DND.90 - อัจฉริยะในตำนาน
จ้าวกวง เฉินเหลียง และหวางจิง สามศิษย์สวรรค์ที่แกร่งที่สุดตัวสั่นเทิ้มด้วยใจสู้
“การต่อสู้นี้จะเป็นของข้า จ้าวกวงผู้นี้จะเป็นราชาแห่งศตวรรษ!”
จ้าวกวงที่มักจะเงียบขรึมและอดทนมักจะไม่พูดเช่นนี้!
ตลอดระยะเวลาร้อยปี การต่อสู้สูงสุดแห่งทวีปจะตัดสินชะตาของพวกเขา ว่าจะอยู่อย่างมดปลวก หรือมังกรที่ทะยานเก้านภา
เฉินเหลียงกับหวางจิงไม่คิดจะยอมแพ้เช่นกัน ทั้งคู่ตาเป็นประกาย
ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูตื่นเต้นมิต่างกัน
มดปลวกหรือมังกร...นี่เป็นโอกาสหายากที่จะเปลี่ยนพวกเขาไปทั้งชีวิต...มันคือการต่อสู้แห่งศตวรรษครั้งนี้!
“ข้าก็อยากจะชิงชัยกับฟ้าดินเช่นกัน!”
ดวงตาพริ้มแน่นของซือหยูลืมออก แสงเปล่งประกายอ่อนๆปรากฏออกมา!
ในดินแดนแห่งนี้ หากมิได้ควบคุมสิ่งใด...ก็จะมิได้อะไรเลย
ซือหยูมาจากพื้นหลังที่แร้นแค้นและได้พบความเจ็บปวดจากการถูกพรากคนรัก เขายังได้พบกับความโชคร้ายที่ครอบครัวถูกสังหารและยังต้องแยกจากกับเซี่ยนเอ๋อ
ทุกสิ่งเกิดขึ้นก็เพราะว่าเขาไร้ซึ่งพลัง...คนอ่อนแอที่ไร้พลังนั้นมิอาจอยู่เหนือชะตาตน ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้ยักย้ายชะตาได้ตามใจ!
จ้าวกวงส่ายหัว
“หากยังมีจ้าวกวงผู้นี้ เจ้าก็ทำได้แค่เงยหน้ามองเท่านั้น!”
“เรื่องนี้ค่อยไปตัดสินกันตอนการต่อสู้จะดีกว่า!”
ซือหยูตอกกลับ!
จ้าวกวงส่ายหัวอย่างเย็นชา
“รู้จักที่ต่ำที่สูงซะบ้าง!”
การต่อสู้แห่งศตวรรษได้ปลุกเร้าจิตวิญญาณและความเป็นศัตรูกับทุกคน!
ใครกันที่จะได้รับเกียรติเป็นราชาแห่งทวีป...ราชาแห่งศตวรรษ…
...
หนึ่งเดือนต่อมา ในที่ที่ไม่ค่อยมีผู้คนในแคว้นเฟิงหวง...มีหุบเขาที่ล้อมด้วยเมฆา...เต็มไปด้วยรังสีแห่งความสูงส่ง ร่างบอบบางกำลังฝึกหนักอยู่ที่ลานฝึก ร่างของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ
นางเผชิญหน้ากับคนอ่อนเยาว์น่าหลงใหลอายุประมาณยี่สิบปี ที่มีรอยยิ้มยินดีบนใบหน้า
“ศิษย์น้องเซี่ยนเอ๋อ พลังบ่มเพาะเจ้าเพิ่มขึ้นเร็วจนวิชาบ่มเพาะของเจ้าตามไม่ทัน พลังเจ้าจึงยังน้อย...เทียบได้กับระดับแปดขั้นต้นเท่านั้น”
ชายหนุ่มดึงหมัดกลับและหัวเราะเมื่อชี้จุดบกพร่องของเซี่ยนเอ๋อ
เซี่ยนเอ๋อปาดเหงื่อที่หน้าผากพร้อมขมวดคิ้ว
“อีกไม่ช้า ข้าจะตามจนทัน ศิษย์พี่หลิวกวง!”
หลิวกวงนั้นอ่อนโยนและสง่างามอย่างมาก เขายิ้มและมองมาทางฉินเซี่ยนเอ๋อด้วยความรัก
เหล่าผู้อาวุโสที่มองดูการต่อสู้ยิ้มด้วยความโล่งใจ
“เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เซี่ยนเอ๋อที่มีสายเลือดวิหคเพลิงเก้าหางกับโอสถวิญญาณคุณภาพสูงนั้นทำให้นางบ่มเพาะพลังเร็วกว่าที่คิดเสียอีก ตอนนี้นางสำเร็จพลังระดับแปดขั้นสูง แม้พื้นฐานวิชาจะไม่กล้าแกร่งนัก แต่หากฝึกซักเล็กน้อย...มันก็ไร้ซึ่งปัญหา”
“หลิวกวงนั่นมหัศจรรย์เสียยิ่งกว่า พรสวรรค์เช่นนั้นหาคู่เปรียบยากกเหลือเกิน! ด้วยพลัง เขาก้าวข้ามเหล่าผู้อาวุโสไปมาก เขาเป็นรองราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น!”
“มีคนบอกว่าหลิวกวงเคยประลองกับราชันย์มาแล้ว!”
หลิวกวงคืออัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ร้อยปีของหุบเขาเฟิงหวง พลังของเขาเหลือล้ำยิ่งกว่าระดับเก้าขั้นสูง เขาได้เป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วเสียครึ่งส่วน ทั้งทวีปเฉินยี่แห่งนี้ นอกจากราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง...ไม่มีใครสู้เขาได้เลย!
“หึหึ...พวกเจ้ามิคิดว่าหลิวกวงกับเซี่ยนเอ๋อเข้ากันดีงั้นรึ?”
ผู้อาวุโสหลายคนมองพวกเขา หลิวกวงและเซี่ยนเอ๋อยืนข้างกัน หนึ่งคนหล่อเหลาและสง่างาม ส่วนอีกคนคือสตรีที่งดงามปราณีต พวกเขาเหมาะสมกันแน่นอน
“พวกเจ้าทุกคนไม่รู้หรอกรึ...เซียนหุบเขาตัดสินใจไว้แล้ว หลังการต่อสู้แห่งศตวรรษ นางจะหมั้นเซี่ยนเอ๋อกับหลิวกวงแล้วจัดงานวิวาห์ทันที”
“ฮ่าๆ...คู่ครองที่สวรรค์สรรสร้างเช่นนี้...พวกเขายิ่งกว่ากิ่งทองใบหยกเสียอีก!”
“แต่ก็เถอะ...มีข่าวลือว่าเซี่ยนเอ๋อมีคู่หมั้นอยู่แล้ว”
“คู่หมั้นงั้นรึ? เขาจะต้องได้รับการยอมรับจากหุบเขาเฟิงหวงเสียก่อน หากมิเป็นเช่นนั้น...ใครกันจะสนว่ามันเป็นใคร?”
เหล่าผู้อาวุโสส่ายหัวอย่างเย็นชาและยิ้มให้กับทั้งสองที่กำลังจะเป็นคู่ครองกันในอีกไม่นาน
เสียงระฆังดังขึ้นสามครั้งและทำให้ทุกคนสนใจ
“เซียนหุบเขาเรียกตัวเร่งด่วน! อย่าบอกนะว่าราชันย์ศักดิ์สิทธิ์จากเก้าแคว้นมาถึงที่นี่แล้ว?”
ใบหน้าหล่อเหลาและสง่างามของหลิวกวงเผยความเย็นชาออกมา
“ได้ยินจากเฟยหยุนว่าคู่หมั้นของเซี่ยนเอ๋อมากับพวกนั้นด้วย ฮื่ม! มาได้ถูกเวลาเสียจริง!”
ซือหยูและกลุ่มเดินทางไกลโพ้นกว่าจะถึงหุบเขาเฟิงหวง และในตอนนี้พวกเขาก็นั่งอย่างเงียบเชียบอยู่ในโถงประชุมใหญ่
สมาชิกหลักจากหุบเขามาถึงแล้ว
เซียนหุบเขานั้นเป็นสตรีที่อายุมากกว่าร้อยปี ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองมิได้พบกันมาร้อยปีแล้ว...และครั้งนี้พวกเขาก็จ้องมองกันและกัน
“ลี่กวง ผ่านมาร้อยปีแล้วเจ้าดูแก่ลงนะ”
เซียนหุบเขาถอนหายใจ นามที่แท้จริงของราชันย์คือลี่กวง
“หึหึ...ซือร่ง เจ้าก็ไม่เหมือนเดิมมิต่างจากข้า”
ลี่กวงหัวเราะ
ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองถอนหายใจ...เวลามิรีรอผู้ใด
ซือร่งปรายตามองไปยังบุรุษผมเงินสวมชุดสีม่วง...ที่กำลังนั่งหลับตาแน่น
“เจ้าคือซือหยูงั้นรึ?”
ซือร่งถามตรงๆ
เหล่าศิษย์สวรรค์ตกตะลึง เซียนหุบเขารู้สึกซือหยูได้ยังไงกัน?
ซือหยูค่อยๆเงยหน้าและตอบทั้งๆที่ยังหลับตา
“เป็นเช่นนั้น”
ใบหน้าซือร่งยังคงสงบนิ่งและเงียบกริบไปชั่วครู่ก่อนจะพูด
“การหมั้นของเจ้ากับเซี่ยนเอ๋อตั้งแต่วันนี้...ถือว่าเป็นโมฆะ”
แม้เสียงนางจะเยือกเย็น แต่มันก็เต็มไปด้วยอำนาจ นางราวกับเทพที่ทำหน้าที่บัญชาฟ้าดิน
โถงประชุมอันสงบสุขตกอยู่ในความตึงเครียดทันที!
ในการพบปะของเหล่าผู้มาเยือนจากวิหาร...สิ่งแรกที่เซียนหุบเขาเฟิงหวงทำก็คือขอถอนหมั้นซือหยูกับฉินเซี่ยนเอ๋อ
ใบหน้าซือหยูยังคงใจเย็น เขาคิดเรื่องนี้มาก่อนแล้ว...แต่มิได้คิดว่านางจะโหดร้ายเยือกเย็นถึงเพียงนี้
“ทำไมกัน?”
ซือหยูถามด้วยความใจเย็น
ซือร่งหันกลับไปโดยไม่มองซือหยูและตอบอย่างแข็งทื่อ
“เจ้ามิคู่ควรกับนาง”
มิคู่ควร...ซือหยูมิคู่ควรกับเซี่ยนเอ๋อ
“หึ...การหมั้นของข้ากับเซี่ยนเอ๋อมีพ่อตาดูแล ตะวันจันทราและฟ้าดินต่างเป็นพยานให้แก่พวกข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์ออกความเห็น”
ซือหยูโต้กลับ
ซือร่งมองซือหยูด้วยแววตาคมกริบ
“เจ้าหนู...ข้านับถือความกล้าต่อต้านข้า แต่ข้าจะให้เจ้าโอกาสเดียว จงสาบานว่าการหมั้นของเจ้ากับเซี่ยนเอ๋อเป็นโมฆะ...มิเช่นนั้นก็ตายไปซะ!”
ซือหยูค่อยๆยืนขึ้น
“ข้าจะพูดซ้ำครั้งเดียวเท่านั้น...เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสอดแทรก!”
“ตาย!”
ดวงตาซือหยูเต็มไปด้วยจิตสังหาร เพียงพลิกดัชนี คลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งเข้าใส่ซือหยู!
“หึหึ”
เสียงหัวเราะของชายแก่ดังขึ้น
ลี่กวงนั่งอย่างเงียบเชียบ เขารินน้ำชาและจิบชาอย่างสบายใจ
เขาพลิกนิ้วก้อยและโต้กลับพลังศักดิ์สิทธิ์ของซือร่งออกไป
“ซือร่ง เจ้าจะรังแกศิษย์ของข้าต่อหน้าข้างั้นรึ ตั้งใจจะทำให้ข้าดูไม่ดีรึไงกัน?”
ราชันย์ถามอย่างไม่ใส่ใจ
แม้เสียงของเขาจะสุขุม...แต่ยากที่จะปกปิดโทสะ
ไม่ว่าจะด้วยชื่อเสียงของเขาหรือการปกป้องซือหยู เขาต้องปกป้องมันทั้งสองอย่าง
ซือร่งใจเย็นลงและกล่าวขออภัย
“ขอโทษด้วย ข้าทำไปเพราะโทสะ ฟูมฟักศิษย์อวดดีเช่นนี้ได้ก็นับว่าวิหารของเจ้านั้นยอดเยี่ยม”
เมื่อได้ยินถ้อยคำเสียดสีของนางลี่กวงก็หัวเราะ แต่มิได้พูดต่อ เขาได้พบกับความกล้าของซือหยูมาก่อนอยู่แล้ว
“ไม่ว่าศิษย์ข้าจะมีเรื่องอะไรกับเจ้า แต่ตราบใจที่เขาเป็นศิษย์ข้า ข้าก็มิอาจปล่อยให้เจ้ารังแกเขา ข้าจะพูดครั้งเดียว”
ลี่กวงมองซือร่งอย่างเย็นชา
ซือร่งอึดอัดใจ นางรู้นิสัยใจคอของลี่กวงดี และเขาเป็นคนรักษาคำพูด
“ก็ได้! หลักจากการต่อสู้แห่งศตวรรษ เจ้าหนูนั่นจะมิใช่ศิษย์เจ้าอีกต่อไป ถึงเวลานั้นหากเจ้ามายุ่งย่ามอีกครั้ง อย่าโทษที่ข้าลบหลู่ความปรารถนาของเจ้า”
ซือร่งมองซือหยูเป็นดั่งเสี้ยนหนาม หากซือหยูยังมีชีวิตอยู่ นางก็รู้สึกไม่สบายใจ
ลี่กวงถอนหายใจเบาๆและมิได้ขัดนาง
ซือหยูรู้สึกหนาวสั่น เขาจะต้องได้สถานะที่จริงจังในการต่อสู้แห่งศตวรรษนี้หากเขาไม่ต้องการให้ใครมายุ่งเรื่องของเขากับเซี่ยนเอ๋อ
เขาจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าเขาเหมาะสมกับเซี่ยนเอ๋อด้วยพลังความสามารถที่มี!
ฟึ่บ ฟึ่บ--
เหล่าผู้ติดตามเข้ามายังโถงประชุม
“ใครคือซือหยู!”
บุรุษรูปลักษณ์งดงามก้าวเข้ามา น้ำเสียงเย็นชา
ฝั่งหุบเขาเฟิงหวง ทั้งผู้อาวุโสและเหล่าศิษย์ต่างยืนขึ้นต้อนรับเขาด้วยความเคารพ เกือบจะเทียบเท่าที่พวกเขาทำกับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์!
“เจ้ามีอะไรกับข้างั้นรึ?”
ฟึ่บ--
ราวกับการจ้องมองของเขามีพลังออกมา เส้นผมของซือหยูปลิวไสวไปด้านข้าง
เพียงแค่มองก็เกิดพลังถึงเพียงนี้...ซือหยูตระหนักว่าบุรุษผู้นี้จะต้องมีพลังอันยิ่งใหญ่และซับซ้อน
หลิวกวงมองซอืหยูอย่างเย็นชาและประเมินซือหยู
ผมสีเงิน...ชุดสีม่วง...ดวงตาปิดแน่น เขามีรังสีอันสูงส่งพร้อมกับความลึกลับ
แต่พลังนั้น…
“ยกเลิกการหมั้นของเจ้าซะ เจ้าไม่เหมาะสมกับเซี่ยนเอ๋อ”
หลิวกวงยืนมือไพล่หลังและสั่งซือหยูอย่างเย็นชา
ซือหยูยิ้มถาม
“แล้วยังไง?”
“แล้วข้าจะแต่งงานกับนาง!”
หลิวกวงตอบอย่างสุขุม เขามั่นใจ
“ข้าสมกับนาง และเจ้านั้นไม่เหมาะสม ธรรมดาเพียงเท่านี้”
“ไม่ว่าข้าจะคู่ควรกับนางหรือไม่ประกายใด ก็มิใช่เรื่องที่คนนอกจะต้องเข้ามาสอด หากเจ้าตั้งใจแต่งงานกับงาน...เจ้าเป็นใครถึงจะทำเช่นนั้น?”
ซือหยูถามอย่างไม่ใส่ใจ
หลิวกวงมองซือหยูด้วยแววตาคมกริบ
“จดจำนามข้าไว้ หลิวกวง...คือคนที่จะแต่งงานกับเซี่ยนเอ๋อ! และเจ้า...เจ้ามันก็แค่หนอนโสโครกที่ต้องเจอกับความจริงอันเจ็บปวด!”
เขาตอบอย่างโอหัง
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้ามิได้สนใจว่าเจ้าจะชื่ออะไร ข้าแค่ถามว่า...เจ้าเป็นใครถึงจะแต่งงานกับเซี่ยนเอ๋อ?”
ซือหยูส่ายหัวเบาๆ
เมื่อได้ยินคำดูหมิ่นของซือหยู หลิวกวงก็มีสีหน้าเยือกเย็นขึ้นมาทันที
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”
ซือหยูยิ้มเบาๆ
“คนที่อยากให้ข้าตายในอดีตนั้นต่างจากไปแล้ว มีแค่ข้าที่ยังมีชีวิต”
“หึหึหึหึ...”
หลิวกวงหัวเราะอย่างเยือกเย็น ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความเวทนา
“ก่อนที่เจ้าจะพูดมากไปกว่านี้ เจ้าควรจะถามคนอื่นมาก่อนว่าข้าเป็นใคร ความโง่เขลาเบาปัญญาของเจ้านั้นจะทำให้เจ้าเจ็บปวดแน่!”
หลิวกวงคือใครกัน?
นอกจากราชันย์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว...เขาคือคนที่แกร่งที่สุด!
เขาคืออัจฉริยะในตำนานแห่งทวีปในนับร้อยปี อีกเพียงก้าวเดียวเขาจะได้เป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ การทำให้เขาโกรธนั้นมิต่างจากทำให้ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์โกรธเลย ความต่างเดียวคือไม่มีใครจะช่วยซือหยูได้หากเขาทำให้ราชันย์ตัวจริงโกรธ
แต่ในตอนนี้...มีเพียงราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะช่วยเขาจากหลิวกวงได้
หลังพูดจบ หลิวกวงก็ก้าวเข้ามา
“หากข้าประสงค์ให้เจ้าตาย...แม้สวรรค์ก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”
ตู้ม--
หลิวกวงอยู่ห่างสามสิบศอก คลื่นผลึกพลังปราณพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วแสง ไม่มีใครตอบสนองได้ทัน
คนจากวิหารตกตะลึง แต่...มันก็สายไปแล้ว
ซือหยูมิอาจขยับไปไหนได้...อกของเขาถูกเจาะทะลุในจุดที่เขายื่นอยู่
ทุกคนทั้งจากวิหารและหุบเขาเฟิงหวงทึ่งในพลัง
การโจมตีของหลิวกวงนั้นได้ก้าวข้ามผ่านความเป็นผู้ฝึกตนไปแล้ว...มันมีพลังของราชันย์ปะปนอยู่!
อัจฉริยะแห่งทวีป...บุรุษผู้เป็นรองเพียงราชันย์...เขาน่ากลัวมากอย่างที่คิดไว้!
พุฟ--
ทั้งร่างของซือหยูถูกเจาะทะลุ มันกลายเป็นแก้วกระจ่างกระจัดกระจายไปทั่วพร้อมการระเบิดเล็กน้อย
ทุกคนตกใจ...มันไม่มีร่องรอยโลหิตแม้แต่น้อย
กลายเป็นว่านั่นคือภาพติดตาของซือหยู แต่ด้วยความเหมือนจริงนั้น...ทำให้ไม่มีใครสงสัย
ไม่นานพวกเขาก็ได้รับรู้ตัวตนที่ยืนอยู่ตรงประตูโถง เขาคือบุรุษอายุน้อยผมสีเงิน เขายืนมือไพล่หลังและหันหลังให้กับเหล่าผู้คน เขามองไปยังท้องนภา
“เจ้ามิได้พูดว่าอยากจะสู้กับข้าขั้นรึ? เจ้าจะไปโจมตีภาพติดตาอันว่างเปล่านั้นเพื่อสิ่งใด?”
ทุกคนอ้าปากค้าง!
ที่นั่งของเขาห่างจากประตูโถงถึงสามร้อยศอก ซือหยูก้าวไปยังที่นั่นได้เพียงพริบตา!
เขาทำเช่นนั้นได้ยังไง? เขาเป็นคนหรือผีกัน?
หลิวกวงหันไปหาอย่างเยือกเย็น
“ฮื่ม! ความเร็วของเจ้านับว่าผ่าน”
…
มันเลยคำว่านับว่าผ่านไปไกลแล้ว!
…
ความเร็วเท่าซือหยูนั้นยากมากที่คนระดับต่ำกว่าราชันย์ศักดิ์สิทธิ์จะตามได้ทัน
ซือหยูทำเป็นไม่สนใจคำกล่าวเหล่านั้นและเดินออกจากโถงประชุม
“ฮื่ม! เจ้าคิดจะหนีงั้นเรอะ?”
หลิวกวงเยาะเย้ยถากถาง
ซือหยูส่ายหัว
“มิใช่ ไม่ว่าใครจะมาสอด เจ้าก็ตายอยู่ดี...แต่การตายของเจ้าผู้เดียวก็พอแล้ว...ข้ามิอยากทำอันตรายกับผู้บริสุทธิ์ด้านในนั้น”
คนข้างในโถงประชุมอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง!
พวกเขาคาดไม่ถึงว่าซือหยูจะหยาบคายถึงเพียงนี้!
ซือหยูไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใดกัน?
เพียงประโยคเดียวของซือหยู...ที่บอกว่าใจเย็นว่าเขามิต้องการทำร้ายคนบริสุทธิ์...ทำให้ทุกคนตัวสั่น
นัยยะซ่อนเร้นในคำพูดของซือหยูก็คือ...ทั้งโถงประชุมที่เต็มไปด้วยอัจฉริยะตลอดร้อยปี...ก็เป็นอันตรายได้หากซือหยูต่อสู้!
คำพูดเหล่านั้นจะน่าเชื่อถือหากออกมาจากปากของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์
ซือหยูหยาบคายเกินไปแล้ว!
แต่มีเพียงบางคนจากวิหารเท่านั้นที่ขมวดคิ้ว
ในตอนที่เหล่าศิษย์สวรรค์ในวิหารต่างคิดว่าซือหยูนั้นเป็นคนหยาบคายยิ่ง...ซือหยูก็พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาคิดผิดผ่านการต่อสู้ชั้นยอด...ราวกับว่ากำลังพิสูจน์ว่าคำพูดของเขามิใช่ความหยาบคาย...แต่เป็นเรื่องจริง
หรือซือหยูจะพูดจริงในครั้งนี้อีก?
หากเป็นเช่นนั้น...แล้วซือหยูแกร่งเพียงใดกัน?
หลิวกวงหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว
“อวดดีนัก! ข้าจะขอสัมผัสด้วยตนเอง….ว่าเจ้าไปเอาความหยาบคายเช่นนั้นมาจากไหน!”
เขาตะโกน
ฟึ่บ--
หลิวกวงพุ่งออกไป
ซือหยูยืนอยู่ด้านนอกโถงและค่อยๆหันไป
เปลือกตาของเขาสั่นและค่อยๆลืมช้าๆ
เป็นครั้งแรก...ที่ดวงตาลึกลับคู่นั้นลืมขึ้น!