ตอนที่แล้วDND.97 - ยามหนทางถูกปิดกั้น...อีกหนทางจึงปรากฏ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.99 - อาสัญราชันย์

DND.98 - แท้จริงซ้ำร้าย


นั่นมันคุณสมบัติประเภทใดกัน?

ซือหยูใจเต้นเร็ว...จิตใจของเขาสับสน

หรือมันจะเป็นขั้นอำพัน? หรือจะเป็นขั้นทมิฬ? หรือเป็นระดับสวรรค์กับธรณีในตำนาน?

แต่ผลของซือหยูนั้นต่างออกไป...แก้วทดสอบแสดงผลสองอย่างที่แตกต่างกันในคราเดียว

ฉ่า--

แสงสีชาดปรากฏข้อความอย่างชัดเจน

“วิญญาณวิปลาสระดับต่ำ!”

ลี่กวงเบิกตากว้าง เขาร้องเสียงหลง

“วิญญาณวิปลาสงั้นรึ?”

ซือหยูตกอยู่ในภวังค์ มันมิใช่วิญญาณที่อยู่ในสี่ลำดับ สวรรค์ ธรณี ทมิฬ หรืออำพัน

เขาไม่สบายใจและถามอย่างเป็นกังวล

“ท่านราชันย์ วิญญาณวิปลาสเหมาะกับการบ่มเพาะพลังหรือไม่?”

ลี่กวงคืนสติอีกครั้ง เขามองซือหยูราวกับสัตว์ประหลาดเป็นครั้งแรก

“มันเหมาะกับการบ่มเพาะแน่นอน!”

ซือหยูยกเขาออกจากอกได้เสียที! ความโศกเศร้าในหายไป แทนที่ด้วยความตื่นเต้นครั้งใหม่

นี่คือการคืนชีพของเขา

เซี่ยนเอ๋อกับจิงหยู...รอข้าก่อน! ข้าจะต้องไปยังทวีปเฉินหลงเหมือนกัน!

เขาข่มความตื่นเต้นในใจและถาม

“ท่านราชันย์...วิญญาณวิปลาสคืออะไรกัน?”

“สวรรค์ ธรณี ทมิฬ และอำพันนั้นครอบคลุมคุณสมบัติวิญญาณส่วนใหญ่ มิได้กล่าวถึงคุณสมบัติหายากอื่น เหล่าคุณสมบัติหายากนั้นถูกจัดอยู่ในกลุ่มวิญญาณวิปลาส”

ยี่กวงอธิบายด้วยความตกตะลึง

“คนพิเศษบางคนมิอาจดูดซับพลังวิญญาณได้จึงมีวิญญาณไร้ค่า แต่ด้วยในร่างที่มีของพิเศษ เช่นสมบัติภายในกายหรือบุคคลอมตะ...สมบัติเหล่านั้นจะดูดซับพลังวิญญาณได้เอง และทำให้เจ้าของสมบัตินั้นบ่มเพาะพลังได้ นั่นคือวิญญาณวิปลาส”

“เจ้าถูกทดสอบว่าเป็นวิญญาณไร้ค่า หมายถึงเป็นตัวเจ้าที่มิอาจดูดซับพลังวิญญาณได้ด้วยตนเอง แต่ของวิเศษในกายเจ้าจะดูดซับมันให้เจ้า...ผลลัพธ์ที่สองจึงปรากฏเป็นวิญญาณวิปลาส”

ซือหยูเข้าใจแล้ว หากเขาเดาถูก ของเหลวสีชาดจากหม้อเก้ามังกรจะต้องผสมกับโลหิตของเขา เขามิอาจดูดซับพลังวิญญาณได้ แต่ของเหลวลึกลับสีชาดนั้นทำได้

เมื่อเคาฉวนทดสอบ เขาถูกตราหน้าว่าเป็นวิญญาณไร้ค่า

นั่นก็เพราะว่าหลังจากทดสอบจบ ซือหยูดึงมือกลับทันทีโดยทิ้งข้อความวิญญาณวิปลาสเอาไว้

ลี่กวงพูดต่อ

“วิญญาณวิปลาสแบ่งเป็นระดับสูง ระดับกลาง และระดับต่ำ แบ่งตามอัตราการดูดซับพลังวิญญาณ แต่วิญญาณวิปลาสระดับต่ำที่สุดก็เทียบเท่ากับวิญญาณอำพันระดับกลาง ระดับเดียวกับจ้าวกวง”

ยังมีสิ่งที่ลี่กวงมิได้กล่าวถึง...นั่นก็คือวิญญาณวิปลาสนั้นหายากพอๆกับสวรรค์และธรนี และได้รับการยอมรับในระดับที่สูงส่งยิ่งกว่า

