DND.100 - โอสถชำระกาย
ผู้อาวุโสยืนอยู่นอกสวน ดวงตาเขามองร่างไร้วิญญาณของลี่กวงอย่างเย็นชาก่อนจะเดินออกไปด้วยความเงียบเชียบ
ซือหยูเดินตามผู้อาวุโส
“ท่านคือผู้นำตระกูลลี่ใช่หรือไม่?”
ซือหยูถามขณะที่เดินตาม
ฟึ่บ--
ซือหยูมอบจดหมายที่ลี่กวงส่งให้เขาก่อนตาย มันปกคลุมด้วยหิมะขาวกระจ่าง พร้อมกับรอยนิ้วมือชุ่มโลหิต
ผู้อาวุโสคลายผนึกจดหมายและพยักหน้าเบาๆ
“เอาล่ะ...ข้าเข้าใจแล้ว”
หลังพูด...เขาเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ
เป็นเวลานานก่อนจะถึงยามวิกาล ซือหยูนั่งอยู่ในห้องที่ตระกูลลี่เตรียมไว้ให้ คนรับใช้ตระกูลลี่มาหาเขาเพื่อส่งข้อความ
“ท่านซือ...ผู้นำตระกูลอยากพบท่าน โปรดตามข้ามา”
ซือหยูถูกพามายังโถงประชุมตระกูลลี่ที่มีเหล่าวัยรุ่นของตระกูลรวมตัวกัน ผู้ที่อายุน้อยที่สุดนั้นอายุสิบห้าปี ที่แก่ที่สุดนั้นไม่ถึงยี่สิบปี แต่ระดับการบ่มเพาะของพวกเขานั้นน่าตกตะลึง
คนอายุสิบห้าที่อ่อนแอที่สุดนั้นมีพลังอยู่ที่ระดับเก้าขั้นกลาง!
ที่แกร่งที่สุดคือชายหนุ่มอายุยี่สิบ พลังวิญญาณล้อมกายเขา ระดับการบ่มเพาะของเขาเกือบจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตราชันย์!
เด็กในตระกูลนี้สิบคนสามารถสังหารอัจฉริยะทุกคนจากเกาะเฉินยี่ในตลอดร้อยปีที่ผ่านมานี้ได้อย่างง่ายดาย!
“ห้าวันจากนี้สำนักหลิวเซี่ยนระดับศิษย์ในรอบห้าปี พวกเจ้าทุกคนจะต้องนำพาเกียรติมาสู่ตระกูล! พวกเจ้าจะต้องต่อสู้เพื่อเพิ่มลำดับของตระกูลในสำนักหลิวเซี่ยน!”
ผู้อาวุโสสั่งอย่างมั่นคง
“ขอรับ! ท่านผู้นำ!”
เหล่าเด็กอายุน้อยต่างตื่นเต้น!
สำนักหลิวเซี่ยนนั้นมีสมาชิกร้อยตระกูล ตระกูลลี่อยู่ในลำดับที่สามสิบ
แต่แม้จะอยู่ลำดับที่สามสิบ...พวกเขาก็แข็งแกร่งมาก
จะมีอัจฉริยะจำนวนเท่าใดกันในร้อยตระกูล? สำนักหลิวเซี่ยนมีอำนาจเพียงใดกัน? แล้วการรับศิษย์เข้าสำนักจะยากแค่ไหน?
“หากพวกเจ้าได้เป็นศิษย์ย่อยสำหนักหลิวเซี่ยน พวกเจ้าจะได้รางวัลเป็นโอสถชำระกายระดับต่ำสามขวด”
“หากเจ้าได้เป็นศิษย์หลักสำนักหลิวเซี่ยน พวกเจ้าจะได้รางวัลเป็นโอสถชำระกายระดับกลางหนึ่งขวด และจะถือว่าได้อยู่ในตำแหน่งผู้ชิงตำแหน่งผู้นำตระกูล”
ดวงตาของเหล่าเด็กในตระกูลเป็นประกาย รางวัลนั้นยิ่งใหญ่นักหากพวกเขาได้เป็นศิษย์สำนักหลิวเซี่ยน หากได้เป็นศิษย์หลักนั้นก็นับว่ามีสิทธิ์จะได้เป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป!
“พวกเราจะออกเดินทางไปสำนักหลิวเซี่ยนพรุ่งนี้...เตรียมตัวซะ! เอาโอสถออกมา!”
ผู้อาวุโสสั่งการ
เขาสะบัดชุดและขวดหยกก็ลอยไปยังเหล่าผู้เยาว์ในตระกูล หนึ่งในนั้นลอยมายังซือหยูและเขารับมันไว้ เขาไม่เข้าใจ...แม้แต่เขาก็ได้หนึ่งขวดงั้นรึ?
ด้านในขวดหยกมีโอสถสีฟ้าอ่อน กลิ่นประหลาดโชยออกมาจากขวด
เขาดมมันเล็กน้อยและร่างกายก็รู้สึกราวกับถูกชำระล้าง ซือหยูตกใจ
“โอสถชำระกายระดับต่ำ! พวกเราได้คนละขวดทุกคนเลย การเข้าสำนักนั้นเป็นเรื่องใหญ่นัก! ช่างน่าตกใจ!”
“หึหึ...ผู้ฝึกตนที่ดื่มโอสถนี่จะได้รับการชำระกาย เข้าถึงขอบเขตราชันย์ได้ง่ายดายขึ้น หากราชันย์ดื่มโอสถนี้จะเพิ่มพลังกายและเพิ่มขีดจำกัดทางกายไปอีก มันล้ำค่าและมิอาจซื้อได้ด้วยเงิน”
ซือหยูตกใจมาก...โอสถชำระกายมันล้ำค่าขนาดนี้เชียวรึ?
ผู้นำตระกูลจากไป ทิ้งคนที่เหลือไว้ด้วยความตื่นเต้น
ในตอนนั้นสายตาบางคู่มองมายังซือหยู หรือจะบอกให้ชัดก็คือมองโอสถในมือซือหยู
“ประหลาดนัก แม้คนที่มิใช่ตระกูลลี่ก็ยังได้หนึ่งขวด เขาจะเข้าทดสอบด้วยงั้นรึ?”
สาวน้อยมองเขาอย่างหยาบคาย เห็นได้ชัดว่าคนตระกูลลี่รู้สึกรังเกียจที่คนนอกตระกูลได้รับสมบัติในตระกูลไป
ซือหยูมิสนใจคำของนางและหันหลังกลับไป
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ! เจ้าจะไปก็ได้...แต่ทิ้งโอสถไว้ซะ”
ชายหนุ่มระดับเก้าขั้นสูงก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและขวางซือหยู...เขากำลังเพรียกหาการต่อสู้
ซือหยูส่ายหัวอย่างเงียบเชียบ
“เจ้ามิใช่ศัตรูข้า หลีกไป”
“คนนอกเช่นเจ้ากล้าหยาบคายงั้นรึ!”
เขาหัวเราะและปล่อยหมัดใส่อกซือหยู
ซือหยูที่เร่งรีบยกดัชนีขึ้นแตะหมัดของบุรุษผู้นั้น
ซ่า--
ราวกับเขาถูกสายฟ้าฟาด เขาชักหมัดกลับอย่างรวดเร็วและสะบัดด้วยความเจ็บปวดจากความเยือกเย็น
“เจ้าใช้อาวุธลับอะไรกัน? น่ารังเกียจนัก!”
“อีกที!”
ในตอนนี้มีหลายต่อหลายคนชมการต่อสู้ เขาไม่อยากจะเสียหน้า...เขาเค้นหมัดอย่างโกรธเกรี้ยวโจมตีอีกครั้ง
“เจ้าควรจะหยุดได้แล้ว เจ้าไม่ทัดเทียมกับเขาเลย”
เสียงอันเยือกเย็นดังขึ้น มันสั้นกระชับแต่มีพลัง
เขาทั้งกลัวและเคารพ เขาดึงหมัดกลับทันทีและรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมเล็กน้อย
“พี่คงหุย พี่ประเมินข้าต่ำเกินไปแล้ว ข้าเพียงแค่ประมาทจนถูกอาวุธลับ ข้าได้เปรียบมันด้วยพลังบ่มเพาะ...ข้าจะแพ้ได้ยังไง?”
ไปบ่นพึมพำ
“เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศัตรูเจ้าใช้วิชาระดับเทพขั้นสูง คงน่าขันนักหากเจ้าชนะเขาได้”
ลี่คงหุยด่าทอและเดินไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ
เขาตัวผอมบาง สายตาคมกริบ เขามีผมสั้นและแววตาราวกับพยัคฆ์ทมิฬ
เขาได้ก้าวข้ามระดับเก้าขั้นสูงและเข้าสู่ขอบเขตราชันย์ เขาเป็นอัจฉริยะ!
“วิชาระดับเทพขั้นสูง? เขาน่ะเรอะ?”
บางคนเริ่มประหลาดใจและคลายสีหน้าหยามเหยียด
การบ่มเพาะวิชาระดับเทพจนถึงขั้นสูงนั้นมิใช่เรื่องแปลก แต่เรื่องแปลกนั้นคือความอ่อนวัยของซือหยู พวกเขาเล็งเห็นถึงระดับสติปัญญาที่ซือหยูมี
พวกเขามองหน้ากันและไม่มีกล้าก้าวไปประมือกับซือหยู
ในบรรดาพวกเขา ในบางคนที่ชนะซือหยูได้แน่นอน
แต่พลังระดับเก้าขั้นกลางพร้อมวิชาระดับเทพขั้นสูงนั้นทำให้ซือหยูมิใช่ศัตรูธรรมดาๆ
แม้จะเป็นระดับเก้าขั้นสูงที่มีวิชาระดับเทพขั้นสูงเช่นลี่คงหุยที่เกือบจะถึงระดับราชันย์ก็ชนะซือหยูอย่างง่ายดาย แต่คนอื่นนั้นจะต้องเปลืองพลังมากหากจะทำเช่นนั้น
“ข้าไปได้รึยัง?”
ซือหยูถาม หัวใจเขายังไม่ฟื้นคืนจากความตายของลี่กวง เขาไม่อยากจะใช้พลังในการต่อสู้กับใครในตอนนี้
ลี่คงหุยลูบคางช้าๆ
“การให้โอสถของตระกูลลี่กับคนนอกนั้นมิใช่เรื่องปกติ แต่ในนามแห่งลี่กวง เจ้าจะเอาโอสถไปได้ในครั้งนี้ แต่มันจะไม่เกิดขึ้นอีก พวกเราตระกูลลี่มิใช่สมาคมการกุศล เราจะให้โอสถเจ้าต่อไปเพราะความสงสารไม่ได้ ถ้าเข้าใจแล้วเจ้าก็ไปซะ”
นั่นคือโอสถจากความเอื้อเฟื้องั้นรึ?์ ซือหยูหยิบโอสถออกมายัดใส่มือของลี่คงหุยก่อนจะจากไป
ลี่กวงคุกเข่าอ้อนวอนคนตตระกูลลี่ให้ยอมรัยซือหยู ในสายตาซือหยูนั้นมิได้มองว่าตระกูลลี่ตั้งใจทำด้วยความเอื้อเฟื้อเลย
การรับความเอื้อเฟื้อเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว หากเขารับมันอีกครั้งก็ยากจะฟื้นคืนจิตใจ
ผู้คนต่างงุนงง
“เขามันคนที่รังแกคนอ่อนแอกว่าและกลัวผู้แข็งแกร่ง! ตอนพี่ลี่หนิวอยากได้เขาสู้กลับ แตต่ตอนพี่คงหุยอยากได้เขากลับมอบให้ทันที!”
“มิใช่เลย ดูเหมือนเขาจะหยิ่งยโส เขารู้สึกอัปยศและพยายามจะกู้หน้าด้วยการคืนโอสถ! ตอนนี้เขาจะต้องรู้สึกเจ็บลึกในใจ...ทรมานกับการที่เอาเกียรติของตนคืนมาแต่มิได้โอสถ”
ซือหยูปฏิเสธโอสถที่ทำให้คนตระกูลลี่รำคาญและขยะแขยงเขา
ลี่คงหุยเลิกคิ้ว เขาส่ายหัวเบาๆ
“เจ้าจะมิได้ไปไหนไกลด้วยความยโสเช่นนี้”
ซือหยูเข้าห้องพักด้วยความประหลาดใจที่ได้เห็นขวดหยกพร้อมกับกล่องหยกบนโต๊ะ
ด้านในขวดเป็นโอสถสีฟ้าอ่อน...โอสถชำระกายระดับต่ำ! ในกล่องนั้นนั้นมีม่านใสบางสองชิ้น ขนาดเท่าเล็บมือ
ด้านข้างมีบันทึกเขียนไว้
“ประการแรก โอสถนั้นมิใช่เพราะความเอื้อเฟื้อ ลี่กวงยอมเอาชื่อออกจากตระกูลลี่เพื่อแลกกับสามสิ่ง สิ่งแรกคือโอสถชำระกาย อย่างที่สองคือสิทธิ์เข้าทดสอบกับสำนักหลิวเซี่ยน อย่างที่สามคือคำขอม่านเพื่อปกปิดดวงตาของเจ้า ทุกอย่างนี้ถูกเตรียมไว้ให้เจ้า ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะยอมรับหรือไม่”
ซือหยูเปล่งเสียงอ่านออกมา
“ประการที่สอง ลี่กวง...มิใช่คนผิด เขาคือบุรุษที่เที่ยงธรรม ย่อมมิใช่คนที่จะขืนใจสตรี! แต่ข้าต้องดูแลทั้งตระกูลลี่ และแม้ข้าจะรู้ว่าเขาบริสุทธิ์...ข้าก็มิอาจจะต่อกรกับทั้งสำนักหลิวเซี่ยน หากเจ้าเข้าสู่สำนักและมีโอกาส...โปรดชำระนามของเขา”
“ประการที่สาม ลี่กวงในอดีตควรจะถูกประหาร...แต่สองผู้อาวุโสในสำนักหลิวเซี่ยนปกป้องเขาเอาไว้และเนรเทศเขาไปยังเกาะเฉินยี่แทน หากเจ้ามีโอกาส...จงเข้าสู่ใต้ความคุ้มครองของเขา”
ซือหยูอ่านจบ
แม้ว่าจะไม่มีการลงนาม แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือบันทึกจากผู้นำตระกูลลี่
เขารู้ว่าลี่กวงบริสุทธิ์ แต่อำนาจของหานฉี่นั้นแข็งแกร่ง ในฐานะผู้นำตระกูลลี่แล้วเขามิอาจยืนกรานในความคิดของตนได้
พวกเขาไม่กล้าเข้าใกล้ลี่กวงจนเกินไปด้วยซ้ำหลังจากที่เขากลับมาจากการถูกเนรเทศร้อยปี พวกเขาทำได้แ่มองลี่กวงอย่างเย็นชา
สมาชิกตระกูลที่ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อตระกูลทรมานอยู่ตรงหน้า...แต่พวกเขาทำได้เพียงมองลี่กวงดั่งคนแปลกหน้า ทิ้งให้ตายอย่างโดดเดี่ยว มันช่างเจ็บปวดยิ่งนัก
ซือหยูถือโอสถชำระกายด้วยความเศร้า
ลี่กวงได้วางแผนอนาคตของซือหยูก่อนที่จะได้พบกับฉีลั่วหลาน
สิ่งที่เขาแลก….คือการลบชื่อออกจากตระกูล!
ตัวตนของเขาคือมลทินแห่งตระกูลลี่ การลบชื่อของเขาออกจากตระกูลนั้นทำให้หลายคนในตระกูลพอใจ
แต่สำหรับคนแก่เฒ่าที่ระเหเรร่อนมาร้อยปี...สุสานบรรพบุรุษจะมิใช่ที่พักผ่อนสุดท้ายของเขาได้ยังไงกัน?
สำหรับซือหยู...เขาจะต้องมอบที่พักผ่อนสุดท้ายให้กับอาจารย์ เขาถูกลบนามจากตระกูลไปแล้ว ซือหยูต้องล้มเลิกที่จะฝังอาจารย์ไว้กับสุสานตระกูลลี่
ซือหยูนั้นคือบุรุษที่รู้คุณคน เขาสวมม่านแก้วกับดวงตา
ดวงตาสีม่วงอันผิดปกติของเขาถูกบดบังเอาไว้ และผนึกเวลาที่ควบคุมอย่างยากลำบากก็ถูกผนึกไว้ชั่วคราวโดยมิต้องหลับตา
ลี่กวงคิดทุกอย่างไว้แล้ว!
ซือหยูดื่มโอสถชำระกายระดับต่ำ โอสถเข้าสู่ร่าง คุณสมบัติอันน่าอัศจรรย์ของโอสถแผ่ไปยังรยางค์กาย
ร่างกายของเขารู้สึกถึงการชำระล้างความเป็นมนุษย์ออกไป เวลาผ่านไป กลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ออกมาจากร่างกาย
โอสถนั้นชำระสิ่งไม่บริสุทธิ์ภายในกระดูกและเนื้อหลังออกมา มันคือผลจากการกินและหายใจเอาสิ่งไม่บริสุทธิ์เข้าไปเป็นเวลาหลายปี พวกมันสะสมอยู่ในร่างกาย แบ่งแยกพลังจากบุคคลมิให้เป็นหนึ่งกับธรรมชาติ
หลังจากขับมลทินออกแล้วซือหยูก็รู้สึกว่าร่างกายถูกชำระล้าง ราวกับกลับมาเป็นตัวตนในอดีตที่ไร้มลทิน ร่างกายของเขารู้สึกถึงธรรมชาติ ใบหน้าดูมีพลัง...ราวกับได้เกิดใหม่
ด้วยระดับปัญญาของเขา ขีดจำกัดทางกายของเขาควรจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทำให้เขาเข้าใกล้ขอบเขตของราชันย์มากขึ้น
โอสถนั้นเก็บพลังไว้มากมาย ทำให้ซือหยูเพิ่มพลังขึ้นเป็นระดับเก้าขั้นสูง
“โอสถชำระกายได้สมชื่อจริงๆ แม้มันจะเป็นระดับต่ำ ผลของมันก็น่าตะลึงนัก!”
ซือหยูประหลาดใจ
เขารู้สึกได้ถึงพลังจำนวนมากในอากาศ มันคือพลังวิญญาณ
การรับรู้พลังวิญญาณขั้นเป็นก้าวแรก...ก้าวถัดไปคือเขาต้องดูดซับมัน
หากเขาดูดซับพลังวิญญาณได้ เขาจะเข้าใจขอบเขตของราชันย์มากขึ้น คล้ายกับระดับของลี่คงหุย
ซือหยูยังอยู่แค่ก้าวแรก ยังคงห่างไกลจากขอบเขตราชันย์
“ถ้าข้าได้โอสถชำระกายอีกซักสิบขวดน่าจะเข้าสู่ขอบเขตราชันย์ได้ล่ะนะ”
ซือหยูบ่นพึมพำ
แต่ต่อมาเขาก็ส่ายหัวเย้ยตนเอง เขาโชคดีแล้วที่ได้มาหนึ่งขวด...คนตระกูลลี่ที่รู้มากกว่านี้คงจะช่วยเขา...แต่พวกเขาคงไม่ใส่ใจอยู่ดี
วันต่อมา...กลุ่มออกเดินทาง
แต่ก่อนที่พวกเขาจะเดินทาง...ซือหยูได้ขอร่างของลี่กวง
ลี่กวงมิอาจถูกฝังในสุสานตระกูลลี่ แต่ร่างกายของเขาก็มิอาจถูกทิ้งไว้ได้ ซือหยูฝังเขาไว้ที่เนินเขารกร้างหลังตำหนัก
ซือหยูคุกเข่า
“ท่านอาจารย์ ศิษย์ท่านจะออกเดินทางแล้ว ข้าจะไม่กลับมาก่อนจะได้หัวของหานฉี่กับฉีลั่วหลาน!”
ในใจ...ซือหยูมีอีกหนึ่งปรารถนา เขาอยากจะฝังร่างลี่กวงในสุสานตระกูลลี่...นำพาเขากลับมายังรากเหง้า ลี่กวงโดดเดี่ยวมาทั้งชีวิต เขามิควรจะเดียวดายในความตาย
กลุ่มสิบเอ็ดคนมุ่งหน้าไปยังสำนักหลิวเซี่ยนโดยมีผู้นำตระกูลนำทาง
ตลอดทางเหล่าตระกูลลี่นั้นพูดคุยชี้แนะเรื่องการบ่มเพาะแก่กัน
แต่ซือหยูนั้นโดดเดี่ยวจากคนตระกูลลี่
เดินทางหลายวันก่อนที่พวกเขาจะถึงสำนักหลิวเซี่ยน พวกเขาพบกับมุมมองอันน่าอัศจรรย์ใจ
มีวังอันมั่งคั่งอยู่ท่ามกลางพื้นที่กว้างใหญ่ มันกว้างเกินกว่าจินตนาการ กระโจมและบ้านลอยอยู่บนอากาศ ราวกับที่วิ่งเล่นของพระเจ้า
หมอกอันทรงพลังล้อมรอบวังและมีสัตว์วิญญาณอยู่โดยรอบ
ในตอนนั้น ประตูสวรรค์ก็เปิดอ้าต้อนรับคนนับพัน
อัจฉริยะสิบลำดับจากร้อยตระกูลเดินทางมาถึงแล้ว
“หืม...ซือหยู!”
เสียงใกล้ๆสั่นอย่างตกใจ
มีคนที่รู้จักซือหยูที่นี่...และเสียงของเขานั้นดูคุ้นเคยเล็กน้อย