ตอนที่แล้วตอนที่ 141 ชักกระบี่ด้วยความโกรธ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 143 เต้นอย่างเชื่อฟัง

ตอนที่ 142 บ้านนอก


"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า คนอย่างพวกเจ้าก็รู้ตัวนี่ว่าต้องทำตัวเช่นไร!" ถันเหว่ยฉีหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา "เช่นนั้น คุกเข่าและกล่าวขอโทษซะ!"

 

"พวกข้าสามารถพูดกล่าวขอโทษได้ แต่จะไม่ยอมคุกเข่า!" หลี่เฮ่ากล่าวพร้อมกับกัดฟันแน่น นี่คือความมุ่งมั่นของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะจูเสวี่ยอี้ เขาคงจะต่อสู้จนตัวตาย

 

สีหน้าของถันเหว่ยฉีกลายเป็นมืดครึ้ม เขาเปิดปากพูดไปแล้ว แต่เจ้าเหลือขอนี่ยังกล้าที่จะต่อต้านเขา?

 

ในความเป็นจริง เขาไม่กล้าที่จะฆ่าใคร ไม่มีใครกล้าที่จะสังหารผู้อื่นในเมืองจักรพรรดิและการต่อสู้กันถือว่าเป็นเรื่องยอมรับได้ ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงโดยฝีมือของฝ่ายตรงข้ามของเขา แต่ด้วยอำนาจของตระกูลถันที่อยู่เบื้องหลังเขา มันจะทำให้เรื่องต่างๆขึ้น ดังนั้นถ้าเขากลั่นแกล้งและข่มขู่เจ้าเด็กบ้านนอกนี่แล้วมันจะทำไม?

 

"สิ่งที่เจ้าทำมีแต่จะทำให้เจ้าต้องทุกข์ทรมาน!" ถันเหว่ยฉีกล่าวและออร่าของจอมยุทธระดับหลอมธาตุขั้น 9 ได้แผ่ออกมาและกดทับหลี่เฮ่า

 

หลี่เฮ่าก้มหน้ากัดฟันและดึงดันที่จะเผชิญหน้ากับแรงกดดันจนเส้นโลหิตบนหน้าผากของเขาบวมปูดออกมา แรงกดดันนี่มันหนักหน่วงเกินไป

"ฮ่าฮ่าฮ่า มันไม่เป็นไรถ้าเจ้าคุกเข่า...และหากเจ้าบอกให้คนรักของเจ้าถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดและให้เต้นรำกับพวกข้า พวกข้าจะยกโทษความผิดที่เจ้าก่อที่นี่และจะปล่อยเจ้าไป" ขงเหวินฮุยกล่าวและยิ้มอยู่ในใจ

 

จูเสวี่ยอี้เนื้อตัวสั่นเทา นางอยากช่วยหลี่เฮ่า แต่ถ้านางถอดเสื้อผ้าในที่สาธารณะ แล้วในอนาคตนางจะมองหน้าหลี่เฮ่าติดได้อย่างไร?

 

"โอ้ พวกเจ้าอยากจะดูการเต้นเปลือยกายมากขนาดนั้นเลยสินะ?" หลิงฮันกล่าวขึ้นมา สีหน้าของเขาปกคลุมไปด้วยความหนาวเย็น ในตอนนี้เขารู้สึกโกรธมาก

 

เมื่อเขาสนิทสนมกับใครเขาจะไม่สนใจว่าบุคคลดังกล่าวแข็งแรงหรืออ่อนแอหรือมีภูมิหลังยังไง เพราะพวกเขาไม่มีทางแข็งแกร่งไปกว่าเขาได้ หลี่เฮ่าและจูเสวี่ยอี้เคยต่อสู้อยู่เคียงข้างเขา ดังนั้นพวกเขาจึงถูกนับว่าเป็นสหายของเขา

 

คนอย่างเขา...เขาจะปกป้องคนของตัวเอง!

 

เหตุผลเดียวที่เขาไม่ได้เข้ามาแทรกแซงก่อนหน้านี้ นั่นเป็นเพราะเขาต้องการดูว่าพวกมันทั้งสองคนต้องการเผชิญหน้ากับความตายระดับไหน

 

"ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าสนใจแค่ผู้หญิงเต้นเปลือยกายเท่านั้น ข้าไม่สนผู้ชายเต้นเปลือยกาย แม้ว่าเจ้าอยากเต้นเปลือยกาย ข้าก็จะไม่ดูเด็ดขาด!" ขงเหวินฮุยจ้องมองไปที่จูเสวี่ยอี้ แม้ว่าที่นี่จะมีหญิงสาวที่งดงามอยู่ระดับนี้อยู่มากในเมืองจักรพรรดิ แต่น้อยคนนักที่จะอยู่ระดับหลอมธาตุ และผู้หญิงที่อยู่ระดับหลอมธาตุในเมืองจักรพรรดิไม่ใช่ตัวตนที่เขาจะเข้าไปจุ้นจ้านด้วยได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดความรุ่มร้อนภายในหัวใจของเขาและความปรารถนาอันแรงกล้าเพื่อที่จะพิชิตหญิงสาวผู้นี้ขึ้นภายในใจของเขา

 

"ข้าแค่จะเต้นไปตามถนนแบบนี้ หลังจากเต้นเปลือยกายหนึ่งชั่วโมง ข้าจะคิดบัญชีทีหลัง" หลิงฮันกล่าวอย่างเฉยเมย

"ฮ่า...ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!" ถันเหว่ยฉีและขงเหวินฮุยเหลือบมองหน้ากันและกัน ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา พวกเขาหัวเราะออกมาอย่างเมามันจนน้ำตาเกือบจะไหลออกมา นี่แหละคนบ้านนอกที่เคยทำตัวอวดดีอยู่ในสถานที่เล็กๆและคิดว่าสถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนของเขา

หืม นี่น่ะหรือเมืองจักรพรรดิ ถ้ามังกรมาที่นี่มันคงจะต้องคดตัว ถ้าเสือมาที่นี่มันคงจะต้องนอนหมอบ!

 

"เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้าช่างไร้เดียงสายิ่งนัก!" ถันเหว่ยฉีส่ายหัว

"ข้าคิดว่าเขาเป็นคนที่โง่เขลาเสียมากกว่า" ขงเหวินฮุยพูดจาดูถูก

 

"พี่ใหญ่หลิงลืมมันไปเถอะ ท่านควรหนีไป!" จูเสวี่ยอี้พูดเสียงเบา ผู้คนในเมืองจักรพรรดินั้นแข็งแกร่งเกินไป มีผู้คนที่อยู่ระดับก่อเกิดธาตุหรือแม้แต่ระดับห้วงจิตวิญญาณอยู่ และแน่นอนว่าคนที่มาจากสถานที่เล็กๆอย่างพวกเขาไม่อาจเทียบได้

 

"เจ้ายังคิดว่าจะหนีไปได้อีกรึ?" ขงเหวินฮุยต้องการลบล้างพฤติกรรมที่ขี้ขลาดของเขาก่อนหน้านี้และเขายังมีถันเหว่ยฉีอยู่ข้างเขา เขาจึงกล่าวออกไปอย่างเย็นชาว่า "เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าบอกให้เจ้าเต้นเปลือยกายงั้นรึ? ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าทั้งสามคนถอดเสื้อผ้าและเต้นเปลือยกายซะ!!"

 

"ไปกันเถอะ อย่าไปยุ่งกับพวกมันเลย!" จูเสวี่ยอี้และหลี่เฮ่าดึงแขนของหลิงฮัน พวกเขากังวลว่าหลิงฮันจะจัดการพวกมันทั้งสองคน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขากำลังสร้างปัญหาอยู่ในเมืองจักรพรรดิและไม่รู้ว่าพวกมันทั้งสองคนมีภูมิหลังมาจากไหน?

อย่างไรก็ตาม ที่แห่งนี้ยังคงเป็นพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การดูแลของจักรพรรดิ ไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะลงมือทำร้ายศิษย์ของสำนักหู่หยาง!

 

หลิงฮันยิ้มออกมาและกล่าวว่า "แล้วพวกเราจะไปไหนกัน? ข้าได้สัญญากับใครบางคนว่าจะมาพบที่นี่" และหลิงฮันชี้ไปที่ศาลาบุปผางาม

"ขี้โม้!" ถันเหว่ยฉีพูดขัดจังหวะ "เด็กบ้านนอกอย่างเจ้ารู้หรือไม่ว่าสถานที่แห่งนั้นมันเป็นสถานที่แบบไหนกัน? นี่คือศาลาบุปผางาม! หากเจ้าไม่มีสถานะสูงส่งพอ ไม่ว่าเจ้าจะมีเงินหรือมั่งคั่งมาจากไหน เจ้าก็จะไม่มีทางก้าวเข้าสู่ประตูเหล่านั้นได้!"

 

หลี่เฮ่าและจูเสวี่ยอี้พยักหน้าอยู่ในใจ พวกเขาทั้งสองคนเคยได้ยินเรื่องของศาลาบุปผางาม มันถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองจักรพรรดิเลยทีเดียว และจะให้บริการเฉพาะกลุ่มคนที่มีสถานะทางสังคมสูงส่งเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นคนสามัญที่มั่งคั่ง พวกเขาก็ไม่อาจเข้าไปข้างในได้

 

 

"ใช่แล้ว! แม้แต่ข้ายังไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปข้างใน!" ขงเหวินฮุยอุทานออกมา แม้ว่าตระกูลขงนั้นจะมีฐานะที่มั่งคั่งเป็นอย่างมาก แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลของพวกเขาอยู่แค่ระดับรวมธาตุเท่านั้น ถ้าเขาต้องการที่จะเข้าไปในศาลาบุปผางาม เขาจะต้องได้รับการสนับสนุนจากจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณเป็นอย่างน้อย

"เจ้าบ้านนอก เจ้าอย่าได้ทำตัวว่ายากอีกเลย! รีบถอดเสื้อผ้าออกเจ้าออกและเต้นซะ แล้วเจ้าค่อยกลับบ้านไปดูแลฟาร์มของเจ้าไป!" เขาหัวเราะออกมาเสียงดัง

 

ดวงตาของหลิงฮันเริ่มหนาวเย็น ตอนนี้เขาโกรธจริงๆแล้ว

 

"หืม เหตุใดนายน้อยฮันถึงยืนอยู่ข้างนอกกันเล่า?" ในขณะนั้นเสียงผู้หญิงอันไพเราะได้ดังออกมาจากศาลาบุปผางาม และหญิงสาวที่มีเส้นผมสีแดงอันงดงามได้เดินออกมา รูปร่างของนางมีสัดส่วนที่ดูดีมาก ทั้งยังมีเสน่ห์ที่จะสะกดจิตชายทุกคนด้วยความงามของนาง

นางเป็นสาวงามที่อยู่กับองค์ชายสามอยู่ตลอดเวลา ชื่อของนางคือ จื่อเหยียน

 

"หืม!" เมื่อดวงตาของขงเหวินฮุยจ้องมองไปที่นาง มันทำให้เขาเบิกตากว้างมากขึ้น เขาจะรู้ได้อย่างไรว่านางคือหญิงสาวที่อยู่เคียงข้างองค์ชายสาม? เขาคิดว่านางเป็นหนึ่งในสาวใช้ของศาลาบุปผางามเท่านั้นจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เขาจะพูดจาโง่เขลาออกไป "หญิงสาวที่งดงามอย่างเจ้าค่าต้องจ่ายเท่าไหร่สำหรับหนึ่งคืน? ฮ่าฮ่าฮ่า บอกข้ามาได้เลย ราคามิใช่ปัญหา!"

 

ดวงตาของนางหดแคบลงทันทีและปรากฏจิตสังหารออกมาจากนาง

 

"เพี๊ยะ!"

 

ฝ่ามือของถันเหว่ยฉีตบไปที่ขงเหวินฮุยอย่างรุนแรงขณะที่เขาพูดด่าทอออกมาว่า "ไอสารเลว หากเจ้าอยากตาย อย่าได้ลากข้าไปกับเจ้าด้วย!" จากนั้นเขารีบโค้งคำนับหญิงสาวผู้งดงามที่มีผมสีแดงทันทีและกล่าว "คารวะ คุณหนูจื่อเหยียน!"

 

ขงเหวินฮุยไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงถูกตบ แต่เขาไม่ใช่คนโง่ เมื่อเขาเห็นหยาดเหงื่อที่ปกคลุมบนหน้าผากของถันเหว่ยฉี มันทำให้เขาคาดเดาได้ว่าคุณหญิงจื่อเหยียนผู้นี้มีภูมิหลังที่สูงส่งกว่าตระกูลถันของถันเหว่ยฉี

 

จื่อเหยียนไม่ได้ให้ความสนใจพวกมันและหันหน้าไปหาหลิงฮันแทนพร้อมกับถามออกไปด้วยรอยยิ้มอันอ่อนหวานว่า "นายน้อยหลิง ท่านมีความขัดแย้งกับพวกมันสองคนนี้หรือ?"

 

ในตอนแรกถันเหว่ยฉีตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แต่ทว่าตอนนี้หัวใจของเขากำลังกระหน่ำเต้นเร็วขึ้น ในตอนที่จื่อเหยียนเรียก "นายน้อยหลิงฮัน" ตอนแรกเขาไม่คิดว่านางกำลังพูดถึงหลิงฮันอยู่เพราะเขาไม่รู้จักชื่อของหลิงฮัน ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่คิดว่าเจ้าบ้านนอกนี่จะเป็นที่โปรดปรานขององค์ชายสาม ถึงขั้นเรียกเขาว่านายน้อยฮัน

 

และในตอนนี้... คุณหญิงจื่อเหยียนกำลังเผชิญหน้ากับหลิงฮันโดยตรงและพูดคุยกับเขา

มันจบแล้ว! ชีวิตของเขามันจบแล้ว!

 

แม้แต่คุณหญิงจื่อเหยียนยังให้ความเคารพเขา...นี่จึงเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าเจ้าเด็กนี่จะต้องมีภูมิหลังที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ

 

ถันเหว่ยฉีรู้สึกว่าร่างกายของเขาพร้อมที่จะล้มตัวลงได้ทุกเมื่อและไม่สามารถควบคุมให้ขาของเขาหยุดสั่นได้ เขาแทบจะไม่มีแรงเหลือที่จะยืน ในทางตรงกันข้าม ขงเหวินฮุยกลับไม่รู้สึกหวาดกลัวเพราะเขาไม่รู้ว่าจื่อเหยียนคือใคร ดั่งคำพูด ผู้ไม่รู้ย่อมมีความสุข

 

หลี่เฮ่าและจูเสวี่ยอี้พวกเขาทั้งคู่รู้สึกตกใจมาก พวกเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนี้คือใคร แต่ในช่วงเวลาที่นางปรากฏตัวออกมา นางสามารถทำให้ถันเหว่ยฉีต้องก้มหัวลงได้ ดังนั้นนางจะต้องมีภูมิหลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้น นางยังคงเรียกหลิงฮันว่า "นายน้อยฮัน!"

 

หลิงฮันอยู่ในเมืองจักรพรรดิได้ไม่กี่วันเท่านั้น แต่เขากลับก้าวมาถึงจุดสูงสุดของสถานะทางสังคมแล้ว?

 

หลิงฮันยิ้มออกมาจางๆและกล่าวว่า "พวกมันทั้งสองคนทำให้สหายของข้าได้รับความอัปยศ"

 

ใบหน้าที่งดงามของจื่อเหยียนกลายเป็นหนาวเย็นทันที และกวาดสายตาชำเลืองมองไปที่ถันเหว่ยฉีและขงเหวินฮุย และออร่าของระดับก่อเกิดธาตุก็แผ่ออกมา ทำให้หัวใจของพวกมันทั้งสองกระหน่ำเต้นอย่างบ้าคลั่งแทบจะทะลุออกมาจากอกของพวกมัน

 

*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด