ตอนที่แล้วDND.86 - การกลับมาของซือหยู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.88 - ปราบทวิกระบวนท่า

DND.87 - พลังหาใดเปรียบ


เซี่ยจิงหยูรู้สึกคุ้นเคยกับอกที่แก้มนางสัมผัส...หูของนางได้ยินเสียงอันคุ้นเคย ร่างนางสั่นเล็กน้อยและลืมตา...พบใบหน้าที่มิเคยลืม

“ซือ...หยู...”

เซี่ยจิงหยูมิเชื่อสายตา...นางตกใจ นางคิดว่านางเห็นภาพหลอนเพราะเสียโลหิตไปมาก

ซือหยูยังไม่ตาย!

“จิงหยู ขออภัยที่ข้ามาช้า”

เสียงอันอ่อนโยนนั่นดึงเซี่ยจิงหยูกลับสู่ความเป็นจริง!

“ซือหยู!”

เสียงร้องไห้อันเศร้าโศกดังไปยังทั้งวิหาร

เซี่ยจิงหยูเช็ดน้ำตาแห่งความยินดีและยืดแขนซีดเซียวของนางไปกอดบุรุษชุดม่วงจนแน่น

นางกอดเขาแน่นมากจนปอดของนางแทบจะแหลกละเอียด แต่นางก็ไม่คิดจะผ่อนแรงลง...นางกลับกอดเขาแน่นขึ้นไปอีก...ด้วยความกลัวว่าเขาจะหายไป

ในตอนนั้น เซี่ยจิงหยูลืมทุกสิ่งในฟ้าดิน นางลืมเลือนกาลเวลา ลืมเรื่องลานประลอง แทบจะลืมตัวเอง

หัวใจของนางมีแต่ซือหยู...ที่นางเคยเสียไปหนึ่งครั้ง

เซี่ยจิงหยูเงยหน้ามองซือหยู นางเช็ดน้ำตาแห่งความสุขพร้อมตัวสั่นจากการร้องไห้ ความยินดีในใจนางมิอาจบรรยายเป็นคำพูด

มิต้องเอื้อนเอ่ยคำใดกับนางในตอนนี้

สุดท้าย...เหล่าผู้ชมก็รู้สึกตัว

บุรุษชุดสีม่วงผมสีเงินผู้นี้คือซือหยูตัวจริง นี่ควรจะอยู่ถูกฝังอยู่ใต้หุบเขา!

เขารอดมาจากตรงนั้นได้ยังไงกัน?

ไมผิดแปลกเลยที่จะบอกว่าเขาได้ฟื้นมาจากความตาย ซือหยูผู้นี้ดูต่างจากซือหยูที่พวกเขาเคยรู้จักอย่างยิ่ง

เซี่ยจิงหยูยิ้มน้ำตารินไหลอาบแก้ม ดวงตาไร้วิญญาณของนางกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

หลังจากที่นางใจเย็นลงแล้วก็ตรวจสอบร่างกายซือหยู

แก้มของเขาตอบลงอย่างมาก นางคิดถึงความเจ็บปวดที่ซือหยูต้องทรมาน...กับการถูกฝังอยู่ใต้ดินถึงครึ่งเดือน

ที่เปลี่ยนไปมากที่สุดคือผมที่ยาวของซือหยู

ผมที่เคยดำเงาของเขากลายเป็นสีเงินบริสุทธิ์

ชุดสีม่วงและผมสีเงินนั้นส่งผ่านรังสีอันสูงส่ง

“พี่หยู...ผมนั่น...ดวงตานั่น..”

เซี่ยจิงหยูพบว่าซือหยูยังมิได้ลืมตา!

ดวงตากว้างใหญ่และเปล่งประกายราวกับดวงดาราในตอนนี้ปิดสนิท!

หรือว่าดวงตาเขาจะถูกทำลายตอนที่ภูเขาทลายลงมา? แม้ซือหยูจะหลับตา เขาก็ยังคงตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างได้ราวกับตาเห็น

ซือหยูยิ้ม

“มันยังลำบากที่ข้าจะลืมตา ดวงตาข้ามิได้มีปัญหาอะไร ส่วนผมข้า...”

