ตอนที่แล้วDND.91 - การต่อสู้แห่งจุดสูงสุด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.93 - การประลองอันรุนแรงสูงสุด

DND.92 - ราชันย์เทพชุดม่วง


“ซือหยู! มิต้องพยายามดูหมิ่นพวกข้า!”

ศิษย์หุบเขาเฟิงหวงกำลังโกรธจัด! หนึ่งต่อหก! มันจะไม่เกินไปหน่อยรึ? พวกเขาคือมังกรในหมู่บุรุษ พวกเขาสำเร็จพลังอย่างน้อยระดับเก้าขั้นสูง ถึงจุดสูงสุดแห่งผู้ฝึกตน

และพวกเขาทั้งหมดกำลังถูกท้าประลองโดยคนคนเดียว

ความอัปยศนี้ทำให้โทสะของพวกเขาปะทุอย่างบ้าคลั่ง!

“ผู้ตัดสิน! เราปฏิเสธการประลอง!”

พวกเขาที่หยิ่งยโสมิอาจยอมรับความอัปยศเช่นนี้ได้

“พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธการประลอง พวกเจ้าเลือกได้ว่าจะประลอง หรือจะออกไปจากที่นี่!”

ผู้ตัดสินหุ่นเชิดเปล่งเสียงจากกลไลออกมา

พวกเขาทั้งหกโกรธจัด พวกเขากัดฟันแน่นและจ้องซือหยูด้วยความแค้นก่อนจะก้าวเข้าสู่ศูนย์กลางของดินแดนรกร้าง

“เจ้าโง่บัดซบ! หากเจ้าปรารถนาความโกรธจากพวกเรา เจ้าก็ทำสำเร็จแล้ว!”

“เราจะเอาคืนจากความอัปยศครั้งนี้ผ่านโลหิตและน้ำตาของเจ้า!”

ใครกันบังอาจกล้าพูดว่าจะจัดการทั้งหกในคราเดียว?

ซือหยูต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!

สายตาชิงชังจากศิษย์ทั้งหกจับจ้องไปยังซือหยู ซือหยูขมวดคิ้ว

“อัปยศงั้นรึ? พวกเจ้าไม่คิดรึว่าข้าแค่กำลังพูดความจริง? ข้าหนึ่งคนกับพวกเจ้าหกคน แค่ข้าคนเดียวก็พอแล้ว!”

ทั้งหกยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่

“เจ้าพูดเกินไปแล้ว! หากเจ้าตายก็อย่าโทษพวกข้าที่โหดร้าย!”

“โจมตีไปพร้อมกันเลย! ให้มันอย่างที่อยากได้!”

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ--

พวกเขาโจมตีจากหกทิศทาง อาวุธ ฎีกาสวรรค์ และวิชาระดับสวรรค์ขั้นสูง ศิษย์สำดับสี่ถึงกับใช้วิชาระดับเทพ

การโจมตีอันรุนแรงสั่นสะเทือนผืนดิน

หมอกที่ปกคลุมสั่นคลอน ดินแดนรกร้างสั่นไหว

พลังเข้มข้นจากศิษย์ทั้งหกโจมตีไปยังราชันย์เทพชุดม่วงที่ยืนอย่างเงียบเชียบท่ามกลางฝุ่นควัน!

ฟึ่บ--

อากาศหนาวเย็นลง

สายลมร้องโหยหวน คิมหันต์กลายเป็นเหมันต์เย็นเยือก

วายุหิมะตกลงมาจากสวรรค์ มันซ่อนเร้นอยู่ในหมอกหนา ทำให้ราวกับอยู่ในฝันอันเลือนลาง

ศิษย์จากเฟิงหวงต่างตกตะลึง

“หิมะงั้นรึ?”

หิมะบริสุทธิ์...ตัดขาดจากโลกความเป็นจริง...มันคือหิมะที่บริสุทธิ์ที่สุด...แต่มันก็เย็นที่สุดเช่นกัน!

แกร๊ก--

หิมะบนนภาแหลกเป็นเสี่ยง มันกลายเป็นน้ำเย็นยะเยือกและกระหน่ำลงมาสู่ดินแดนรกร้าง

พิรุณเยือกแข็งนั้นลอยไปทั่วทิศทางและปะทะเข้ากับชุดและร่างกายของเป้าหมาย

ด้านนอกธรณีหวงห้าม เจิ่นหลิงเงยหน้ามองด้วยความตกตะลึง

“หิมะตกงั้นรึ? หุบเขาเฟิงหวงอยู่ที่สุดสูงสุดทางใต้ของทวีป และนี่ยังอยู่ในฤดูคิมหันต์ ในธรณีหวงห้ามก็มิได้มีอากาศเย็น...หิมะจะตกได้ยังไง!”

เซียนหุบเขาประหลาดใจ นางจ้องลี่กวง

“หากข้าจำไม่ผิด เจ้ามีตำราวิชาระดับเทพ แก่นแท้จิตน้ำแข็ง หากสำเร็จระดับสุดท้ายของวิชา ผู้ใช้จะสร้างเส้นโลหิตพลังภายในที่ทำจากน้ำแข็ง และหัวใจก็จะกลายเป็นแก่นแท้จิตน้ำแข็ง ตราบใดที่ปรารถนา ทุกสิ่งจะกลายเป็นน้ำแข็ง….นั่นคือคำชี้แนะสุดท้ายในตำรา...ใช่หรือไม่?”

ลี่กวงมองหิมะด้วยความโล่งใจ

“เป็นเช่นนั้น...”

หัวใจซือหยูได้กลายเป็นแก่นแท้จิตน้ำแข็งแล้ว!

เฉินเหลียง หวางจิง และหวางอันสีหน้าเปลี่ยนไป

“ศิษย์พี่ศิษย์น้อง หากข้าเข้าใจถูกต้อง ที่วิหารของเราก็เพิ่มมีหิมะตกเป็นครั้งแรกเช่นกัน”

หวางจิงนึกถึงอดีต

ดวงตาของพวกเขาทั้งสามสงสัยและคิดถึงบุรุษคนเดียวกัน….ซือหยู!

หรือว่าหิมะจากสวรรค์นั้นจะตกลงมาเพราะเขา?

แกร๊ก แกร๊ก---

หมอกแสงนำพาร่างแก้วใสทั้งหกบินออกมาจากธรณีหวงห้าม

ซือร่งที่นั่งเงียบอยู่ยืนขึ้นทันที

นางสังเกตร่างทั้งหกใกล้ๆ นางเบิกตากว้าง

ลี่กวงหันมามองและตกใจเช่นกัน

“หกคนถูกนำออกมาพร้อมกันงั้นรึ?”

“เกิดอะไรขึ้นกัน? พวกเจ้าโกงและถูกขับออกมางั้นรึ?”

ซือร่งทั้งตกใจและโกรธ ทั้งสิบคนจากเฟิงหวง หากไม่นับเจิ่นหลิง หกคนถูกนำออกมาพร้อมกัน! เฟิงหวงเหลือศิษย์เพียงสามคน!

เกิดอะไรขึ้นข้างในนั้นกันแน่?

ทั้งหกค่อยๆฟื้นตัวหลังจากที่น้ำแข็งบนร่างเริ่มละลาย พวกเขาหนาวสั่นไปทั้งร่าง ตัวสั่นอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาคิดว่าพวกเขากำลังจะตาย หากเป็นการต่อสู้เอาชีวิต ซือหยูคงมีเวลาพอที่จะสังหารพวกเขาเป็นสิบครั้ง!

พวกเขานึกถึงคำของซือหยู ซือหยูมิได้พยายามจะดูหมิ่นพวกเขาเลย...เขาแค่กำลังพูดความจริงออกมา!

เด็กหนุ่มผมเงินชุดม่วงนั่นแข็งแกร่งแค่ไหนกัน?!

เมื่อได้ยินซือร่งที่โกรธและตกใจ ลำดับสี่ก็ถอนหายใจอย่างขมขื่น

“พะ...พวกเราทั้งหมด...แพ้...ซือหยูสู้กับพวกเราทั้งหกเพียงคนเดียว...และในพริบตา...พวกเราก็พ่าย!”

“อะไรกัน...”

ซือร่งตัวสั่นเล็กน้อย นางก้าวถอยหลัง ดวงตานางสั่นอย่างบ้าคลั่ง

เพียงคนเดียวกับศิษย์ทั้งหกจากเฟิงหวง ซือหยูชนะพวกเขาพร้อมกัน!

เฉินเหลียง หวางจิง และหวางอันอ้าปากค้าง!

ซือหยูแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวรึ?

เขาเป็น….เขาเป็นมนุษย์หรือภูติผีกัน?

ร่างกายของเขาเปลี่ยนไปทั้งแต่ถูกฝังอยู่ใต้หุบเขางั้นรึ?! เขาไร้เทียมทานเพียงใดกัน?

อัจฉริยะปรากฏตัวขึ้นในวิหารแล้ว!

คิดย้อนกลับไป ซือหยูใช้ได้ชีวิตเข้าแลกกับโอกาสในการมายังที่นี่ และเขาก็ทำได้ ลี่กวงดีใจที่มิได้ละทิ้งซือหยูในวันนั้น มิเช่นนั้น...อัจฉริยะก็ยังคงเร้นกายอยู่ในเงามืด

ทุกคนที่อยู่ในธรณีหวงห้ามเงียบกริบ เกล็ดหิมะหล่นลงสู่ไหล่ของพวกเขา ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ซือหยูคนเดียวชนะเฟิงหวงทั้งหกคน!

“ซือหยูชนะ! การประลองรอบแรกจบลงแล้ว!”

หุ่นเชิดทมิฬประกาศตามกลไก

“นี่คือการประลองส่วนสุดท้าย การประลองหาห้าลำดับแรก! กฎคือทุกคนจะมีโอกาสสองครั้งที่จะไม่ถูกนำออกไปจากที่นี่เมื่อแพ้ในครั้งแรก กฎข้อที่สองคือห้ามสังหาร!”

การประลองสุดท้ายมาถึงเร็วว่าที่คาด...ด้วยฝีมือซือหยู!

หุ่นเชิดทมิฬชี้สุ่มห้าคนที่เหลือ และหยุดที่จ้าวกวง!

“เจ้า มาข้างหน้า! ประลองกับสี่คนที่เหลือ!”

จ้าวกวงสั่นไหว ดวงตาเขาเต็มไปด้วยไฟสู้ เขามองไปยังซือหยู!

หนึ่งต่อหก ช่างหยาบคายยิ่งนัก นั่นควรจะเป็นจ้าวกวงที่อยู่ในลำดับหนึ่ง...มิใช่ซือหยู!

ราชันย์เทพชุดม่วง ตำนานไร้เทียมทาน...ในที่สุดก็ได้สั่นคลอนจ้าวกวง เขามิอาจปฏิเสธว่าเขาเคยประเมินซือหยูต่ำไป

“เจ้า...เจ้าคือศัตรูที่น่ากลัวในใจข้า เจ้ามีสิทธิ์ประลองกับข้าเพื่อชิงชัยลำดับแรก! ข้ารอคอยจะประลองกับเจ้า!”

จ้าวกวงมองซือหยูด้วยรอยยิ้ม

ซือหยูยิ้มเบาๆ เตรียมจะก้าวออกมาข้างหน้า

“แต่เวลานี้ คนที่ข้าอยากจะประลองมิใช่เจ้า! แต่เป็นเขา!”

จ้าวกวงหันไปหาหลิวกวง

“เจ้ามิคู่ควรที่จะเป็นศัตรูข้า!”

“คู่ควรหรือไม่ ตัดสินกันหลังจากต่อสู้! แต่ก่อนจะประลองกับเจ้า ข้าต้องกำจัดเหล่าแมลงนี่ซะก่อน!”

จ้าวกวงพูดอย่างเย็นชา

“เจ้า มาข้างหน้า!”

จ้าวกวงชี้ไปยังลำดับสามแห่งเฟิงหวง นักรบแข็งแกร่งที่มีพลังระดับเก้าขั้นสูง!

หลิวกวงยิ้มเยาะ

“เจียงซิ่น มิต้องออมมือ อย่าปล่อยให้คนที่มิคู่ควรจะประลองกับข้าชนะได้”

รูปลักษณ์และท่าทางของเจียงซิ่นนั้นน่าหลงใหล นางแลบลิ้นกระพริบตากลมโตของนาง

“ข้ารู้น่า ศิษย์พี่”

ฟึ่บ--

เจียงซิ่นก้าวไปข้างหน้า ยิ้มหวานของนางขับกล่อมมาพร้อมลักยิ้ม

“หึหึ...พี่ใหญ่..ข้ากลัวเจ็บ อย่ารุนแรงกับข้านะ”

“เจ้ามีเวลาพูดไร้สาระอีกสามนาที”

จ้าวกวงมิได้อยากจะพูดคุยกับนาง

เจียงซิ่นย่นจมูก

“ฮื่ม! เจ้าหัวทึบ! ข้าเกลียดเจ้า!”

ฟิ้ว--

เมื่อเจียงซิ่นพูดจบ ริมฝีปากของนางก็ส่องแสงทมิฬออกมา!

มันเป็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ยากที่จะป้องกันได้!

“กลลวงเลวทราม!”

จ้าวกวงยังคงใจเย็นและไม่เคลื่อนไหว เขาโยกศีรษะปล่อยให้แสงทมิฬผ่านเหนือไหล่ของเขาไป หายากมากที่จะพบคนใช้อาวุธลับ

“ข้าโกรธแล้วนะ!”

เจียงซิ่นถอนหายใจแรง นางกระทืบเท้าเล็กๆของนาง

การกระทืบเท้าธรรมดาของนางยิงแสงโปร่งใสออกมาจากใต้รองเท้า!

ฟึ่บ--

แสงนั้นใกล้กับพื้น มันโปร่งใสไร้ลักษณ์ ทำให้ยากจะพบเจอ

จ่าวกวงยังใจเย็น เขามองเจียงซิ่นและยกเท้าขึ้นเล็กน้อย และเหยียบลงมาตามเดิม

กรุบ--

มีดโปร่งใสแตกกระจายที่ใต้เท้าของจ้าวกวง!

“พี่ชายทำให้ข้าโกรธจริงๆแล้วนะ!”

เจียงซิ่นพุ่งมาข้างหน้า ทุกนิ้ว ทุกเส้นใยผม ล้วนมีอาวุธลับอยู่ด้านใน แต่จ้าวกวงก็หลบทุกการโจมตีอย่างเลือดเย็นได้โดยง่าย

เขายังไม่ได้แสดงพลังออกมาถึงครึ่งส่วนด้วยซ้ำ

ครืน--

เวลาผ่านไปหลายนาที

ในที่สุดเจียงซิ่นก็พลาด ทำให้จ้าวกวงเข้าถึงตัวนางและแตะที่สะบักไหล่ของนาง

อ๊าาา---

“ข้าเกลียดเจ้า!”

เจียงซิ่นหน้าซีดกับการพ่ายแพ้ครั้งแรกของนาง

จ้าวกวงยิ้มบางและถอนหายใจ

“ข้าเติบโตในป่า เรียนรู้วิชาเอาตัวรอดจากสัตว์ป่า อาวุุธลับเพียงอย่างเดียวมิอาจเอาชนะข้าได้”

ต้นกำเนิดของจ้าวกวงนั้นลึกลับ เขาถูกทิ้งอยู่ในป่าและเลี้ยงดูโดยสัตว์ป่าในนั้น เขาเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดจากสัตว์ป่า และความเร็วในการตอบสนองของเขาก็เร็วมากจากสภาพอันโหดร้ายในป่า

ผลของอาวุธลับต่อเขามิอาจแข็งแกร่งเท่าการเผชิญหน้าโดยตรง

“เจ้า...มาข้างหน้า!”

จ้าวกวงหายใจเป็นปกติและชี้ไปยังลำดับสองแห่งหุบเขาเฟิงหวง

หลิวกวงเยาะเย้ย

“เหมิงหลาง เจียงซิ่นพลาดไปแล้ว เจ้าอย่าทำให้ข้าผิดหวัง!”

ตัวเขานั่นมิต่างจากนาม เขาตัวผอมท่าทางขี้โรค ราวกับหมาป่าเฒ่า

ดวงตาเจ้าเล่ห์ของเขามาพร้อมกับใบหน้ายิ้มเยาะ

“อย่าห่วง พี่หลิวกวง เจียงซิ่นยังไม่มีความกล้าจะประลองกับข้าเลย ที่นางแพ้ก็ไม่แปลกนัก”

เจียงซิ่นกระทืบเท้าอย่างโกรธเกรี้ยว...แต่นางก็มิได้พูดปกป้องตัวเอง เพราะต่อหน้าเหมิงหลาง...นางก็คือคนขี้ขลาดดีๆนี่เอง เหมิงหลางแข็งแกร่งเกินไป!

เหมิงหลางก้าวมาข้างหน้ามองตรงไปยังจ้าวกวง เขาเลียริมฝีปาก

“อัจฉริยะสูงสุดแห่งวิหาร ข้าคิดว่าเจ้าพลาดแล้วล่ะ! พลังของเจ้าช่างธรรมดานัก!”

จ้าวกวงยังคงใจเย็น

“ลองซะ แล้วเจ้าจะได้รู้”

ฟึ่บ--

เหมิงหลางสีหน้าเย็นชาราวกับหมาป่า เขาแตะพื้นด้วยปลายเท้า กลายเป็นภาพติดตาล้อมรอบจ้าวกวง! ภาพอันเลือนลางของเขาทำให้จ้าวกวงแยกไม่ออก!

“จุมพิตหมาป่ากระหาย!”

เหมิงหลางคำราม!

ครืน--

หมัดทั้งสองของเหมิงหลางราวกับเขี้ยวของหมาป่า ร่างติดตาทั้งหมดต่างเคลื่อนไหวแบบเดียวกันโจมตีจ้าวกวง! ยากที่จะหลบเลี่ยง

“วิชาระดับเทพขั้นกลาง!”

จ้าวกวงอุทาน

เหมิงหลางหัวเราะอย่างเย็นชา

“เจ้าจงภูมิใจซะที่แพ้จุมพิตหมาป่ากระหาย วิชานี้ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์สอนให้ข้าโดยตรง!”

ครืน--

ร่างติดตานับไม่ถ้วนโจมตีจ้าวกวงพร้อมกัน! ทุกหมัดนั้นมีพลังที่พร้อมบดขยี้ขุนเขา พวกมันสร้างบาดแผลฉกรรจ์แก่ศัตรูได้ในคราเดียว!

อ๊าก--

ในตอนนั้น เหมิงหลางร้องออกมาอย่างน่าสงสาร เขาถอยกลับด้วยความตื่นตะลึง!

จ้าวกวงค่อยๆ ดึงหมัดกลับ เขายังคงใจเย็น

“ขออภัย ข้าก็บ่มเพาะวิชาระดับเทพเช่นกัน และ...ก็อยู่ในขั้นกลางเช่นเดียวกับเจ้า!!”

เหมิงหลางอ้าปากค้าง มีคนบ่มเพาะวิชาระดับเทพในวิหารอยู่ด้วย เขาต้องยอมรับว่าประเมินวิหารต่ำเกินไป

“ฮื่ม! ยังไงก็เป็นวิชาระดับเทพเหมือนกับทั้งคู่ อยากรู้นักว่าของใครจะดีกว่ากัน!”

เหมิงหลางคำราม

ครืน--

ทั้งสองต่อสู้กับอย่างบ้าคลั่ง แผ่นดินที่พวกเขาต่อสู้กันสะเทือนอย่างน่ากลัว เถ้าควันกระจายฟุ้งไปทุกที่

ยากจะกล่าวว่าใครจะเป็นผู้ชนะ!

ปั้ง--

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง

เหมิงหลางสีหนาหม่นหมอง เขาหน้าซีดและอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด

เทียบกับจ้าวกวงแล้ว เขายังคงหายใจอย่างมั่นคง พลังของเขายังคงแข็งแกร่งแม้จะต่อสู้กันอย่างเข้มข้น

“มันจบแล้ว!”

จ้าวกวงหายใจเข้าลึกและค่อยๆยกดัชนี

ในตอนนั้น ราวกับว่ามีอีกคนมาแทนที่เขา

“สลับเงา!”

เอี๊ยด--

จ้าวกวงหายไปจากที่ที่เขายืนอยู่ เขาไปปรากฏตัวที่ด้านหลังของเหมิงหลาง มันเกิดขึ้นในพริบตาเดียว!

เหมิงหลางตอบสนองไม่ทันและโดนฝ่ามือเข้าที่แผ่นหลัง

อ๊าก---

เหมิงหลางพ่ายแพ้!

เหมิงหลางหวาดกลัว

“วิชาระดับเทพอีกแล้วงั้นรึ วิชานี้มันช่วงเร่งความเร็ว!”

คนที่บ่มเพาะวิชาระดับเทพได้ถึงสองวิชา...ช่างน่าตกใจนัก!

ซือหยูประหวาดใจ วิชาระดับเทพทั้งสองที่จ้าวกวงใช้นั้นมิใช่สามวิชาที่มีอยู่ในวิหาร มันจะต้องเป็นวิชาที่ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์สอนให้เขาเป็นการส่วนตัวแน่ ในด้านพลังมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าสามวิชาที่มีในวิหารเสียอีก

“หลิวกวง เหลือเจ้าคนสุดท้ายแล้ว”

จ้าวกวงยืนมือไพล่หลัง เขาชนะศัตรูอย่างต่อเนื่อง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยไฟสู้ และตอนนี้เขากำลังมองหลิวกวง!

หลิวกวงก้าวมาข้างหน้า ริมฝีปากของเขาเยาะเย้ย

“เจ้ามีพลังที่ดี”

จ้าวกวงไม่ยินดียินร้าย เขายังคงใจเย็น

“เจ้านั้นแข็งแกร่ง...แต่ตำแหน่งราชาแห่งศตวรรษจะต้องเป็นของข้า จ้าวกวง!”

“เจ้าประเมินตัวเองสูงไป!”

หลิวกวงส่ายหัว

“แกร่งหรือไม่ เราตัดสินด้วยพลัง มิใช่เพราะความหยาบคายของเจ้า!”

หลิวกวงหัวเราะ

“นี่แหละวิธีการตัดสินพลัง ในสายตาข้า ใครที่ต่ำว่าราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ก็แค่มดปลวก ไม่มีใครชนะข้าได้!”

จ้าวกวงมิได้ตอบ เขาโจมตีออกไปทันทีแทนที่จะพูดพล่าม เขาจะเป็นราชาแห่งศตวรรษ!

“เจ้ามิคู่ควรจะประลองกับข้า”

หลิวกวงส่ายหัว

จ้าวกวงหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว

“หลิวกวง ทุกคนจากเฟิงหวงหยาบคายเช่นเจ้ากันหมดงั้นรึ?”

“นี่หาใช่ความหยาบคาย เจ้าแค่ยังไม่เข้าใจระดับของข้า”

หลิวกวงตอบอย่างเย็นชา

“แล้วใครกันที่เจ้าคิดว่าเหมาะสมจะสู้กับเจ้า?์”

จ้าวกวงหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว เขาไม่เคยถูกเหยียดหยามเช่นนี้

หลิวกวงมองคนที่เหลืออย่างสุขุม

“เจียงซิ่น เหมิงหลาง พวกเจ้าสองคนโจมตีใส่ข้าพร้อมกับจ้าวกวงซะ”

เขากำลังขอให้สามคนรุมโจมตีเขา!

นี่ต่างจากการที่ซือหยูต่อสู้กับหกคน ที่ซือหยูสู้ด้วยนั้นเป็นหกคนที่ลำดับต่ำของเฟิงหวง แต่ในครั้งนี้เป็นระดับสูงของเฟิงหวงสองคน พร้อมกับที่สุดแห่งวิหาร!


ทำไมคนเขียนถึงเอาคนชื่อคล้ายกันมาสู้กัน ไม่เข้าใจ T_T

ลี่กวง - ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ของวิหาร

หลิวกวง - ลำดับหนึ่งของหุบเขาเฟิงหวง

จ้าวกวง - ลำดับหนึ่งของวิหาร

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด