GE47 ลอบจู่โจมหรือมอบสมบัติ [ฟรี]
Chapter 47 ลอบจู่โจมหรือมอบสมบัติ
หลังจากผู้เชี่ยวชาญของนิกายต่างๆมาเยือน พูดคุยตกลง และวางของกำนัลไว้ ทั้งหมดต่างก็แยกย้ายกลับสู่นิกายของตน
มีหลายนิกายที่ต้องการโอสถก่อดวงจิต เมื่อรวมเวลาต่อรองทั้งหมดแล้ว ปีศาจทมิฬหนิงต้องปรุงโอสถให้พวกมันภายในเวลา 10 ปี นิกายที่จะได้โอสถก่อนนั้นเป็นนิกายที่ทรงพลังที่สุดและลดหลั่นลำดับกันลงมา
ด้วยเวลาเพียงมิกี่วัน นามของปีศาจทมิฬหนิงได้ขจรไปทั่วทั้งแคว้นเยว่ เพียงแต่มิมีผู้ใดทราบว่า ปีศาจทมิฬหนิงผู้นั้นคือหนิงฝาน
จันทราขึ้นทางทิศตะวันออก... หนิงฝานนั่งอยู่ที่ม้านั่งนอกเมืองภายในป่าหลิงเพลิง สีหน้าดูทุกข์ใจ เพราะการแก้แค้นให้หานหยวนจี๋ในอีก 100 ข้างหน้านั้น...ช่างยากเย็นแสนเข็ญ
10 ปีบรรลุแก่นทองคำ...ผู้ใดจะทำได้? บางผู้ใช้เวลาถึง 100 ปีก็ยังมิอาจบรรลุแก่นทองคำ มีคำกล่าวว่าการสร้างแก่นทองคำนั้นยากลำบากและอันตราย ทั้งยังต้องใช้เวลานาน
20 ปีบรรลุดวงจิตแรกเริ่ม...ผู้ใดจะทำได้? ภายในแคว้นเยว่ ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำจำนวนมากล้วนเป็นผู้มีอายุ 1000 ปี แต่ไม่มีพวกมันคนใดที่บรรลุดวงจิตแรกเริ่ม... การก่อดวงจิตช่างยากลำบากนัก
ตัดวิญญาณ... ไร้ดัดแปลง... ไร้แบ่งแยก... ในโลกพิรุณแห่งนี้ ผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกล้วนมีอายุหมื่นปีเป็นอย่างน้อย
“เวลา... ข้าต้องการเวลา...”
หนิงฝานกำหมัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ อีก 100 ปีหลังจากนี้ เทพกษัตริย์เนี่ยจะกลับมาทำลายทุกสิ่ง มันนับเป็น 10 ผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังที่สุดในโลกทั้ง 9 ต่อให้เป็นเทพกษัตริย์แห่งโลกพิรุณยังมิกล้าเป็นศัตรูกับมัน
กระเป๋าที่เอวของหนิงฝานเต็มไปด้วยสมุนไพรที่นิกายต่างๆมอบให้ ที่นิ้วข้างซ้ายสวมไว้ด้วยแหวนสีดำไม่สะดุดตา มันคือแหวนกระถางขัดเกลา
แหวนกระถางขัดเกลาเป็นสิ่งที่ลึกลับ ภายในนั้นมีมิติพื้นที่จำนวนมาก มิติแต่ละแห่งมีขนาดเทียบเท่าตำหนักซื่อฟาน ภายในมิติเหล่านั้นมีหมอกสีแดงลอยอบอวน เหมาะสำหรับเป็นสถานที่ให้กระถางขัดเกลา
หมอกสีแดงเหล่านั้นเปรียบได้กับการสะกดจิต ทำให้สตรีที่สูดดมเข้าได้เข้าสู่นิทรา ทั้งทำให้ระดับพลังเพิ่มพูนขึ้นอย่างช้าๆ
แหวนกระถางขัดเกลาวงนี้เป็นสิ่งที่ลี้ลับ แม้นับทั้งโลกพิรุณ ย่อมไม่มีผู้ใดได้ครอบครอง
“ข้าจะบรรลุไร้แย่งแยกใน 100 ปีให้ได้!”
ขณะที่หนิงฝานกำลังกล่าวกับตนเองนั้น น้ำเสียงของสตรีก็ดังมาจากสร้อยหยินหยางที่อยู่ภายในตันเถียน
“ฮ่าฮ่า... ยอดรักของข้าปรารถนาจะบรรลุไร้แบ่งแยกภายใน 100 ปีเช่นนั้นรึ? เวลาช่างกระชั้นนัก... ข้าหลับเพียงงีบเดียวก็ผ่านไป 100 ปีแล้ว... ดูท่า...ยอดรักของข้าคงสร้างปัญหาใหญ่เข้าใช่หรือไม่?”
ผู้ที่กล่าวเป็นสตรีที่อยู่ภายในสร้อยหยินหยาง
“ท่านตื่นได้อย่างไร?” หนิงฝานกล่าวกับนางอย่างนุ่มนวล นางเคยช่วยเหลือเขาหลายครั้ง
“เห้อ... หากจะบรรลุไร้แบ่งแยก อย่างน้อยต้องใช้เวลาหมื่นปี ต่อให้เป็นในแดนสวรรค์ทั้ง 4 ก็มิอาจเลี่ยงได้ เพียงแต่...ในแดนสวรรค์ทั้ง 4 นั้น มีวิธีการอยู่หนึ่งอย่างที่ทำให้เวลาไหลเร็วขึ้น...”
“วิธีการที่ท่านกล่าวมิมีในความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์” หนิงฝานขมวดคิ้ว หากทำให้เวลาไหลช้าลง หนิงฝานอาจเปลี่ยน 100 ปีให้กลายเป็นหมื่นปีได้ ด้วยความสามารถที่ท้าทายสวรรค์เช่นนี้ เหตุใดในความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์จึงมิมี
เพียงแต่ในความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ มีบางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเวลา
“สำหรับเซียนที่แท้จริงนั้น กาลเวลาย่อมไร้ความหมาย...”
คำกล่าวนั้นกล่าวว่าเวลาไร้ความหมายต่อผู้ที่เป็นเซียนที่แท้จริง แม้หนิงฝานมิเข้าใจ แต่คำกล่าวนั้นสำคัญต่อตนมาก เพราะสิ่งที่ตนเองต้องการในยามนี้คือเวลา
“ข้ามีบุญคุญความแค้นกับขุมกำลังโบราณแห่งหนึ่ง นามว่า ‘วิหารสาบสูญ’ เป็นขุมกำลังแห่งแดนสวรรค์ทั้ง 4 คล้ายคลึงกับศาลาไร้ธรรม ที่แพร่กระจายไปทั่วโลกทั้ง 9 ใบ... ภายในโลกพิรุณแห่งนี้สมควรมีที่ตั้งของวิหารสาบสูญ... วิหารสาบสูญมีทั้งหมด 7 ชั้น ชั้นแรกกาลเวลาภายนอกจะไหลผ่านช้ากว่าภายใน 1 ใน 2... ชั้นที่สองเป็น 1 ใน 4... ชั้นที่สามเป็น 1 ใน 8... ในที่สี่เป็น 1 ใน 16 ... กระทั่งชั้นที่เจ็ดเป็น 1 ใน 128...”
เมื่อนางกล่าวจบ หนิงฝานตกตะลึง คาดมิถึงว่าจะมีสถานที่ที่เปลี่ยนแปลงการไหลเวียนของเวลาได้
หากได้เข้าไปฝึกฝนฝนในชั้นที่เจ็ดของวิหารสาบสูญ หนิงฝานอาจบรรลุไร้แบ่งแยกได้ภายใน 100 ปี!
“ข้าจะเข้าไปในวิหารสาบสูญได้อย่างไร? วิหารนั่นช่างน่าอัศจรรย์ หากข้าต้องการฝึกฝนที่นั่น บางทีอาจต้องจ่ายในราคาที่แพงเกินรับไหว” หนิงฝานลูบคางพลางถอนหายใจ
“ยอดรักของข้าช่างฉลาดนัก วิหารสาบสูญนั้นมีเต๋าอันยิ่งใหญ่ของโลกที่สามารถแปรเปลี่ยนกาลไหลเวียนของเวลาได้ การที่พวกมันสร้างวิหารสาบสูญขึ้นมานั้นย่อมต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล กระทั่งผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกยังไม่อาจจ่ายไหว... เพียงวิหารสาบสูญนั้นชื่นชอบนักปรุงโอสถที่เก่งกาจ หากยอดรักของข้าแสดงวิชาปรุงโอสถให้พวกมันเห็น พวกมันอาจเชื้อเชิญให้ยอดรักเข้าไปฝึกฝนในนั้นพร้อมกับลดค่าให้จ่ายให้”
หลังจากนางกล่าวจบ นางก็หาว
“ที่ข้าช่วยเหลือเจ้าเพื่อหวังให้เจ้าช่วยเหลือข้าในสักวัน ข้าต้องพักผ่อนก่อน...”
“ท่านพักเถิด!” หนิงฝานส่ายศีรษะ
“ในโลกหยินลึกลับแห่งนั้น ท่านต้องอยู่เพียงลำพังโดดเดี่ยว อาจเป็นพันปี... หรือแสนปี... ตัวข้ามิอาจทราบ ช่างยาวนานนัก... ท่านพักเถิด...”
ไม่นานนักเสียงเสียงลมหายใจที่แผ่วเบายามนอนของนางก็ดังขึ้น
หนิงฝานถอนหายใจ แหงนหน้ามองจันทราที่อวดแสง
ไม่นานนักหนิงฝานก็กลายเป็นรุ้งหิมะตรงไปยังห้องของจื่อเฮ่อ
ยามนี้ซื่อหวูเสียและจื่อเฮ่อกำลังหลับนอนอย่างผ่อนคลายราวกับลืมสิ้นทุกสิ่ง
ก่อนหน้านี้พวกนางสมควรพูดคุยกันอย่างมีความสุข
หนิงฝานถอนหายใจเล็กน้อย วันพรุ่งเขาต้องเดินทางไปนิกายกุ่ยเชว่ เพียงแต่เขามิได้คิดที่จะนำพวกนางติดตามไปด้วย
แม้เมืองหนิงในยามนี้จะดูสงบ แต่ยังคงอันตราย ผู้เชี่ยวชาญมากมายหมายจู่โจม หากมิมีซื่อหวูเสียคุ้มครอง หนิงฝานมิอาจวางใจ ส่วนเหตุที่มิได้คิดพาจื่อเฮ่อไปยังนิกายกุ่ยเชว่นั้น เพราะที่นั่นคือนิกายฝ่ายอธรรม มีทั้งคนดีและเลวปะปน หากหนิงฝานจดจ่อกับการฝึกฝน เขาอาจมิมีเวลาได้ดูแลนาง หากยามนั้นเกิดมีผู้คิดร้ายกับนาง เขาคงเสียใจไปตลอดชีวิต
จื่อเฮ่อนั้นโดดเดี่ยว ซื่อหวูเสียที่ถูกลบความทรงจำก็บริสุทธิ์ พวกนางย่อมเป็นสหายกันได้
แม้จื่อเฮ่อจะมีร่างทรงเสน่ห์มาตั้งแต่กำเนิด แต่ด้วยนิสัยของนางย่อมมิเหมาะกับการฝึกฝนในแนวทางของฝ่ายอธรรม นางมิเหมาะกับเส้นทางที่ชโลมไปด้วยโลหิต
“ข้าหวังข้าช่วยให้เจ้าอยู่อย่างสงบและปลอดภัยไปชั่วชีวิต”
หนิงฝานยิ้มและห่มผ้าให้จื่อเฮ่อ หลังจากลังเลอยู่สักพัก เขาก็ห่มผ้าให้ซื่อหวูเสียก่อนจะหันหลังและออกจากห้องไปไปค่ำคืนราตรี
หลังจากหนิงฝานจากไป จื่อเฮ่อและซื่อหวูเสียก็ลืมตา
ใบหน้าของจื่อเฮ่อแดงก่ำด้วยความอาย นางได้ยินสิ่งที่หนิงฝานกล่าวเมื่อครู่ แต่ซื่อหวูเสียกลับทำหน้าไม่พอใจ
“น้องจื่อเฮ่อ... เหตุใดนายท่านดีกับเจ้าแต่ไม่ดีกับข้า... มิยุติธรรม!”
“ข้ามิทราบ... บางทีอาจเป็นเพราะท่านไม่ได้ร่วมรักกับพี่ฝาน?” สองมือจื่อเฮ่อสัมผัสแก้มของตน นางเองก็สงสัยเช่นกัน
“ร่วมรักคืออันใด?” ซื่อหวูเสียกล่าวถามอย่างสงสัย
“เป็น...เป็นเรื่องที่กล่าวได้ยาก!”
“ต้องกล้า... ซือซือต้องอยู่ร่วมห้องกับพี่ฝาน จากนั้น...จะมีบางสิ่งเข้ามา...”
...
เมื่อออกนอกเมืองหนิง หนิงฝานแปรเปลี่ยนเป็นรุ้งหิมะเคลื่อนผ่านท้องนภายามค่ำคืนเพียงลำพัง
ค่ำคืนที่ดาษดื่นด้วยดารา... ผู้เยาว์ผู้หนึ่งเดินทางเปล่าเปลี่ยว มิมีผู้ใดทราบว่าผู้เยาว์ผู้นี้แท้จริงคือปีศาจทมิฬหนิง ผู้ที่ทำให้ทั่วทั้งแคว้นเยว่ต้องสั่นสะเทือน ผู้ที่ทำลายนิกายฝ่ายอธรรมอันดับหนึ่ง ผู้ที่ลอบทำร้ายเทพกษัตริย์เนี่ยจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
การที่มิมีผู้ใดรู้ย่อมถือเป็นเรื่องดี เพราะปีศาจต้องหลอกลวงผู้คน
เมื่อข้ามผ่านท้องนภายามค่ำคืนโดยมิทราบระยะทาง ทันใดนั้น แววตาของหนิงแปรเปลี่ยนเย็นชา เขาสัมผัสได้ถึงความกังวลใจ
หลังจากเหยียบย่างนภาได้สักระยะ หนิงฝานจึงโคจร ‘ยันต์แปดทิศทำนาย’... เมื่อครั้งอดีต จักรพรรดิสวรรค์ได้สลักสิ่งที่ตนพบเจอมาทั้งชีวิตลงในยันต์แปดทิศ แปรเปลี่ยนให้มันกลายวิชา วิชานี้สามารถทำนายอนาคตที่เลือนลางได้ อย่างน้อยผู้ที่ใช้วิชาต้องบรรลุประสานวิญญาณ และยามนี้หนิงฝานบรรลุแล้ว
หนิงฝานนับนิ้วคำนวนตามแบบตำหรับโบราณ ก่อนจะเข้าในสิ่งใส่ทำให้ตนเองกระสับกระส่าย
ยามนี้ในหัวของหนิงฝานปรากฏภาพหนึ่ง เป็นภาพที่ตนเหยียบย่างนภา มีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำและผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณจำนวนมากห้อมล้อมจับกุม!
“นิกายจี๋หลินต้องการชิงตัวข้า! เป็นไปได้อย่างไร”
หนิงฝานแผ่สัมผัสเทพอย่างเลือนลางไปรอบทิศ สัมผัสได้อย่างเลือนลางว่ามีผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังจำนวนหนึ่ง ผู้ที่มีวิชาการอำพรางที่ยอดเยี่ยมได้แอบสะกดรอยมา
เป็นนิกายจี๋หลินที่ต้องการลอบจู่โจมหนิงฝาน
หนิงฝานขบคิดนับร้อยนับพัน ก่อนจะเข้าใจเจตนาพวกมัน ปีศาจทมิฬหนิงทำให้พวกมันหวาดกลัว มันจึงเลือกลงมือกับคนใกล้ชิดแทน
‘คิดจับตัวข้าเพื่อข่มขู่ปีศาจทมิฬหนิง? ฮึ่ม! ช่างชั่วร้ายนัก’
สือหยินที่เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูงกลับคิดจับตัวผู้เยาว์ประสานวิญญาณขั้นกลาง แต่โชคดีที่มันมิได้มาด้วย
มุมปากหนิงฝานยกยิ้มเย้นหยัน ตราบใดที่สือหยินมิมา เขาย่อมไม่ต้องเกรงกลัวคนของนิกายจี๋หลิน จากกลิ่นอายของพวกมัน มี 2 คนที่ทรงพลัง อีก 15 คนที่อ่อนแอ เช่นนั้น 2 คนสมควรเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นแรก ส่วนอีก 15 คนสมควรเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ
นิกายจี๋หลินกลับส่งผู้เชี่ยวชาญมากมายเพื่อจับตัวหนิงฝาน การกระทำของมันถือเป็นการให้เกียรติว่าหนิงฝานแข็งแกร่ง แต่ช่างน่าเสียดายที่พวกมันทั้งหมดต้องถูกสังหาร!
เบื้องหน้าห่างไป 10 ลี้คือภูเขาที่เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ เหมาะแก่การซุ่มโจมตี หากให้จัดการกับผู้ที่ลอบสะกดรอยมานั้น ผืนป่าเบื้องหน้านับว่าเหมาะสม แต่บางที ที่นั่นอาจมีคนของนิกายจี๋หลินอีกกลุ่มรออยู่
แววตาของหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชาและเผยจิตสังหาร
เหนือท้องนภายามค่ำคืน... หนิงฝานที่เหยียบย่างนภาได้หยุดฝีเท้าในฉับพลัน ทำให้ผู้ที่แอบสะรอยเผยสีหน้าสงสัย
“ศิษย์พี่หญิง... เหตุใดมันถึงหยุด หากข้ามไปอีก 10 ลี้ก็จะถึงตำแหน่งที่ศิษย์พี่จือโม่ซุ่มโจมตีแล้ว หรือมันสัมผัสพบพวกเรา...” สตรีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้นกล่าวกับผู้เชี่ยวชาญอีกคน
“ขอบเขตประสานวิญญาณมิอาจสัมผัสพบการอำพรางของเราได้...” สตรีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำอำคนกล่าวด้วยท่าทีสุขุม
แต่ทันทีที่นางกล่าวจบ หนิงฝานพลันหันหลังกลับมาและจ้องมองพวกมันด้วยแววตาที่ดุร้าย
แววตาที่โหดเหี้ยมที่พร้อมกับจิตสังหารระดับจักรพรรดิสวรรค์ ทำให้คนของนิกายจี๋หลิงทั้งหมดสั่นสะท้าน สีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
แต่สิ่งที่คาดมิถึงคือคนของนิกายจี๋หลินทั้งหมดที่ติดตามมาเป็นสตรี!
“นิกายจี๋หลินเอ๋ย... พวกเจ้านับว่ามอบของขวัญให้ข้าหนิงฝานถึงที่ มาเถิด...แหวนกระถางขัดเกลาของข้ายังว่างอยู่”
หนิงฝานแปรเปลี่ยนเป็นสายรุ้งหิมะเหยียบย่างนภาด้วยความเร็วเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ แสงสีครามวาบผ่านนภา เงาร่างและกลิ่นอายของหนิงฝานหายไปอย่างไร้ร่องรอย สิ่งที่เกิดขึ้นในฉับพลันทำให้ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำทั้งสองแตกตื่น
“สมบัติวิญญาณอำพรางระดับทองคำ เป็นไปมิได้ เหตุใดประสานวิญญาณถึงได้ครอบครองสมบัติล้ำค่าเช่นนั้น!”...