ซือหยูอธิบายด้วยรอยยิ้มบางเบาและความโล่งใจ

“พิษนั่นยังคงเหลืออยู่ในกายข้า แม้ข้าจะขับมันออกมาได้ แต่ผลข้างเคียงนั้นมิอาจเลี่ยง ยากที่ผมของข้าจะกลับมาเป็นอย่างเดิม”

ในวันนั้น ราชันย์เพชรฆาตคว้าข้อเท้าของซือหยูเอาไว้ด้วยมือที่เคลือบพิษร้ายแรง พิษนั่นยังคงอยู่ในกายซือหยูและทำให้ผมของเขาเป็นสีเงินในครี่งเดือนที่ผ่านมา

เซี่ยจิงหยูขอโทษขอโพย

“ขอโทษนะพี่หยู...ที่ข้ามิอาจช่วยได้เร็วกว่านี้”

ซือหยูยิ้มอย่างยินดี

“ไม่หรอกจิงหยู...เจ้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้”

วันนั้น ก้อนศิลายักษ์ได้ตกลงมา ภูเขาพังทลายและเกิดแผ่นดินสะเทือน มันคือภัยพิบัติครั้งใหญ่

ก่อนซือหยูจะถูกฝัง เขาพบหลุมกับดักที่เขาวางไว้ก่อนหน้า ซือหยูจึงใช้ไหมพันมังกรและหนีเข้าไปในหลุมนั้น ศิลายักษ์ได้ร่วงลงมาปิดที่หลุมและขังซือหยูเอาไว้ภายใน แต่ศิลายักษ์นั่นก็ป้องกันซือหยูด้วยในอีกทางหนึ่ง...มันทำให้ซือหยูไม่ถูกฝังทั้งเป็น

แต่ก็ยังมีเศษหินมากเกินไปที่ด้านบนทางหนี

หากซือหยูขยับศิลายักษ์ก็จะทำให้บรรดาซากข้างบนไหลลงมาฝังเขาทั้งเป็น

เป็นเซี่ยจิงหยูเองที่ได้ขยับเหล่าซากส่วนมากออกไปตลอดห้าวันห้าคืนโดยมิได้พักแม้แต่น้อย

ซือหยูจิงใช้โอกาสนั้นคลานออกมา...ทีละน้อย ทีละน้อย

หากมิใช่เพราะความเด็ดเดี่ยวของเซี่ยจิงหยู ซือหยูคงถูกฝังทั้งเป็นไปแล้ว

ตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมา ซือหยูอาศัยดื่มหิมะที่ละลายเพื่อดับกระหาย และกินมอสที่เติบโตบนศิลา

“พี่หยู!”

เซี่ยจิงหยูแนบใบหน้ากับอกของซือหยู นางเจ็บปวดที่ได้รู้ว่าซือหยูต้องทรมานแสนสาหัส ด้วยสภาพร่างกายย่ำแย่...ซือหยูรอดออกมาได้

ทุกคนที่นี่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ซือหยูนั้นโชคดีมากที่ความดื้อดึงของเซี่ยจิงหยูช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้

ฉิวชางเจี้ยนมีความสุขมากแต่ก็นึกถึงหน้าที่ของตนเอง เขามองหลิวชิงและประกาศ

“เซี่ยจิงหยูพ่ายแพ้การประลอง การประลองจบสิ้น...”

“จบงั้นรึ?”

ชุดสีม่วงของเขาเลือนลางและเขาก็หายตัวไป

ทุกคนตกใจเมื่อพบว่าบุรุษผมเงินได้ไปอยู่บนลานประลองแล้ว

ความเหนือมนุษย์ของเขาทำให้ทุกคนตกใจ

หลิวชิงที่กำลังจะลงจากลานประลองยักคิ้ว

“อะไรกัน? เจ้าอยากจะประลองกับข้ารึ?”

เหล่าผู้ชมตกใจ ซือหยูเพิ่งจะมาถึง และตอนนี้เขาอยากจะประลองกับศิษย์สวรรค์งั้นรึ?

ใบหน้าทุกคนคาดหวัง พวกเขาอยากจะเห็นว่าพลังของซือหยูเพิ่มขึ้นมาเท่าใด

ซือหยูส่ายหัวเบาๆ

“มิใช่”

คนดูตกตะลึง

“เช่นนั้นเจ้าจะทำสิ่งใด?”

หลิวชิงแอบโล่งใจ ซือหยูนั้นเป็นคนเหนือความคาดหมายและลึกลับจนเขามิอยากจะปล่อยหมัดออกไป และเขาเพิ่งจะรังแกและดูหมิ่นเซี่ยจิงหยู...ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกผิด

ดวงตาซือหยูยังคงปิดสนิท ชุดสีม่วงและผมสีเงินของเขาอยู่ท่ามกลางหิมะ...ขับกล่อมเขาให้เป็นเทพเจ้ารูปงาม

“ข้ามิได้อยู่บนลานประลองเพื่อประลองกับเจ้า...แต่ข้าจะสั่งสอนเจ้าถึงความเป็นมนุษย์”

ผู้ชมตัวแข็งทื่อ!

เมื่อจะชี้แนะระดับเก้าขั้นต้น ผู้มีระดับเก้าขั้นกลางยังมิกล้าทำเช่นนั้นเลย นี่ดูไม่เหมือนซือหยูเลย...นอกซะจากนิสัยเขาจะเปลี่ยนไปเพราะภัยพิบัตินั่น

ดวงตาเซี่ยจิงหยูเต็มไปด้วยความสับสน ซือหยูที่นางรู้จักมิใช่คนทะนงตน เหตุใดเขาจึงพูดจาเช่นนี้?

หลิวชิงหัวเราะเยาะ

“สั่งสอนข้าในความเป็นมนุษย์งั้นรึ? เจ้ามีคุณสมบัติแล้วงั้นหรือ?”

“ข้าเจ็บปวดมามากพอที่จะมีสิทธิ์สั่งสอนเจ้า เข้ามา เจ้ามีโอกาสหนึ่งกระบวนท่า”

ซือหยูพูดอย่างไม่ใส่ใจ มือของเขายังคงไพล่หลังอยู่เช่นเดิม

“ก็ได้! เจ้าหาเรื่องเองนะ!”

หลิวชิงกระโดดไปประลองกับซือหยูด้วยความโกรธ หากซือหยูลงจางลานประลองไป...เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

“วารีบูรพากระหน่ำ!”

ราวกับว่าสายน้ำเชี่ยวกรากพุ่งเข้ามาทำลายทุกสิ่งที่ขวางทางเขา เสียงสายฟ้าย้ำเตือนว่าพลังโจมตีนี้นั้นหาสิ่งใดเทียบได้!

สายลมรุนแรงพัดเข้าหาซือหยู ผมสีเงินของเขาเต้นรำไปตามแรงลม

ซือหยูที่หลับตายังคงยืนนิ่งเอามือไพล่หลัง

แกร๊ก--

การโจมตีอันรุนแรงของหลิวชิงหยุดลงเมื่อห่างจากซือหยูเพียงคืบเดียว ร่างของซือหยูยังคงอยู่ที่เดิม!

กำแพงน้ำแข็งหนาปรากฏออกมาทันที...มันป้องกันหมัดของหลิวชิงอย่างหมดจด!

“เจ้า...เป็นไปไม่ได้!”

หลิวชิงตกใจจนหมดคำพูด

แต่เริ่มเดิมที ซือหยูยังมิได้ขยับแม้ดัชนี และเขาก็ยังป้องกันการโจมตีอันรุนแรงนี้ได้!

“ข้าไม่เชื่อหรอก!”

หลิวชิงโมโหและโจมตีต่อไปอย่างต่อเนื่อง

ทุกครั้งที่เขาปล่อยหมัดออกไป กำแพงน้ำแข็งเย็นยะเยือกก็จะปรากฏออกมาในพริบตาและขัดขวางหมัดของเขา

ซือหยูมิได้ขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว!

เหล่าคนดูเงียบกริบ!

ในสายตาพวกเขา หลิวชิงได้ทำทุกสิ่งที่เขาจะทำได้ แต่เขาก็ทำอะไรซือหยูที่แค่ยืนอยู่เฉยๆไม่ได้! ซือหยูยังมิได้ขยับตัวเลย!

