The Dark King – Chapter 19 อันตราย [อ่านฟรี]
เมสันและเด็กอีกสองคนรวมกลุ่มกันและติดตามฟู่เทียนทันที
นอกจากทีมเล็กๆของฟู่เทียนก็มีทีมขนาดกลางอีกสองสามทีม ส่วนคนที่เหลือยังคงลังเลใจและลงเอยด้วยการรวมตัวกันเป็น กลุ่มใหญ่
กว่าสามร้อยชีวิตแตกออกเป็นกลุ่มย่อยคล้ายกับอาณานิคมซึ่งค่อยๆแยกย้ายเลือนหายสู่ทะเลทราย
“ทำไมเรามุ่งหน้าไปทางนั้น? เรากำลังเดินหน้าตรงไปทางดวงอาทิตย์!” เมสันยกมือขึ้นเพื่อปกปิดใบหน้าของเขาจากแสงแดดเวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แต่ร่างกายของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ เหงื่อไหลไม่ยอมหยุดเพราะความร้อน
“ดูเหมือนว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปทางเดียวกับดวงอาทิตย์” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลพูดชื่อของเขาคือแชมเป็นหนึ่งในสี่คนที่พักห้องเดียวกับเมสันและฟู่เทียน เขามีบุคลิกที่น่าเบื่อแต่เป็นคนที่ขยันมากเช่นเดียวกับฟู่เทียน
“แม่ว่าเราจะต้องหลีกเลี่ยงการแย่งชิงแต่เราก็ไม่ควรทำแบบนี้!” เมสันออกความเห็น
ฟู่เทียนกระซิบว่า “ในทะเลทรายความแตกต่างของสภาพอากาศและอุณหภูมิจะรุนแรงมากและยังเป็นฤดูกาลแห่ง”ความตายสีดำ“มันเป็นช่วงที่อุณหภูมิสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ในช่วงฤดูนี้ แต่เมื่อถึงตอนเย็นอุณหภูมิจะลดลงถึงระดับเดียวกับฤดู ”หิมะดำ“ดังนั้นเราต้องมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกให้มากที่สุด มันจะเป็นสถานที่ที่อบอุ่นที่สุดในตอนเย็น”
ทั้งสามคนได้ยินฟู่เทียนอธิบายอย่างเคร่งขรึม เมสันกล่าว่า “ถ้าเราไปทางทิศตะวันออกเราจะได้หลีกเลี่ยงจากแสงแดดและความร้อน แม้ว่าเราไม่สามารถหาน้ำได้เราก็จะไม่ได้รับอันตรายจากความร้อน” ถ้าเทียบปัญหาความร้อนตอนนี้กับความหนาวในตอนกลางคืนอันไหนคุ้มกว่ากันแล้วนายรู้ได้อย่างไรว่าอุณหภูมิจะลดลงในเวลากลางคืน? เท้าฉันจะไหม้อยู่แล้ว พวกเราเหมือนอยู่ท่ามกลางไฟแผดเผา! แล้วอุณหถูมิจะลดลงได้ยังไง?”
แชมและเด็กอีกคนชื่อแซคก็อยากรู้เช่นกันว่าตอนนี้อากาศร้อนมากแล้วตอนกลางคืนมันจะเย็นได้อย่างไร?
“พวกนายจะรู้ทันทีเมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด” ฟู่เทียนไม่ได้อธิบายถึงผลกระทบจากการดูดซับความร้อนของทราย ความรู้ประเภทนี้ไม่ได้ถูกสอนในค่ายดังนั้นการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้จะยิ่งทำให้เกิดความสงสัย
น้ำน่ะมีแน่ แต่สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือหลีกเลี่ยงจากการป่วย! ฟู่เทียนเตือนเมสัน แซค และแชม
แซค แชมและเมสันรู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินคำพูดของฟู่เทียนเกี่ยวกับปัญหาเรื่องน้ำ พวกเขาไม่ได้เอ่ยถามแต่สงสัยมากว่าว่าจะหาน้ำในทะเลทรายที่เต็มไปด้วยทรายได้อย่างไร ความเชื่อมั่นและความมั่นใจนั้นมาจากไหน?
เป็นเวลาไม่นานทีมของฟู่เทียนก็ลับสายตาจากกลุ่มอื่นๆ สิ่งที่พวกเขาเห็นคือทรายที่ปกคลุมทะเลทรายไม่มีที่สิ้นสุด
สิ่งเดียวที่เพื่อนร่วมทีมสามารถทำได้คือการเชื่อมั่นต่อการตัดสินใจของของฟู่เทียน เขาไม่เคยทอดทิ้งเพื่อนในระหว่างการฝึกดังนั้นพวกเขาจึงหวังว่าคำตัดสินใจของฟู่เทียนในครั้งนี้จะถูกต้องแม้แต่ในทะเลทรายด้วย
“พวกนายจำได้ไหมว่าพวกครูฝึกสอนเราเรื่องการหาน้ำในทะเลทรายอย่างไร?” ฟู่เทียนหยุดมองไปรอบๆ
“ฉันจำได้ว่าตอนแรกเราต้องมองหาทรายที่ไม่ถูกแสงแดดและขุดมันจนพบน้ำ” เมสันพูด
ฟู่เทียนยกมือขึ้นและชี้ไปที่ด้านหน้า มีเนินเขาที่เกิดจากทรายด้านที่เขาชี้ไปไม่โดนแสงอาทิตย์เพราะมุมของเนินเขา
ดวงอาทิตย์ไม่สามารถส่องแสงไปยังส่วนนั้นได้แม้ในตอนเช้าเมื่อขึ้นจากทางทิศตะวันออก เฉพาะตอนเที่ยงเท่านั้นที่โดนแสงแดดแต่แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น “เราไปที่นั่นกัน” เขาเดินนำไปข้างหน้า
เมื่อพวกเขามาถึงเนินเขาฟู่เทียนเอามือสัมผัสทราย มันเย็นมาก
เมสัน แซคและแชมรู้สึกดีใจมากกับสิ่งที่ได้เห็นพวกเขาก้มลงเพื่อเตรียมที่จะขุด ฟู่เทียนโบกมือ “เอาผ้าพันมือเอาไว้เพื่อไม่ให้โดนหินบาด” จากนั้นเขาก็ฉีกผ้าออกและห่อหุ้มมือไว้พร้อมกับก้มตัวลงเพื่อเริ่มขุด
เมสันหัวเราะ “เราโชคดีจริงๆที่นายรอบคอบ”
ทั้งสามคนฉีกผ้าออกพันมือของตัวเองและเริ่มขุด
สามเดือนของการฝึกความอดทนส่งผลให้ทั้งสี่คนพัฒนาความแข็งแรงขึ้นอย่างมาก พวกเขาเดินมานานกว่าสี่หรือห้าไมล์ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่แผดเผา แต่พวกเขายังคงมีพลังงานเพียงพอที่จะขุด แต่นี่ก็เป็นเหมือนการเดิมพันเพราะถ้าพวกเขาไม่สามารถขุดหาน้ำได้พวกเขาก็จะไม่มีแรงมากพอที่จะหาสถานที่ที่จะขุดน้ำต่อไปได้
ดังนั้นฟู่เทียนรู้สึกเป็นกังวลโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากขุดลึกครึ่งเมตรแล้วแต่พวกเขายังคงสัมผัสกับทรายอ่อน
“พอแค่นี้ก่อน! พวกเราควรย้ายไปขุดที่อื่น ถ้าขุดไม่พบทรายเปียกในระดับนี้แม้ว่าพวกเขาจะขุดสามหรือสี่เมตรมีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะไม่พบน้ำ เราขุดมาตั้งลึกแล้วทำไมถึงยอมแพ้?” เมสันถาม
ฟู่เทียนตอบกลับด้วยใบหน้าที่ผิดหวัง “เราไม่สามารถเดิมพันและหวังจะชนะได้ในตอนนี้” ตามฉันมาเรารีบไปกัน “พูดเสร็จแล้วเขาหันไปเดินออกไปข้างหน้า”
เมสันและแซคเต็มไปด้วยความสงสัยพวกเขาไม่ค่อยเต็มใจที่จะก้าวต่อไป แชมลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ไปกัน อะไรที่ฟู่เทียนพูดถูกเสมอ” พวกไม่สามารถเดิมพันได้ในตอนนี้” จากนั้นเขาก็วิ่งตามฟู่เทียนไป
เมสันและแซคถอนหายใจพวกเขาปัดมือที่เข่าเพื่อเอาทรายออก
ตอนนี้พระเจ้าปิดประตูให้คุณเขาจะไม่เปิดอีก แต่พระองค์จะปล่อยสุนัขให้กับคุณ ทันใดนั้นแซคก็กรีดร้องเสียงดังกระโดดสูงครึ่งเมตรและรีบวิ่งไปทางฟู่เทียน
ฟู่เทียนและแซมหันกลับไปหาเมสันและแซค ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นงูยาวสองเมตรออกมาจากทราย ผิวของมันสีน้ำตาลเกล็ดสะท้อนภายใต้แสงแดด พวกเขาทุกคนรู้สึกร่างกายเริ่มเย็นไปจนถึงขั้วหัวใจ
“วิ่ง!” ฟู่เทียนเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ เขาตะโกนดังขึ้นหันและวิ่งหนีไป
สมาชิกที่เหลือพยายามวิ่งตามไปติดๆ
เมสันตื่นตระหนกเท้าของเขาสะดุด ‘ตุบ’ เขาล้มลงบนพื้นทราย
ฟู่เทียนที่กำลังวิ่งไปข้างหน้าเมื่อได้ยินเสียงก็มองย้อนกลับมา
เขาเห็นเมสันอยู่บนพื้นและอยู่ห่างจากงูแค่สิบกว่าเมตร งูกำลังบิดตัวราวกับว่ายน้ำบนทราย สถานการณ์เริ่มตึงเครียดเขาหันกลับไปหาเมสันและรีบวิ่งไปหาเขา
แชมและแซคตกใจอยู่ชั่วครู่ พวกเขาเห็นเมสันล้มลงและเห็นร่างของงูที่กำลังคืบคลานเข้ามาใบหน้าของพวกเขาซีดเผือด
ฟู่เทียนรีบวิ่งตรงไปยังเมสันจับแขนของเขาและตะโกนใส่ “ลุกขึ้น!”
เมสันลุกขึ้นมาได้และมองกลับไปข้างหลัง ระหว่างเขากับงูห่างกันแค่สองสามเมตรเท่านั้น เมสันกลัวสุดขีดเขารีบหนีทันที
ทันใดนั้นงูก็กระโจนไปทางเมสันพร้อมกับอ้าปากเห็นเขี้ยวที่แหลมคม