ตอนที่ 455 การสอนครั้งแรกของหลิน ฮวง
หลิน ฮวงไม่โกรธที่นักเรียนสงสัยเกี่ยวกับความสามารถการสอนเขาเพราะเขาสามารถเข้าใจนักเรียนได้ หากให้เป็นเขา เขาก็คงไม่เชื่อใจอาจารย์ที่แก่กว่าตัวเขาเพียงปีเดียว มันเป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมนักเรียนจึงปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ แต่ทว่า เขารู้ว่าเขาสามารถได้รับความไว้วางใจจากนักเรียนได้ด้วยการสอนสุดความสามารถ
“นี่คือการสอนครั้งแรกของผม พูดตรงๆ ผมค่อนข้างกังวล ก่อนจะมาที่นี่ อาจารย์ผมบอกผมว่าตราบเท่าที่ผมไม่ได้สอนอะไรผิดๆ ผมสามารถสอนได้อย่างที่ใจต้องการ ผมรู้ความสามารถผม แต่ผมยอมรับหน้าที่นี้เพราะผมรู้ว่านี่อาจเป็นเพีย.โอกาสเดียวสำหรับผมที่จะได้มาสอนในสถาบันนักล่ายุทธ์”
เมื่อเห็นนักเรียนหลานคนดูงงงวย เขาก็ยิ้มและอธิบาย“ใช่ จุดประสงค์ของผมก็เหมือนกับพวกคุณทุกคน ผมมาที่นี่เพื่อเรียนรู้ การสอนเป็นกระบวนการของการเรียนรู้ ผมหวังจะเรียนรู้และพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับพวกคุณทุกคน”
“ผมได้พูดสิ่งต่างๆที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนไปมาก ดังนั้นผมจะเริ่มสอนอย่างเป็นทางการ”
หลังจากที่พูดสิ่งที่เขาคิด หลิน ฮวงก็เริ่มสอน
“เต๋าดาบคือหนึ่งในเทคนิคต่อสู้ที่เก่าแก่สุดในโลกมนุษย์ มันมักถูกใช้ในการต่อสู้มากที่สุด ประวัติความเป็นมาของพลังชีวิตอยู่มานานกว่า800ปี แต่เต๋าดาบกลับอยู่มานานกว่าพลังชีวิต ไม่เพียงแค่ในช่วงยุคเก่า แม้กระทั่งสมัยโบราณก็ตาม ไม่สำคัญว่าระบบบ่มเพาะจะเปลี่ยนไป เต๋าดาบก็ยังเป็นหนึ่งในเทคนิคต่อสู้ที่เด่นดังที่สุดตลอดมา”
“ทักษะดาบจะแบ่งออกเป็นสามประเภทซึ่งก็คือการโจมตี การป้องกันและการผสานทั้งสองอย่าง สไตล์การโจมตีก็จะแบ่งเป็นพวกที่เน้นความเร็ว พลัง การลอบโจมตี และอื่นๆ ขณะที่สไตล์ป้องกันก็จะแบ่งเป็นการปัดป้องและสวนคืน และประเภทที่ซับว้อนมากสุดคือการผสมผสานทั้งสองอย่างก่อนหน้า”
“แม้จะมีสามประเภท แต่ทักษะดาบก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฆ่า ดังนั้นส่วนใหญ่จึงเป็นทักษะโจมตี อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมกำลังพยายามจะพูดคือการฝึกดาบไม่ใช่แค่การเรียนรู้เพื่อฆ่า…”
นักเรียนร่างสูงและแข็งแรงยกมือขึ้นเมื่อหลิน ฮวงพูด
“ครับ คุณมีคำถาม?”
“คุณหลิน เนื่องจากคุณบอกว่าทักษะดาบถูกสร้างขึ้นเพื่อฆ่า แล้วทำไมเราถึงไม่อาจเรียนรู้เพื่อฆ่าอย่างเดียวได้?ไม่ใช่ว่าการฆ่าคือวัตถุประสงค์ของทักษะดาบ?แล้ววัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ทักษะที่ไม่ใช่การฆ่าคืออะไร?”
“เป็นคำถามที่ดี”หลิน ฮวงพยักหน้าและตอบ
“ในความเป็นจริง ไม่ว่าคุณจะใช้อาวุธอะไร ดาบ กระบี่ หอกหรือหมัดคุณ ทุกคนล้วนอยากเรียนรู้เพื่อฆ่าเพราะมันคือวิธีที่เร็วที่สุดในการเพิ่มความสามารถ แต่ผมต้องเตือนพวกคุณทุกคนว่ายิ่งเราใช้ทักษะสังหารไปมากเท่าไร กลิ่นอายสังหารก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง กลิ่นอายสังหารก็จะเข้าไปในสมองและแม้กระทั่งดวงวิญญาณ หากมันเข้าไปในสมอง คนก็จะเป็นบ้า ขณะที่หากมันเข้าไปในดวงวิญญาณ รูปแบบชีวิตของคนก็จะบิดเบือนและในที่สุดก็จะกลายเป็นมอนสเตอร์เช่นทาสดาบหรือทาสกระบี่”
สิ่งที่หลิน ฮวงกล่าวทำให้ทุกคนในห้องตกใจ แม้กระทั่งฉิน เทียนซิ่งก็ยังตกใจเมื่อได้ยินทฤษฏีนี้ เขาเคยเห็นคนที่ฝึกฝนจนกระทั่งเป็นบ้าอย่างที่หลิน ฮวงพูดแต่เขาไม่เคยได้ยินว่าจะมีใครเปลี่ยนเป็นทาสดาบหรือทาสกระบี่ นักเรียนหลายคนยกมือขึ้นหลังจากที่หลิน ฮวงกล่าวเล่าทฤษฏีจบ
“เชิญ”หลิน ฮวงชี้ไปที่เด็กสาวและกล่าว
“คุณหลิน ฉันเคยได้ยินว่ามีคนกลายเป็นบ้าจากการฝึก แต่คุณมีหลักฐานอะไรไหมว่าการที่กลิ่นอายสังหารเข้าไปในดวงวิญญาณจะทำให้รูปแบบชีวิตของมนุษย์เปลี่ยนไป?”นักเรียนทั้งหมดที่ยกมือล้วนอยากถามคำถามเดียวกันกับเด็กสาว
“มันคือการแปลงวิญญาณซึ่งจะเกิดขึ้นกับคนที่อยู่ภายใต้การกระตุ้น และยังมีกรณีพิเศษที่ผู้คนอาจประสบกับการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส”
“หากพวกคุณสนใจเรื่องนี้ คุณสามารถไปหอสมุดเพื่ออ่านหนังสือสองเล่มนี้ได้ หนึ่งคือ’การวิวัฒนาการและการกลายพันธ์ของชีวิต’และอีกหนึ่งคือ’รากฐานวิญญาณ’คุณสามารถพบสิ่งที่ผมเพิ่งกล่าวได้ในหนังสือสองเล่มนี้และแม้กระทั่งกรณีสนับสนุน ผมจะไม่ลงลึกในเรื่องนี้”หลิน ฮวงกล่าว
“ตอนนี้ กลับกันมาที่เต๋าดาบ”หลินฮวงมองนักเรียน เขารู้ว่าข้อมูลที่น่าสนใจนี้จะช่วยดึงดูดความอยากรู้อยากเห็นของเด็กๆ
“ขณะที่ทักษะสังหารจะเพิ่มกลิ่นอายสังหาร มันยังมีการบ่มเพาะจิตวิญญาณสำหรับเต๋าดาบ ทักษะดาบบางส่วนอาจไม่ดูเหมือนมีไว้เพื่อฆ่า แต่พวกมันเหมาะสำหรับคนที่อย่างทำให้จิตใจพวกเขาสงบลง ท่ามกลางวิชาดาบทั้งหมด วิชาดาบพุทธมามกะคืออันที่นิยมสุด แม้ทักษนี้จะมีเพียง6คำ(ในภาษาจีน) มันก็ยังทรงประสิทธิภาพอย่างมาก”
ทุกคนในห้องล้วนสับสนกับสิ่งที่หลิน ฮวงกล่าว รวมถึงฉิน เทียนซิ่ง
“สิ่งที่ผมคิดในตอนแรกคือการสอนพวกคุณบ่มเพาะจิตวิญญาณในชั้นเรียนแรก แต่ทว่า มันต้องใช้เวลาเพื่อให้เห็นผล และมันยังไม่เป็นประโยชน์ต่อการฆ่าและการต่อสู้จริง ดังนั้นผมจึงล้มเลิกความคิดนี้ เมื่อพิจารณาว่าการฆ่าสำคัญกว่า ดังนั้นผมจึงจะสอนทักษะสังหารให้พวกคุณในวันนี้”
หลายคนตื่นเต้น
“ตามผมไปสนามฝึก”หลิน ฮวงกล่าวและพากลุ่มนักเรียนไปสนามฝึก101 ฉิน เทียนซิ่งคิดว่ามันไร้สาระเพราะการสอนเต๋าดาบมักสอนในสนามฝึกกลางแจ้ง แต่หลิน ฮวงกำลังนำพวกเขาไปที่อื่น เมื่อพวกเขามาถึงสนามฝึก101 ในที่สุดฉิน เทียนซิ่งก็เข้าใจสิ่งที่หลิน ฮวงพยายามทำ เขาเดินเร็วขึ้นและไปหาหลิน ฮวง
“สนามฝึกนี้ไม่เปิดให้คนอื่น มีเพียงคณบดีที่มีกุญแจ”
“เผอิญผมมีมัน”หลินฮวงหยิบเอากุญแจออกมาและเขย่าพวกมันตรงหน้าฉิน เทียนซิ่ง จากนั้นก็เปิดประตูสนามฝึก
กลุ่มนักเรียนรีบพุ่งไปในสนามฝึกทันทีที่ประตูเปิด
“นายไปเอากุญแจมาจากไหน?”ฉิน เทียนซิ่งคว้าตัวหลินฮวงไว้และถาม
“คณบดีลั่วมอบให้ผม ทำไม?”หลิน ฮวงคิดว่าคำถามเขาดูแปลกๆ
“นี่คือสนามฝึกสำหรับผู้หลุดพ้นที่จะเปิดขึ้นเพียงปีละครั้งหรือสองครั้งสำหรับการให้เหล่าอาจารย์และอาจารย์จากโรงเรียนอื่นฝึกซ้อมกัน”ฉิน เทียนซิ่งกล่าว
“มันไม่เป็นไร ยังไงก็ไม่มีใครใช้สถานที่นี้อยู่แล้ว หากคณบดีห้าม เขาจะริบกุญแจไปจากผมเมื่อเขากลับมา”หลิน ฮวงรู้ว่าลั่ว หมิงจะไม่ว่าอะไร
หลิน ฮวงกวาดตามองนักเรียน ทั้งหมดล้วนกำลังสำรวจสนามฝึก มันเป็นครั้งแรกของพวกเขาที่ได้เห็นสนามฝึกใหญ่โตเช่นนี้
“ดูสิว่าพวกเขามีความสุขแค่ไหน ไม่ใช่ว่าสนามฝึกจะช่วยดึงดูดพวกเขาได้มากกว่าในห้องเรียน?”สิ่งที่หลิน ฮวงกล่าวทำให้ฉินเทียนซิ่งพูดไม่ออก เขาคิดเกี่ยวกับมัน เนื่องจากคณบดีลั่วมอบกุญแจให้หลิน ฮวง นั่นก็หมายความว่าเขาเชื่อใจหลิน ฮวง ดังนั้นเขาก็ไม่มีอะไรไปหยุดยั้งหลิน ฮวงได้ อย่างไรก็ตาม เขากลับเริ่มคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคณบดีลั่วและหลิน ฮวงแทน