บทที่ 12 การต่อสู้ที่อันตราย
ขณะที่เขาพูดยังไม่ทันจบ ผู้เฒ่าจางสัมผัสได้ถึงอันตราย มีดอกไม้ขนาดเท่าตัวคนงอกขึ้นมาข้างหลังของเขา ดอกไม้นั้นมีสีแดงสวยงามและมีเกสรมากมายร่วงหล่นออกมาจากกลีบ
ดอกไม้พิษ ดอกสองฤดู!
จิตวิญญาณยุทธของเซี่ยวอวี่หลานก็คือดอกพอยน์เซตเทีย ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าพิษร้ายแรง ตราบเทาที่มันดูดเลือด มันอาจเป็นการจูโจมได้ถึงตาย และเกสรของมันยังส่งผลต่อระบบประสาท ส่งผลให้ความสามารถในการต่อสู้ลดลงเป็นอัมพาตได้โดยไม่รู้ตัว และถ้าคนที่ถูกพิษแล้วโดนละอองเกสรเข้าไปในแผลเปิด คนที่โดนพิษนั้นอาจตายได้ภายในช่วงสิบลมหายใจ
เซี่ยวเฉินคิดมาก่อนเลยว่าวิญญาณต่อสู้ของเซี่ยวอวี่หลานคือดอกสองฤดูและไม่คาดคิดด้วยว่านางจะวางอุบายได้แยบยลขนาดนี้ ไม่มีใครคิดว่าต่อหน้าจอมยุทธขอบเขตปรมจารย์ยุทธขั้นสูง จอมยุทธขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธจะเป็นฝ่ายลงมือก่อน หน่ำซ้ำจอมยุทธขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธคนนี้เป็นเพียงสาวน้อยรูปงาม
ผู้บ่มเพาะพลังจะอ่อนแอมาก ระหว่างที่จิตวิญญาณยุทธออกมาจากร่าง เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นดอกไม้สีแดงปรากฎออกมา เขาก็รู้ว่าควรทำเช่นไรแล้วก็ลงมือทันที
เปลวไฟสีม่วงก่อตัวขึ้นสว่างวูบวาบบนฝ่ามือของเขา เซี่ยวเฉินย่อขารวบรวมพลังปราณไว้ที่ขาพร้อมพุ่งตัวออกไป เกิดเป็นเสียงแหวกอากาศก่อนที่ฝ่ามือของเขาจะปะทะใส่ผู้เฒ่าจาง
ในขณะที่โดนเกสรฝังใส่ร่างของเขา ผู้เฒ่าจางหมายจะปลิดชีพเซี่ยวอวี่หลานก่อนที่นางจะมีโอกาสกระตุ้นให้พิษทำงาน ไม่เช่นนั้นเขาจนมุมเป็นแน่ แต่เมื่อเขาเห็นเซี่ยวเฉินพุ่งเข้ามา มุมปากของเขายกขึ้นปรากฎเป็นรอยยิ้มชั่วช้า เจ้าเด็กเหลือขอนี้เป็นแค่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัด ริอาจมาหาญกล้ากับเขา
เขาดึงพลังปราณที่กำลังต้านพิษของสองฤดูมาส่วนหนึ่ง ซัดใส่ฝ่ามือของเซี่ยวเฉิน เซี่ยวเฉินถูกซัดเด็นถอยหลัง เพราะหมัดจากจอมยุทธขอบเขตระดับปรมจารย์ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต้านไหวในตอนนี้ เลือดกระอักออกมาจากปาก เขารู้สึกได้เลยว่าไม่ปอดก็หัวใจของเขาได้รับความเสียหาย
ผู้เฒ่าจางไม่แม้แต่จะชายตามองเซี่ยวเฉินที่ถูกเขาซัดกระเด็นไป เขาต้องจัดการกับเปลวไฟสีม่วงที่เขาเพิ่งสังเกตุเห็นว่ายังติดอยู่ที่กำปั้นของเขาแถมยังดูดกลืนพลังปราณของเขาไปเรื่อยๆ เขาตื่นตระหนก…. นี้มันไฟบ้าอะไร เขารีบแบ่งพลังปราณออกมาอีกเพื่อห่อหุ้มเปลวไฟนั้นไว้ เขามมุ่งจิตควบคุมพลังปราณอย่างถ้วนถี่และกำหมัดไว้แน่นก่อนที่จะผลักเปลวไฟนั้นหลุด
เซี่ยวอวี่หลานใช้จังหวะนี้ เรียกคืนจิตวิญญาณยุทธของนางกลับเข้าร่าง มองดูเซี่ยวเฉินที่กระอักเลือดออกมา รังสีฆ่าฟันก็ปรากฎขึ้นบนดวงตาของนาง นางชักดาบออกมาพร้อมจ้องเขม็งไปที่ผู้เฒ่าจางด้วยสีหน้าเย็นช้า ราวกับเขาได้ตายไปแล้วในสายตาของนาง
“อาวุธวิญญาณระดับลึกซึ้งขั้นต่ำ ดาบจันทร์เสี้ยว ข้าไม่นึกเลยว่าอาวุธวิญญาณระดับลึกซึ้ง เพียงหนึ่งเดียวของตระกูลเซี่ยวจะมาอยู่ในมือของเจ้า ดูเหมือนวันนี้ข้าจะปล่อยเจ้ารอดไม่ได้แล้ว” มองดูดาบในมือของเซี่ยวอวี่หลาน ผู้เฒ่าจางประหลาดใจ
เซี่ยวอวี่หลานจับดาบไว้ในมือ มีกลีบดอกไม้เริงระบำตามสายลมไปรอบๆตัวนางนาง หมุนวนไปตามทางของดาบพุ่งเข้าใส่ผู้เฒ่าจาง ผู้เฒ่าจางไม่กล้าเข้าไปเสี่ยงแบ่งพลังปราณกึ่งหนึ่งไปที่มือและเท้า อีกครึ่งหนึ่งใช้เพื่อขับพิษออก
พวกเขาทั้งสองเริ่มขยับเร็วขึ้นเร็วขึ้น เซี่ยวเฉินที่นอนกองอยู่กับพื้น ตอนแรกสามารถเห็นการต่อสู้ของพวกเขาได้ชัดเจน ตอนนี้เริ่มเห็นเป็นเงาจางๆท่ามกลางหมู่ดอกไม้ที่ปลิวไปมา
การต่อสู้นี้ไม่ใช่ระดับที่เขาจะเข้าไปแทรกได้ และคาดไม่ถึงเซี่ยวอวี่หลานจะรวดเร็วได้ปานนี้ แม้ระดับขอบเขตพลังจะต่างกัน นางก็สามารถประมือกับผู้เฒ่าจางได้อย่างสูสี
เซี่ยวเฉินเบนสายตาไปมองที่ด้ามกระบี่บนเสาศิลาแสงจันทร์ นั้นคงเป็นอาวุธวิญญาณที่พวกนั้นหมายตาไว้ เขาตัดสินใจที่จะไปฉวยมาให้ได้ก่อนพวกนั้น
เซี่ยวเฉินลุกขึ้นช้าๆ และเดินไปทางเสาศิลาแสงจันทร์
เมื่อชายชุดน้ำเงินซึ่งกำลังพยายามสุดฝีมือเพื่อขยายช่องบนม่านพลัง เห็นเซี่ยวเฉินกำลังเดินตรงมาทางเสาศิลาแสงจันทร์ เขารู้สึกกระวนกระวายในใจ ตอนนี้เข้ายังละมือจากสิ่งที่ทำอยู่ไม่ได้ เขากระโกนเสียงดัง “ผู้เฒ่าจาง เจ้าขยะ! แค่เด็กน้อยสองคนก็จัดการไม่ได้รึ! ถ้าอาวุธวิญญาณนี้หลุดมือข้าไปละก็ หลังจากกลับออกไปได้เจ้าจะเป็นคนแรกที่ตายด้วยมือข้า”
ผู้เฒ่าจางซึ่งตอนนี้กำลังประมือติดพันกับเซี่ยวอวี่หลานอยู่ พบว่าไม่มีข้อแก้ตัว เจ้าอาวุธวิญญาณของสาวน้อยคนนี้มันแปลกพิกล ขณะที่มีกลีบดอกไม้พวกนี้พริ้วไหวไปรอบๆเขา มันทำให้เขาอ่อนแรงพลังต่อสู้หายไปกว่าครึ่ง ยิ่งกว่านั้นเขาต้องกลั้นหายใจ พยายามไม่ให้สูดพิษของดอกสองฤดูเข้าไป ทำให้เขาแสดงความแข็งแกร่งของระดับขอบเขตปรมาจารย์ออกมาได้เพียง 1 ใน 4
เมื่อเขาได้ยินชายชุดน้ำเงินกล่าวเช่นนั้น ผู้เฒ่าจางใจด้านชา เมื่อเซี่ยวอวี่หลันแทงดาบใส่เขา เขาไม่หลบ ปล่อยหมัดสวนออกไปอย่างแม่นยำ สาวน้อยคนนี้อยากจะเห็นเลือดเขาใจจะขาดเพื่อที่จะได้กระตุ้นให้พิษของดอกสองฤดูทำงาน นางทำไปเหมือนกับว่าเขาไม่มีทางขับพิษออกไปได้
แค่ก่อนที่หมัดของผู้เฒ่าจางจะปะทะ ร่างของเซี่ยวอวี่หลานบิดเบี้ยวแยกออกเป็นสองร่าง ร่างหนึ่งที่ปะทะเข้ากับกำปั้นของผู้เฒ่าก็แตกสลายกลายเป็นมวลกลีบดอกไม้สีแดง
ผู้เฒ่าจางไม่ได้แปลกใจอะไร เขายิ้มพร้อมกับตะโกนเสียงดังหลังจากจับข้อผิดพลาดของนางได้ “นี้เป็นไพ่ตายของเจ้าสินะทักษะระดับลึกซึ้งขั้นต่ำบุปผาแยกเงา อย่างไรก็ตามได้เวลาจบเรื่องนี้กันแล้ว ผสานร่างวิญญาณ!”
มีเงาอสูรวานรปรากฎขึ้นข้างหลังผู้เฒ่าจาง ชั่วพริบตานั้น ผู้เฒ่าจางก็กลายร่างเป็นอสูรวานร นี้เป็นพลังของระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธผสานร่างวิญญาณ
หลังจากจิตวิญญาณยุทธสถิตร่าง ทั้งพลังและความเร็วจะเพิ่มขึ้นไปหลายขั้น บางครั้งบางคนอาจจะได้รับพลังพิเศษของจิตวิญญาณยุทธมาด้วย
ผู้เฒ่าจางใช้มือขวาของเขา ที่ยืดยาวออกมากว่าครึ่ง กำหมัดขึ้นบนอากาศเกิดเป็นสายฟ้าผ่าใส่ร่างปลอมของเซี่ยวอวี่หลานกลายเป็นมวลกลีบดอกไม้ปลิวไหว
หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ผู้เฒ่าจางกระโดดไปเหมือนกับวานรใช้สองมือจับร่างปลอมตัวสุดท้าย
“ตู้ม!”
ร่างปลอมแตกออกเป็นกลีบดอกไม้สีแดงนับไม่ถ้วน ช่วงพริบตาพื้นที่รอบๆก็เต็มไปด้วยกลีบดอกสองฤดู
สีแดง ผู้เฒ่าจางเต็มไปด้วยความงงงวยหันไปมองข้างหลัง ก็ปรากฎเป็นร่างปลอมอีก 7 ร่างท่ามกลางหมู่ดอกไม้ที่พริวไหว
ผู้เฒ่าจางงุนงงพร้อมกับพึมพำ “นั้นมันเป็นไปไม่ได้ แม้แต่บุปผาแยกเงาระดับสูงสุดก็สร้างร่างปลอมขึ้นมาได้เพียง 10 ร่าง อายุเพียงเจ้าสามารถขึ้นไปถึงขั้นนั้นแล้ว”
เซี่ยวอวี่หลานกล่าวอย่างเย็นชา “ผสานร่างวิญญาณ ต้องใช้พลังปราณทั้งหมดในร่างเพื่อเรียกออกมา พิษดอกสองฤดูของข้าน่าจะเริ่มออกฤทธิ์ตอนนี้มันจบแล้ว”
ร่างปลอมทั้ง 7 พุ่งเข้ามาจากทุกสารทิศ ดาบจันทร์เสี้ยวผสานกับมวลกลีบดอกไม้ รวมเข้าด้วยกัน เมื่อผู้เฒ่าจางไม่มีพลังปราณค่อยต้านพิษ พิษดอกสองฤดูก็เริ่มส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้แขนขาของเขาเริ่มชักกระตุก
“ผุบ!”
ร่างปลอมทั้ง 7 ผสานกลายเป็นเซี่ยวอวี่หลานยืนอยู่ข้างหลังผู้เฒ่าจาง กลีบดอกไม้ร่ายรำอยู่ข้างหลังนางไปตามดาบจันทร์เสี้ยวที่ฟาดฟันลงบนหลังของผู้เฒ่าจาง เกิดเป็นแผลเลือดสาดกระเซ็นสยดสยอง พิษดอกสองฤดูก็เริ่มทำงาน พร้อมส่งผู้เฒ่าจางสู่ความตายใน 10 ลมหายใจ
อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นผู้เฒ่าจางก็พลิกตัวกลับมาจับไปที่ดาบจันทร์เสี้ยวด้วยมือของเขา
“หากข้าต้องตาย ข้าก็จะลากเจ้าไปกับข้า!”
TL: ตอนนี้ผมกำลังกลับมาแก้ไขคำใหม่ตั้งแต่ตอนที่ 1 เพราะช่วงหลังเริ่มปรับคำใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ตอนนี้ (06/06/62) แก้ไขถึงตอนที่ 12 หากอ่านต่อจากตอนนี้อาจจะเจอคำแปลกๆนะครับ **หากแก้ไขแล้วจะลบข้อความนี้ทิ้งครับ