หลิวชิงโจมตีไปมากกว่าสิบครา และซือหยูยังคงไร้รอยขีดข่วน

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ หัวใจของเขาเต้นอย่างบ้าคลั่ง

“นี่เจ้า...เจ้าเป็นคนรึว่าผีกัน?”

“หากเจ้าโจมตีจบแล้ว...ก็เป็นทีข้า”

ซือหยูพูดเบาๆ

หลิวชิงเปลี่ยนสีหน้าทันที

ฟึ่บ--

หลิวชิงหันกลับไปและกำลังจะเดินออกจากลานประลอง...เขาไม่คิดจะสู้อีกแล้ว

“ข้าขอยอ…..”

เขาพยายามจะถอนตัว

เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!

แสงสีม่วงปรากฏที่ตรงหน้าเขาทันที หลิวชิงได้มองภาพผมสีเงินอย่างจางๆ ก่อนที่จะถูกตบสามครั้ง

เสียงตบชัดเจนสามครั้งติดต่อกันสะท้อนไปทั้งลานประลอง

“ตบสามครั้งนี้เพื่อชี้แนะเจ้า...เพื่อบอกว่าเจ้ามิควรประเมินตนสูงเกินไป...รู้ที่ต่ำที่สูงของตนซะบ้าง”

ซือหยูพูดอย่างไม่แยแส

แก้มหลิวชิงแดงและร้อนผ่าว เขาแทบจะไม่เชื่อว่าตัวเองโดนตบหน้า

“ซือหยู! เจ้า...เจ้าดูหมิ่นขะ….”

เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!

เขายังไม่ทันได้เห็นซือหยูอย่างชัดเจน...หลิวชิงก็ถูกตบแก้มอีกสามครั้ง

“ตบสามครั้งนี้เพื่อชี้แนะเจ้า...เพื่อจะบอกว่าอย่าถือตนและข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า หากเจ้าดูหม่นผู้คน ก็เตรียมตัวที่จะถูกผู้อื่นดูหมิ่นเอาไว้ด้วย”

หลิวชิงโกรธเมื่อได้ยินคำของซือหยู แต่...เขาก็รู้ว่าเขามิอาจต่อกรกับซือหยูได้

“ข้ายอมพะ...….”

หลิวชิงเริ่มพูดอีกครั้ง

เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!

ซือหยูไม่ปล่อยให้เขาพูดจบ เขาตบหลิวชิงอีกสามครั้ง

“ตบสามครั้งสุดท้ายนี้เพื่อสั่งสอนเจ้าให้เกิดแววตา เจ้าจะได้แยกแยะออก ว่าใครที่เจ้ารังแกได้...และใครที่ไม่ได้!”

“ข้าชี้แนะจบแล้ว เจ้าออกไปซะ”

ซือหยูดีดนิ้วและหลิวชิงก็กลิ้งตกจากลานประลอง

ทุกคนเงยหน้ามองซือหยูที่ยืนอยู่บนลานประลองอย่างตกตะลึง!

ศิษย์สวรรค์ลำดับสิบ...ระดับเก้าขั้นต้น ทำได้แค่ปล่อยหมัดใส่ซือหยูและทำอะไรไม่ได้ หลิวชิงมิได้มีโอกาสตอบโต้ด้วยซ้ำ

แก้มหลิวชิงบวมแดง แยกไม่ออกว่าตรงไหนคือเนื้อหนังหรือโลหิต ดวงตาเขาหยั่งรากลึกความเกลียดแค้นชิงชังต่อซือหยู

ความเจ็บปวดนั้นถือเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การถูกตบสั่งสอนต่อหน้าทุกคนมัน….ความเสียหน้าของหลิวชิงคือเรื่องใหญ่เหนือทั้งมวล!

“ศิษย์พี่คุน!”

หลิวชิงปิดหน้าด้วยความอับอายและหนีไปขอร้องศิษย์สวรรค์อีกคน

“ศิษย์พี่ต้องล้างแค้นให้ข้านะ! ซือหยูทำเกินไปแล้ว!”

ศิษย์พี่คุนคือศิษย์สวรรค์ลำดับห้า หลิวคุน! เขาแผ่รังสีเย็นชาและความแข็งแกร่ง

ดวงตาของหลิวคุนหยามเหยียด

“ผู้ที่ดูหมิ่นคนอื่นสมควรแล้วที่จะถูกดูหมิ่น เจ้าคือคนที่ดูหมิ่นสตรีของเขาก่อน มิเพียงเท่านั้น เจ้ายังอ่อนแอกว่าเขา เจ้าจะมีสิทธิ์อะไรมาบ่นซือหยู? หากเจ้าอยากจะโทษใคร ก็จงโทษตัวเองที่ใช้ไม่ได้ซะ!”

แก้มแดงของหลิวชิงซีดเผือด เขากับหลิวคุนมาจากแคว้นเดียวกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีมาโดยตลอด เขาไม่คิดว่าหลิวคุนจะดูถูกเขาด้วย!

“แต่...สำหรับหน้าใหม่ที่พยายามจะสอนสั่งศิษย์สวรรค์เช่นเจ้า...ความหยาบคายนี้มิอาจอภัย!”

หลิวคุนกระโดดขึ้นลานประลอง

ฟึ่บ--

เขายืนอย่างมั่นคงบนลานประลอง หลิวคุณหรี่ตา

“ก่อนที่เจ้าจะชี้แนะผู้อื่น...เจ้าต้องเตรียมตัวจะถูกชี้แนะเสียก่อน! ผู้คนมีคววรประเมินพลังตนเองสูงเกินไป ครั้งนี้...เป็นทีของข้าที่จะชี้แนะเจ้า!”

แม้หลิวคุนจะมีพลังระดับเก้าขั้นกลาง ซือหยูก็พยักหน้าด้วยความสุขุม

“เจ้ามิใช่คู่แข่งข้า...ลงไปซะ”

เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“อวดดีนัก! ลืมตาแล้วให้ข้าดูว่าเจ้าจะหยาบคายไปได้สักกี่น้ำ!”

หลิวคุนตะโกนด้วยโทสะ

“คนเจ้ามีเพียงพอให้ข้าต้องลืมตา”

ซือหยูตอบอย่างเย็นชา

“ฮ่าๆๆ! ซือหยู! ข้าจะต้องสอนให้เจ้า...รู้จักความอ่อนน้อม!”

หลิวคุนโกรธจัดที่ถูกบอกว่าเขาไม่มีค่าพอจะให้ซือหยูลืมตา!

ซือหยูส่ายหัว เขามีเหตุผลส่วนตัวที่มิอาจลืมตาได้

หลังจากเอาชีวิตรอดมาจากหุบเขา ร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงไปมาก รวมถึงดวงตา เขามิอาจลืมตาได้หากยังไม่พร้อม

“คุกเข่ายอมรับการลงโทษซะ!”

หลิวคุนคำราม

ฟึ่บ--

หลิวคุนขยับเท้า ร่างของเขาเจ็บปานสายฟ้าเมื่อโจมตีใส่ซือหยู

ที่รอบนอกวิหาร มีคนบินมาอย่างรวดเร็ว เขาถือสร้อยหยกเพลิงไว้ในมือทำให้เกิดแสงสีแดงขณะที่เขาเคลื่อนไหว...ราวกับวิหคเพลิงบนฟากฟ้า

“คนส่งสารจากหุบเขาเฟิงหวงงั้นรึ?”

หลิวคุนประหลาดใจ เขาหยุดโจมตีกลางคัน

ในทวีปเฉินยี่แห่งนี้ หุบเขาเฟิงหวงแห่งแคว้นเฟิงหวงกับพันธมิตรเก้าแคว้นนั้นคืนดินแดนพิเศษ

ข่าวลือบอกว่าเซียนแห่งหุบเขาเฟิงหวงคือราชันย์ศักดิ์สิทธิ์

เช่นเดียวกับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหาร...นางคือราชันย์ศักดิ์สิทธิ์อีกคนจากทั้งสองคนที่มีในทั้งทวีปนี้

ดวงตาของราชันย์ลืมตากว้าง เขาค่อยๆเดินออกมา

เขามองวิหคเพลิงจากระยะไกล ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจเบาๆ

“วันนี้มาถึงเสียที! ข้ารอมานานเหลือเกิน...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด