DND.107 - อาณาจักรเทพน้ำแข็งโบราณ
“เจ้าอ่านตำราระดับเทพกี่เล่มก็ได้ แต่วิชาระดับสมบัตินั้นได้แค่ครั้งละเล่ม หากฝ่าฝืนจะถูกสังหารทันที!”
สตรีใบหน้าอัปลักษณ์ไม่คิดว่าซือหยูจะเดินไปจนถึงวิชาระดับสมบัติ ดังนั้นนางจึงมิได้บอกกฎอื่นตอนที่ซือหยูมาที่นี่
ซือหยูรำคาญใจ ก่อนหน้านั้นตอนที่เขาถามนางกลับตอบว่าหากมีพลังเขาจะอ่านเท่าใดก็ได้ แต่ตอนนี้นางกลับมาบอกข้อยกเว้นของวิชาระดับสมบัติ!
หากถูกฝึกโดยราชันย์ วิชาพันประสงค์มนต์จะขยายระดับพลังวิญญาณของผู้ฝึกได้
แต่เพลิงเยือกแข็งนั้นมีพลังทำลายล้างสูงและจะเพิ่มพลังอย่างมหาศาล
ซือหยูตัดสินใจอย่างยากลำบาก...เขาไม่รู้ว่าจะเลือกวิชาใดดี
“หากเจ้ากำลังจะถึงขอบเขตราชันย์เช่นนี้ เจ้าต้องเลือกพันประสงค์มนต์อย่างแน่นอน พลังวิญญาณถือเป็นพื้นฐานพลังของราชันย์ หากมีพื้นฐานมั่นคง พลังของวิชาบ่มเพาะอื่นก็จะเพิ่มขึ้นด้วย การหูหนวกตาบอดเลลือกวิชาบ่มเพาะที่แกร่งกว่านั้นถือเป็นการละทิ้งพื้นฐานสำคัญ!”
นางหยุดไปชั่วครู่
ซือหยูคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลิกตำราเพลิงเยือกแข็ง
สิ่งที่นางพูดนั้นถูกอย่างแน่นอน พลังวิญญาณนั้นคือพื้นฐานพลังของราชันย์ และการมีพื้นฐานอันมั่นคงนั้นจะเพิ่มพลังทั้งหมดของผู้ฝึก
แต่ทุกอย่างมีความสำคัญและความเร่งด่วนต่างกัน
พันประสงค์มนต์นั้นจะมีผลมากกับพลังวิญญาณในระดับราชันย์ ด้วยพลังวิญญาณของซือหยูตอนนี้...เขาไม่ต้องคิดเลยแม้แต่น้อย
แต่ซือหยูกำลังจะต้องต่อสู้เอาชีวิตกับพวกโจรสลัดระดับราชันย์ ชีวิตของเขาที่ตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมเช่นนี้ต้องมุ่งไปยังสิ่งที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น เขาจึงต้องเลือกเพลิงเยือกแข็ง!
“เจ้ามาจากที่ไหนกัน? ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าการสร้างพื้นฐานคือกุญแจแห่งพลัง แล้วเจ้าก็ยังจะเลิกสิ่งไร้สาระอีก! เจ้ามันเกินจะสอนสั่งเสียจริง!”
นางตำหนิ
ในใจซือหยูเต็มไปด้วยโทสะ แม้เขาจะความอดทนสูง แต่การถูกสตรีคนเดียวกันยั่วยุถึงสามครั้งนั้นแม้จะเป็นบุรุษที่ทำจากโคลนก็ต้องโกรธ ซือหยูที่ไม่พอใจจึงตะโกนออกไป
“เจ้าจะสนใจไปทำไมกัน?!”
ซือหยูหันเดินจากไป
สตรีใบหน้าอัปลักษณ์จ้องซือหยูและชี้ตัวแทน
“เขามีนามว่าอะไร? เป็นศิษย์ในหรือศิษย์นอกงั้นรึ?”
ตัวแทนนั้นเหงื่อแตกพลั่ก เขาคุกเข่าลงกับพื้นและตอบอย่างระวัง
“ท่านผู้เฒ่าลำดับสอง เขาคือซือหยู เขามาจากการทดสอบในปีนี้”
“ซือหยูงั้นรึ? ฮื่ม!”
สตรีผู้นี้คือหนึ่งในสิบผู้เฒ่าสูงสุดแห่งสำนักหลิวเซี่ยน และนางยังเป็นผู้เฒ่าลำดับสอง!
ซือหยูมิได้รู้ถึงตัวตนของนาง เขากลับไปยังห้องพักชั่วคราวและดื่มโอสถชำระกายระดับต่ำ! แต่ละขวดนั้นเพียงพอที่จะทำให้เขาเพิ่มพลังจากระดับเก้าขั้นกลางสู่ระดับเก้าขั้นสูง
แล้วทั้งสิบเอ็ดขวดจะให้ผลเช่นใดกัน? ซือหยูจะทะลวงขอบเขตราชันย์ได้ในคราเดียวไหมนะ?
ซือหยูดื่มโอสถด้วยความมุ่งหวัง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงรุ่งสาง ซือหยูลืมตาอย่างผิดหวัง ซือหยูขยับมือเล็กน้อยและพบร่องรอยพลังวิญญาณอันอ่อนแอล้อมรอบปลายนิ้ว
“เหตุใดข้าจึงโง่เขลานัก หากการทะลวงขอบเขตราชันย์มันง่ายนักลี่คงหุยคงไม่หยุดอยู่ที่กึ่งราชันย์มาตลอดหลายปีนี้หรอก”
ซือหยูหัวเราะเยาะตนเอง
แต่ผลของโอสถชำระกายทั้งสิบเอ็ดขวดนั้นน่าตกใจ ซือหยูได้เข้าถึงขอบเขตกึ่งราชันย์ เขามิได้เพียงสร้างรูปลักษณ์จากพลังปราณได้เท่านั้น เขายังปล่อยพลังวิญญาณออกมาได้เล็กน้อยอีกด้วย
แม้พลังวิญญาณจะอ่อนแอ แต่หากรวมกับพลังที่มีเขาก็จะเพิ่มพลังขึ้นอีกสามในสิบส่วน
“อู๋ผางหยุนจะต้องลำบากแน่ หากคิดจะเสมอกับข้าอีกครั้ง”
ซือหยูมั่นใจมาก
สำหรับเพลิงเยือกแข็ง ซือหยูพยายามเรียนรู้มันครึ่งวัน พร้อมกับพลังเร่งเวลาสองร้อยเท่าที่มีนั้นจะเทียบเท่ากับสามเดือนเต็ม
แต่ซือหยูในตอนนี้เข้าใจมันเพียงเสี้ยวเดียว!
เมื่อก่อนเขาพยายามฝึกฝนสายฟ้าดาราม่วง และมันยังเลื่อนระดับได้มากกว่านี้ ความยากของเพลิงเยือกแข็งนั้นเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก นี่ไม่ใช่วิชาเพื่อคนธรรมดาเลย! แต่พลังทำลายล้างของมันสูงมากอย่างที่อธิบายไว้บนตำรา ทำให้มันเหนือกว่าวิชาระดับสมบัติอื่น
ซือหยูดูเวลาและลุกขึ้นออกไปยังด้านนอก
ยี่สิบห้าคนรวมตัวกันพร้อมแล้ว ซือหยูมาถึงเป็นคนสุดท้าย
“เจ้ามาช้าเช่นนี้ ข้าคิดว่าเจ้าหนีไปหลังจากที่เรียกร้องความสนใจสำเร็จแล้วเสียอีก”
หลิวกวงยั่วยุ เขาประเมินซือหยู
อู๋ผางหยุนและเหล่ากึ่งราชันย์นั้นมีแววตาแบบเดียวกัน พวกเขาเดาอย่างอิจฉาว่าซือหยูได้วิชาใดมาจากห้องตำรา
ซือหยูมองหลิวกวงอย่างเย็นชา
“หากเจ้าเสียใจนักที่ไม่ได้สู้กับข้าเมื่อก่อน ข้าจะทำให้อย่างที่เจ้าต้องการเดี๋ยวนี้เลย!”
ซ่า---
บุพผาอันงดงามล้อมรอบฝ่ามือซือหยู
พลังทำลายล้างของมันน่ากลัวยิ่งนัก
หลิวกวงใบหน้าแข็งทื่อก่อนจะกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก แต่จะไปสู้กับท่าที่แม้แต่อู้ผางหยุนยังรับมือไม่ได้ได้อย่างไร?
“นี่เป็นเขตสำนัก การต่อสู้ส่วนตัวนั้นถือเป็นเรื่องต้องห้าม เจ้า...หยุดหยาบคายได้แล้ว!”
หลิวกวงคำราม แต่ลึกในใจเขานั้นยอมแพ้ไปแล้ว
เหล่าผู้คนต่างส่ายหัว หากเขาคิดจะยอมแพ้เร็วเช่นนี้...เขาก็ควรจะหัดควบคุมอารมณ์ตัวเองเสียดีกว่า
“หยุด!”
ชายวัยกลางคนที่มิอาจระบุพลังได้ตะโกน
บุพผาสีม่วงในมือซือหยูหายไป!
ชายวัยกลางคนเหลือบมองซือหยูและหยิบสร้อยหยกยี่สิบห้าอันออกมาอย่างไร้อารมณ์
“พวกเจ้าแต่ละคนต้องพกมันติดตัวไว้ตลอดเวลา สำนักจะได้รู้ว่าพวกเจ้าอยู่ที่ใดบ้างและส่งความช่วยเหลือได้ทันเวลา”
อู๋ผางหยุนคว้าสร้อยหยกอย่างยินดี
“ขอบคุณท่านรองฉิน”
หืม? นี่คือรองของส่วนนอกสำนักงั้นรึ?
ซือหยูคว้าสร้อยหยกหนึ่งเส้น
ในตอนนั้นเองวิหคสีฟ้าก็บินอยู่เหนือหัวพวกเขา มันคือวิหคชนิดเดียวกันที่พาเซี่ยจิงหยูและเซี่ยนเอ๋อออกมาจากเกาะเฉินยี่ วิหคนี้เดินทางได้หลายพันลี้ในหนึ่งวัน พวกมันรวดเร็วมาก
มันบินอยู่ครึ่งวันจนถึงส่วนลึกที่สุดของมหาสมุทรกว้างใหญ่
ที่นี่มีเกาะเล็กเกาะน้อยอยู่รอบๆตามปกติ
มันมีความอ้างว้าง ไม่มีใครสักคนเลยในระยะพันลี้
“รัศมีสามพันลี้จากตรงนี้คือจุดนัดพบของพวกโจรสลัดหมาป่าสมุทร จากวันนี้ชะตาของพวกเจ้าขึ้นอยู่กับพลังและโชค หนึ่งเดือนจากนี้ข้าจะมาที่นี่และรวบรวมพวกเจ้ากลับไป...หากพวกเจ้ายังมีชีวิตรอดอยู่”
เขาทิ้งยี่สิบห้าคนไว้บนเกาะเล็กก่อนจะขึ้นหลังวิหคยักษ์และเดินทางจากไป
ทั้งยี่สิบห้าคนมองหนหน้ากัน ไม่รู้ว่าจะทำอะไร
อู๋ผางหยุนมองหลิวกวงกับองค์หญิงหยุนหยาน
“พวกเจ้าสองคน...จะไปกับข้าหรือไม่?”
หลิวกวงกับองค์หญิงหยุนหยานตาเป็นประกาย พวกเขาพยักหน้าอย่างไม่คิด
“ตกลง!”
พลังของอู๋ผางหยุนนั้นเยอะกว่าใคร พวกเขาควรจะอยู่กลุ่มเดียวกับเขา มันจะช่วยลดอันตรายได้มาก
องค์หญิงหยุนหยานมองซือหยูและกระพริบดวงตาสดใสของนาง
“ซือหยู...ไม่ไปกับพวกเรางั้นรึ?”
ซือหยูมองกลับไป ลำพับความเลวทรามของอู๋ผางหยุนก็ทำให้เขาคลั่งได้แล้ว มิต้องพูดถึงหลิวกวง
ในตอนที่เขากำลังจะส่ายหัวปฏิเสธ อู๋ผางหยุนก็เยาะเย้ยอย่างเย็นชา
“เขาน่ะรึ? แม้พลังเขาจะยอมรับได้ เขาก็ยังไม่ใช่ราชันย์ ข้าไม่คิดจะต่อสู้อย่างเสียเปรียบหรอก หากเขามารวมกับพวกเราจะต้องตายไม่ช้าก็เร็ว ข้ากับเขา องค์หญิง..เลือกซะ!”
องค์หญิงหยุนหยานตกใจก่อนจะหัวเราะในความโง่เขลาของตัวเอง พวกเขาทั้งคู่นั้นราวน้ำกับน้ำมัน นางคิดว่าพวกเขาจะอยู่ร่วมกันได้ยังไง?
องค์หญิงหยุนหยานคิดอยู่ชั่วครู่ ในด้านพลังนั้นซือหยูมิได้อ่อนแอไปกว่าอู๋ผางหยุน และเทียบกับนิสัยดุร้ายของอู๋ผางหยุนแล้วองค์หญิงหยุนหยานชอบซือหยูมากกว่า
แต่หลังจากชั่งน้ำหนักดูแล้ว สุดท้ายนางเลือกอู๋ผางหยุน...เพราะเหตุผลเดียวก็คืออู๋ผางหยุนนั้นมาจากตระกูลลำดับสาม พวกเขาเคยพบเจอกับมาก่อนและคุ้นเคยต่อกัน
เทียบกับซือหยูผู้ลึกลับแล้ว นางยังไม่มั่นใจว่าจะเชื่อใจซือหยูได้หรือไม่
“ซือหยู...รักษาตัวด้วย”
องค์หญิงหยุนหยานโค้งขอโทษขอโพย
“คนที่แข็งแกร่งจะได้รับการช่วยเหลือมากที่สุด ขณะที่คนไร้ความสามารถถูกลิขิตให้อยู่ลำพัง ธรรมชาติเป็นเช่นนี้ ซือหยู เจ้าดูแลตัวเองดีๆล่ะ”
อู๋ผางหยุนกล่าวอย่างลำพองใจ
ซือหยูยักไหล่
“พวกเจ้าก็ดูแลกันเองดีๆล่ะ”
ซือหยูออกไปคนแรกราวกับหมาป่าเดียวดาย
“ประเมินพลังตัวเองสูงเช่นนั้น ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องลำบาก”
หลิวกวงบ่นพึมพำ
หลายวันต่อมาในทะเล ซือหยูพยายามก่อพลังปราณเป็นปีก ซือหยูบินไปซ่อนตัวที่ชั้นเมฆา ซือหยูนั้นมีสายตาอันยอดเยี่ยม เขามองเห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจนในระยะหลายร้อยลี้
ในตอนนั้นเองเขาก็ได้พบกับจุดดำข้างล่าง
ซือหยูเร้นกายในเมฆาและบินไปอยู่เหนือจุดดำนั้น
เขาปรับสายตามองลงไปข้างล่างและตัวแข็งทื่อไปชั่วครู่
จุดเล็กสีดำนั้นแท้จริงคือเรือลำใหญ่ที่มีธงโจรสลัดหมาป่าสมุทร มันคือกลุ่มโจรสลัดหมาป่าสมุทรอย่างไม่ต้องสงสัย!
ซือหยูเพ่งมองและเห็นกึ่งราชันย์นับสิบคน! มันมีแม้กระทั่งราชันย์ระดับหนึ่งขั้นต้น!
ซือหยูเคร่งเครียด ราชันย์ระดับหนึ่งคนนั้นจะมีวิชาระดับสมบัติด้วยไหม….ถ้าเป็นเช่นนั้นคงจะยากที่ซือหยูจะต่อกรด้วย
และยังมีกึ่งราชันย์อีกสิบคน ยากมากที่จะรับมือได้
สิ่งที่ทำให้ซือหยูโล่งใจคือคนบนเรือทั้งลำนั้นมิได้ใส่ใจสิ่งรอบข้าง ดูเหมือนพวกเขาพยายามจะเอาบางสิ่งขึ้นมาเหนือน้ำ
ซือหยูที่อยู่สูงบนท้องฟ้าก้มมองและเพ่งสมาธิให้มากขึ้น
พื้นที่ตรงก้นทะเลสามสิบลี้นั้นมีรูปลักษณ์คล้ายกับฝ่ามือขนาดยักษ์! ใต้น้ำทะเลสีครามนั้นมืดอย่างมากมาก ราวกับมิอาจบอกความลึกได้ มันราวกับค่อยๆจะกลืนกินเรือโจรสลัด
ซือหยูยังเห็นรอยฝ่ามืออีกรอย!
ซือหยูหายใจแรง รอยฝ่ามือแบบเดียวกับที่เกาะเฉินยี่ก็อยู่ที่นี่ด้วย!
ในตอนนั้นเรียกร้องด้วยความยินดีได้ดังมาจากเรือโจรสลัดข้างล่าง
“มันกำลังขึ้นมาแล้ว!”
เหล่าโจรสลัดตะโกนอย่างตื่นเต้นราวกับได้พบสมบัติล้ำค่า
ฟึ่บ--
ราชันย์ที่อยู่ในเรือบินออกมา ใบหน้าของเขายินดีมาก
“ฮ่าๆๆๆ สวรรค์มีตา! สมบัติของอาณาจักรเทพน้ำแข็งโบราณที่ถูกฝังมานับแต่โบราณถูกค้นเจอโดยพวกเรา….กลุ่มโจรสลัดหมาป่าสมุทร!”
อาณาจักรเทพน้ำแข็งโบราณงั้นรึ?
หรือว่าฝ่ามือนั่นได้ทำลายเมืองนี้ไป?
โลงทองแดงโลงใหญ่ถูกนำขึ้นมาบนเรือโดยกึ่งราชันย์สี่คน เห็นได้ชัดว่าโลงทองแดงนี้ถูกฝังมาอย่างยาวนานเพราะถูกสนิมเกาะเต็มไปหมด
พวกเขาลากโลงขึ้นมาบนเรือ ฝาโลงที่แง้มออกมาได้ปล่อยชั้นความเย็นอันน่ากลัวกระจายไปทั่ว!
ซ่า----
จู่ๆกึ่งราชันย์สี่คนที่แบกโลงขึ้นมาก็กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง! พวกเขาตายทันที!
ซือหยูตกตะลึง! ความเย็นนั้นได้เข้าบดขยี้กึ่งราชันย์ทั้งสี่!
แกร๊ก---
คลื่นความเย็นแผ่ออกไปทั่วทิศทาง เรือลำใหญ่เป็นศูนย์กลางนั้นถูกแช่แข็งในทันที!
อ๊าก---
ราชันย์กัดฟันและตัดสินใจตัดแขนที่เยือกแข็งของตัวเองทิ้ง มีเพียงการทำเช่นนี้เท่านั้นที่ทำให้เขารอดออกมาได้!
“ทุกคนถอย! อย่าเข้าไปใกล้!”
ใบหน้าราชันย์เจ็บปวก แววตาหวาดกลัว
เหล่ากึ่งราชันย์ที่รอดออกมานั้นหน้าซีดเผือด กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
“ท่านไป่กู้...ในโลงนั่นมีสิ่งใดกัน?!”
กึ่งราชันย์ที่ตัวสั่นจ้องโลงทองแดงอย่างหวาดกลัว
โจรสลัดราชันย์ ไป่กู้สีหน้าจริงจัง
“นั่นคือโลงทองแดง ของระดับเทพของจักรพรรดิอาณาจักรเทพน้ำแข็ง...ไหมเทพน้ำแข็ง!”
ดวงตาไป่กู้เป็นประกาย
“มันอาจจะดูเหมือนไหมฝ้ายธรรมดา แต่มันมีพลังความเย็นสุดขั้ว! มันเคยทำลายทั้งแคว้นในชั่วข้ามคืน! จำนวนราชันย์ที่ตายเพราะมันนั้นมากกว่าหมื่นคน! ยังมีข่าวลือบอกว่ามันสังหารศัตรูขอบเขตมังกรได้ด้วย!”
“พวกเจ้ากลับไปและห้ามสัมผัสมัน! เอามันไปที่เกาะ พวกเขาจะส่งให้ท่านหัวหน้าจัดการ! ครั้งนี้พวกเราได้ทำความดีความชอบครั้งใหญ่แล้ว!”
ไป่กู้ตื่นเต้นมาก
แต่ในตอนที่เหล่าโจรสลัดกำลังจะละลายน้ำแข็งและเตรียมออกเรือ…
ตู้ม--
ร่างสีม่วงพุ่งลงมายืนอยู่ที่ฝาโลงทองแดงจากบนท้องฟ้า!
ความเย็นที่สังหารได้แม้กระทั่งราชันย์ทำอะไรเขาไม่ได้แม้แต่น้อย!
ผมสีเงินของเขาร่ายรำตามลมทะเล เขายืนอยู่บนโลงทองแดงของอาณาจักรเทพน้ำแข็ง!
ความเย็นสุดขั้วล้อมร่างของเขา ราวกับว่าเขาเป็นจักรพรรดิของอาณาจักรเทพน้ำแข็งที่เดินทางข้ามเวลามาถึงปัจจุบัน!
“สมบัติโบราณงั้นรึ...หากพวกเจ้ากลัวที่จะสัมผัสมันนักข้าก็ต้องขอสิ่งนี้ไปแล้วล่ะ แต่ข้าต้องขอยืมชีวิตของพวกเจ้าสักหน่อย!”
เสียงอันชัดเจนและเยือกเย็นของซือหยูนั้นโหดร้ายราวกับว่าเขาเป็นจักรพรรดิเทพน้ำแข็ง!