DND.101 - จองหองถึงที่สุด(ตอนต้น)
ซือหยูหันไปมอง ….มันคือหลิวกวง!
เขาเดินตามตามชายหนุ่มร่างอวบตัวเตี้ยที่ยิ้มอย่างลำพองใจ
เด็กหนุ่มผู้นั้นอายุประมาณซือหยู...แต่พลังบ่มเพาะของเขาได้ไปถึงระดับราชันย์ขั้นสองแล้ว!
อายุสิบสี่ปีและเป็นราชันย์ขั้นสอง! ซือหยูตกตะลึง!
ลี่กวงกับซือร่งฝึกฝนมาเป็นร้อยปี และทำได้เพียงเป็นราชันย์ระดับสิง! แม้อัจฉริยะเช่นลี่คงหุยก็เพิ่งเข้าสู่ระดับกึ่งราชันย์เมื่ออายุยี่สิบปี
ซือหยูฟื้นคืนสติและมองไปทางอื่น ผมสงสัยว่าเซี่ยนเอ๋อกับจิงหยูเป็นอย่างไรบ้าง ด้วยความสามารถของพวกนางคงทำให้ถูกผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งบางคนรับไปเป็นศิษย์แล้ว
ชายหนุ่มร่างอวบจ้องมองซือหยู
“เจ้ารู้จักเขางั้นรึ?”
หลิวกวงย่อตัวลงให้เท่ากับชายหนุ่มราวกับเป็นคนรับใช้ เขามองซือหยูและตอบด้วยความเหยียดหยาม
“เขาคืออัจฉริยะจากเกาะเดียวกับข้า หลังจากทดสอบแล้วเขามีวิญญาณไร้ค่า และถูกทิ้งไว้บนเกาะ ข้าไม่รู้เหตุใดเขาจึงมายังทวีปเฉินหลงหรือมาในการทดสอบของสำนักหลิวเซี่ยนนี้ได้”
เมื่อได้ยินว่าซือหยูมีคุณสมบัติวิญญาณไร้ค่า ชายร่างอวบก็ไม่สนใจอีก
ในตอนนั้น แววตาหลิวกวงดึร้ายและกระซิบข้างหูเด็กหนุ่ม
“ศิษย์พี่หยวนหู่ เขาคือศิษย์ของลี่กวง!”
หืม? แววตาชายร่างอวบเตี้ยเย็นชาลง และยิ้มด้วยใบหน้าอ้วนกลม เขามิได้ใสซื่อหรือเป็นปกติเลย เขากลับดูป่าเถื่อนโหดร้าย
“หึหึ! น่าสนใจ!”
ลี่คงหุยเดินผ่านหน้าเขา
“พวกเจ้ามีสัมพันธ์เช่นใดกับมัน?”
เหล่าคนตระกูลลี่นั้นเย็นชากับซือหยูมาก พวกเขาไม่ชอบซือหยูอยู่แล้วดังนั้นจึงไม่ลังเลที่จะเว้นระยะห่างกับซือหยู
“พวกเราเป็นเพียงคนแปลกหน้า”
ลี่คงหุยตอบอย่างระวัง
“ฮื่ม! ดีแล้วที่เป็นเช่นนั้น หากเจ้าอยู่กับมัน ข้าจะทำให้พวกเจ้าไม่รอดไปด้วยแน่!”
เขามองซือหยูอย่างเย็นชา
“เจ้าอย่าเข้าสำนักหลิวเซี่ยนจะดีกว่า หรือหากเข้ามา...ก็ควรระวังตัวไว้...”
หลังจากนั้นหลิวกวงก็เดินกรีดกรายมาด้านหน้า
“นี่คือศิษย์พี่หยวนหู่ ศิษย์คนใหม่ของหนึ่งในสิบผู้อาวุโสในสำนัก คำเดียวจากเขาจะอยู่บนฟ้าดินตลอดไป!”
“เกือบจะลืมไป ร่างวิญญาณไร้ค่าเช่นเจ้าไม่มีศิษย์จะเข้าสำนักด้วยซ้ำ หากนี่เป็นเกาะเฉินยี่เจ้าคงจะแสดงพลังได้ แต่ที่นี่เจ้าเป็นเพียงมดปลวก! ความต่างระหว่างเจ้ากับข้าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!”
ฟึ่บ--
คลื่นพลังปราณหมุนรอบกายหลิวกวง!
หลังจากที่ไม่ได้เจอเขาหนึ่งเดือน เขาได้บรรลุขั้นราชันย์ระดับหนึ่งแล้ว เขากลายเป็นราชันย์ที่แท้จริง!
ซือหยูสีหน้ามิแปรเปลี่ยน
“ความต่างชั้นระหว่างข้ากับเจ้ายังเป็นเช่นเดิม”
“ขอบเขตราชันย์เป็นสิ่งที่วิญญาณไร้ค่าอย่างเช้าไม่มีวันเข้าใจได้หรอก รอคอยซะ เราอาจจะได้ประลองกันในภายหลัง ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าพลังของขอบเขตราชันย์เป็นยังไง!”
หลิวกวงเดินออกไป
ฟึ่บ--
ทันในนั้นก็มีสตรีปรากฏอยู่ที่เหนือศีรษะคนนับพัน นางโปรยกลีบบุพผาร้อยกลีบ
เสียงอันเบาบางเล็ดรอดมาจากปากนาง
“ในกลีบบุพผาเหล่านี้มีสิบกลีบที่เร้นโอสถชำระกายระดับต่ำเอาไว้ ใครที่แย่งมันมาได้ โอสถนั้นก็เป็นของเจ้า”
นางบินออกไป รูปลักษณ์ของนางทำให้คนที่มองนั้นตกใจ
เหล่าผู้คนเริ่มตื่นเต้น
นอกจากตระกูลในสามสิบลำดับแรก ไม่มีตระกูลมากนักที่จะมีโอสถชำระกายระดับต่ำ
และแม้จะเป็นอัจฉริยะจากสามสิบตระกูลแรกก็ยากที่จะได้โอสถชำระกายมาครอง
ท่ามกลางบุพผาร้อยกลีบนี้มีโอสถถึงสิบขวด! พวกเขาจะต้องพยายามแย่งมาให้ได้!
ซือหยูเริ่มเคลื่อนไหว!
ฟึ่บ--
ซือหยูใช้สายตาแหลมคมกว่ามนุษย์ปกติมองผ่านกลีบบุพผาทั้งหมด แม้มันจะดูเหมือนกระจายออกไป แต่มันก็อาจจะตกมายังเท้าของเขา!
ซือหยูพบโอสถชำระกายในทันทีสามขวด มันถูกมัดไว้อีกด้านของกลีบบุพผา!
แต่ก่อนที่กลีบบุพผาจะหล่นสู่พื้นก็มีเหล่ากึ่งราชันย์ทะยานขึ้นฟ้าแย่งชิงโอสถที่กลางอากาศ!
เหล่ากึ่งราชันย์พร้อมกับปีกพลังปราณนั้นเร็วมาก
ลี่คงหุยตาเป็นประกายและรีบพุ่งไปยังบนอากาศ เขาคว้ากลีบบุพผาได้หนึ่งกลีบ...แต่มันว่างเปล่า
เขาแอบถอนหายใจกับความอับโชค...แต่ก็มีกลีบที่มีโอสถอยู่ด้วยลอยผ่านหน้าเขา!
ลี่คงหุยดีใจมาก เขายื่นมือออกไปคว้า
พลั่ก---
แต่ในตอนนั้นก็มีสายลมรุนแรงโจมตีเขาจากด้านหลัง!
อ๊าก--
อวัยวะภายในลี่คงหุยสั่นสะเทือนอย่างแรง เขากระอักเลือดออกมาก่อนจะบินถอยหลังไปหลายสิบศอก!
“โอสถเป็นของข้า!”
เด็กหนุ่มอายุสิบห้ายิ้มกว้าง
ลี่คงหุยโกรธมาก แต่หลังจากได้เห็นพลังของศัตรูใบหน้านั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความกลัว!
ราชันย์ระดับหนึ่ง! เด็กหนุ่มอายุสิบห้าคนนั้นเป็นราชันย์ระดับหนึ่ง!
และลี่คงหุยยังรู้ว่าเขาเป็นคนที่มาจากร้อยตระกูลแรก เขาคืออัจฉริยะจากตระกูลลำดับสาม อัจฉริยะจากตระกูลหวู...อู๋ผางหยุน!
แม้จะเป็นตัวแทนของตระกูลมิต่างกัน ลี่คงหุยก็ไม่กล้าพอเมื่ออยู่ต่อหน้าอู๋ผางหยุน ดังนั้นเขาจึงหันกลับไปหาโอสถที่ซ่อนอยู่ภายในกลีบบุพผาที่เหลือ
ฟึ่บ ฟึ่บ--
แสงสีม่วงแล่นผ่านข้างเขา
มันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและมิใส่ใจกลีบบุพผาข้างเขาเลยแต่ไปคว้าอีกสามกลีบอย่างแม่นยำ
ที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงก็คือทุกกลีบนั้นล้วนมีโอสถชำระกายระดับต่ำติดอยู่!
ซือหยูยังไม่หยุดและซ่อนโอสถไว้ในชุด เขามองรอบๆและพบโอสถอีกสองขวดที่ยังไม่มีใครพบทันที!
ฟึ่บ--
ซือหยูบินไปคว้าโอสถอีกสองขวดด้วยความดีใจ
ขณะที่ทุกคนยังมองหาอย่างยากลำบากว่ากลีบใดมีโอสถติดอยู่ ซือหยูก็คว้ามันออกมาแล้ว
เพียงครู่เดียวซือหยูก็ได้รับโอสถระดับต่ำมาห้าขวด!
การเคลื่อนไหวของซือหยูได้ทำให้คนจำนวนมากสนใจ!
“เขา...เขาแย่งไปห้าขวดแล้ว!”
บางคนร้องออกมาด้วยความทึ่ง
เพียงประโยคเดียวก็เรียกความริษยาจากฝูงชนได้!
ฟึ่บ ฟึ่บ--
หลายคนมิอาจทนต่อโอสถห้าขวดอันล่อตาล่อใจได้ จึงมีคนกลุ่มเล็กๆบินไปหาซือหยู
ซือหยูยิ้มอย่างเยือกเย็น
“พวกเจ้ามาถูกเวลาแล้ว!
ฟึ่บ--
แสงสีม่วงทิ้งภาพติดตาไว้เบื้องหลังและทะยานอย่างรวดเร็วราวกับเงา
ความเร็วของซือหยูนั้นตามกึ่งราชันย์ได้อย่างง่ายดาย!
“ไม่นะ! โอสถข้า! มันชิงไปแล้ว!”
กึ่งราชันย์ที่ร่วมล้อมซือหยูตกใจ!
เขาแอบได้โอสถมาหนึ่งขวด แอบซ่อนมันอย่างดีในเสื้อ ซือหยูรู้ได้ยังไง?
เขาไม่รู้ว่าซือหยูพบการเคลื่อนไหวของเขาอย่างชัดเจนเพียงปราดตามอง! เขาจะป้องกันตัวได้ยังไง?
โอสถทั้งสิบขวด...หกขวดตกเป็นของคนคนเดียว...ทำให้ทุกคนทั้งตกใจและประทับใจ
ทันใดนั้นก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดบนท้องฟ้า เหล่ากึ่งราชันย์หลายต่อหลายคนกำลังบินไล่ตามเด็กหนุ่มอายุสิบสี่กลางมวลเมฆา
ฟึ่บ--
ตอนนั้นเองก็มีแสงทมิฬปรากฏข้างซือหยู!
ดวงตาเยือกเย็นและซุกซนมองซือหยู
“เห็นแก่เจ้าที่ช่วยข้ารวมโอสถถึงหกขวด ข้าจะเบามือกับเจ้า”
ตู้ม--
ฝ่ามือยักษ์อันทรงพลังที่มีพลังของราชันย์ระดับหนึ่งปะทะกับอกซือหยู!
การโจมตีอันดุร้ายนั้นหมายมั่นว่าจะทำให้บาดเจ็บรุนแรง...ตรงข้ามกับคำว่า ‘เบามือ’ อย่างเห็นได้ชัด!
“การล่าจบลงแล้ว!”
เสียงอันเบาบางแผ่กระจายทั่วบริเวณ
เสียงระฆังทองแดงที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณดังสะท้อนไปทั่ว เหล่าผู้คนตัวสั่น
พลังปราณในร่างกายของพวกเขาสลายออก เหล่าคนที่บินอยู่เริ่มเสียการควบคุม เกือบจะตกสู่พื้น
เหล่ากึ่งราชันย์หน้าถอดสีและร่วงลงกับพื้น บางคนที่เป็นราชันย์ระดับหนึ่งร่อนลงมาอย่างปลอดภัย
อู๋ผางหยุนกัดฟันเมื่อพลังฝ่ามือของเขาถูกแทรกแทรงกลางครัน
“โชคดีนักนะ!”
เขาเดาะลิ้นและจ้องซือหยู
ซือหยูไม่ยี่หระ เหล่ากึ่งราชันย์ฉละราชันย์ร่อนลงพื้นอย่างกังวล
มเพียงซือหยูที่มิได้รับผลจากระฆังทองแดง เขากลับสู่พื้นอย่างง่ายดายจนทุกคนตกตะลึง
ราชันย์หลายคนมองซือหยูอย่างตกใจและสับสน
พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่าพลังที่ทำให้ซือหยูบินได้นั้นมิได้มาจากพลังปราณ แต่เป็นเพราะวิชาตัวเบาที่บ่มเพาะจนถึงระดับสูง
และแม้จะไม่มีพลังลึกลับนั่น เหล่าอัจฉริยะพันคนก็ตกใจกับจำนวนโอสถที่ซือหยูได้อยู่ดี...จากสิบขวด ซือหยูได้มาหกขวด!
มันยอดเยี่ยมมาก!