ตอนที่แล้วGE49 ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่น่าเคารพ ฑูตแห่งวิหารพิรุณ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE51 วิชาขัดเกลาผสาน ปัญหาที่นำมา [ฟรี]

GE50 นิกายกุ่ยเชว่รับศิษย์ ป่าภูติพราย [ฟรี]


ลึกเข้าไปภายในเมฆหมอก มีเส้นทางทอดผ่านสองสาย สายหนึ่งนำไปสู่นิกายกุ่ยเชว่

งานรับศิษย์ของนิกายกุ่ยเชว่นั้น ผู้ที่ผ่านเงื่อนไขและบรรลุขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 5 จะได้เป็นศิษย์ฝ่ายนอก ที่เป็นผู้มีหน้าที่สนับสนุนและค้ำจุนนิกาย เมื่อเข้าเป็นศิษย์ฝ่ายนอกแล้ว หากบรรลุขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 8 ได้ ผู้นั้นจะกลายเป็นศิษย์ฝ่ายใน ผู้ช่วยค้ำจุนและเพิ่มพูนชื่อเสียงให้กับนิกาย

เมื่อศิษย์ฝ่ายในทะลวงขอบเขตประสานวิญญาณได้ ศิษย์ผู้นั้นอาจมีโอกาสได้เป็นผู้อาวุโสของนิกาย

นอกจากผู้อาวุโสนิกายแล้ว เหนือยิ่งนั้นขึ้นไป คือ ‘สี่ปีศาจแห่งนิกายกุ่ยเชว่’!

นิกายส่วนใหญ่จะใช้ลำดับยศศักดิ์ภายในนิกายเช่นนี้ เพียงแต่นิกายฝ่ายอธรรมและธรรมะนั้นอาจแตกต่างกันในบางเรื่อง

ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นนิกายฝ่ายธรรมะ ในหนึ่งเดือน หากผู้อาวุโสคนใดไม่สร้างความเดือดร้อนให้นิกาย จะได้แต้มสนับสนุนนิกาย 1 แต้ม

แต่หากเป็นนิกายฝ่ายอธรรม ภายในหนึ่งเดือนหากศิษย์คนใดสามารถเอาชนะศิษย์รุ่นพี่ได้ 3 คน ศิษย์ผู้นั้นจะได้แต้มสนับสนุนนิกาย 1 แต้ม

นั่นหมายความว่านิกายฝ่ายธรรมะยึดถือความประพฤติ ส่วนนิกายฝ่ายอธรรมยึดถือการประลอง

ยามนี้ประตูนิกายยังไม่เปิด ผู้ที่มาเพื่อเข้าร่วมนิกายจึงรวมตัวกันอยู่ด้านนอก ส่วนผู้เชี่ยวชาญที่มาเฝ้าชมการรับศิษย์ พวกมันเข้าไปพักในนิกายแล้ว

เรื่องตำแหน่งในนิกาย หนิงฝานไม่สนใจ ยามนี้สิ่งที่หนิงฝานสนใจในนิกายกุ่ยเชว่ ครึ่งหนึ่งคือปราณหยินลึกล้ำ อีกครึ่งคือหลานเหม่ย

ประตูนิกายยังมิเปิด ผู้อาวุโสนิกายยังมิมา สิ่งที่เกิดขึ้นดูราวกับกำลังทดสอบความอดทนของผู้ที่ต้องการร่วมนิกาย เพราะเส้นทางแห่งเต๋านั้นโด่ดเดี่ยว หากไร้ซึ่งความอดทนก็มิอาจก้าวเดินบนเส้นทางแห่งเซียนได้

ในระหว่างที่รออยู่นานนั้น หนิงฝานนั่งขัดสมาธิ แม้มิมีโอสถช่วยฝึกฝน แต่หนิงฝานยังคงโคจรปราณภายในร่างเพื่อยกระดับจิตวิญญาณในเส้นลมปราณของตน แม้วิธีนี้จะมิช่วยยกระดับพลังได้มากนัก แต่ยังดีกว่านั่งอยู่เฉยๆ

คาดมิถึงว่าการทดสอบรอบแรกของนิกายกุ่ยเชว่คือการทดสอบความอดทน แต่ถึงอย่างนั้น หนิงฝานคิดเพียงมิอยากให้เวลาสูญเปล่า... การทดสอบในครั้งนี้สมควรดำเนินไปอย่างยาวนาน

เดิมทีหนิงฝานให้สัญญากับหลานเหม่ยไว้ว่า คืนนี้จะไปพบนาง แต่จากการทดสอบนี้ ดูเหมือนหนิงฝานคงมิอาจเติมเต็มคำสัญญากับนางได้

คนอื่นๆที่เฝ้ารอรับการทดสอบของนิกายกุ่ยเชว่ต่างนั่งรออย่างอดทนมิต่างจากหนิงฝาน ทั้งหมดโคจรปราณภายในร่างเพื่อยกระดับพลังของตน แม้จะทราบว่าเป็นการทดสอบ แต่ผู้คนย่อมมิอาจหลีกพ้นความร้อนรน

ผ่านไป 3 วัน นอกจากหนิงฝานแล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนจากไป... 3 วันมานี้พวกมันมิได้กินอาหารจึงหิวโหย

ผู้มีหัวใจแห่งเต๋าที่มิหนักแน่นเริ่มทะยอยจากไป ผู้ที่จากไปส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้เยาว์จากตระกูลที่มีชื่อเสียง ที่ผ่านมาเส้นทางแห่งเต๋าของพวกมันโรยด้วยกลีบกุหลาบ ยกระดับพลังอย่างผ่อนคลายและมีความสุข แต่ยามนี้พวกมันกลับคาดไม่ถึงว่าจะต้องเผชิญกับความยากลำบากทั้งต้องใช้ความอุตสาหะ ทำให้พวกมันผิดหวังเป็นอย่างมาก

ผ่านไปอีก 3 วัน ผู้คนจำนวนอีกส่วนเริ่มไร้เรี่ยวแรง พวกมันต่างหาออกไปหาน้ำและอาหารประทังชีวิต

ผ่านไปอีก 3 วัน ผู้ที่ยังคงรั้งอยู่หน้าประตูทางเข้านิกายกุ่ยเชว่นั้น เหลืออยู่ทั้งหมด 200 คน

นอกจากหนิงฝานแล้ว สีหน้าของคนที่เหลืออยู่ล้วนย่ำแย่

เหล่าผู้อาวุโสของนิกายใช้สัมผัสเทพคอยเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างลับๆ และพวกมันล้วนพยักหน้าให้กับผู้ที่เหลืออยู่

“ปีนี้ผู้ที่ผ่านการทดสอบแรกมีทั้งหมด 200 คน หากเทียบในอดีต...ผ่านเพียง 100 คนเท่านั้น... ช่างน่ายินดี นับว่านิกายกุ่ยเชว่เราได้โชคลาภมิน้อย” ชายชราผ้าคลุมเหลืองยิ้มพลางกล่าว

“อืม... จากผู้ที่เหลืออยู่นั้น ดูคล้ายเราจะได้ศิษย์ที่โดดเด่นมิน้อย โดยเฉพาะผู้เยาว์ในชุดคลุมขาวดำนั่น ตลอด 9 วันที่ผ่านมามันคงท่าทีสงบได้มิแปรเปลี่ยน ดูท่าหัวใจแห่งเต๋าของเด็กผู้นี้จะแข็งแกร่งดั่งหินผา มันคู่ควรกับเส้นทางการฝึกตนของฝ่ายอธรรม แม้เส้นทางนี้จะทำให้ยกระดับพลังได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ง่ายที่หัวใจจะกลายเป็นปีศาจ...นั่นคือที่สุดแห่งบททดสอบหัวใจแห่งเต๋า”

ชายชราชุดคลุมดำลูบเคราพลางกล่าวชื่นชมสรรเสริญหนิงฝาน

ผู้อาวุโสที่กล่าวคือผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ แต่ถึงอย่างนั้น พวกมันกลับมิอาจหยั่งระดับพลังของหนิงฝานได้

ภายในนิกาย... ผู้เยาว์ในชุดคลุมดำคนหนึ่งจ้องมองหนิงฝานด้วยสายตาแปลกๆ

“นายน้อยแห่งเมืองฉีเหม่ย หนิงฝาน...มันมาที่นี่จริงๆ”

ผู้เยาว์คนนั้นคือศิษย์ของ ‘ผู้อาวุโสทมิฬ’ สี่ปีศาจแห่งนิกายกุ่ยเชว่ ครั้งหนึ่งมันเคยถูกหนิงฝานข่มขู่ที่ตระกูลโม่

ยามนี้มันยกระดับพลังตนจนได้ตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสของนิกาย แต่ถึงอย่างนั้น มันยังหวาดกลัวหนิงฝาน ภาพในวันนั้นยังสลักอยู่ในใจมิลืม

“ฮ่าฮ่า ผู้อาวุโสเองก็สนใจเด็กคนนั้นรึ? แต่ท่านจะแย่งชิงคนผู้นั้นจากชายชราอย่างพวกข้ามิได้หรอกนะ” ชายชราคนหนึ่งยิ้มกว้าง แต่แววตากลับจ้องหยานซวนหยินเขม็ง ทำมันมิรู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้

‘แย่งชิงคนผู้นั้น’ ย่อมหมายถึงหนิงฝาน หลังจากนิกายรับศิษย์ ผู้ที่เข้าร่วมได้เป็นศิษย์ฝ่ายนอก... ศิษย์ฝ่ายนอกเหล่านั้นจะกลายเป็นผู้รับใช้ของผู้อาวุโสแต่ละคน และยามนี้ เหล่าชายชราเมื่อครู่ล้วนสนใจในตัวหนิงฝาน หากหนิงฝานผ่านการทดสอบและได้กลายเป็นศิษย์ฝ่ายนอก พวกมันจะประชันขันแข่งเพื่อให้ได้ตัวมา

หยานซวนหยินมิคิดจะรับหนิงฝานเป็นผู้รับใช้ เพราะหนิงฝานน่าหวาดกลัวเกินไป กระทั่งผู้อาวุโสบางคนในที่นี้ยังมิอาจเทียบเคียงหนิงฝานได้

“ตาเฒ่าพวกนี้คงเพ้อฝันที่จะได้หนิงฝานเป็นศิษย์ตน... แต่หลังจากผ่านการทดสอบอีกมากมาย พวกมันย่อมตกตะลึงจนตาค้าง...”

เมื่อล่วงเข้าสู่ยามค่ำคืนของการทดสอบวันที่ 9 ผู้ดูแลประตูนิกายในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 8 ก็เปิดประตู

ให้ทนหนาวทนหิวร่วม 9 วัน ผู้คนมากมายล้วนก่นด่า แต่เมื่อพวกมันเห็นผู้ดูแลประตูที่ทรงพลัง พวกมันกลับสงบคำทั้งยังแสดงท่าทางเคารพต่ออีกฝ่าย ส่วนหนิงฝานแสดงท่าทีเรียบเฉย พ่นลมหายใจยาวเพื่อออกจากฝึกฝน

‘คาดไม่ถึงว่าใช้เวลา 9 วันแต่กลับเพิ่มพูนพลังให้กับจิตวิญญาณในเส้นชีพจรได้เพียง 1 ใน 10 หากพึ่งวิธีนี้ในการยกระดับพลัง ต่อให้ใช้เวลาอีก 3 เดือนก็มิอาจเพิ่มพูนพลังจิตวิญญาณได้มากนัก’

ความเร็วระดับนี้มินับว่าช้า แต่สำหรับปีศาจอย่างหนิงฝานที่ยกระดับจิตวิญญาณในเส้นลมปราณของตนถึง 20 เส้นได้ภายในคืนนั้น มันย่อมช้าดั่งเตาคลาน

“หลังจากเข้าร่วมนิกายคงต้องใช้สมุนไพรที่ได้มาปรุงโอสถ แต่หากให้ปรุงโอสถเสริมวิญญาณยังคงมิอาจทำได้ เพราะยังขาดสมุนไพรอีกบางชนิด แต่ยังมีโอสถอีกชนิดที่ปรุงได้ นั่นคือ ‘โอสถผลาญวิญญาณ’ แม้โอสถนี้ให้ผลมิสู้โอสถเสริมวิญญาณ ทั้งยามที่กินเข้าไปยังต้องทนกับความเจ็บปวดรุนแรง...แต่ข้ามิมีทางเลือก”

ผู้คนจำนวนมากเริ่มกรูกันเข้าไปในนิกาย แต่หนิงฝานยังคงจ้องมองผู้คนเหล่านั้นด้วยแววตาไร้อารมณ์

การทดสอบที่ 1 ที่ยากลำบากได้สิ้นสุดแล้ว วันต่อไปจะเป็นคราวของการทดสอบที่ 2... คำคืนนี้จึงเป็นค่ำคืนแห่งการพักผ่อนของผู้ที่เหนื่อยล้าและหิวโหย

กระท่อมหนึ่งหลังเป็นพื้นที่ให้ผู้สมัครเข้าร่วมนิกายจำนวน 10 คนพักผ่อน ยามนี้หนิงฝานยังไม่นอน เขานั่งบนพื้นและโคจรปราณฝึกฝนต่อ ส่วนอีก 9 คนที่เหลือออกไปหาอาหาร

เมื่อผู้คนทั้งหมดจากไป แสงสีครามปรากฏ หนิงฝานใช้สมบัติวิญญาณเร้นกาย

9 วันสำหรับการทดสอบที่ผ่านมา หนิงฝานเหนื่อล้าเพียงเล็กน้อยจึงไม่จำเป็นต้องพัก ดังนั้นเขาจึงอาศัยยามที่ผู้คนมิอยู่ ออกสำรวจหาสถานที่เก็บซ่อนปราณหยินลึกล้ำ

จากชื่อของปราณหยินลึกล้ำแล้ว สถานที่ที่เก็บซ่อนมันสมควรเป็นสถานที่ที่หนาวเหน็บ แต่เมื่อหนิงฝานแผ่สัมผัสเทพออกสำรวจอย่างระมัดระวัง กลับมิพบสถานที่ที่คิด

หลังจากสำรวจส่วนของศิษย์ฝ่ายนอกเป็นอย่างดี หนิงฝานสัมผัสได้เพียงเมฆหมอกที่มิเคยสลาย ความรู้สึกหนาวเหน็บและมืดมนที่เกาะกุมจิตใจ

ในเมื่อมิได้อยู่ในส่วนของศิษย์ฝ่ายนอก หรือมันจะอยู่ส่วนของศิษย์ฝ่ายใน?

หนิงฝานใช้วิชาอำพลางของสมบัติวิญญาณ ตรงไปยังตำแหน่งทางเข้าของศิษย์ฝ่ายใน ระหว่างทางมีผู้คุ้มกันมากมาย แต่คนเหล่านั้นมิอาจสัมผัสพบหนิงฝาน

ด้วยสมบัติวิญญาณระดับนี้ ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำก็สัมผัสพบหนิงฝานได้ยาก หลังจากผ่านผู้คุ้มกันไป หนิงฝานมุ่งหน้าไปจนถึงประตูยักษ์ที่สูงกว่า 100 จ้าง

หากจะเข้าไปภายในต้องผ่านประตู แต่เมื่อหนิงฝานเข้าใกล้ประตู สร้อยหยินหยางที่อยู่ในเถียนกลับสั่นพ้องด้วยความตื่นเต้น

“ที่นี่มีบางสิ่งที่ทำให้สร้อยหยินหยางตื่นเต้น...”

คิ้วหนิงฝานขมวดมุ่น แต่เมื่อผ่านเข้าไปในประตูได้เดียงก้าวเดียว ข่ายพลังสีเขียวกลับเปล่งประกาย เสียงนกกระเรียนกู่ร้อง ทักษะอำพรางกายของหนิงฝานถูกทำลาย!

สีหน้าหนิงฝานแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง คาดมิถึงว่าประตูบานนี้จะมีข่ายพลังที่มิธรรดา แม้หนิงฝานจะมีเต๋าแห่งข่ายพลังที่ไม่ธรรมดา แต่ยังมิอาจมองข่ายพลังนั่นออก

นั่นมิใช่เพราะข่ายพลังเบื้องหน้าเป็นข่ายพลังระดับสูง แต่มันคือข่ายพลังธรรมชาติที่ผสานรวมเป็นหนึ่งกับโลก ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาหากมิผสานเป็หนึ่งเดียวกับโลก หากจะทำลายย่อมมิใช่เรื่องง่าย

อีกอย่าง หนิงฝานมิได้เกลียดชังนิกายกุ่ยเชว่...เหตุใดจะต้องทำลายข่ายพลัง

“เห็นทีข้าคงยังเข้าไปในนั้นมิได้ อีกอย่าง ยังมิรู้ว่าในนั้นจะมีปราณหยินลึกล้ำอยู่จริง... คงต้องขบคิดดูอีกที”

ไม่ไกลนัก ผู้เชี่ยวชาญของนิกายวิ่งตะบึงเข้ามาอย่างรวดเร็ว เพื่อตรวจสอบดูว่าผู้ใดที่คิดจะเข้าไปในส่วนของศิษย์ฝ่ายใน... เมื่อสัมผัสได้ถึงผู้เชี่ยวชาญที่กำลังตรงเข้ามา หนิงฝานเร่งเหยียบย่างรุ้งหิมะจากไปในทันที

...

ค่ำคืนที่เงียบสงัด... หมู่แมลงเปล่งเสียงร้องอื้ออึง ภายในกระท่อมที่พัก หนิงฝานนั่งขัดสมาธิฝึกฝน แต่ผู้เยาว์คนอื่นๆกลับพูดคุยด้วยความตื่นเต้น

“ได้ยินว่ามีคนพยายามจะเข้าไปในส่วนของศิษย์ฝ่ายใน ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณของศิษย์ฝ่ายไล่ตามมัน แต่มิอาจจับตัวมันได้ทัน”

“มิรู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ถึงได้กล้าลักลอบเข้าไปในส่วนของศิษย์นิกายฝ่ายใน... ข้าได้ยินว่าคนผู้นั้นหนีมาทางกระท่อมเรา... หนิงฝาน เจ้าเห็นใครผ่านมาแถวนี้หรือไม่?”

“ข้ามิรู้” หนิงฝานกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ฮึ่ม... ช่างไร้ไมตรี” เมื่อผู้เยาว์ที่ถามเห็นสีหน้ามิสนใจของหนิงฝาน มันขมวดคิ้วและมิสนใจหนิงฝานอีก

“พรุ่งนี้จะมีการทดสอบที่ 2 ข้าได้ยินมาว่าต้องเราต้องเข้าไปใน ‘ป่าภูติพราย’ จากที่ข้าไปสอบถามมา ได้ความว่าเราต้องอาศัยอยู่ในนั้น 1 เดือน”

“อะไรนะ? ป่าภูติพราย? ที่นั่นคือป่าช้าที่นิกายกุ่ยเชว่ใช้ฝังศพของศัตรูมิใช่หรือ? ข้าได้ยินมาว่าภายในนั้นยังหลงเหลือดวงจิต ‘ภูติผี’ คนตายที่ดุร้าย แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 10 ยังยากรักษาชีวิต”

“เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไปสืบมาแล้วว่า ผู้ที่มีระดับพลังสูงสุดในกลุ่มเราคือเปิดเส้นชีพจรที่ 4 ส่วนผู้ที่มีระดับต่ำสุดคือคนธรรมดาทั่วไป ยังไงซะนิกายกุ่ยเชว่ย่อมไม่ปล่อยให้พวกเราเข้าไปในส่วนลึกของป่าภูติพรายแน่”

“เมื่อถึงยามนั้น เราอาจได้รับคำสั่งให้สังหารภูติผี หาสมุนไพร หรือเงื่อนอื่นใดก็มิทราบ...”

ทุกคำที่พูดคุย หนิงฝานได้ยิน

‘ป่าภูติพราย... สถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ของภูตผี ย่อมหนาวเหน็บและมืดมน บางทีปราณหยินลึกล้ำอาจอยู่ในนั้น... ช่างเถอะ มิว่าอย่างไรข้าต้องสำรวจให้ทั่ว’...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด