บทที่ 15 การประลองแตกหักกับเซียวเจี้ยน
เซี่ยวเจี้ยนแต่งตัวในชุดฟ้าเข้ม แลดูมั่นใจและสง่างาม อย่างไรก็ตามความมืดมนบนใบหน้าเขาทำให้ดูน่ากลัว
“มันจะดีที่สุดแล้วถ้ามันโผล่หัวมา ถ้ามาก็จะไม่มีที่ให้มันซุกหัวในตระกูลเซี่ยวอีกต่อไป”
“จริงด้วย คนผู้นี้มีความกล้าหาญขนาดไหนกัน ถึงขนาดที่หาญกล้าลงมือหักหน้านายน้อยใหญ่ เขามันก็ผู้ที่ร้องหาปัญหา”
มันหักหน้าเขา!
เมื่อเซี่ยวเจี้ยนได้ยินดังนั้นนั้น ความมืดมัวบนใบหน้าก็ทวีคูณความน่ากลัว จากสถานะของเขา เขาเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดในบรรดาสานุศิษย์รุ่นเยาว์ของตระกูลเซี่ยว ก่อนที่จะอายุ 18 ปี เขาก็ขึ้นสู่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูง อีกก้าวเดียวก็จะเป็นจอมยุทธขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธที่อายุน้อยที่สุดในเมืองม่อเหอ เซี่ยวเฉินมันก็แค่เศษขยะ ยังกล้ามาท้าสู้เขา ยิ่งกว่านั้นยังหักหน้าเขาต่อหน้าทุกคน เซี่ยวเจี้ยนตัดสินใจว่าถ้ามันยังกล้าโผล่หน้ามา เขาจะซัดมันให้หมอบ ให้มันได้ลิ้มรสความเสียใจอย่างถึงที่สุด
เวลาค่อยๆไหลผ่านไป เลยเวลานัดหมายไปถึง 4 ชั่วโมงแล้ว เซี่ยวเฉินก็ยังไม่ปรากฎตัวออกมา ฝูงคนเริ่มพูดพล่อยดังขึ้นเรื่อยๆ เซี่ยวเจี้ยนมองไปที่ทางเข้ายังคงไม่มีเซี่ยวเฉินเข้ามาในสายตา ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกหงุดหงิดในใจ
เซี่ยวเจี้ยนบ่นพึมพำกับตัวเอง รุดหน้าขึ้นไปหาผู้เฒ่าหนึ่งแห่งตระกูลเซี่ยวซึ่งเป็นผู้ตัดสินการประลองครั้งนี้ “ท่านลุง เซี่ยวเฉินยังคงไม่ปรากฎตัว ควรส่งคนไปตาม?”
หัวหน้าตระกูลเซี่ยว เซี่ยวฉงได้เข้าห้องฝึกตนเพื่อที่จะบรรลุเข้าสู่ระดับขอบเขตนักบุญ จึงมอบหมายหน้าที่การจัดการทุกอย่างในตระกูลให้ผู้เฒ่าหนึ่งเซี่ยวเฉียงเป็นผู้ดูแล เมื่อมีการประลองเช่นนี้เกิดขึ้น เซี่ยวเฉียงจึงต้องมาเป็นผู้ตัดสิน
เซี่ยวเฉียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “คิดว่าข้าไม่เคยตามหาเขารึ? ใน 2-3 วันมานี้ ยามอารักขาที่ภูเขาชีเจี่ยวแจ้งข้าว่าเขาเข้าไปข้างในแล้วก็ไม่กลับออกมาอีกเลย”
เมื่อผู้คนรอบๆได้ยินเช่นนั้น คิดว่ามันน่าแปลก ที่นั้นมีอสูรวิญญาณระดับ 2 อยู่รอบภูเขาชีเจี่ยว ระดับขอบเขตปรับแต่งวิญญาณขั้น 9 ขึ้นไปบนนั้นไม่ใช่ว่าเขาตายไปแล้วรึ?
“ฮ่าๆ นายน้อยเซี่ยว เจ้านั้นอาจจะตายคาอุ้งมือของอสูรวิญญาณไปแล้ว ดูเหมือนท่านไม่ต้องลงมือเอง”
“ผ่านไปถึง 7 วัน ถ้ายังไม่ออกมาก็คงตกตายไปแล้ว ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเขาไม่ปรากฎตัว”
ระหว่างที่ผู้คนกำลังพูดไปต่างๆนานา ก็มีเสียงฮือฮาาประทุขึ้น—เซี่ยวเฉินมาแล้ว!
“ผู้หญิงด้านหลังเขาคือใคร? พวกเจ้ารู้จักไหม?”
“ไม่เคยเห็นนางมาก่อน นี้ก็ถึงเวลาประลองแล้วทำไมเขาถึงพาผู้หญิงมาด้วย? แต่นางจัดว่าเป็นสาวงามเลยทีเดียว”
เซี่ยวเฉินไม่สนใจเสียงซุบซิบก้าวเท้าอย่างเยือกเย็นตรงไปที่สนามประลองกลางโถง เซี่ยวอวี่หลานติดตามไปข้างกายเขาด้วยสีหน้าถมึงทึง นางไม่เคยตกเป็นที่สนใจขนาดนี้มาก่อน
ตอนแรกเซี่ยวเจี้ยนตกใจเมื่อได้ยินการมาของเซี่ยวเฉิน อย่างไรก็ตามเซี่ยวเจี้ยนก็หัวเราะเย็นชา “น้องเฉิน นึกว่าเจ้าโดนอสูรวิญญาณที่ภูเขาชีเจี่ยวกินเข้าไปเสียแล้ว ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกลับออกมาได้”
เซี่ยวเฉินยิ้ม “ขอบคุณท่านพี่มากที่เป็นห่วงข้า แต่ก่อนที่จะได้สะสางเรื่องนี้ ข้าจะยอมตายได้อย่างไร”
ทันใดนั้นเซี่ยวเฉียงที่กำลังมองดูเรื่องที่เกิดขึ้น เขาเบิกตากว้างมองไปที่เซี่ยวอวี่หลานด้วยสีหน้าซับซ้อนและเดินตรงมาอย่างเร่งรีบพร้อมพูดขึ้น “หลันเอ๋อ ในที่สุดเจ้าก็ยอมลงมาจากภูเขา ทำไมเจ้าไม่มาบอกข้าก่อน?”
เซี่ยวอวี่หลานพูดอย่างห่างเหินเล็กน้อย “ข้าลงมาพร้อมกับน้องเฉินเมื่อครู่นี้ ข้าเพียงแค่มาดูการประลองวันนี้เท่านั้น”
เซี่ยวเฉียงเหมือนมีอะไรอยากจะพูดแต่เขาก็ไม่ได้พูดขึ้นมา ต่อเซี่ยวอวี่หลานเขารู้สึกผิดลึกๆในใจ ตอนนางยังเล็กเขาส่งนางไปที่ภูเขาชีเจี่ยวเพราะนางไม่สามารถควบคุมจิตวิญญาณยุทธของนางได้ เขามองดูนางเติบโตขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยวบนภูเขา เซี่ยวเฉียงรู้สึกรังเกียจตัวเอง นี้เขาคงโหดร้ายเกินไป?
เมื่อเซี่ยวอวี่หลานสามารถควบคุมจิตวิญญาณยุทธของนางได้ เซี่ยวเฉียงพยายามเกลี้ยกล่อมให้นางลงมาจากภูเขาหลายต่อหลายครั้ง แต่เซี่ยวอวี่หลานปลีกตัวออกห่างจากผู้คนนานเกินไป ไม่ว่าเขาจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร นางยังคงไม่ยอมออกจากภูเขา
“ท่านลุงเฉียง เริ่มกันเลย?” เซี่ยวเจี้ยนยืนอยู่ด้านข้างพูดอย่างห้วนๆ
เซี่ยวเฉียงตั้งสติได้ แล้วก็ถามเซี่ยวเฉิน “เจ้าพร้อมหรือไม่?”
เห็นเซี่ยวเฉินพยักหน้า เซี่ยวเฉียงพูดด้วยเสียงกังวาน “แม้ว่านี้จะเป็นการประลองถึงตาย พวกเจ้าก็ยังเป็นพี่น้องกัน ก่อนอื่น ข้าอยากจะเน้นย้ำว่าถ้ามีฝ่ายใดขอยอมแพ้ก็ขอให้หยุดเพียงเท่านั้น มันดีที่สุดแล้วที่เรื่องปาดหมางทั้งหมดจะจบลงเท่านี้ เซี่ยวเจี้ยนเจ้าตกลงไหม?”
เซี่ยวเจี้ยนพยักหน้า แต่ก็ยิ้มชั่วร้ายในใจ ฆ่าเซี่ยวเฉินมีแต่จะทำให้มือเขาสกปรก เขาควรหยุดก่อนที่มันจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเขาก็นึกสารพัดวิธีจะมาทุบเซี่ยวเฉินให้พิการจนบ่มเพราะพลังไม่ได้”
ทั้งสองยืนประจำที่อยู่บนเวทีและคารวะซึ่งกันและกัน เมื่อการประลองนี้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการบรรยากาศโถงฝึกก็เริ่มหนักอึ้ง
เซี่ยวเจี้ยนยืนอยู่บนเวที ค่อยๆปล่อยรังสีฆ่าฟัน เขาไม่คิดจะยืดเยื้อการประลองนี้และคิดจะจัดการเซี่ยวเฉินในกระบวณท่าเดียว กับเจ้าขยะระดับขอบเขตปรับแต่งวิญญาณขั้น 9 ถ้าหากเขาจัดการมันไม่ได้ในกระบวณท่าเดียว เขาคงจะเสียหน้าไม่น้อย
เซี่ยวเฉินยืนอยู่ที่มุม ตั้งท่าขึ้นและหมุนเวียนพลังอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ภายในร่างของเขา หลังจากประมือกับผู้เฒ่าหนึ่งจากตระกูลจาง เซี่ยวเฉินก็ไม่รู้สึกกลัวต่อเซี่ยวเจี้ยนซึ่งเป็นจอมยุทธฝึกหัดขึ้นสูง เขาไม่กังวลเกี่ยวกับการประลองนี้ และนั้นไม่มีทางที่ทักษะต่อสู้ระดับเหลืองขั้นกลางของเซี่ยวเจี้ยนจะมาต่อกรกับทักษะต่อสู้ระดับเหลืองขั้นสูงของเขา ถึงแม้เขาจะมีเวลาฝึกฝนเพียง 6 วัน
เซี่ยวเจี้ยนไม่ออมมือและเร่งพลังจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงของเขาออกมาสูงสุด เขารอคอยให้เซี่ยวเฉินเผยช่องโหว่ก่อนที่จะลงมือ แผ่รังสีฆ่าฟันของเขาเพื่อกดดันเซี่ยวเฉิน
หลังจากหมุนเวียนพลังอัสนีม่วงศีกดิ์สทธิ์ เซี่ยวเฉินก็รู้สึกไวต่อการไหลเวียนของพลังฉี อย่างไรก็ตามสำหรับเซี่ยวเฉิน รังสีฆ่าฟันของเซี่ยวเจี้ยนช่างแผ่วเบา เขาแค่ยิ้มกลับไปหาเซี่ยวเจี้ยนไม่มีความกลัวติดอยู่บนใบหน้า
เมื่อมังกรฟ้าที่เวียนว่ายอยู่ในจุดตันเถียนของเซี่ยวเฉินสัมผัสได้ถึงรังสีฆ่าฟัน มันก็รู้สึกเหมือนโดนหยาม มันคำรามกึงก้องภายในร่างของเซี่ยวเฉิน ก่อให้เกิดคลื่นพลังออกมาจากเซี่ยวเฉินอย่างฉับพลัน
“บึ้ม!”
ทันใดนั้น รังสีฆ่าฟันของเซี่ยวเจี้ยนก็ถูกตีกลับ อำนาจของอสูรวิญญาณยุทธศักดิ์สิทธิ์มังกรฟ้าโบราณ ไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธฝึกหัดจะไปจะต่อกรได้ เซี่ยวเจี้ยนผวาสุดขีด เซี่ยวเฉินผลักคลื่นพลังของเขากลับมาได้ เป็นไปได้ว่ามันบรรลุระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธไปแล้ว?
นั้นมันเป็นไปไม่ได้! เซี่ยวเจี้ยนหน้าเปลี่ยนสี เซี่ยวเฉินมันเป็นขยะขอบเขตปรับแต่งวิญญาณขั้น 9 จู่ๆมันจะบรรลุระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงขึ้นไปเป็นระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธได้อย่างไร? เขาต้องลงมือแล้ว เซี่ยวเจี้ยนรู้ว่าสภาพจิตใจเขาถูกสั่นคลอน เขาต้องเริ่มลงมือและรอต่อไปไม่ได้แล้ว
“รับกระบวณท่า ฝ่ามือพิฆาต!”