บทที่ 11 การพบเจอที่ขมขื่นกับศัตรูซึ่งซึ่งหน้า
จิตวิญญาณยุทธของเขาเพิ่งจะก่อตัวขึ้นมา ถ้าสายฟ้าน่ากลัวนี้ซัดเข้าใส่จิตวิญญาณยุทธของเขา สิ่งที่เขาทำหลอมรวมขึ้นมาอย่างยากลำบาก มันอาจโดนซัดแหลกเป็นชิ้น เขาก็จะกลับไปเป็นเจ้าขยะตลอดกาล
อย่างไรก็ตามในขณะนั้นมีบางอย่างแปลกๆเกิดขึ้น มังกรฟ้าที่อยู่ตรงจุดดันเที่ยนของเขาก็อ้าปากกว้างดูดสายฟ้าที่กำลังอาละวาดอยู่ในเส้นลมปราณของเขา เจ้าสายฟ้านั้นฟาดฟันไปที่ตัวมันแต่มังกรฟ้าก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยวเฉินรู้สุกงงงวย หรือว่าเพราะทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธุิ์ ปรับเปลี่ยนทำให้มังกรฟ้าสามารถซึมซับพลังสายฟ้าได้
“น้องเซี่ยวเฉิน เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” เซี่ยวอวี่หลานถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจ นางรู้สึกผิด เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้นหากนางเตือนเขาให้เร็วกว่านี้
พลังสายฟ้าในตัวเขาเริ่มจางหายไป เหลือไว้เพียงอาการบาดเจ็บที่เส้นลมปราณแต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร เซี่ยวเฉินสามารถฟื้นตัวได้ในเวลาไม่นาน “ข้าไม่เป็นไร สายฟ้านั้นอาจจะดูน่ากลัวแต่ก็ไม่ได้ใส่พลังเข้ามามากเท่าไหร พี่อวี่หลานสบายใจได้”
เซี่ยวอวี่หลานทำท่าเหมือนจะไม่เชื่อเขา นางจับข้อมือเขาเพื่อตรวจสอบเส้นลมปราณ แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่นางก็รู้สึกคาใจ เจ้าสายฟ้านั้นมันดูไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่เซี่ยวเฉินกล่าว แต่นางไม่สามารถหาคำตอบได้เร็วๆนี้
เซี่ยวเฉินยิ้ม “ท่านพี่ ไม่ต้องคิดมาก มาดูเถอะว่าจะมีอะไรอยู่ในกล่อง”
เซี่ยวปวี่หลันเก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วหยิบของในกล่องออกมา นางพูดหลังจากพลิกดูไปมาครู่หนึ่ง “นี้เป็นตำราทักษะขั้นสูงระดับเหลือง น่าเสียดายมันเป็นธาตุสายฟ้า”
ตำราทักษะขั้นสูงระดับเหลืองธาตุสายฟ้า ในที่สุดก็มีสมบัติบนจานเงินมาส่งมือเขาแล้ว เขาเพิ่งหลอมรวมจิตวิญญาณยุทธของเขาได้ ยังไม่ได้เรียนทักษะอะไร ธาตุของมังกรฟ้าคือไม้แต่หลังจากที่เขาฝึกฝนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธุิ์ เจ้ามังกรฟ้านี้เหมือนจะได้รับธาตุสายฟ้ามา
“ท่านพี่ ขอตำราทักษะนั้นให้ข้าไปฝึกฝนจะได้ไหม?” เซี่ยวเฉินกล่าว
เซี่ยวอวี่หลานพยักหน้าในทันที “ข้าตั้งใจจะให้เจ้าอยู่แล้ว แต่ว่า.. ตำราทักษะนี้เป็นธาตุสายฟ้าแต่ว่าจิตวิญญาณยุทธของเจ้าเป็นธาตุไฟ พลังของมันจะลดทอนไปบ้าง”
เซี่ยวเฉินรับตำราทักษะมาพร้อมกับยิ้ม “ไม่มีปัญหา ข้ายังไม่เคยเรียนทักษะอะไรเลย เรียนอันนี้ไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย”
ตำราทักษะขั้นสูงระดับเหลืองสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ หลังจากฝึกสำเร็จแล้ว จะสามารถปล่อยพลังระเบิดสายฟ้าได้ เซี่ยวเฉินหมุนเวียนพลังปราณไหลไปที่ตำราทักษะ ก็มีพลังงานสายฟ้ามาก่อตัวที่มือขวาของเขา เขาพอใจกับทักษะนี้มาก เขารีบหยุดการฝึกไว้เพียงเท่านี้ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามาทดสอบ
“พี่อวี่หลาน พวกเราควรหันกลับหรือจะไปต่อ?” เซี่ยวเฉินถาม เขาได้ตำราทักษะขั้นสูงระดับเหลืองนี้มาก็พอใจแล้ว ถ้าพวกเขายังไปต่ออาจจะเจออันตรายได้
เซี่ยวอวี่หลัยเมินเซี่ยวเฉิน สำรวจทุกซอกทุกมุมของกำแพงทั้งสี่ด้านต่อไป ผ่านไปสักพักนางก็พูดขึ้น “เหมือนพวกเราต้องเดินกลับไป หลังจากค้นหามานาน ข้ายังคงไม่เจอเส้นทางลับในห้องนี้”
ตรงกับเจตนาเดิมของเซี่ยวเฉิน เขาเก็บตำราทักษะไว้ที่ปลอดภัยแล้วก็ยิ้ม “ที่นี้ไม่ชอบมาพากล รีบไปก่อนที่จะมีอะไรเกิดขึ้นเถอะ”
ช่างบังเอิญ หลังเซี่ยวเฉินพูดจบโต๊ะหินในห้องก็เริ่มขยับช้าๆทวนเข็มนาฬิกา เซี่ยวอวี่หลานจับกระบี่ของนางพร้อมจ้องไปตามโต๊ะที่ขยับอย่างตื่นตัว ขณะที่โต๊ะหยุดขยับ กำแพงหินด้านขวาก็ปรากฎเป็นประตูขึ้นมา
เซี่ยวเฉินอยากจะตบปากตัวเองสักที เมื่อเขาว่าที่นี่ไม่ชอบมาพากลเรื่องไม่ชอบมาพากลก็ออกมา เซี่ยวอวี่หลานหยิบตะเกียงขึ้นมาโยนขึ้นหน้าไป นางพบว่าด้านหลังประตูนั้นไม่มีอะไร หลังจากลังเลอยู่สักครู่เซี่ยวอวี่หลานก็ลอดผ่านอุโมงไปช้าๆ ทิ้งเซี่ยวเฉินที่ไม่มีทางเลือกนอกจากตามนางไป
“น้องเฉิน ตามข้ามาทำไม ไม่ใช่วเจ้าพูดว่าไม่อยากมาหรอกรึ” เซี่ยวอวี่หลานกล่าวพร้อมยิ้มมุมปาก
เซี่ยวเฉินกายหน้าผาก “ข้าตามมาดูเฉยๆ เดียวข้าก็กลับ ทางก็เปิดอยู่หันหลังกลับก็ออกไปง่ายดาย”
“บึ้ม……!”
ราวกับว่ามันกำลังตอบกลับเซี่ยวเฉิน ช่องทางข้างหลังพวกเขาถูกปิดลง แทบจะทำให้เซี่ยวเฉินคลั่ง---นี้มันบ้าอะไรกัน!
จ้องมองหน้าบึ้งๆ ของเซี่ยวเฉิน เซี่ยวอวี่หลานก็ขำอุบอิบ “เอาละ ตอนนี้ทางก็ถูกปิดไปแล้ว เจ้าหันหลังกลับไม่ได้แล้ว”
เซี่ยวเฉินยิ้มเจ็บๆ “หวังว่าข้างหน้าจะมีทางออก”
พวกเขาเดินไปอย่างเงียบๆได้ระยะหนึ่ง ทัศนวิสัยก็เปิดกว้างขึ้นปรากฎให้เห็นฐานหินขนาดใหญ่ข้างหน้าพวกเขา
เสาศิลาแสงจันทร์ที่อยู่ตรงกลางฐานหินดึงความสนใจพวกเขาในทันที จากความทรงจำของร่างนี้ เซี่ยวเฉินก็จินตนาการได้ถึงมูลค่ามหาศาลของศิลาแสงจันทร์นี้ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็สังเกตุเห็นคนของตระกูลจาง อยู่ข้างหลังม่านพลังสีเหลือง
การปรากฎตัวของเซี่ยวเฉินสร้างความกระวนกระวายให้ชายชุดน้ำเงิน ณ ตอนนี้ที่ม่านพลังมีช่องแค่ขนาดครึ่งตัวคน คนปกติไม่สามารถเบียดผ่านไปได้ ช่วยไม่ได้ที่เขาจะร้อนใจ
“ผู้เฒ่าจาง เข้าไปเร็ว สองคนนั้นอยู่ระดับขอบเขตเซี่ยวชาญยุทธ พวกเราอย่าปล่อยให้พวกมันฉวยเอาอาวุธวิญญาณบนศิลาแสงจันทร์ไปได้”
ผู้เฒ่าจาง รู้ว่านี้เป็นเรื่องเร่งด่วน เขาถอยหลังสองก้าวและพุ่งไปข้างหน้าราวกับปลาคาร์พกำลังแหวกว่ายไปในสายน้ำ ร่างเขาพุ่งใส่ช่องที่กว้างเท่าตุ่มน้ำ เขาล้มคะมำและก็ลุกขึ้นยืนทันที
ระดับพลังของผู้เฒ่าจางได้มาถึงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงนานมาแล้ว จอมยุทธขอบเขตปรมาจารย์มีพลังที่จะฆ่าจอมยุทธขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธได้นับสิบ แล้วนับอะไรกับผู้เฒ่าจางจอมยุทธขอบเขตปรมาจารย์ขั้นสูง ฆ่าพวกเขาเป็นเรื่องง่ายดาย
ผู้เฒ่าจางเดินตรงมาช้าๆ และเห็นพวกเขาได้ชัดเจนพร้อมกับยิ้ม “ข้านึกว่าใคร ที่แท้คุณชายสองจากตระกูลเซี่ยว แล้วก็หลานสาวของผู้เฒ่าหนึ่งแห่งตระกูลเซี่ยว”
เซี่ยวอวี่หลานเดินขึ้นหน้าไปพร้อมกล่าว “พวกข้าไม่ได้สนใจมาชิงศิลาแสงจันทร์ พวกข้าติดกับดักตอนที่พยายามจะกลับออกไป เมื่อทราบเช่นนั้นแล้ว โปรดปล่อยพวกข้าไป”
เซี่ยวเฉินเหงื่อตก พี่สาวของเขาเก่งกาจก็จริง แต่ในหัวมีรอยหยักบ้างหรือไม่ ตระกูลเซี่ยวกับตระกูลจาง เป็นศัตรูกันมาช้านาน ยิ่งกว่านั้นฆ่าพวกเขาทิ้งเสียที่นี้ก็ไม่มีใครรับรู้ ต่อให้ไม่มีศิลาแสงจันทร์ ผู้เฒ่าจาง ก็ไม่ปล่อยพวกเขาไป
ผู้เฒ่าจาง หัวเราะลั่น “ท่านหญิงน้อยช่างไร้เดียงสา คิดว่าข้าจะ… เจ้ากล้าลอบโจมตีข้ารึ! ช่างโง่เขลา!”