DND.97 - ยามหนทางถูกปิดกั้น...อีกหนทางจึงปรากฏ
ทุกคนตัวนิ่งงัน
ความสับสนผสมปนเปกับความขัดแย้งบนใบหน้า
ไม่นาน เคาฉวนก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
“วิญญาณไร้ค่า...หึ...ทำให้ข้าประหลาดใจเสียจริง”
หลังจากแสงสีชาดส่องประกาย คำว่า ‘วิญญาณไร้ค่า’ ก็เห็นได้อย่างชัดเจน
ลี่กวงตกใจ ยากจะเชื่อสิ่งที่ได้เห็น
“จะเป็นไปได้ยังไง...ระดับปัญญาของเจ้ากับความเร็วในการบ่มเพาะเร็วกว่าคนทั่วไปมากนัก...เจ้าจะมีวิญญาณไร้ค่าได้ยังไง?!”
แม้แต่ซือร่งที่มิได้ชอบพอซือหยูก็มิอาจเชื่อเช่นกัน
จ้าวกวงสับสน ซือหยูเพิ่มพลังอย่างรวดเร็ว กลายเป็นดาวตกจากนภา...เพียงเพื่อชนผืนปฐพี
เขาจะมีวิญญาณไร้ค่าได้ยังไง?
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย...ซือหยูยังคงใจเย็น
มีเพียงตัวซือหยูเองที่รู้ว่าเขาเอาระดับปัญญามาจากไหน ระดับปัญญาซือหยูมิได้กล้าแกร่งนัก ทุกสิ่งเกิดจากพลังเร่งเวลาสองร้อยเท่าของเขา
สำหรับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นก็เพราะการใช้โอสถจำนวนมากพร้อมกับสมบัติธรรมชาติ...มิใช่เพราะการดูดซับพลังปราณ
หากจะมีวิญญาณไร้ค่า...ก็ต้องเป็นเพราะเหตุนี้
ซือหยูค่อยๆดึงมือออกอย่างผิดหวัง ความรู้สึกข่มขื่นค่อยๆก่อตัวขึ้นในจิตใจ
เขามีหม้อเก้ามังกร...แต่ถูกลิขิตให้ติดอยู่ในระดับเก้าไปตลอดกาลงั้นรึ?
โลกที่น่าตื่นตาอย่างทวีปเฉินหลงจะเป็นเช่นใดกัน? จะกว้างใหญ่เพียงใดกัน? อัจฉริยะที่อยู่ในนั้นจะมีมากเท่าใด? นักรบแข็งแกร่งที่นั่นจะมากแค่ไหน?
หรือเขาถูกลิขิตให้ติดอยู่ในเกาะเล็กจ้อยในมหาสมุทรกว้างใหญ่เพื่อเป็นมดปลวกไปตลอดชีวิต?
เขาสัญญากับดยุคเซี่ยนหยูว่าจะหาโอสถมารักษาแขนของเขา และเคยสัญญาณกับตนเองว่าวันหนึ่งเขาจะได้เป็นคนที่ลิขิตชะตาตนเอง
ทุกสิ่งที่ทำไว้ในอดีต...ต้องจบลงตรงนี้งั้นรึ?
ความหลงใหลในเส้นทางบ่มเพาะพลังยังคงมิเสื่อมคลาย...แต่เหตุใดร่างกายจึงมีคุณสมบัติเช่นนี้?
ในตอนนี้ ซือหยูรู้สึกราวกับว่าได้กลับไปยังสำนักในชั่วข้ามคืน...กลับไปยังจุดที่เขาคือศิษย์ระดับเงินที่อ่อนแอที่สุด
ในครึ่งปี...เขาทะลวงเส้นทางไปทั้งทวีปราวกับดารารุ่ง แต่วันนี้เขากลับถูกส่งกลับไปยังจุดเริ่มต้น...เขายังคงเป็นบุรุษผู้อ่อนแอเมื่อครึ่งปีที่แล้วเช่นเดิม
หลิวกวงที่เกรงกลัวซือหยูหัวเราะอย่างควบคุมมิได้
“มังกรกับหนอน...ฮ่าๆๆๆ ข้าพูดถูกจริงๆด้วย ข้าหลิวกวงคือมังกร...และเจ้าจะเป็นมดปลวกไปตลอดกาล!”
ความกังวลบนใบหน้าหลิวกวงหายไปพร้อมกับเสียงหัวเราะอันยินดี
ดวงตาซือร่งเยือกเย็น
“กั้นขวางเจ้ากับเซี่ยนเอ๋อคือตัวเลือกที่ดีแล้ว!”
ซือหยูรู้สึกถึงสายตามากมายที่คอยจับจ้อง แต่เขาก็เงียบกริบ...เขาอ่อนล้าเกินกว่าจะโต้ตอบถ้อยคำเหยียดหยาม
คำว่า ‘วิญญาณไร้ค่า’ ได้ตัดสินชะตาซือหยู
ขณะที่อีกหลายคนจะได้ไปยังทวีปเฉินหลงและทิ้งร่องรอยแห่งตนไว้ประดับฟ้าดิน...แต่ผู้ชนะการต่อสู้แห่งศตวรรษกลับต้องพบความโดดเดี่ยว อ้างว้าง...และถูกลิขิตให้เป็นมดปลวกไปชั่วกาล
แสงตะวันยามบ่ายคล้อยสาดร่างซือหยู ก่อให้เกิดเงาเดียวดายทอดยาวออกไป ไม่มีใครคิดอีกแล้วว่าเขาคือราชันย์แห่งศตวรรษ
“พี่หยู”
เสียงอ่อนโยนแผ่วเบา มืออันอบอุ่นนุ่มละมุนคว้าฝ่ามือของเขา
แม้จะอ่อนโยน แต่ก็เด็ดเดี่ยวและมีพลัง มันส่งผ่านความอบอุ่นไปยังวิญญาณซือหยู
เซี่ยจิงหยูเปล่งประกายและงดงามเมื่อกุมมือซือหยูอย่างกล้าหาญ
“โลกใบนี้ยังมีข้า ใครสนกันว่ามันจะเป็นเกาะน้อยหรือแผ่นดินใหญ่ ข้าจะติดตามพี่หยูไปทุกหนแห่ง”
ซือหยูหวั่นไหว ณ จุดต่ำสุดของชีวิต...ความงดงามของนางก็ยังคงอยู่กับเขา
ขีวิตที่ไม่มีนางคงจะเปล่าเปลี่ยวอย่างยิ่ง
ซือหยูจับมืออันอ่อนโยนของนางและนิ่งไปชั่วครู่...จากนั้นก็มองไปยังเคาฉวน
“ทดสอบนาง...เจ้าจะไม่ผิดหวัง”
เคาฉวนขมวดคิ้ว
“นางงั้นรึ? แก้วทดสอบวิญญาณใช้ได้เพียงแปดครั้ง เหตุใดข้าจะต้องสิ้นเปลืองมัน?”
เซี่ยจิงหยูกุมมือซือหยูแน่น
“นั่นไม่จำเป็นหรอก”
นางยืนกราน
เคาฉวนไม่สนใจคำของเซี่ยจิงหยู เขาหันมามองและนำแก้วทดสอบมาข้างหน้า
“หึหึ...เห็นแก่เจ้าที่โศกเศร้าเช่นนี้...ข้าจะให้โอกาสเจ้าและให้นางทดสอบ”
เขายั่วยุ
“พี่หยู...ข้าไม่อยากจะ...”
เซี่ยจิงหยูปฏิเสธ
ซือหยูมิสนใจนางและวางมือนางลงบนแก้วทดสอบ เขาดูสุขุมและยิ้มอย่างน่าสงสาร
“หากวันหนึ่งเจ้ากลับมาจากเฉินหลง...โปรดบอกข้าด้วยว่าโลกภายนอกเป็นเช่นใด...”
แสงสีชาดเปล่งประกายพร้อมถ้อยคำบนแก้วทดสอบ!
“วิญญาณทมิฬระดับสูง!”
เคาฉวนที่ไม่คาดคิดถึงเหตุการณ์เช่นนี้นิ่งเป็นไก่ตาแตก!
คุณสมบัติระดับทมิฬนั้นหายากอย่างยิ่งยวดในสำนักหลิวเซี่ยน รวมเคาฉวนไปแล้วก็มีเพียงศิษย์ไม่กี่คนที่มีวิญญาณทมิฬ
และระดับทมิฬขั้นสูงนั้นก็คือระดับที่ดีที่สุดในสำนัก! มีเพียงคนเดียวเท่านั้นในสำนัก...นั่นก็คือศิษย์ระดับสูงสุดในสำนักหลิวเซี่ยน!
ตัวตนของนางจะต้องสร้างความโกลาหลให้กับสำนักแน่!
เคาฉวนคิด...หากเขาพานางไปอยู่ภายใต้การชี้แนะของอาจารย์เขาได้...เขาจะได้รางวัลเป็นอะไรกันนะ?
เขามิได้สังเกตเลยว่าเซี่ยจิงหยูหน้าแดงและจ้องมองซือหยูทั้งน้ำตา
“พี่หยู...จะอยู่ที่นี่คนเดียวได้ยังไง?”
ซือหยูปล่อยเซี่ยจิงหยูอย่างแผ่วเบาและฝืนยิ้ม เขาส่ายหัว
“ข้ามีดวงตาคู่นั้นที่ช่วยให้ข้าเห็นโลกภายนอก...ข้าจะไม่โดดเดี่ยว”
เคาฉวนรีบร้อนที่จะรับรางวัล การทดสอบจบลงแล้วและพวกเขาควรจะกลับเฉินหลงอย่างรวดเร็ว
เคาฉวนยิ้มอย่างอ่อนโยนและสุภาพนอบน้อม
“ศิษย์น้อง เวลามิรอคอยพวกเรา เราจะไปกันทันที”
เขามองจ้าวกวง เหมิงหลาง และหลิวกวง
“พวกเจ้าจะยืนนิ่งกันอยู่ทำไม? ขึ้นวิหคแล้วเราจะไปกันเดี๋ยวนี้!”
หลิวกวงรู้สึกแย่ตั้งแต่ที่พบว่าเซี่ยจิงหยูมีวิญญาณทมิฬระดับสูง...เขาถูกเคาฉวนละสายตา สัญญาที่เคาฉวนให้เขาเมื่อครู่คงต้องหายไป...ทำให้เขาไม่สบายใจ
ดวงตาเซี่ยจิงหยูมิยอมคลาดซือหยู นางหลับตาไม่นาน เมื่อลืมตาอีกครั้งก็มีน้ำตาไหลรินลงมา นางยิ้ม
“พี่หยู! วันหนึ่งข้าจะกลับมาเล่าให้ฟังแน่นอน...”
นางสะอื้นไห้
เมื่อนางร้องไห้ เสียงของนางก็หายไปกับสายลม
นับจากวันนี้ไป นางจะอยู่ในโลกที่กว้างใหญ่กว่าเดิม และซือหยูก็จะกลับมาโดดเดี่ยวอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อน! ศิษย์น้องเคา ข้ามีหลานสาว คุณสมบัติของนางอาจจะดีมากแน่”
ซือร่งรีบพูด
เคาฉวนหงุดหงิด
“ใครสนหลานสาวเจ้ากัน? ข้าจะรีบกลับไปรายงานสำนักเดี๋ยวนี้! ลืมมันไปซะ!”
“รอหลานสาวนางเถอะ”
เซี่ยจิงหยูยังคงสับบสน
สีหน้าเคาฉวนอ่อนโยนลงทันที เขาจำเป็นต้องเคารพเซี่ยจิงหยู
“เอาล่ะ...ทำให้เสร็จแล้วจะได้รีบกลับโดยเร็ว!”
เคาฉวนโบกมืออย่างใจร้อน
ซือร่งขอบคุณเขาและรีบไปพาตัวเซี่ยนเอ๋อที่กำลังบ่มเพาะพลัง
เซี่ยนเอ๋อยังไม่รู้ว่าซือหยูมาถึงแล้ว นางไม่รู้เลยว่าท่านยายจะพานางไปไหน...นางมาถึงวิหคยักษ์ด้วยความสับสน
“วางมือเจ้าซะ”
เคาฉวนพูดห้วนๆ เขากำลังเร่งรีบ
เซี่ยนเอ๋อไม่มีเวลาดูรอบๆด้วยซ้ำ ซือร่งกดมือนางลงบนแก้วทดสอบ
แสงสีชาดเปล่งประกาย เห็นข้อความอย่างชัดเจน
“วิญญาณทมิฬระดับกลาง!”
ข้อความชัดเจนนั้นทำให้เคาฉวนที่ร้อนรนหัวเราะ
“ฮ่าๆๆๆ วิญญาณทมิฬอีกคนงั้นรึ! และยังเป็นระดับกลางอีกด้วย”
เขาได้วิญญาณทมิฬถึงสองคนในคราเดียว...เคาฉวนมิเคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
ซือร่งตัวสั่น น้ำตานองหน้า
“ดี! ดีมาก! ตระกูลซือ...ตระกูลซือมีหวังแล้ว!”
“ศิษย์น้อง...โปรดขึ้นมาที่นี่”
เคาฉวนมีความสุขมาก เขาเชิญฉินเซี่ยนเอ๋อขึ้นวิหคยักษ์ด้วยรอยยิ้ม
นางเกาหัวด้วยความสับสน นางมองไปรอบๆ นางยังไม่เข้าใจสถานการณ์ด้วยซ้ำ
ตอนนั้นเอง...ดวงตากลมโตของนางก็ได้พบกับร่างอันคุ้นเคย
ใบหน้าอันคุ้นเคย รูปลักษณ์ ร่างกาย...และเสื้อผ้าที่สวม…
แม้สีผมของเขาจะเป็นสีเงินลึกลับและดวงตาของเขากลายเป็นสีม่วง แต่แววตาของเขายังคงเป็นดังเดิมเช่นครั้งที่เขาต้องปกป้องนางจากการล้างสังหารในตำหนักเซี่ยนหยู
นางอาจจะเข้าใจผิดกับบุรุษผู้อื่น...แต่นางไม่มีวันลืมจิตวิญญาณของคนไปได้
“พี่ซือหยู!!”
นางใฝ่หาเขามานาน และวันนี้เขาก็อยู่ในสายตาแล้ว...ฉินเซี่ยนเอ้อพุ่งเข้าไปยังอ้อมแขนของซือหยู
นางมีความสุขกับอ้อมกอดอันคุ้นเคย วันที่จากลานั้นทำให้นางขุ่นเคืองใจมาตลอด นางน้ำตาไหลพราก
ซือหยูกอดเซี่ยนเอ๋อด้วยความสับสน
หลิวกวงสีหน้าเย็นชา เขาลงจากวิหคและเดินมาคว้าไหลของฉินเซี่ยนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์น้องเซี่ยนเอ๋อ...ไปกับศิษย์พี่ที่สำนักที่ใหญ่กว่านี้เถอะ เราจะฝึกฝนด้วยกัน...ดีไหม?”
เซี่ยนเอ๋อไหล่สั่น ดวงตานางเต็มไปด้วยน้ำตา นางหันศีรษะด้วยความเกรี้ยวกราด
“ข้าต้องการแค่พี่ซือหยู ข้าไม่อยากจะอยู่กับเจ้า! ออกไป!”
หลิวกวงตัวแข็งทื่อ เหตุใดซือหยูจึงสำคัญกับนางนัก? นางจึงได้โกรธเช่นนี้!
หลิวกวงถอนหายใจ
“เซี่ยนเอ๋อ...เราทั้งคู่ต่างเป็นมังกร ซือหยูมิได้รับสิทธิ์นั้น เราต่างถูกลิขิตให้แยกจาก แม้เจ้าจะรักเขา...แต่มันก็เป็นไปไม่ได้”
เซี่ยนเอ๋อคล้องแขนกับลำคอซือหยู
“ข้าไม่เชื่อหรอก! พี่ซือหยูคือชายที่เก่งที่สุด!”
เคาฉวนหรี่ตามอง
“ศิษย์น้องเซี่ยนเอ๋อ...มากับข้าเถอะ ซือหยูก็แค่มดปลวก”
“ข้าไม่เชื่อ! เอาแก้วทดสอบมาให้ข้า...พี่ซือหยูดีกว่าพวกเจ้าทุกคน!”
เซี่ยนเอ๋อยื่นมือขอแก้วทดสอบ
“ข้าจะทดสอบเขาเป็นครั้งสุดท้าย...แต่หลังจากนั้นเจ้าจะต้องมากับข้า”
เคาฉวนรีบร้อนเล็กน้อย แต่สองสตรีที่นับว่ามีความสามารถเหตุใดจึงมีสัมพันธ์เน่นเฟ้นกับซือหยูนัก?
เซี่ยนเอ๋อลูบคาง นางโอบกอดแก้วทดสอบและดันไปหาซือหยูอย่างคาดหวัง
“พี่ซือหยู ลองทดสอบเร็ว บอกพวกเขาว่าพี่คือคนที่แกร่งที่สุด!”
ในใจนาง...ซือหยูคือคนที่มิอาจถูกแทนที่
ซือหยูลูบหัวนางด้วยความรัก
“เซี่ยนเอ๋อ ไปกับจิงหยูก่อนเถอะ หากข้าสะสางเรื่องที่นี้เสร็จ..ข้าจะตามไป...ตกลงไหม?”
เขาไม่ปรารถนาจะให้เซี่ยนเอ๋อเห็นเขา ณ จุดต่ำสุดดของชีวิต
“พี่ซือหยูจะไม่ลองตอนนี้งั้นรึ? บอกคนพวกนี้ไปสิว่าพี่ซือหยูคือคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด”
เซี่ยจิงหยูน้ำตานอง
“เซี่ยนเอ๋อ...พี่ซือหยูมีพลังงดงามเหนือพวกเราทุกคน...จะต้องมีคนที่แกร่งกว่านี้พาเขาตามเราไปแน่ เราจะไปกันก่อน...แล้วพบกันในอีกไม่นาน...”
“เช่นนั้นหรือ...”
เซี่ยนเอ๋อยิ้มและขึ้นหลังวิหคยักษ์อย่างไม่สนใจใคร
“ดั่งคำข้า...พี่ซือหยูยอดเยี่ยมที่สุด!”
เซี่ยนเอ๋อโบกมือและหัวเราะ
“พี่ซือหยู รีบตามพวกเรามาเร็วๆนะ!”
ก่อนจะบินจากไป เซี่ยนเอ๋อนึกถึงอะไรขึ้นมาได้และนำขวดหยกจากเสื้อของนางออกมาขว้างให้ซือหยู
เซี่ยนเอ๋อหน้าแดง นางเขินอายเล็กน้อย
“นั่น...ท่านย้ายให้พี่ ใช่แล้ว...เป็นท่านยาย..มิใช่ข้า”
เขารับไว้มัน มันคือโอสถวิญญาณระดับสวรรค์และระดับเทพ ทั้งสองขวดเต็มไปด้วยรอยแตกและความหดหู่ราวกับว่าต้องต่อสู้เพื่อแย่งมันมา
ซือหยูตาแดงก่ำ...ซือร่งไม่มีทางให้โอสถกับเขาแน่
ขวดโอสถเหล่านี้จะต้องถูกเซี่ยนเอ๋อจงใจรวบรวมเก็บไว้ให้เขาแน่
แต่ละขวดนั้นเต็มไปด้วยความรักอันไร้เดียงสาจากเซี่ยนเอ๋อ
เซี่ยนเอ๋อ….
ความเจ็บปวดในจิตใจเอ่อล้นออกมา
เคาฉวนที่ร้อนรนรีบสั่งให้วิหคยักษ์ทะยานขึ้นท้องนภา
ซือหยูมองวิหคยักษ์บินจากไป ไกลขึ้นและไกลขึ้น ซือหยูมองดูจนมันกลายเป็นจุดทมิฬบนท้องนภาและหายไปจากเส้นขอบฟ้า
น้ำตาไหลพรากจากดวงตาซือหยู ความเจ็บปวดโอบล้อมดวงใจ
เขาเข้มแข็งมาจนถึงวันนี้ ใบหน้ายังคงสุขุมรอบคอบ
แต่ในวันนี้...การอำลาเซี่ยนเอ๋อกับจิงหยูยากที่เขาจะข่มความโศกเศร้าไว้ได้ ราวกับว่าโลกหันหลังให้กับเขา ทิ้งเขาไว้เบื้องหลังในห้วงอันเยือกเย็น
“เซี่ยนเอ๋อ...”
ซือหยูกำหมัดแน่น เขาข่มความโศกเศร้าและความรู้สึกที่ต้องพบกับความไม่ยุติธรรมเอาไว้
ลี่กวงตกใจอยู่นาน เขาทั้งสงสารและเห็นใจ เขาถอนหายใจอย่างแผ่วเบา
“ซือหยู...เจ้าต้องดูแลตัวเอง ช่วงชีวิตธรรมดามิได้หมายความว่าเจ้าจะมิอาจสุขใจได้”
เรื่องกลายมาเป็นเช่นนี้...ลี่กวงมิอาจหาถ้อยคำปลอบใจได้เลย
ชะตาซือหยูช่างไม่ยุติธรรม
ในตอนนั้นเอง ลี่กวงก็มองไปยังแก้วทดสอบในมือซือหยู แสงสีชาดแสดงข้อความ ‘วิญญาณไร้ค่า’ เขาถอนหายใจ
“ซือหยู...หากเจ้าไม่มีที่ไป เจ้าจะกลับไปที่วิหารก็ย่อมได้...อ๊ะ!”
ลี่กวงร้องเสียงหลงอย่างประหลาดใจ!
เขามองข้อความ ‘วิญญาณไร้ค่า’ ที่สูญเสียแสงสว่างและพบกับข้อความอื่นมาแทนที่!
ซือหยูพบสิ่งที่เกิดขึ้นบนแก้วทดสอบเช่นกัน...เขาสีหน้าหม่นหมอง
ข้อความสองคำค่อยๆ ปรากฏพร้อมกัน มองจากความยาวแล้วมันมิใ่คำว่า ‘วิญญาณไร้ค่า’ แต่เป็นคำอื่น
หรือนี่...จะเป็นคุณสมบัติซือหยูที่แท้จริง?
เมื่อข้อความชัดเจนขึ้น...หัวใจซือหยูก็เต้นแรง!