นั่นก็เพราะว่าสิ่งที่ดูดซับพลังวิญญาณได้นั้นเป็นสมบัติมหัศจรรย์ ดังนั้นเจ้าของสมบัตินั้นจะต้องมีพลังอันน่าเหลือเชื่อเช่นกัน พวกเขาจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ระดับปัญญาของซือหยูอาจจะมาจากของวิเศษในกายเขา เขายิ้มอย่างโล่งใจ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงระดับอำพันขึ้นกลาง ถ้าเป็นซือหยู...แม้จะมีพลังแค่อำพันขั้นต้น...เขาก็แข่งขันได้กับคนทั้งใต้หล้า!

“วิหคยักษ์จากไปแล้ว ตามข้ากับซือร่งไปทวีปเฉินหลงกันเถอะ”

ลี่กวงพูดก่อนจะเงยหน้ามองซือร่ง

ซือร่งพยักหน้าอย่างเย็นชา นางยอมรับว่าชะตาซือหยูมิควรจบลงตรงนี้ เขาจะต้องไปยังดินแดนเฉินหลง

สองวันต่อมา พวกเขารีบไปยังชายแดนแคว้นเฟิงหวง เผชิญหน้ากับมหาสมุทรกว้างใหญ่

ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองรวมพลังวิญญาณปลุกเต่าทะเลยักษ์จากการจำศีล นี่คือเต่าตัวเดียวกับที่พาพวกเขามายังเฉินยี่เมื่อร้อยปีก่อน

“การเดินทางนั้นกินเวลานานยี่สิบวัน ข้าเหลือเวลาอีกไม่มาก ข้าจะพยายามสุดความสามารถเพื่อชี้แนะเจ้า”

ลี่กวงมองซือหยูอย่างมั่นคงเมื่อพวกเขาขึ้นหลังเต่า

ซือหยูขอบคุณเขาจากใจ ราชันย์เหลือเวลาเพียงหนึ่งเดือน...นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาจะได้ชี้แนะซือหยู

ซือหยูนั่งลงฟังคำชี้แนะจากราชันย์อย่างตั้งใจ

“ปัญญาของเจ้ามิใช่ระดับปกติ และเจ้าเรียนรู้วิชาน้ำแข็งกับอัสนี วิชาเจ้าไร้ที่ติ สิ่งที่ข้าให้เจ้าได้คือการชี้เส้นทางบ่มเพาะที่เจ้าควรเลือก”

“ขอบเขตราชันย์ศักดิ์สิทธิ์นั้นแบ่งเป็นเจ็ดระดับ ความลับคือการเพิ่มขีดจำกัดทางกาย ดังเช่นสายฟ้าดาราม่วงที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้ากลับทำให้ซือร่งเกิดแผลเพียงเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะขีดจำกัดทางกายของนางก้าวข้ามผ่านระดับของมนุษย์ไปแล้ว”

“ดังนั้นหลังจากที่เจ้าเข้าสู่ขอบเขตราชันย์ การไต่ระดับนั้นถือเป็นเรื่องรอง เรื่องหลักคือการดูดซับพลังวิญญาณเพื่อเพิ่มขีดจำกัดทางกายของเจ้า มิเช่นนั้นเจ้าจะไม่มีวันบรรลุขอบเขตมังกร”

ลี่กวงบอกเล่าประสบการณ์ล้ำค้า และซือหยูจดจำมันขึ้นใจ

“ในสำนักหลิวเซี่ยน มีสี่วิชาที่จะเพิ่มพลังวิญญาณให้เจ้า สามวิชาคือวิชาระดับเทพ ชิ้นส่วนเศษตำราพันประสงค์มนต์คือวิชาระดับวิญญาณ ด้วยระดับปัญญาของเจ้า เจ้าควรจะเลือกวิชาระดับวิญญาณมาเพื่อเพิ่มพลังวิญญาณ นี่จะเป็นประโยชน์และจะทำให้เจ้าบรรลุขอบเขตมังกรโดยเร็ว”

ซือหยูขมวดคิ้วเล็กน้อย

“มันไม่มีตำราระดับวิญญาณแบบสมบูรณ์งั้นรึ?”

ลี่กวงหัวเราะ

“เจ้าคิดว่าวิชาระดับวิญญาณเป็นผักตามถนนรึอย่างไร? วิชาของมนุษย์เป็นระดับต้น กลาง สูง สวรรค์ และเทพ วิชาระดับวิญญาณก็แบ่งได้เช่นกัน มันแบ่งเป็นระดับสมบัติ อำมฤต และระดับตำนาน”

“ที่สำนักหลิวเซี่ยน เหล่าราชันย์สวรรค์จะได้สัมผัสกับชิ้นส่วนวิชาระดับสมบัติ สายฟ้าดาราม่วงของเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของวิชาระดับสมบัติ มีเพียงนักรบขอบเขตมังกรเท่านั้นที่จะได้จับตำราระดับสมบัติฉบับสมบูรณ์”

ซือหยูประหลาดใจ ตำราวิชาระดับสมบัตินั้นยากที่จะได้รับเพียงนั้นเชียวหรือ?

“แล้วระดับอำมฤตกับตำนานล่ะ?”

ลี่กวงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ

“ข่าวลือว่าเจ้าสำนักนั้นมีชิ้นส่วนวิชาระดับอำมฤต แต่สำหรับวิชาระดับตำนาน...มันเป็นเพียงตำนานเท่านั้น”

“ดังนั้นจะเป็นการดีถ้าเจ้าได้อ่านตำราพันประสงค์มนต์ ทุกคนที่บรรลุระดับมังกรล้วนอ่านตำรานี้”

“สุดท้าย ฎีกาสวรรค์ของเจ้านั้นพิเศษมาก”

ลี่กวงดูสับสน

“มันมีจังหวะเฉพาะในฎีกาสวรรค์ของเจ้า ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน แม้จะเป็นในฎีกาสวรรค์ของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด ข้าหวังว่าเจ้าจะพัฒนาฎีกาสวรรค์ของเจ้าต่อไป บางทีมันอาจจะทำให้เจ้าสำเร็จพลังใหม่อีกขั้น”

ฎีกาสวรรค์งั้นรึ? ฎีกาสวรรค์ของซือหยูกำเนิดมาจากภาพชายแก่ในภาพเขียน หรือฎีกาสวรรค์ในภาพเขียนนั้นมันจะพิเศษมาก?

ในยี่สิบวันข้างหน้า ซือหยูจะต้องพัฒนาให้มากที่สุดผ่านการช่วยเหลือจากราชันย์ศักดิ์สิทธิ์

หลักจากสองสัปดาห์ ชายฝั่งของทวีปเฉินหลงนั้นปรากฏขึ้นราวกับสัตว์ประหลาดยักษ์ที่โผล่พ้นเกลียวคลื่น

ซือหยูลืมตาขึ้นจากการบ่มเพาะพลัง เขามองอย่างตื่นเต้น

โอสถวิญญาณระดับสวรรค์สิบสามขวดและระดับเทพอันล้ำค้าอีกหนึ่งขวดที่เซี่ยนเอ๋อให้เขานั้นได้ถูกใช้อย่างเต็มที่ผ่านการช่วยเหลือของพลังวิญญาณจากลี่กวง

พลังของซือหยูเพิ่มจากระดับแปดขั้นกลางมาเป็นระดับเก้าขั้นกลาง!

โอสถวิญญาณระดับเทพนั้นมีผลน่าเหลือเชื่อ ด้วยพลังเร่งเวลา ซือหยูนับว่าได้พัฒนาสายฟ้าดาราม่วงและฎีกาสวรรค์ไปมาก

ด้วยเวลาฝึกที่เทียบเท่าสิบเอ็ดปี เขาได้ก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของระดับหนึ่งขั้นสูงในสายฟ้าดาราม่วง อีกไม่กี่วันเขาอาจจะสำเร็จขั้นสอง

ฎีกาสวรรค์ของเขาก้าวข้ามจากระดับสวรรค์มาสู่ใกล้ระดับเทพ เหลืออีกไม่กี่ก้าวเท่านั้น

ซือหยูดีใจมาก ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนจากชายที่ยั่วยุก่นด่าซือหยูมาเป็นผู้ชี้แนะอันล้ำค้าในวาระสุดท้ายของชีวิต ทั้งเขาและดยุคเซี่ยนหยูได้มอบประสบการณ์ชีวิตพวกเขา รวมถึงการมอบโอกาสในการเปลี่ยนชะตาชชีวิต

หากไม่มีทั้งคู่ ซือหยูอาจจะยังเป็นเพียงศิษย์ในสำนักเซี่ยนหยู

“ซือร่ง โปรดช่วยข้าส่งข้อความให้ฉีลั่วหลานด้วย ก่อนที่ข้าจะกลับสำนัก ข้าอยากจะเจอนางเป็นการส่วนตัว”

ลี่กวงมิได้กลับสำนักทันทีที่ถึงฝั่ง เขาอยากจะพบฉีลั่วหลานเป็นอย่างแรก

เขาเหลือเวลามีชีวิตอยู่เพียงสิบวัน เขามิอาจรอให้สำนักสืบสวนเรื่องราวใหม่ได้ เราอยากจะพบฉีลั่วหลานเพื่อบอกความจริงทั้งหมดกับนาง

ซือร่งพยักหน้า

“ย่อมได้”

พวกเขาจะพบกันในบริเวณนี้ เพราะมันใกล้กับตระกูลของลี่กวง

ตระกูลของเขาอยู่บนสุดของเทือกเขา เป็นตระกูลที่อยู่ใกล้กับสำนักหลิวเซี่ยน มีชื่อในด้านระดับการบ่มเพาะพลัง เมื่อกลับจากเฉินยี่หลังจากร้อยปี เป็นธรรมดาที่ลี่กวงจะต้องไปเยี่ยมตระกูลก่อนตาย

“ซือหยู ก่อนข้าตาย ข้าจะต้องจัดเตรียมเส้นทางในสำนักของเจ้าอย่างแน่นอน”

ลี่กวงยิ้มอย่างเอื้อเฟื้อ

หลังจากใช้เวลาสองสัปดาห์ร่วมกัน เขาได้พบความหลักแหลมและนิสัยใจคอของซือหยู

ความโศกเศร้าเอ่อล้นภายในใจ ศิษย์สวรรค์ทุกคนเคยเป็นศิษย์โดยตรงของเขา แต่ซือหยูนั้นนับตั้งแต่เริ่ม...มิเคยเรียกเขาว่าอาจารย์สักครั้ง

ลี่กวงมิได้ให้เวลากับซือหยูมากมายและชี้แนะซือหยูได้เล็กน้อยเกินไป เขารู้สึกว่าคงไม่เหมาะสมที่ซือหยูจะเรียกเขาว่าอาจารย์…

แต่ก่อนที่เขาจะตาย...เขาปรารถนาจะได้ยินคำนั้นสักครั้ง…

ลี่กวงยืนมือไพล่หลังมองมหาสมุทรกว้างใหญ่ด้วยความผิดหวังเล็กน้อย

ตามแผนแล้วฉีลั่วหลานจะมาถึงที่นัดหมายภายในสองวัน

แต่...นางมิได้มา

“ฉีลั่วหลาน...นางยังคงเกลียดข้าอยู่งั้นรึ?”

ลี่กวงถอนหายใจ คนที่เขารักมากว่าร้อยปีมิยินยอมแม้ให้เขาอธิบายตัวเองก่อนตาย นี่เป็นความเสียใจที่สุดในชีวิตของเขา

ดวงตาสีม่วงของซือหยูมองไปยังเส้นขอบนภา

“คนที่ท่านกำลังรอคอยอาจจะมาถึงแล้ว”

ราชันย์มองไปยังทิศทางที่ซือหยูมองอยู่ ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเห็นรูปร่างมนุษย์อย่างชัดเจน

ระยะสายตาของซือหยูหลังจากการเปลี่ยนแปลงของหม้อเก้ามังกรนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล แต่ก่อนเขามองได้ไกลสิบห้าลี้ ในตอนนี้เขามองไปยังระยะหกสิบลี้ได้อย่างชัดเจน

ในตอนนั้น...สตรีนางหนึ่งบินเข้ามา

นางสวมผ้าคลุมสีสดใส สูงส่งและสง่างาม รูปลักษณ์ของนางดูอ่อนโยนและฉลาด

เมื่อนางลงสู่พื้น กลิ่นหอมหวานก็กระจายไปทั่ว

“ลั่ว...หลาน...”

ลี่กวงเสียงสั่น ร่างอันแก่เฒ่าสั่นไหว

เขามิอาจละสายตาไปจากนางได้เลย

สตรีตรงหน้าผู้นี้คือคนรักที่เขาเฝ้ารอตลอดร้อยปี...ฉีลั่วหลาน!

นางคือราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด...ขีดจำกัดภายนอกของนางห่างไกลจากมนุษย์ ดังนั้นนางจึงดูอายุสี่สิบปีแม้จะผ่านไปร้อยปี

ลี่กวงนั้นเป็นราชันย์ระดับสอง ขีดจำกัดของเขาห่างจากมนุษย์เพียงเล็กน้อย เขาจึงดูแก่เฒ่าซีดเซียว

เทียบกับลี่กวง แววตาฉีลั่วหลานสุขุม ไร้อารมณ์

“ลี่กวง เจ้ากลายเป็นคนแก่เฒ่าแล้วนะ”

น้ำเสียงของนางไร้อารมณ์

น้ำเสียงที่แปลกออกไปคืนสติแก่ลี่กวง

ใบหน้าเขาแทนที่ด้วยความขมขื่น หลังจากร้อยปี...ความรักหรือสัมพันธ์ที่พวกเขาเคยมีนั้นจากไปสิ้น

“ฉีลั่วหลาน ข้าเชิญเจ้ามาที่นี่เพื่ออธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะข้า! มันคือหานฉี่! เจ้า...อย่าโดนเขาหลอกนะ! โปรดออกห่างจากเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!”

ลี่กวงทำใจให้เย็นลงก่อนจะพูดด้วยความกังวล

“ตอนนี้ข้าได้เหรียญหลิวเซี่ยนมาแล้ว ข้าจะขอให้เจ้าสำนักไตร่สวนเรื่องที่เกิดขึ้นให้ถี่ถ้วน และนามของพวกเราจะกระจ่างอีกครั้ง”

ฉีลั่วหลานชายตาอย่างรอบคอบ ดวงตาอ่อนโยนของนางปกคลุมด้วยความเยือกเย็น

“เป็นเช่นนั้น ข้ารู้ว่าหานฉี่เป็นผู้กระทำข้า มิใช่เจ้า”

นางพูดอย่างไร้อารมณ์ พร้อมระยะห่าง

ลี่กวงตัวแข็งทื่อราวกับถูกสายฟ้าฟาด

“เจ้า...เจ้ารู้ว่าเป็นหานฉี่ มิใช่ข้า? เจ้าทำไมเจ้าไม่เคยพูดเช่นนั้น? เจ้าจะไปแต่งงานกับหานฉี่ทำไมกัน!?”

ฉีลั่วหลานนิ่งเงียบไปชั่วครู่

“เพราะว่า...หลังจากนั้นหานฉี่บอกว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาจะรับข้าเป็นผู้หญิงของเขาและช่วยข้าบ่มเพาะพลัง...เขากับข้าสัญญากัน...ว่าจะป้ายสีให้เจ้า”

ครืน----

ลี่กวงปวดหัวอย่างหนัก!

เขาเคยคิดว่าฉีลั่วหลานถูกหลอกและคิดว่าเขาคือผู้ที่ขืนใจนาง

แต่...ความจริงกลับเป็นฉีลั่วหลานที่ใส่ร้ายเขา...ร่วมกันกับหานฉี่!

ครืน--

เขารอคอยมาเป็นร้อยปี...และตอนนี้เขาก็ได้รับรู้ความจริงอันป่าเถื่อน!

“ฉี่ลั่วหลาน...เจ้าถูกหานฉี่บังคับงั้นรึ?”

ลี่กวงมิอาจยอมรับได้ เขามิอาจเชื่อว่าคนที่เขาเคยรัก แสงกระจ่างที่ทำให้เขารอคอยมายาวนาน...ได้มีส่วนร่วมในการป้ายสีแก่นามของเขา

ฉี่ลั่วหลานไร้อารมณ์ สีหน้านางเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ

ซือหยูช่วยพยุงราชันย์ ดวงตาของเขาแผ่รังสีไร้ปรานี

“เจ้าผู้หญิงเห็นแก่ตัว...เจ้าทรยศคนรักเพื่ออนาคต ท่านราชันย์...ท่านมิต้องลดเกียรติตัวเอง! ควรจะกังวลเสียมากกว่าว่าทำไมนางจึงยอมมาพบที่นี่!”

ลี่กวงหัวใจหยุดเต้น!

ฉีลั่วหลานสารภาพทุกสิ่ง...นางจะปล่อยพยานไปได้อย่างไร?

เหตุที่ฉี่ลั่วหลานมาในวันนี้ก็เพื่อ...สังหารเขา!

นางเป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด ลี่กวงเป็นเพียงระดับสอง ความต่างนั้นราวสวรรค์กับผืนดิน!

นางจัดการพวกเขาได้เพียงพลิกดัชนี!

ลี่กวงไม่มีพลังจะโต้กลับด้วยซ้ำ!

“ลี่กวง...จะดีแค่ไหนหากเจ้าแก่ตายที่เกาะเฉินยี่? เหตุใดต้องบังคับให้ข้าลงมือเอง?”

ฉีลั่วหลานยกดัชนีอย่างใจเย็น

จิตสังหารของนางก่อตัวขึ้นผ่านปลายดัชนี

ในตอนนั้นซือหยูรู้สึกชาไปทั้งตัว ร่างกายของเขาแข็งราวกับท่อนไม้!

เพียงดัชนีเดียว...เขาก็มิอาจขยับกายได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด