และหากเป็นงานของท่านผู้ว่า.. ท่านผู้ว่าก็คงต้องรับผิดชอบอย่างแน่นอน

จองกุกมองกระเป๋าแพทย์ในมือ ‘ผมจะไปตรวจเขาดีไม๊นะ?’

เมื่อจองกุกขยับมือ โดลซกถึงกับตกใจ “นายท่านจะเข้าไปหรือขอรับ?”

“ข้าไปไม่ได้งั้นรึ?”

โดลซกปิดปากเงียบเมื่อได้ยินคำถามเหมือนไม่เห็นด้วย

จองกุกไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น ปกติเขาก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องที่จะนำปัญหามาให้เขาอยู่แล้ว

‘แต่นี่มันยุคโชซ็อน.. ใครจะไปสู้กับคนใหญ่คนโตได้? นอกเหนือจากนั้น ที่นี่ก็ไม่ใช่พื้นที่หลังเขา ที่นี่คือตัวเมือง และนี่ก็ยังหัววันอยู่ ไม่น่าจะเป็นอะไร’

โดลซกไม่กล้าขัด “ไม่มีอะไรที่นายท่านไม่ควรทำขอรับ..”

ที่นี่คือซูวอน.. และเขาก็เป็นคนของตระกูลเบแห่งซูวอน แม้ว่าซังนัมจะลาออกจากราชการแล้ว แต่ก็ยังคงมีอำนาจอยู่ เขายังคงมีผู้ติดตามอยู่มากมายและยังทำงานให้กับในวังด้วย แม้แต่ข้าราชการตามหัวเมืองยังต้องส่งของกำนัลไปที่บ้านของเขา

“ถ้าเช่นนั้นก็ไปกันได้..” จองกุกเดินออกจากห้องไปพร้อมกระเป๋าในมือ โดลซกลุกขึ้นจากเก้าอี้แม้จะยังคงลังเล

ถ้าเจ้านายจะไป.. บ่าวอย่างเขาก็ต้องตามไปด้วยอยู่แล้วสินะ?

....

ประตูห้องเปิดอ้าอยู่..

เมื่อจองกุกมองเข้าไปด้านใน เขาเห็นผู้คนต่างพากันทำวิธีต่างๆนานาเพื่อให้ชายคนนั้นฟื้น พวกเขาพากันเอาน้ำพรม เขย่าไหล่ และก็ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาทำได้

“ไปตามหมอมา! หมอ!”

นักแสดงผาดโผนที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายตะโกนเสียงแหลมออกมา ผมของเธอเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อที่อาจเกิดจากการสวมหน้ากาก หรืออาจเป็นเพราะตกใจกับเหตุฉุกเฉินนี้

นักแสดงบางคนตะโกนและร้องออกมาอย่างหมดหวัง.. “เขาตายแล้ว.. เรียกหมอมาจะมีประโยชน์อะไรกัน? อนิจจา!”

นาทีนั้น.. จองกุกกระแอมเบาๆเพื่อส่งเสียงให้ทุกคนรู้ว่าเขามาถึงแล้ว และทำการเคาะประตู ซึ่งไม่จำเป็นเลยเพราะประตูก็เปิดอ้าอยู่ก่อนแล้ว “ข้างในเป็นเช่นไรบ้าง?”

ผู้คนในห้องพากันตื่นตัวเพราะเสียงแปลกนั่น..

“แกเป็นใคร?” ผู้ชายที่เป็นคนโหนเชือกยืนขึ้นตรงหน้าจองกุก แม้เขาจะตัวเตี้ยกว่าจองกุกแต่ก็หนากว่า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตาเพราะเพิ่งจะผ่านการร้องไห้มา

โดลซกขยับเข้าไปยืนตรงกลาง..

“เชอะ! นายของข้าเป็นบุตรชายตระกูลเบ”

“อะไรนะ! ตระกูลเบงั้นรึ?” ชายผู้นั้นไม่ได้ถอยหนีแต่ก็ลดอาการก้าวร้าวลง

นั่นเพราะว่าจองกุกเป็นพวกชนชั้นสูง..

“เจ้านายของข้าเก่งเรื่องการรักษามาก ท่านผู้เฒ่าต้องรู้สึกเป็นเกียรติที่นายของข้าจะมาดูอาการให้” โดลซกมองผู้คนที่มองมาด้วยความภาคภูมิใจ

ในสายตาของจองกุก โดลซกไม่มีอะไรนอกจากเป็นบ่าว แต่เขาถนัดเรื่องข่มผู้อื่น  และการคุยโวของเขาต่อหน้าบรรดานักแสดงนั้นก้ได้ผลดีทีเดียว เพราะทำผู้หญิงที่เป็นนักแสดงผาดโผนเริ่มแสดงอาการสนใจ

“ท่านเป็นหมอรึ?”

นั่นเป็นสิ่งที่โดลซกเองก็ไม่มั่นใจ นี่เป็นครั้งแรกของเขาที่ได้เห็นฝีมือของนายน้อยเมื่อวานนี้ ความจริงสำหรับจองกุกก็คือ นี่เป็นครั้งแรกที่จองกุกจะได้ทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อโลกใบนี้

“อืม..” โดลซกพึมพำแทนการตอบคำถาม แต่เป็นจองกุกที่ตอบ เขาเดินเข้าไปด้านใน ทิ้งผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขาไว้อย่างนั้น

เนื่องจากจองกุกเป็นคนที่มีบุคลิคสง่างามน่าเกรงขาม จึงไม่มีใครกล้าโต้แย้งเขา

“ใช่.. ข้าเป็นหมอ” จองกุกพูดขณะที่สำรวจลำคอของหัวหน้าคณะ เป็นเรื่องปกติที่จะจับข้อมือเพื่อตรวจอาการ แต่จองกุกเลือกตรวจอาการที่ลำคอ จึงทำให้ผู้คนที่อยู่ในห้องต่างพากันประหลาดใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดขวาง

จองกุกเครียดขึ้นมาทันที ‘ชีพจรไม่เต้นแล้ว’

ในบางคนอาจจับชีพจรไม่พบหากความดันเลือดต่ำเกินไป ดังนั้นในเคสนี้ แพทย์จะต้องทำการตรวจเส้นเลือดที่ต้นขา ที่อยู่แถวขาหนีบ

แต่เมื่อจองกุกสัมผัสที่ขาหนีบของชายคนนั้น ก็มีเสียงคัดค้านดังขึ้นมาในห้อง “ท่านกำลังจะทำอะไร?”

แต่ก็มีเสียงโห่ร้องดังขึ้นมาไม่นาน

“เงียบๆ!”

จองกุกจำได้ว่าหัวหน้าคณะได้รับอุบัติเหตุระหว่างการแสดงชุดสุดท้าย ‘หน้าอกของเขากระแทกเข้ากับศรีษะของใครบางคน’

มันไม่ใช่แค่เรื่องน่าตกใจเล็กๆน้อยๆที่จะมองข้ามได้โดยไม่มีผลกระทบใดๆตามมา

“เขามีปัญหาเรื่องความร้อนในร่างกาย.. เอาล่ะถอดเสื้อของเขาออก”

“อะไรนะ?”

“ไม่ต้องถามมาก.. ทำตามคำสั่งข้าก็พอ”

นาทีนั้น.. คนที่รู้สึกตัวคนแรกคือโดลซก เพราะเขาได้เคยเห็นทักษะที่น่าทึ่งของจองกุกมาแล้ว เขาจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อย

“ขอรับนายท่าน!”

“นี่ท่านกำลังทำอะไร? เขาเป็นหัวหน้า..”

“หุบปากของเจ้าซะ แล้วถอดเสื้อของเขาออก”

“เอ่อ.. เอ่อ..”

เมื่อนักแสดงผาดโผนขยับตามคำสั่งของเขา ผู้ชายคนอื่นๆก็ขยับตามเช่นกัน ไม่ใช่เพียงเพราะเขามาจากตระกูลสูง แต่เพราะความมั่นใจที่แฝงออกมาพร้อมกับคำพูดของเขานั่นเอง ที่ทำให้ทุกคนหายคลางแคลงใจและยอมทำตามคำสั่งของเขาอย่างว่าง่าย

“หู้..”

และทันทีที่ถอดเสื้อออก ก็ปรากฏรอยช้ำอย่างชัดเจนอยู่บนหน้าอกของเขา จองกุกทำการตรวจร่างกายและพูดกับบ่าวของเขา “โดลซก.. เปิดกระเป๋าออก”

“ขอรับนายท่าน..”

จองกุกหยิบเข็มฉีดยาอันใหญ่ และหูฟังออกมา..

“ใช่แล้ว.. เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ”

เสียงหัวใจเต้นอ่อน แต่ไม่ได้เกิดจากการบีบของหัวใจมีปัญหา แต่เป็นเพราะเลือดที่คั่งอยู่ในโพรงหัวใจ

“โดลซก.. จับคนป่วยไว้”

“ขะ-ขอ..!”

จองกุกแทงเข็มเข้าไปที่หน้าอกของหัวหน้าโดยไม่รอให้โดลซกพูดจบ เมื่อเขาทำเช่นนั้น เลือดสีแดงก็ไหลออกมาตามกระบอกเข็มฉีดยา เมื่อนักแสดงผาดโผนเห็นเช่นั้นก็ร้องเสียงดังออกมา “ท่านบ้าไปแล้วรึ?”

แต่จองกุกไม่ใส่ใจ เมื่อเขาลงมือแล้ว เขาไม่เคยถอยกลับ..

“โดลซก.. ดูให้ดีและจำไว้!”

“อะไรนะ?”

“นี่เป็นวิธีการช่วยชีวิตคน.. ดังนั้นเจ้าจงตั้งใจดูให้ดี”

แม้ว่าเลือดที่คั่งอยู่จะถูกดูดออกมาแล้ว แต่การเต้นของหัวใจยังคงอ่อนแรง ดังนั้นจองกุกจึงต้องเริ่มทำการปั๊มหัวใจ

สิ่งที่จองกุกกำลังทำอยู่นั้นคือการปั๊มหัวใจที่เรียกว่า CPR ผู้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต่างพากันคิดว่าจองกุกกำลังจะฆ่าชายคนนั้น

ชายร่างใหญ่กำลังกดหน้าอกของชายที่หมดสติซ้ำแล้วซ้ำอีก..

นักแสดงผาดโผนมองด้วยความงุนงง รวมถึงคนอื่นๆที่อยู่ในห้องด้วยเช่นกัน แต่จองกุกไม่สนใจที่จะโต้ตอบคนเหล่านั้น เขาจดจ่ออยู่เพียงแค่การเต้นของหัวใจของผู้ป่วย

“หัวใจยังคงเต้นอ่อนอยู่.. เอาล่ะคราวนี้ตาเจ้าแล้ว”

“หา.. ข้าน้อยหรือขอรับ?”

“ใช่.. กดลงตรงกลางระหว่างราวนมของเขาด้วยฝ่ามือ แขนตั้งตรง”

“อ่อ.. ขอรับนายท่าน”

โดลซกรู้สึกว่าผู้คนในห้องเริ่มไม่พอใจ แต่เขาก็ยังคงพยักหน้ารับคำ

เขารู้สึกว่าหากหัวหน้าไม่ฟื้น เขาคงต้องตายแน่ๆ จองกุกเป็นคนในตระกูลสูง เขาคงไม่ถูกฆ่า แต่สำหรับเขานั้นคงหลีกเลี่ยงไม่ได้

ขณะที่โดลซกกำลังกดหน้าอกของหัวหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มีอยู่เพราะกลัวว่าจะต้องถูกฆ่านั้น จองกุกก็ทำสิ่งที่น่าตกใจมากยิ่งขึ้น

“ฮึบ” เขาทำการเป่าปากเพื่อผายปอด

เมื่อเห็นการกระทำที่ ‘น่าเกลียด’ เช่นนั้น นักแสดงผาดโผนรีบจับไหล่ของจองกุก “นี่ท่านทำอะไรน่าอายกับท่านพ่อของข้า? ถ้าท่านจะต้องตาย ก็ไม่เป็นไร แต่อย่างทำเรื่องน่าอายเยี่ยงนี้กับเขา”

ถึงอย่างนั้น.. จองกุกก็มีสติพอที่จะไม่ปล่อยให้เธอรบกวนการรักษา แม้แต่หญิงแกร่งก็ไม่สามารถหยุดเขาให้หยุดช่วยชีวิตคนไข้ได้ หญิงสาวถึงกับเกาะไหล่เขาและขยับไปพร้อมกัน

แล้วจองกุกก็รีบตะโกนบอกโดลซกทันที “หยุด.. หยุดก่อน”

ขณะที่พวกเขาทำแบบนั้น ผู้คนต่างพากันมาห้อมล้อม บางคนก็ถือกระบอง บางคนก็ถือของมีคมมาด้วย

โดลซกตอบขณะที่รู้สึกกังวลอย่างมาก “ขอรับ.. ขอรับ!”

จองกุกตรวจที่คอเงียบๆอีกครั้ง แล้วเริ่มพยักหน้า

“ไม่ต้องกังวลแล้ว.. เขาจะฟื้นอีกในไม่ช้า”

ได้ยินแบบนั้น.. ออนนี่ก็จ้องมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง เธอมั่นใจว่าพ่อของเธอตายแล้วแน่ๆ แล้วคนตายทำไมถึงฟื้นได้ล่ะ?

เมื่อผู้คนต่างพากันมองจองกุกด้วยความงุนงง ชายหนุ่มที่โหนเชือกในการแสดงก็ยกกระบอกขึ้นมาโชว์พร้อมพูดว่า “เอาล่ะ.. ถ้าเขาไม่ฟื้น ข้าไม่ปล่อยท่านไปแน่”

ไม่ใช่มีเขาเพียงคนเดียวที่มีสายตาดุร้าย คนทั้งหมดในคณะที่อยู่ที่นั่น ก็แสดงอาการต่อต้านและเป็นปฏิปักษ์ออกมาอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าความเคารพที่มีให้กับหัวหน้าของพวกเขา จะมีมากกว่าความกลัวที่มีให้กับพวกชนชั้นสูง

โดลซกกระซิบอย่างกังวล “นายท่าน.. พวกเขาดูช่างดุร้าย”

“อย่ากังวล.. ข้ารับรองว่าเขาต้องฟื้นอย่างแน่นอน”

“จริงหรือขอรับ?”

โดลซกรู้สึกว่าคำว่า ‘อย่ากังวล’ ทำให้เขายิ่งกังวลมากขึ้น เขาภาวนาให้ชายแปลกหน้าที่เขาไม่เคยพบหน้ามาก่อนนี้มีชีวิตรอด ‘ได้โปรด.. ได้โปรด.. อย่าให้เรื่องราวแย่ไปกว่านี้เลย’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด