ตอนที่ 141 ชักกระบี่ด้วยความโกรธ
หลิงฮันขบคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะหาเรื่องอื่นขึ้นมาเป็นประเด็นพูดคุย
หลี่เฮ่าได้เข้าเรียนที่สำนักหู่หยางและได้การรับรองว่าเขาจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า ตระกูลจูเป็นกังวลว่าหลี่เฮ่าจะได้รับประสบการณ์ที่จะทำให้นิสัยของเขาเปลี่ยนไปหลังจากที่ได้เห็นการใช้ชีวิตหรูหราและฟุ่มเฟื่อยในเมืองจักรพรรดิ ดังนั้นจูเสวี่ยอี้จึงติดตามเขามาที่นี่ด้วย
อย่างไรก็ตาม คู่รักคู่นี้ดูเหมือนว่าจะผ่านอุปสรรคในความรักของพวกเขามาได้แล้วและความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น เมื่อหลิงฮันเห็นพวกเขา เขาได้พยักหน้าอยู่ในใจและรู้สึกมีความสุขกับพวกเขา
"พี่ใหญ่หลิง ข้ายังคงตามหาตัวท่านหลังจากที่ข้าได้เข้าร่วมสำนักแล้ว แต่ข้ากลับหาตัวท่านไม่พบเลย" หลี่เฮ่ากล่าวด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย
หลิงฮันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเสียงดังและกล่าวล้อเล่นว่า "บางทีเจ้าอาจใช้เวลาหาตัวข้าน้อยไปรึป่าว? เจ้ามัวแต่หนุงหนิงกับเสวี่ยอี้จนไม่มีเวลาหาข้าใช่ไหม?"
ใบหน้าของหลี่เฮ่าเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ความรู้สึกระหว่างตัวเขาเองกับจูเสวี่ยอี้นั้นยังคลุมเครือ และไม่เคยกล้าพูดถึงความรู้สึกของตัวเองอย่างเปิดเผย หลังจากเดินทางมาถึงเมืองจักรพรรดิ พวกเขาทั้งสองคนต่างก็มีกันและกันและอยู่ห่างไกลจากบ้าน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ความรักของพวกเขาที่มีให้กันและกันจะเพิ่มขึ้น พวกเขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา
"พี่ใหญ่หลิง ท่านชอบพูดหยอกล้อพวกข้าตลอดเลย!" จูเสวี่ยอี้กล่าวด้วยท่าทีเหมือนเด็กนิสัยเสีย ทำให้ความอึดอัดใจของหลี่เฮ่ากระจายหายไป
หลี่เฮ่ายิ้มจางๆออกมา หลี่เฮ่ามีลักษณะนิสัยที่เฉื่อยช้า ขณะที่จูเสวี่ยอี้เป็นคนที่มีชีวิตชีวามาก ทั้งสองคนจึงสามารถลบล้างข้อบกพร่องของกันและกันได้
"หืม นั่นมันคนยากจนมิใช่หรือ?" ในขณะนั้นเสียงที่แผ่วเบาได้ดังมาจากด้านหลังของพวกเขาและชายหนุ่มคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างรวดเร็ว เขาเป็นนายน้อยแห่งตระกูลขง เมื่อเขาเห็นหลิงฮัน รอยยิ้มที่หนาวเย็นได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาและเขาได้กล่าวออกมาว่า "นี่มันเรื่องบังเอิญอะไรกันข้าถึงเห็นเจ้าอยู่ที่นี่!"
เขาถูกหลอกลวงโดยหลิงฮันให้จ่ายเงินหนึ่งร้อยเหรียญเงิน แม้ว่ามันจะเป็นจำนวนเงินที่เล็กน้อยสำหรับเขา แต่ประเด็นคือเขารู้สึกไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการขัดขวางของสวี่เค่อซิน เขาจึงไม่อาจตามหาหลิงฮันเพื่อระงับความเสียใจนี้ได้
"นายน้อยขง ท่านผู้นี้คือใครหรือ?" หญิงสาวที่สวมชุดอันงดงามเอนกายเข้าหานายน้อยขงและจ้องมองเขา
"หึ่ม เขาก็แค่คนยากจน" นายน้อยขงสบัดมือและดูหยิ่งยโสมาก
"เจ้ากำลังเรียกใครว่ายากจน?" หลี่เฮ่ารู้สึกไม่พอใจและไม่อาจยับยั้งที่จะพูดแย้งออกมาได้
นายน้อยขงกวาดสายตาเหลือบมองไปที่หลี่เฮ่าและจูเสวี่ยอี้ แล้วสีหน้าที่น่ารังเกียจก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาขณะที่เขากล่าวว่า "เจ้าเพิ่งมาถึงเมืองจักรพรรดิได้ไม่นานใช่หรือไม่?"
"เจ้ารู้ได้ยังไง?" หลี่เฮ่าพูดโพล่งออกมา
"ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเพียงแค่เห็นออร่าของคนบ้านนอกที่อยู่รอบตัวเจ้าและมั่นใจว่าเจ้าจะต้องมาจากชนบทที่ไหนสักแห่ง และเจ้าออกไปให้พ้นทางข้าซะ!" สีหน้าของนายน้อยขงดูชั่วร้ายมากยิ่งขึ้นขณะที่เขาจ้องมองไปที่จูเสวี่ยอี้และกล่าวว่า "แต่หญิงสาวชาวบ้านก็ไม่ได้ดูแย่เท่าไหร่นัก อย่างน้อยนางก็ยังพอมีค่าที่จะให้ข้าเล่นสนุกด้วย
"เจ้ากล้าดียังไง!" ไม่มีทางที่หลี่เฮ่าจะทนได้เมื่อคนรักของเขากำลังถูกพูดจาดูหมิ่น เขาจึงรีบยกกำปั้นของตัวเองขึ้นมาและปล่อยหมัดไปที่นายน้อยขงอย่างรวดเร็ว
"ว้าย!" หญิงสาวที่งดงามที่อยู่ข้างกายนายน้อยขงกรีดร้องออกมาทันที
"หลบไป!" นายน้อยขงผลักหญิงสาวที่งดงามไปด้านข้างและยกมือขึ้นมาเพื่อรับการโจมตีของหลี่เฮ่า
"ปัง ปัง ปัง" ทั้งสองคนปะทะกัน
หลี่เฮ่าอยู่ระดับรวมธาตุขั้น 4 ขณะที่นายนายขงอยู่ขั้น 5 ดังนั้นตามทฤษฎีแล้ว นายน้อยขงควรจะแข็งแกร่งกว่าหลี่เฮ่า อย่างไรก็ตาม ระดับบ่มเพาะพลังของเขาถูกยกระดับขึ้นโดยการใช้ทรัพยากรมากมาย ดังนั้นรากฐานของเขาจึงไม่มั่นคง จากที่ดูแล้วความสามารถในการต่อสู้ของนายน้อยคงนั้นมีแค่ 4 ดาวเท่านั้น
เพราะฉะนั้นพวกเขาทั้งสองคนจึงแข็งแกร่งพอกัน การต่อสู้ของพวกเขาดำเนินไปอย่างหนักหน่วง แต่ก็ไม่มีใครได้เปรียบกว่ากัน
"ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเด็กบ้านนอกอย่างเจ้าจะมีความสามารถอยู่บ้าง!" นายน้อยขงกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง "เจ้าบ้านนอก เจ้าคิดเช่นไรหากข้าจะยืมผู้หญิงของเจ้ามาเล่นสนุกสักสองสามวัน? อย่าคิดว่ามันเป็นการสูญเสียสำหรับเจ้า ด้วยการสอนด้วยความเอาใจใส่ของข้า ผู้หญิงของเจ้าจะได้เรียนรู้กระบวนท่าการเคลื่อนไหวได้หลากหลายท่าและจะช่วยทำให้เด็กบ้านนอกอย่างเจ้าได้ลิ้มรสสิ่งใหม่ๆ"
เมื่อหลี่เฮ่าได้ยินผู้หญิงของเขาถูกพูดจาดูถูกอีกครั้ง นัยน์ตาของหลี่เฮ่าจึงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาชักกระบี่ออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวและเล็งไปที่นายน้อยขง
"เจ้ามันเหลือขอยิ่งนักถึงกล้าใช้อาวุธต่อสู้กับข้า!" จากนั้นนายน้อยขงก็ชักดาบของเขาออกมาและปะทะกับกระบี่ของหลี่เฮ่า
หลี่เฮ่าส่งเสียงคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวและประกายแสงของปราณกระบี่ก็ถูกยิงออกมาเหมือนกับมังกรที่กำลังเริงระบำอยู่ในอากาศพุ่งเข้าหานายน้อยขง
ระดับบ่มเพาะพลังของนายน้อยขงนั้นอยู่ที่ระดับรวมธาตุขั้น 5 แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะป้องกันตัวเองจากพลังปราณกระบี่ได้? ทันใดนั้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ ในไม่ช้าพลังปราณกระบี่ของอวี่เฮ่าได้ก่อให้เกิดบาดแผลหลายแห่งบนร่างกายของเขาเป็นเหตุที่ทำให้เขาร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
"ห...หยุดก่อน!" เขาตะโกนออกมาด้วยความกลัวและเรียกร้องให้หยุดสู้กัน เขาไม่ใช่คนที่มีเจตนาไม่ย่อท้อ
"ขอโทษ!" หลี่เฮ่าเก็บกระบี่ของเขาและตะโกนใส่นายน้อยขง
ใบหน้าของนายน้อยขงกลายเป็นซีดขาว สำหรับเขาแล้วคำขอโทษจากคนบ้านนอก....ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้า มันจะเกิดอะไรขึ้นกับชื่อเสียงของเขากัน?
แต่เขาเพียงแค่ยอมเสียหน้าชั่วคราว เมื่อสายตาของเขากวาดไปมองพื้นที่โดยรอบ ความสุขได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาทันที และเขาตะโกนออกไปว่า "พี่ใหญ่ถัน ช่วยข้าด้วย!"
ชายหนุ่มตัวสูงผอมกำลังเดินเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างช้าๆ เขาเป็นคนที่ค่อนข้างหล่อเหลาทีเดียวและทุกการเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ ชื่อของเขา คือ ถันเหว่ยฉี และเขาเป็นรุ่นเยาว์ของตระกูลชั้นกลางของเมืองจักรพรรดิ
ในเมืองจักรพรรดิ มีเพียงแปดตระกูลใหญ่เท่านั้นที่ได้รับการรับรองในฐานะตระกูลใหญ่ ซึ่งจำเป็นต้องมีระดับแก่นแท้จิตวิญญาณเพื่อดูแลเรื่องต่างๆ ในขณะที่ตระกูลชั้นกลางนั้นมีอยู่จำนวนมาก นั่นเป็นเพราะพวกเขาจำเป็นต้องมีแค่ระดับห้วงจิตวิญญาณในหมู่พวกเขาเท่านั้น ในขณะเดียวกันตระกูลชั้นล่างนั้นมีอยู่นับไม่ถ้วน และพวกเขาจำเป็นต้องมีแค่ระดับก่อเกิดธาตุเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติเป็นตระกูลระดับล่าง
ในขณะที่นายน้อยขงที่ได้รับการยกย่องจากคนอื่นในฐานะ 'นายน้อย' แท้จริงแล้วเขามาจากตระกูลระดับล่างเท่านั้น ตระกูลขงมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าขายอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นแม้ว่าตระกูลของเขาจะไม่ได้ผลิตจอมยุทธหัวกะทิมากนัก แต่พวกเขาก็มีความมั่งคั่งและร่ำรวยกว่าตระกูลชั้นกลางอยู่หลายตระกูล
ดังนั้น นายน้อยขงจึงค่อนข้างรู้จักนายน้อยจากตระกูลชั้นกลางอยู่หลายคน และนี่เป็นเมืองหลวงของเขา
ในตอนแรก ถันเหว่ยฉีไม่คิดว่าคนที่เรียกเขาเป็นนายน้อยขง เขาจึงเดินเข้ามาใกล้เพื่อดู แต่แล้วมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกตกใจและถามออกไปว่า "ขงเหวินฮุย?"
"พี่ใหญ่ถัน ข้าเอง!" ขงเหวินฮุยตอบกลับอย่างน่าสังเวช
"ทำไมเจ้าถึงดูน่าสังเวชขนาดนี้?" ถันเหว่ยฉีไม่อาจระงับเสียงหัวเราะได้ เพราะเขาพบว่าฝ่ายตรงข้ามของขงเหวินฮุยนั้นอยู่แค่ในระดับรวมธาตุขั้น 4 เท่านั้น
ขงเหวินฮุยจ้องมองไปที่หลี่เฮ่าด้วยสายตาดุดันและกล่าวว่า "มันเป็นเพราะเจ้าคนบ้านนอกนี่ เพียงแค่ใช้ประกายแสงของปราณกระบี่ได้ มันกลับกล้าที่จะทำตัวอวดดีในเมืองจักรพรรดิ"
"หืม?" ถันเหว่ยฉีเหลือบมองไปที่หลี่เฮ่าและร่องรอยของการดูถูกได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าหลี่เฮ่าเป็นคนบ้านนอก อากาศของคนบ้านนอกมันแทบจะกระแทกใส่ใบหน้าของเขาอยู่แล้ว
ในฐานะหนึ่งในตระกูลของเมืองจักรพรรดิไม่ว่าจะเป็นขงเหวินฮุยหรือถันเหว่ยฉี พวกเขาทั้งสองคนต่างเป็นคนที่หยิ่งยโสโดยธรรมชาติและดูถูกทุกคนที่มาจากนอกเมืองจักรพรรดิ
"เจ้าบ้านนอก คุกเข่าของเจ้าและกล่าวขอโทษซะ!" ถันเหว่ยฉีกล่าวกับหลี่เฮ่า โดยที่ไม่ถามถึงปัญหาของความขัดแย้งระหว่างหลี่เฮ่ากับขงเหวินฮุยแต่อย่างใด
หลี่เฮ่าไม่รู้สึกแปลกใจเลยกับการกระทำแบบนั้นและไม่กล้าที่จะทำตัวประมาทแม้แต่เล็กน้อย แรงกดดันที่ออกมาจากคนๆนี้มันหนักหน่วงยิ่งกว่าแรงกดดันที่เขารู้สึกได้จากขงเหวินฮุยเสียอีก อย่างน้อยเขาจะต้องอยู่ขั้นสุดท้ายของระดับรวมธาตุ แม้ว่าปราณกระบี่ของเขาจะสามารถยกระดับพลังต่อสู้ของเขาได้ แต่เขาก็ไม่อาจปะมือกับคนที่อยู่ระดับรวมธาตุขั้น 7 และสูงกว่าได้
...เว้นแต่ว่าถันเหว่ยฉีจะเป็นเหมือนกับขงเหวินฮุยที่มีระดับบ่มเพาะพลังสูงแต่รากฐานไม่มั่นคง
"เป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับรวมธาตุขั้น 4 ข้าสามารถเอาชนะเจ้าได้ด้วยนิ้วเดียว!" ถันเหว่ยฉีกล่าวออกมาอย่างเย็นชาและกล่าวอย่างหยิ่งผยองต่อว่า "ข้าอยู่ระดับรวมธาตุขั้น 9!"
สีหน้าของหลี่เฮ่าเปลี่ยนไปอย่างมาก ถึงแม้ว่าถันเหว่ยฉีจะไม่มีรากฐานบ่มเพาะพลังที่ไม่มั่นคงคอยสนับสนุน แต่ระดับรวมธาตุขั้น 9 อย่างน้อยต้องมีพลังต่อสู้ 7 ดาวและอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าเขาอย่างสมบูรณ์
"พี่ใหญ่เฮ่า ลืมมันไปเถอะ!" จูเสวี่ยอี้พูดขึ้นมา ถึงแม้ว่าด้วยระดับพลังของหลิงฮันจะไม่จำเป็นต้องกลัวจอมยุทธที่อยู่ระดับรวมธาตุขั้น 9 แต่ที่นี่ยังคงเป็นเมืองจักรพรรดิ ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาเหล่านี้มีภูมิหลังเช่นไร?
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*