คุณหมอย้อนเวลา - ตอนที่ 2 : ไม่ใช่เพราะอาหารไม่ย่อย (1)
ตอนที่ 2 – ไม่ใช่เพราะอาหารไม่ย่อย (1)
‘นี่มัน..?’ จองกุกพยายามกลืนคำสบถกลับเข้าไปในลำคอ..
ด้านหน้าของจองกุกมีผู้ชายไว้หนวด.. โดลซกกำลังจ้องมองเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ท่านครับ.. ท่านแม่ของท่านรู้เรื่องนี้หรือเปล่า.. ข้าน้อยต้องถูกเอ็ดแน่เลย”
“นี่คุณพูดกับผมอยู่เหรอ? แล้วคุณเป็นใคร? และตอนนี้ผมอยู่ที่ใหน?”
“นายท่านขอรับ.. นี่นายท่านล้อกระผมเล่นอีกแล้วใช่ไม๊ขอรับ? แล้วนั่นคืออะไรหรือขอรับ?”
จองกุกมองไปยังของที่โดลซกชี้ มันคือกระเป๋าแพทย์ที่เขากำไว้แน่นระหว่างที่หมดสติ แต่ดูเหมือนว่าเสื้อผ้าของเขาตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นอะไรบางอย่างที่ดูแปลก..
“แล้วนี่ชุดอะรไ? ทำไมผมใส่อะไรแบบนี้?”
“ท่านแม่ของท่านเป็นคนเย็บให้ไงขอรับ.. นายท่านถึงได้ยอมใส่”
“แม่เหรอ?”
“ได้โปรดเถิดขอรับนายท่าน.. นี่ไม่ใช่เวลามาเล่นตลก กระผมต้องไปดูโอซกก่อน” แล้วชายหนุ่มคนนั้นก็รีบเร่งออกจากห้องไป
“เฮ้อ..” จองกุกถอนหายใจเมื่ออยู่คนเดียวในห้องเล็กๆ ‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?’ เขาสำรวจดูร่างกายตัวเอง และพบว่าตอนนี้เขาสวมชุดฮันบก (ชุดเกาหลีโบราณ) นั่งอยู่บนเบาะ ในห้องมีโคมไฟเล็กๆและโต๊ะเตี้ยๆอยู่ด้านข้างของเขา ผนังปิดด้วยกระดาษเกาหลีสีขาว แต่วัสดุนั้นแตกต่างจากที่เขาเคยเห็นที่หมู่บ้านเกาหลีโบราณ (Folk Village)
‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’ จองกุกพยายามนึกทบทวนเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะหมดสติ..
‘ใช่.. ผมไปพบท่านผู้อำนวยการ.. แล้วก็ไปพบท่านประธาน..’ เขาจำไม่ได้ว่าเขาทำอะไรหลังจากที่ไปพบคนเหล่านั้น ราวกับว่ามีใครมาลบความทรงจำในช่วงนั้นของเขาออกไปจนหมดสิ้น
‘เกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่?’ เขาอยู่ในอาการแปลกประหลาดใจครู่หนึ่งจนกระทั่งได้ยินเสียงเรียก..
“จองกุกอยู่ใหน?”
“เอาล่ะ..”
“บอกข้ามาว่าเขาอยู่ใหน?”
ดูเหมือนว่าผู้ชายที่เขาไม่รู้จักคนนี้กำลังโกรธมาก และดูท่ากำลังจะมีปัญหากับจองกุก..
ทันใดนั้น.. ก็มีเสียงกระแทกประตูดังปังจนบานประตูแทบจะหลุด แล้วประตูก็เปิดออก
“เห้.. นี่มันบ่ายแล้ว แต่เจ้ากลับยังอยู่ที่นี่รึ ไอ้เด็กขี้เกียจ?”
เจ้าของเสียงคือชายชราที่ไว้หนวดไว้เครารูปลักษณ์ดูดี เมื่อเห็นหน้าเขา จองกุกก็จำเขาได้ทันที แต่.. ชายคนนี้ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่แล้วนี่นา! เขาเป็นคนเผาศพชายคนนี้ด้วยตัวเอง และก็เอาเถ้ากระดูกไปลอยอังคารจนหมดแล้ว..!
จองกุกขยี้ตาตัวเอง.. แต่ชายคนนั้นก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม.. จองกุกจ้องมองเขาครั้งแล้วครั้งเล่า..
“พะ-พ่อ?”
“พ่ออะไรกัน? ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่ตื่นดีสินะ”
“นี่พ่อจริงๆเหรอ? พ่อตายไปหลายปีแล้วนี่.. นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“อะไรนะ? ฮ่า ฮ่า..” ชายชราหัวเราะเสียงดังราวกับคนบ้า หนวดเคราของเขาสั่นพร้อมๆกันร่างกายที่โยกไปโยกมา..
‘นั่นใช่พ่อของผมจริงๆเหรอ?’
เสียงหัวเราะนั่นก็เหมือนกับเสียงของพ่อของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อมองดูภาพที่อยู่ตรงหน้านี้ จองกุกก็เริ่มรู้สึกหลอน..
ชายชราโกรธมาก..
“เจ้าลูกชั่ว..!” ชายชรากร่นด่า เขาพับแขนเสื้อขึ้น และคว้าพู่กันขึ้นมาจากพื้น แล้วกวัดแกว่งไปมาราวกับมือหวดลูกในการแข่งขันเบสบอล เขาดูแข็งแรงแม้ว่าบนใบหน้าจะเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น
โดลซกรีบเข้าไปปลอบปะโลมชายชรา..
“ท่านขอรับ.. ได้โปรดเถิดขอรับ นายน้อยเพิ่งฟื้นไข้เมื่อครู่นี้เอง”
“ปล่อยข้าไว้คนเดียวโดลซก.. ข้าจะจัดการเอง”
“ตอนนี้โอซกป่วยอยู่ และเราจะมีคนป่วยเพิ่มมาอีกไม่ได้นะขอรับ”
“เห้อ.. เจ้าเด็กน้อย.. ข้าควรทำยังไง?”
ชายชราทิ้งพู่กันลงพื้นและพยายามหายใจให้ทัน..
โดลซกเข้าไปช่วยพยุงชายชราที่กำลังลุกขึ้นจากพื้น..
“นายท่านขอรับ.. ข้าน้อยจะดูแลนายน้อยให้เองขอรับ”
“ขอบใจนะที่ช่วยดูแลเจ้าเด็กเลวนั่นให้ เอาล่ะ.. เมื่อไหร่ท่านหมอจะมาถึงล่ะ?”
“คงอีกไม่นานขอรับนายท่าน”
“เอาล่ะ.. ข้ารู้แล้ว”
ชายชราเดินจากไปพร้อมกับส่ายหัว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความทุกข์ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย.. เหตุใดลูกชายคนเดียวของข้าจึงได้เหลวไหลเช่นนี้? นี่ข้าไปทำบาปใหญ่หลวงอะไรกัน? ตะวันขึ้นจนสายโด่แล้ว มันยังไม่ล้างหน้าล้างตาอีก..”
ได้ยิน ‘พ่อ’ ของเขาพร่ำบ่นอยู่คนเดียว จองกุกก็รู้สึกอึดอัด ดูเหมือนว่าพ่อกำลังกร่นด่าเขาอยู่ เขา.. คนที่ไปถึงโรงเรียนคนแรกเสมอ และดำเนินชีวิตที่ดีมาโดยตลอดจนกระทั่งได้เป็นถึงศาสตราจารย์
‘ถ้านี่คือความฝัน.. มันก็คือฝันร้าย’ ขณะที่เขากำลังมองแผ่นหลังของชายชราที่กำลังเดินห่างออกจากห้องไป โดลซกก็เดินเข้ามายืนข้างเขา เขาก้มศรีษะลงและพูดว่า “นายน้อยขอรับ.. ไปกันเถอะขอรับ ท่านพ่อของท่านคงต้องตายเพราะความทุกข์ระทม”
“แล้วท่านต้องการให้ผมไปที่ใหนไม่ทราบ?”
“นายท่านขอรับ.. กรุณาอย่างเรียกข้าน้อยว่า ‘ท่าน’ ตอนนี้ข้าน้อยตลกอะไรไม่ออกแล้วนะขอรับ”
จองกุกไม่รู้จักโดลซกสักนิด.. แต่เขาทำท่าทางราวกับรู้จักเขาเป็นอย่างดี เขาคิดว่าโดลซกนี่ท่าจะมีพื้นฐานการแสดงมาอย่างดี เขาดูราวกับเป็นนักแสดงจากจุงมูโร (ฮอลีวูดเกาหลี) และถ้าเขาเป็นนักแสดงจริงๆล่ะก็ การแสดงของเขาถือว่าดีมากเท่าที่เขาเคยดูมา
‘แล้วนั่นอะไร? มันคือเหา..’
เหาขึ้นเต็มหัวและไหล่ของโดซกเต็มไปหมด.. แต่ดูเขาไม่ใส่ใจเลย ต่อให้เป็นการแสดงก็เถอะ นักแสดงก็ไม่น่าจะยอมรับและทนอะไรได้ขนาดนี้ อีกอย่าง.. พวกฉากต่างๆที่อยู่ไกลออกไปก็ดูแปลกประหลาดเช่นกัน บนท้องฟ้ามีควันลอยขึ้นมาจากปล่องไฟที่ใช้ทำอาหารเต็มไปหมด
‘ดูไม่เหมือนความฝันเลย’ จองกุกคิดใคร่ครวญ แต่ก็ยังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ขณะที่เขากำลังหมกมุ่นอยู่กับความประหลาดใจและเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆอยู่นั้น โดลซกก็ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว..
‘ผมคิดว่าผมน่าจะต้องตามเขาไปแล้วล่ะ.. ลองตามเขาไปดูเผื่อจะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่’ ดูเหมือนไม่น่าจะมีอันตรายอะไรนี่นา
‘โอเค.. ผมจะตามคุณไป’
“ขอรับนายท่าน..” โดลซกเดินส่ายอาดๆออกไปด้วยท่าทางเร่งรีบ เขาก้าวเท้าเร็วขึ้น เร็วขึ้น และหลังจากข้ามทุ่งหญ้ากว้างใหญ่มา ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงบ้านหลังเล็กๆที่หลังคามุงด้วยจาก
มีผู้คนรวมตัวอยู่ที่นั่น รวมถึงชายชราที่ตะโกนด่าเขาเมื่อครู่ก็กำลังเดินเอ้อระเหยอยู่ด้านนอก
คนรับใช้ป่วยงั้นเหรอ แต่ทำไมชายชราถึงดูเป็นกังวลขนาดนั้นล่ะ
“ท่านหมอยังมาไม่ถึงอีกรึ?”
“ยังเลยขอรับนายท่าน”
“ตายแน่ๆ! ทำไมอาหารไม่ย่อยจึงได้รุนแรงถึงเพียงนี้ได้? ชายชราพึมพำอย่างหมดความอดทน”
มีเสียงกรนดังออกมาจากข้างในห้อง จองกุกจึงมองเข้าไปด้านในด้วยความอยากรู้อยากเห็น..
เด็กชายที่ดูท่าอายุจะไม่ถึงสิบห้าปี กำลังนอนเหงื่อท่วมตัวอยู่ด้านใน โดลซกเข้าไปข้างในอย่างรีบร้อน และเรียกเขาอย่างกังวล “โอซก.. เจ้าเป็นยังไงบ้าง?”
“พะ.. พี่.. ชาย..”
จองกุกเห็นแล้วรู้สึกว่าเด็กชายกำลังป่วยหนัก และใครกันที่เป็นหมอ จากการสังเกตุริมฝีปากที่แห้ง ดูเหมือนเขากำลังทรมานกับภาวะร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรงและมีไข้สูง
“ข้าเป็นหมอ..!” เสียงใครบางคนประกาศตัวว่าเป็นหมอเมื่อมาถึง และโค้งคำนับให้ชายชราอย่างสุภาพ “ท่านสบายดีหรือไม่?”
“ข้าก็เหมือนเดิมล่ะ.. แล้วพ่อของเจ้าล่ะ?” ชายชราตอบ..
“ท่านพ่อสบายดี.. ขอบคุณที่กรุณาถามถึงท่าน” ท่านหมอกล่าว
“คนรับใช้ของข้าป่วยหนัก.. ท่านตรวจดูหน่อยเถิด”
“ข้าได้ยินมาบ้างแล้ว ข้าขอตรวจดูอาการของเขาหน่อย..”
เมื่อพูดจบ.. ท่านหมอก็เดินเข้าไปในห้อง จากนั้นก็พับแขนเสื้อของโอซกขึ้นเพื่อทำการการตรวจ
“ขอข้าตรวจชีพจรดูก่อน..” ท่านหมอจับชีพจรของเด็กชายครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า..
จองกุกมองวิธีการตรวจของเขาอย่างสนอกสนใจ
“อาการป่วยของเขาเกิดจากเลือดไหลเวียนไม่สะดวก ข้าจะเจาะนิ้วมือของเขา และจะจ่ายยาฝรั่งให้” ท่านหมอวินิจฉัยเสร็จก็จัดแจงบีบนิ้วมือของโอซกแล้วแทงด้วยเข็ม
เลือดสีดำก็เริ่มหยดออกมาจากนิ้ว..
ตอนนี้.. จองกุกถึงกับตกใจ เขาเพิ่งจะคิดว่า ‘นี่เขาจะเอาเข็มเจาะนิ้วมือจริงๆเหรอ?’ เขาคิดว่ามันเป็นแค่การแสดง.. แต่เมื่อเขาเห็นเลือดสดๆไหลออกมา เขาจึงเริ่มรู้สึกว่านี่อาจไม่ใช่ความฝัน และไม่ใช่เรื่องตลก แต่มันคือความจริง และมันคือเรื่องจริง..
“โอ๊ย..” เสียงร้องเจ็บปวดดังขึ้น.. อย่างน้อยความเจ็บปวดของโอซกก็ดูเหมือนจริงมาก และถ้ามันเป็นเรื่องจริง เขาจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้
“รอเดี๋ยว.. ขอผมดูเขาหน่อย?” จู่ๆจองกุกก็พูดขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ท่ามกลางบรรยากาศที่กำลังตรึงเครียด
ไม่มีใครกล้าปฏิเสธข้อเสนอของเขา และชายชราซังนัมก็ได้แต่มองเขาด้วยความเศร้าใจ
จองกุกเข้าไปในห้องและพูดกับโอซกว่า..
“คุณช่วยงอเข่าไว้แบบนี้จะได้ไม๊?”
“เอ่อ.. ขอรับนายท่าน”
“นั่นล่ะ.. ดีมาก.. เอาล่ะ.. ตอนนี้ผมจะแตะที่ท้องของคุณดูนะ”
“เอ่อ.. ขอรับ..”
หลังจากที่จัดแจงเด็กชายให้อยู่ในท่าพร้อมตรวจแล้ว จองกุกก็ใช้นิ้วมือของเขากดลงที่ท้องของเด็กชาย ทำให้คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันด้วยความเจ็บปวด
‘ท้องของเขาทั้งแข็งและร้อน.. นี่ไม่ใช่การแสดง.. นี่คือเรื่องจริง!’
สีหน้าของโอซกเจ็บปวดยิ่งกว่าเก่า เมื่อจองกุกเอามือออกจากท้องของเด็กชาย ดูเหมือนความเจ็บปวดจะเกิดที่ช่องท้องด้านขวา..
จากนั้นจองกุกก็รีบไปจับชีพจร เพื่อวัดการเต้นของหัวใจ ‘หัวใจเต้น 120 ต่อนาที.. เร็วมาก!’
เมื่อวัดการเต้นของหัวใจได้แบบนั้น.. เขาก็รีบบอกหมอที่กำลังเจาะนิ้วของเด็กชายอยู่ให้หยุดทันที..
“หยุดก่อน..! นี่ไม่ใช่อาหารไม่ย่อย”
“ท่านพูดว่าอะไรนะ?”
“หยุดทำแบบนั้น.. ถ้าคุณไม่ต้องการให้เขาตาย! นายชื่อโดลซกใช่ไม๊? โทร 911 เดี๋ยวนี้เลย!”
“อะไรขอรับ? เก้าอะไรหรือนายท่าน?”
“เอาล่ะ..! ไปหยิบกระเป๋าของผมมา!”