The Dark King – Chapter 41 ทางเดิน [อ่านฟรี]
The Dark King – Chapter 41 ทางเดิน
เช้าวันรุ่งขึ้นทุกๆคนตื่นขึ้นมาเตรียมพร้อมบริเวณนอกปราสาท
มีม้าหลายสิบตัวอยู่ถูกเตรียมเอาไว้ พวกมันเป็นสายพันธุ์ ม้าดำ ที่มีความต้านทานต่อโรคและรังสี
“เตรียมตัวให้พร้อม” ปีเตอร์กล่าวขณะอยู่บนหลังม้า จึงทำให้เขาดูเหมือนกับอัศวินที่สง่างาม
ฟู่เทียนเลือกม้าที่มีสีดำและกระโดดขึ้นไปนั่ง ถ้าเป็นก่อนหน้าที่เขาจะได้รับ ‘พรแห่งพระเจ้า’ เขาคงต้องใช้บันไดเพื่อปีนขึ้นไป
“ออกเดินทางได้” ปีเตอร์ตะโกนเมื่อเห็นทุกคนพร้อมอยู่บนหลังม้า ขาของเขายึดกับท้องของม้า และเคลื่อนตัวออกไปเป็นคนแรก
ฟู่เทียนดึงบังเหียนบังคับม้าของตนออกตามไป
แม้ว่าม้ามีรูปร่างใหญ่โตและรูปลักษณ์ที่น่ากลัว แต่พวกมันเป็นสัตว์ที่เชื่องมากโดยธรรมชาติจึงทำให้ง่ายที่จะควบคุมมัน
ถนนปกคลุมไปด้วยหมอก เสียงเกือกม้ากระทบพื้นดังกึกก้อง ภายใต้การนำของปีเตอร์ ฟู่เทียนและคนอื่นๆเร่งความเร็วไปทางขอบด้านนอกของย่านการค้า ขณะที่เดินไปข้างหน้าพวกเขาเห็นเงาที่คลุมเครือของกำแพงยักษ์ที่อยู่ห่างไกลออกไป
โครงร่างของกำแพงชัดเจนขึ้นเมื่อใกล้เข้าไป กำแพงยักษ์ดูเหมือนกับปีศาจที่น่าขนลุกที่คืบคลานอยู่หลังม่านหมอกทำให้ทุกคนรู้สึกเสียวสันหลัง
บริเวณนอกย่านการค้า มีลักษณะเช่นเดียวกับย่านที่อยู่อาศัยเป็นพื้นที่รกร้างที่ไม่มีการพัฒนา มันไม่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกหรือตั้งถิ่นฐานเป็นที่อยู่อาศัย
ขณะที่พวกเขาเดินผ่านเขตรกร้าง ม้าสีดำก็มีอาการกระสับกระส่าย ราวกับว่าพวกมันรู้สึกตื่นเต้นเนื่อกจากมีสิ่งที่พวกมันไม่รู้จักทำให้พวกมันวิ่งกันเร็วมากขึ้น หลังจากเดินทางผ่านไป 10 นาที กำแพงก็ค่อยๆเผยต่อหน้าทุกๆคน ภาพที่พวกเขาเห็นได้ถูกตราตรึงลงไปในใจของพวกเขา
เป็นกำแพงที่สูงใหญ่มากแทบจะมองไม่เห็นยอดบนสุดของมัน ยิ่งเข้าใกล้มันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากที่จะประเมิณความสูงของมัน ทำให้รู้สึกว่ามันถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าไม่ใช่มนุษย์ ฟู่เทียนไม่สามารถแยกแยะการก่อสร้างของบล็อกได้ เหมือนกับว่าเป็นหินธรรมชาติที่มีความสมบูรณ์แบบถูกนำมาวางไว้เพื่อแบ่งโลกออกเป็นสองส่วน
นี่หรือ… กำแพงยักษ์
รวมทั้งฟู่เทียน ทุกคนต่างตกใจเมื่อมาถึงกำแพงยักษ์ ทุกๆคนรู้สึกเหมือนเป็นฝูงมดเมื่อเปรียบเทียบกับขนาดของกำแพงยักษ์
“พระเจ้าช่วย … มันสูงมาก!” เมสันมองขึ้นไปคอของเขาทำมุมเกือบ 90 องศา แต่ยังไม่เห็นด้านบนสุดของกำแพงเลย
แซคจ้องไปที่กำแพง “บรรพบุรุษของพวกเราเป็นคนสร้างกำแพงยักษ์นี้ขึ้น?”
ทุกคนต่างหลงไหลในโครงสร้างที่ยอดเยี่ยมของกำแพง
ฟู่เทียนรู้ดีว่านี่เป็นโครงการใหญ่ที่ใช้ทุนมหาศาลในการสร้างกำแพงยักษ์เช่นนี้ แม้แต่สมัยก่อนมันเป็นเรื่องยากมากที่จะสร้างมันขึ้นมา จำเป็นต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก การระบาดของภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างกระทันหันดังนั้นจึงไม่มีเวลาพอที่จะวางแผนและใช้สถานที่นี้เป็นที่พักอาศัย
เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าผู้คนที่รอดชีวิตจากระเบิดนิวเคลียร์ได้สร้างความมหัศจรรย์ด้านสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่งนี้ได้อย่างไร
“นี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราซิลเวียนยักษ์! บรรพบุรุษและพระเจ้าช่วยกันสร้างมันขึ้นมา” ดวงตาของปีเตอร์เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เขาหันกลับไปหาทุกคนพร้อมกับยิ้ม “มากับฉันพวกเด็กๆ อีกประมาณ 100 เมตรจะถึงปลายทางของพวกเรา”
ทุกคนต้องลงจากหลังม้าและผูกมันเอาไว้
ประตูเหล็กขนาดใหญ่ถูกเปิดโดยปีเตอร์พร้อมส่งเสียงดังเอี๊ยดสะท้อนกึกก้อง แรงของปีเตอร์อยู่ในระดับที่ไม่สามารถประเมิณได้ มีบันไดที่ทอดลงใต้ดินอยู่ที่ใต้ประตู
“เข้ามา” ปีเตอร์กล่าว
ลงไปทีละคน หน่วยค้นหาที่มาใหม่ทยอยเข้าไปในอุโองค์ใต้ประตูเหล็ก
ปีเตอร์เป็นคนสุดท้ายที่เข้าไปดังนั้นเขาจึงต้องเป็นคนปิดประตูเหล็ก ทุกคนรู้สึกวังเวงและตื่นตระหนกเพราะความมืดรอบๆตัวพวกเขา
“พวกเราไม่ได้ไปนอกกำแพงยักษ์?” เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังถามขึ้นมา
ปีเตอร์ยิ้มและพูดว่า “อะไรที่ทำให้เธอกลัว? ดูเหมือนว่าโทบุไม่ได้ฝึกความกล้าหาญให้พวกเธอในช่วงสามปีที่ผ่านมา”
“ที่พวกเราไม่ได้ไปทางด้านบน เพราะมันไม่มีทางเดินด้านบนใช่มั้ยครับ?” ฟู่เทียนพูด
“ไม่ใช่” ปีเตอร์ตอบ “เร่งความเร็วกันหน่อยทุกคนกำลังรออยู่”
ฟู่เทียนประหลาดใจ “มีคนอื่นอีกหรอครับ?”
“แน่นอน แม้ว่าพวกเธอจะจบการศึกษาจากหน่วยค้นหา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอจะได้ออกไปนอกกำแพงยักษ์ สำนักงานใหญ่ได้จัดทีมที่มีประสบการณ์ เพื่อช่วยเหลือพวกเธอในการเดินทางครั้งแรก พวกเขาเป็นหน่วยค้นหาที่ถูกฝึกสอนโดยครอบครัว รากฐานของพวกเขาไม่ดีเท่าพวกเธอแต่พวกเขามีประสบการณ์อันยาวนานจากการเดินทางไปมานอกกำแพงยักษ์
เปิดตาของพวกเธอให้กว้างและเรียนรู้จากพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” ปีเตอร์กล่าว
พวกเขาลงบันไดไปทีละขั้นประมาณ 100 เมตร ในที่สุดพวกเขาก็ถึงจุดหมาย ด้านหน้าของทุกคนมีทางเดินใต้ดินที่กว้างใหญ่ ทั้งสองด้านของทางเดินมีแสงไฟจากตะเกียงน้ำมัน มีแสงบางส่วนที่มาจากผนัง
นี่คือ 'เทพธิดาแห่งการเก็บเกี่ยว' ปีเตอร์ชี้ไปที่กำแพง รูปแกะสลักหญิงถูกแกะสลักไว้บนผนัง และกล่าวว่า ฉันหวังว่าคุณจะเก็บเกี่ยวได้มากมายในครั้งนี้
ทุกคนได้เห็นรูปปั้นของเทพธิดาต่างๆที่ออกแบบโดยโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาพวกเขาตามปีเตอร์ไปหยุดอยู่หน้าเทพธิดาแห่งการเก็บเกี่ยว พวกเขาจับมือกันเพื่อสวดภาวนา
“นี่คือเทพธิดาแห่งการล่า” ปีเตอร์ชี้ไปที่รูปปั้นหญิงสาวที่ดูกล้าหาญและพูดว่า “ทุกครั้งที่นักล่าเดินทางพวกเขาจะบูชาเทพธิดาแห่งการล่าเพื่อให้พรแก่พวกเขาในการออกล่าอย่างราบรื่น” จากนั้นเขาก็นำไปข้างหน้า
ฟู่เทียนที่อธิษฐานเสร็จแล้วก็เดินตามหลังเขาไป
ทางเดินที่กว้างขวางนี้มีระยะทางที่ยาวมากประมาณสองถึงสามร้อยเมตร ปลายทางของทางเดินมีบันไดทอดขึ้นไปด้านบน
เมื่อถึงขั้นสุดท้ายของบันได ปีเตอร์เปิดประตูเหล็กขนาดใหญ่และพวกเขาก็มองเห็นช่องที่มีแสงสว่างส่องออกมา
ฟู่เทียนตามปีเตอร์ออกไป มีผู้คนประมาณ 20 คนนั่งและยืนอยู่รอบๆในระยะ 10 เมตร
“ในที่สุดก็มาถึงนะปีเตอร์” นายมาช้าไปหรือเปล่า? เสียงหัวเราะเบาๆสะท้อนกังวาล ชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งในเครื่องแบบสีดำสวมดาบสองคมและหน้ากากสีดำเดินตรงมายังกลุ่มของฟู่เทียน
ปีเตอร์หัวเราะ “นายจะร้อนใจไปทำไมกัน? นี่ยังเช้าอยู่เลย!”
ดวงตาของชายหนุ่มกวาดไปรอบๆเพื่อดูกลุ่มและพูดว่า “ฉันได้ยินว่าในชุดใหม่นี้มีเมล็ดพันธุ์ชั้นดี ฉันหวังว่าเขาคนนั้นจะกลายมาเป็นนักล่า?”
ปีเตอร์ยกมือขึ้นและตบที่ไหล่ของฟู่เทียนพร้อมกับยิ้ม “นี่คือเขาคนนั้นที่นายพูดถึง นายต้องดูแลเขาดีๆนะ”
ชายหนุ่มมองไปที่ฟู่เทียนและหัวเราะ “ไม่มีปัญหา” พวกเรามีเวลาไม่มาก เราต้องไปกันแล้ว เมื่อพวกเรากลับมาฉันจะพานายไปดื่ม
“เป็นฉันที่ต้องจ่ายตลอด” ปีเตอร์ยิ้มและมองไปยังฟู่เทียนและคนอื่นๆ ฉันหวังว่าพวกนายจะปลอดภัย จำไว้ว่าอย่าทำอะไรโดยที่ไม่ได้รับอนุญาติ อย่าออกจากกลุ่มไปทำอะไรคนเดียว ฉันหวังว่าทุกคนจะปลอดภัย! จากนั้นทางเดินก็ทอดยาวไปทางซ้าย
ฟู่เทียนมองกลับไปและเห็นกำแพงขนาดมหึมาที่สูงตระหง่าน อยู่ด้านหลังของเขา
เขาไม่คิดว่าทางเดินจะเป็นทางเดินใต้ดิน