DND.104 - ประลองราชันย์
“เนตรอสูรนรก!”
ซือหยูพูดอย่างเยือกเย็น
ดวงตาซือหยูเปล่งแสงทมิฬเข้าสู่จิตใจลี่คงหุย
อ๊าก---
ลี่คงหุยกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด เขาร้องเสียงดังและล้มลงกับพื้น เขากลิ้งไปมาเพราะความเจ็บปวดมหาศาลที่ถาโถมเข้าใส่
ลี่คงหุยนั้นลอบโจมตีซือหยูในระยะประชิด เขายังไม่รู้ว่ากำลังเจอกับอะไร
เนตรอสูรนรกขั้นสูงสุดนั้นสามารถทำให้วิญญาณบาดเจ็บอย่างง่ายดาย
ผู้นำตระกูลลี่เดินมาอย่างหม่นหมอง เขายกเท้าเตะท้องลี่คงหุย ลี่คงหุยร้องออกมาและกลิ้งไปไกลก่อนจะหมดสติลงกับพื้น
ผู้นำตระกูลลี่ประสานมือโค้งให้กับซือหยู สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอับอาย
“ข้ามิได้สั่งสอนพี่น้องในตระกูลให้ดี...เขาคือความอัปยศของตระกูลข้า!”
แม้พวกเขาจะมาจากตระกูลเดียวกัน แต่เหล่าลูกหลานตระกูลลี่ก็มองลี่คงหุยอย่างดูถูกและรู้สึกอับอายเกินกว่าจะบรรยาย ใบหน้าของพวกเขาร้อนผ่าวด้วยความอัปยศ
การกระทำของลี่คงหุยได้มอบมลทินให้แก่ทั้งตระกูลลี่!
ซือหยูชนะ!
แต่ตอนที่ซือหยูกำลังจะประลองกับหลิวกวงที่มีคะแนนสูงกว่า ฉีลั่วหลานก็ประกาศ
“ซือหยูชนะ ได้คะแนนหนึ่งในสามของลี่คงหุย นับเป็นห้าคะแนน รวมเป็นหนึ่งร้อยยี่สิบคะแนน”
“ต่อไป คนที่สูงกว่าลี่คงหุยหนึ่งระดับจะประลองต่อ”
ซือหยูยังไม่มีสิทธิ์ประลอง การประลองเกิดขึ้นต่อไปตามปกติ คนที่อันดับต่ำสุดจะต้องประลองกับคนที่มีคะแนนสูงกว่า
หลิวกวงมองซือหยูด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าอยากตายมากขนาดนั้นเชียวรึ?”
ซือหยูใจเย็น เขาพูดอย่างไม่ใยดี
“ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว คนที่อยากให้ข้าตายในอดีตล้วนตายไปหมด เหลือแต่เพียงข้า”
การประลองในธรณีหวงห้าม หลิวกวงนั้นหยาบช้ายิ่ง และจบลงด้วยความพ่ายแพ้ ในตอนนั้นซือหยูก็บอกหลิวกวงเช่นนี้
ในตอนนี้ราวกับภาพเดิมฉายซ้ำอีกครั้ง
“ซือหยู! เจ้าคิดว่าข้ายังเป็นคนเดิมในตอนนั้นอยู่รึ? เจ้าไม่มีหวังกับพลังของข้าในตอนนี้แน่ ด้วยวิญญาณอำพันระดับสูงและการสำเร็จขั้นราชันย์นี้!”
ซือหยูยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ เขามองดูการประลองต่อไปอย่างเงียบเชียบ
“ฮื่ม! ฝืนแสร้งใจเย็นต่อไปเถอะ! ตอนที่องค์หญิงหยุนหยานประลองกับเจ้าจะเป็นตอนที่เจ้าเผยธาตุแท้ออกมา! วิญญาณไร้ค่าอย่างเจ้าไม่มีทางแข่งกับระดับข้าได้หรอก!”
หลิวกวงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา
การต่อสู้กันของกึ่งราชันย์นั้นน่าตื่นตามากขึ้น
การเป็นกึ่งราชันย์นั้นจะทำให้ร่างกายดูดซับพลังวิญญาณได้เล็กน้อย แม้มันจะน้อย มันก็ยังคงมีพลังมหาศาล มันจะไปรวมกับพลังบ่มเพาะที่มีและเพิ่มพลังให้หลายขั้น!
ซือหยูแอบรู้สึกอิจฉา หากกึ่งราชันย์ยังเป็นได้เช่นนั้น แล้วราชันย์จริงๆจะเป็นเช่นใดกัน?
ฟึ่บ--
องค์หญิงหยุนหยานที่ยืนข้างเขาขึ้นไปยังลานประลอง
รูปร่างอันยอดเยี่่ยมของนางพร้อมกับรังสีความสูงส่งและสง่างาม นางเจอกับคู่ประลองที่เป็นกึ่งราชันย์ที่แกร่งที่สุด
“องค์หญิงหยุ่นหยาน ขอความกรุณาด้วย!”
กึ่งราชันย์แสดงความเคารพ
องค์หญิงยังคงใจเย็น นางชี้ดัชนีอันงดงาม เกิดสายลมพลังปราณระเบิดออกมาจากดัชนี
พลังปราณนั้นมีพลังอันน่ากลัวเจาะทะลวงนภาไปยังกึ่งราชันย์
“พยัคฆ์ฟ้าดินคำราม!”
กึ่งราชันย์จริงจังขึ้นทันที
เอาอ้าปากหายใจเข้าลึกและตะโกนออกมา!
คลื่นเสียงดังสะท้อนเป็นวงกว้าง มันทะลายทั้งขุนเขาและแม้น้ำ ทำให้หูหนวกตาบอด!
คลื่นเสียงดังไปไกล มันทำให้เกิดคลื่นวายุกรวดทราย
ศิลานับไม่ถ้วนมิอาจทนพลังคลื่นเสียงได้ มันแหลกละเอียดทันที!
มันมีพลังวิญญาณผสมอยู่อย่างไร้ลักษณ์ มันเข้าปะทะกับพลังปราณที่เข้ามา
ปั้ง--
คลื่นเสียงอันทรงพลังนั้นเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยกับองค์หญิงหยุนหยาน
พลังวิญญาณนั้นยังด้อยคุณภาพกว่าขององค์หญิงหยุนหยานมากนัก ดังนั้นมันจึงสลายไปทันทีที่ปะทะกัน
องค์หญิงตั้งใจเล็งไปยังข้อเท้าในตอนที่นางปล่อยพลังปราณ
อ๊าก---
แม่นางจะพลาด คลื่นพลังปราณที่ยังหลงเหลืออยู่ก็เพียงพอที่จะทำลายชุดของกึ่งราชันย์ เขารู้สึกราวกับว่าถูกฟาดด้วยสายฟ้าก่อนจะกระอักเลือดและปลิวไปด้านหลัง!
หากเขาโดนมันเข้ารงๆ….เขาที่เป็นกึ่งราชันย์คงต้องตายแน่!
แววตาซือหยูจริงจัง นี่เป็นครั้งแรกที่ซือหยูได้มองราชันย์ต่อสู้กันได้ระยะใกล้ขนาดนี้
ลี่กวงกับซือร่งมิได้ใช้พลังเต็มที่ในครั้งก่อน ขอบเขตของฉีลั่วหลานนั้นสูงเกินไป ดังนั้นจึงไม่อาจจะแยกความต่างของพลังราชันย์ได้
เมื่อเห็นดัชนีขององค์หญิงหยุนหยานซือหยูก็เข้าใจ ปริมาณพลังปราณที่ราชันย์มีนั้นน่ากลัวยิ่งนัก มันเกิดกว่าที่ซือหยูคาดคิด!
“องค์หญิงหยุนหยานชนะ และนางจะได้คะแนนหนึ่งในสามจากศัตรู นางมีคะแนนทั้งหมดหนึ่งร้อยห้าสิบคะแนน โปรดประลองกับคนต่อไป”
หลิวกวงเผยใบหน้าซุกซนและหัวเราะ
“ซือหยู ข้ารอดูความสามารถของเจ้าอยู่นะ...หึหึหึหึ….”
“หลิวกวง! ก้าวเข้ามา!”
องค์หญิงสั่งอย่างสง่างามขณะชี้นิ้ว
หลิวกวงตัวแข็งทื่อ เขาชี้นิ้วไปยังซือหยู ดูจากลำดับแล้วองค์หญิงควรจะต้องประลองกับซือหยูก่อน
“ข้ามิชอบข่มเหงผู้อ่อนแอ เจ้ากับข้าต่อสู่กันจะยุติธรรมมากกว่า”
องค์หญิงส่ายหัว
หลิวกวงที่คืนสติจากความตกใจพยักหน้าอย่างผิดหวัง
“ก็ได้ ข้าจะสู้กับเจ้า”
เขาเดินขึ้นลานประลองและมองมายังซือหยู
“โชคดีนักนะ!”
“องค์หญิงหยุนหยาน โปรดระวังตัวด้วย!”
หลิวกวงสีหน้าจริงจัง
“กรงเล็บราชันย์วิหค!”
นิ้วทั้งห้าของเขาถูกล้อมรอบด้วยแสงสีอ่อนราวกับเป็นกรงเล็บของวิหคสวรรค์เก้าหาง ราวกับว่ามันมีพลังที่พร้อมฉีกกระชากฟ้าดิน
คลื่นพลังปราณล้อมรอบกรงเล็บด้วยพลังอันรุนแรง!
ซือหยูตัวแข็งทื่อ ปริมาณพลังขนาดนั้นมันน่ากลัวมาก!
กรงเล็บจากราชันย์มิใช่สิ่งที่ระดับผู้ฝึกตนหวังเทียบชั้นได้เลย พลังของมันยิ่งใหญ่มาก
ร่างของหลิวกวงเร็วราวกับแสงเมื่อเขาพุ่งออกไป
เขาสะบัดกรงเล็บเร็วราวกับสายฟ้า! มันสั่นสะเทือนอากาศโดยรอบ!
เสียงระเบิดห้าครั้งนั้นสร้างคลื่นเสียงแสบแก้วหู คลื่นเสียงนี้เมียบได้กับพลังเต็มที่ของวิชาคลื่นเสียงของกึ่งราชันย์คนเมื่อสักครู่ไม่มีผิด!
เหล่าศิษย์อายุน้อยต่างสังเกตการต่อสู้ด้วยความกดดันภายในใจ
นี่คือพลังอำนาจของขอบเขตราชันย์!
แม้แววตาองค์หญิงหยุนหยานจะจริงจัง ท่าทีของนางก็ยังคงสง่างามมิแปรเปลี่ยน
“บ่มวายุ!”
องค์หญิงบินอย่างสง่างามร่าวกับกำลังร่ายรำ
นางวางฝ่ามืออันงดงามไว้แนบอก
สายลมบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นจากกลางอากาศล้อมรอบตัวนาง
น่าตกตะลึงที่นางเชี่ยวชาญในวิชาบ่มเพาะธาตุลม นางมีพลังควบคุมสายลมแห่งสวรรค์และฟ้าดิน
นางพลิกฝ่ามือและสายลมก็รุนแรงขึ้นอีกมาก
หยดน้ำนับไม่ถ้วนล้อมรอบตัวนางเกิดเป็นชั้นหมอกบางๆ นางเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพิรุณหรือหมอกได้ตามปรารถนา!
นางชี้ออกไป...สายลมรุนแรงที่ถูกปกคลุมด้วยหยดน้ำนั้นราวกับมีดคมกริบ หลังจากรวมกับพลังปราณการโจมตีของนางจะไม่มีอะไรที่ต้านได้!
วายุใบมีดกระหน่ำแทงไปตามทางที่นางชี้และปะทะเข้ากับกรงเล็บราชันย์วิหค!
ตู้ม--
กรงเล็บราชันย์วิหคที่แข็งแกร่งมหาศาลค่อยๆสลายไป!
ร่างกายหลิวกวงสั่นเล็กน้อยและโจมตีต่ออีกครั้ง!
องค์หญิงหยุนหยานรับการโจมตีอย่างง่ายดาย
ร่างของพวกเขาเลือนลางเมื่อพวกเขาโจมตีใส่กัน
พลังของพวกเขาแทบจะเท่ากัน หากจะรู้ผู้ชนะต้องกินเวลานาน
การต่อสู้อันทรงพลังของราชันย์นั้นถือว่าเป็นเรื่องแปลกตาสำหรับเหล่าผู้ฝึกตน
พลังวิญญาณนั้นคือสิ่งที่แยกผู้ฝึกตนออกจากราชันย์
พลังขององค์หญิงหยุนหยานเริ่มลดลง
แต่หลิวกวงนั้นยังคงมีแรงเหลือ เขาโจมตีและป้องกันอย่างแม่นยำ แสดงให้เห็นถึงประสบการณ์การต่อสู้มากมาย
สุดท้ายองค์หญิงก็ตกที่นั่งลำบาก นางจะแพ้เมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว
“ผ่านไปร้อยกระบวนท่า ตามกฏ คนที่ได้เปรียบกว่าจะถือเป็นผู้ชนะ หลิวกวงชนะ! ได้คะแนนหนึ่งในสามจากองค์หญิงหยุนหยาน หลิวกวงมีคะแนนหนึ่งร้อยเจ็ดสิบคะแนน! ตอนนี้เขาจะประลองกับคนสุดท้าย อู๋ผางหยุน!”
ฉีลั่วหลานประกาศ
เหล่าผู้คนตกใจเล็กน้อย มิใช่ว่าคนที่ระดับต่ำสุดอย่างซือหยูจะประลองต่อไปงั้นรึ? เหตุใดจึงกลายเป็นหลิวกวงที่ต้องประลองกับอู๋ผางหยุนไปได้?
“ผู้ชนะคนสุดท้ายจะต้องประลองกับคนสุดท้ายที่เหลือ...ซือหยู นี่ก็เพื่อความยุติธรรมในการประลอง”
ฉีลั่วหลานอธิบาย
ฟึ่บ--
อู๋ผางหยุนบินไปยังที่ประลองและประเมินหลิวกวงหัวจรดเท้า เขาชมหลิวกวง
“นับว่าผ่าน”
ใบหลิวกวงโอนอ่อนอย่างไม่เต็มใจ
“เข้ามา!”
“เจ้าอยากจะให้ข้าต่อให้ซักสองสามกระบวนท่าไหม?”
อู๋ผางหยุนยั่วยุ
“ไม่จำเป็น! ข้าอยากจะรู้นักว่าราชันย์ระดับหนึ่งขั้นต้นกับระดับหนึ่งขั้นกลางมันต่างกันแค่เพียงใด!”
เช่นเดียวกับขอบเขตของผู้ฝึกตน เหล่าราชันย์นั้นก็แบ่งระดับเป็นขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นสูง อู๋ผางหหยุนนั้นเป็นราชันย์ระดับหนึ่งขั้นกลาง ระดับสูงกว่าหลิวกวง
“แตกต่างงั้นรึ? ความต่างก็คือ...ต่อหน้าข้า...เจ้ามันก็แค่คนอ่อนแอ!”
อู๋ผางหยุนตอบด้วยรอยยิ้ม
หลิวกวงที่ทนความอับอายไม่ไหวตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“นั่นมันอาจจะไม่จริงก็ได้!”
“กรงเล็บราชันย์วิหค!”
หลิวกวงปล่อยพลังวิญญาณผสมเข้ากับการโจมตี!
กรงเล็บวิหคที่พร้อมจะฉีกฟ้าดินนั้นแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก!
ในพริบตาหลิวกวงก็โจมตีถึงอู๋ผางหยุน การโจมตีอันรุนแรงนั้นทะลวงเนื้อหนังของอู๋ผางหยุน
เหล่าผู้เยาว์นับไม่ถ้วนตัวสั่นด้วยความกลัว หัวใจของพวกเขาเต้นแรง
แต่อู๋ผางหยุนยิ้มเบาๆ
“ความต่างของพลังในระดับราชันย์นั้นห่างไกลเกินกว่าขอบเขตผู้ฝึกตนมากนัก ความต่างนั้นแยกจากกันด้วยพลังมหาศาล!”
“เจ้าพูดเช่นนั้นหลังจากถูกข้าโจมตีน่ะรึ!”
หลิวกวงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว!
อู๋ผางหยุนส่ายหัวด้วยความเหยียดหยาม
“กับเจ้า...ข้าไม่ต้องใช้วิชาด้วยซ้ำ ดัชนีเดียวก็เพียงพอ!”
อู๋ผางหยุนเผชิญหน้ากับกรงเล็บอันน่ากลัวด้วยดัชนีเดียว
แต่ดัชนีของเขานั้นล้อมรอบด้วยพลังวิญญาณที่ห่างชั้นกับหลิวกวงมาก!
เขาสัมผัสกรงเล็บเบาๆ ทุกคนอ้าปากค้าง!
เอื้อก--
กรงเล็บของหลิวกวงหายไปทันทีเมื่อพลังทำลายล้างส่งผ่านจากมือไปสู่ไหล่
ปั้ง ปั้ง ปั้ง--
โลหิตซึมออกมาจากปากหลิวกวง แววตาเขาตกใจมาก
ความต่างระหว่างขั้นต้นกับขั้นกลางมันสูงมาก!
เขาแทบจะไม่มีพลังเหลือสวนกลับด้วยซ้ำ!
ใครกันจะไปสู้กับอู๋ผางหยุนได้?!
“อู๋ผางหยุนชนะ ได้คะแนนหนึ่งในสามของศัตรู รวมเป็นสองร้อยคะแนน!”
“การประลองต่อไปเขาจะประลองกับซือหยูเป็นคนสุดท้าย!”
ฉีลั่วหลานประกาศ
อู๋ผางหยุนมองมายังซือหยู ดวงตาเขาดุร้ายและเยือกเย็น
“เจ้าคนขี้โกง ดูเหมือนโชคของเจ้าจะหายไปหมดแล้วนะ!”
ในตอนที่พวกเขาชิงโอสถชำระกาย ซือหยูได้รับโอสถหกขวดแต่เพียงผู้เดียว และเมื่ออู๋ผางหยุนจะแย่งโอสถมาได้ ก็ถูกประกาศว่าการทดสอบจบลงไปเสียก่อน ซือหยูโชคดีนัก
“แต่ข้าไม่คิดจะชนะอย่างไม่ยุติธรรม ข้าจะต่อให้เจ้าสามกระบวนท่า รีบเข้ามา โจมตีซะ”
อู๋ผางหยุนพูดอย่างไม่ค่อยสนใจ เขาใจร้อนเล็กน้อย
ในครั้งนี้...เขาคือผู้ชนะอย่างไร้คำโต้แย้ง!
นอกจากจะได้โอสถชำระกายอีกห้าขวด ที่ล้ำค่าที่สุดก็คือสิทธิ์เข้าสู่ห้องตำรา เป็นโอกาสที่เขาจะได้เรียนรู้วิชาระดับสมบัติ!
ซือหยูบินมายังที่ประลองและหัวเราะเบาๆ
“ต่อให้สามกระบวนท่างั้นรึ? เจ้าจะต่อให้ข้าทำไมในเมื่อข้าจัดการเจ้าได้ด้วยมือข้างเดียว?”
ตอ่หน้าคนที่โหดร้ายอย่างอู๋ผางหยุน ซือหยูไม่คิดจะเก็บซ่อนคำดูถูก
คำของซือหยูทำให้ทุกคนตกตะลึง อู๋ผางหยุนนั้นคือผู้ที่แกร่งที่สุดในการทดสอบครั้งนี้ แต่ซือหยูก็ยังประกาศว่าชนะเขาได้ด้วยมือข้างเดียว!
หากซือหยูเป็นราชันย์ระดับหนึ่งขั้นต้นเขาอาจจะพูดเช่นนั้นได้
แต่สำหรับผู้ฝึกตนที่ยังไม่ถึงขั้นกึ่งราชันย์นั้น การกล้าประกาศว่าเขาต้องการเพียงมือข้างเดียวในการต่อกรกับราชันย์ระดับหนึ่งขั้นกลาง…..มันช่างน่าประหลาด!