DND.87 - พลังหาใดเปรียบ
เซี่ยจิงหยูรู้สึกคุ้นเคยกับอกที่แก้มนางสัมผัส...หูของนางได้ยินเสียงอันคุ้นเคย ร่างนางสั่นเล็กน้อยและลืมตา...พบใบหน้าที่มิเคยลืม
“ซือ...หยู...”
เซี่ยจิงหยูมิเชื่อสายตา...นางตกใจ นางคิดว่านางเห็นภาพหลอนเพราะเสียโลหิตไปมาก
ซือหยูยังไม่ตาย!
“จิงหยู ขออภัยที่ข้ามาช้า”
เสียงอันอ่อนโยนนั่นดึงเซี่ยจิงหยูกลับสู่ความเป็นจริง!
“ซือหยู!”
เสียงร้องไห้อันเศร้าโศกดังไปยังทั้งวิหาร
เซี่ยจิงหยูเช็ดน้ำตาแห่งความยินดีและยืดแขนซีดเซียวของนางไปกอดบุรุษชุดม่วงจนแน่น
นางกอดเขาแน่นมากจนปอดของนางแทบจะแหลกละเอียด แต่นางก็ไม่คิดจะผ่อนแรงลง...นางกลับกอดเขาแน่นขึ้นไปอีก...ด้วยความกลัวว่าเขาจะหายไป
ในตอนนั้น เซี่ยจิงหยูลืมทุกสิ่งในฟ้าดิน นางลืมเลือนกาลเวลา ลืมเรื่องลานประลอง แทบจะลืมตัวเอง
หัวใจของนางมีแต่ซือหยู...ที่นางเคยเสียไปหนึ่งครั้ง
เซี่ยจิงหยูเงยหน้ามองซือหยู นางเช็ดน้ำตาแห่งความสุขพร้อมตัวสั่นจากการร้องไห้ ความยินดีในใจนางมิอาจบรรยายเป็นคำพูด
มิต้องเอื้อนเอ่ยคำใดกับนางในตอนนี้
สุดท้าย...เหล่าผู้ชมก็รู้สึกตัว
บุรุษชุดสีม่วงผมสีเงินผู้นี้คือซือหยูตัวจริง นี่ควรจะอยู่ถูกฝังอยู่ใต้หุบเขา!
เขารอดมาจากตรงนั้นได้ยังไงกัน?
ไมผิดแปลกเลยที่จะบอกว่าเขาได้ฟื้นมาจากความตาย ซือหยูผู้นี้ดูต่างจากซือหยูที่พวกเขาเคยรู้จักอย่างยิ่ง
เซี่ยจิงหยูยิ้มน้ำตารินไหลอาบแก้ม ดวงตาไร้วิญญาณของนางกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
หลังจากที่นางใจเย็นลงแล้วก็ตรวจสอบร่างกายซือหยู
แก้มของเขาตอบลงอย่างมาก นางคิดถึงความเจ็บปวดที่ซือหยูต้องทรมาน...กับการถูกฝังอยู่ใต้ดินถึงครึ่งเดือน
ที่เปลี่ยนไปมากที่สุดคือผมที่ยาวของซือหยู
ผมที่เคยดำเงาของเขากลายเป็นสีเงินบริสุทธิ์
ชุดสีม่วงและผมสีเงินนั้นส่งผ่านรังสีอันสูงส่ง
“พี่หยู...ผมนั่น...ดวงตานั่น..”
เซี่ยจิงหยูพบว่าซือหยูยังมิได้ลืมตา!
ดวงตากว้างใหญ่และเปล่งประกายราวกับดวงดาราในตอนนี้ปิดสนิท!
หรือว่าดวงตาเขาจะถูกทำลายตอนที่ภูเขาทลายลงมา? แม้ซือหยูจะหลับตา เขาก็ยังคงตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างได้ราวกับตาเห็น
ซือหยูยิ้ม
“มันยังลำบากที่ข้าจะลืมตา ดวงตาข้ามิได้มีปัญหาอะไร ส่วนผมข้า...”
ซือหยูอธิบายด้วยรอยยิ้มบางเบาและความโล่งใจ
“พิษนั่นยังคงเหลืออยู่ในกายข้า แม้ข้าจะขับมันออกมาได้ แต่ผลข้างเคียงนั้นมิอาจเลี่ยง ยากที่ผมของข้าจะกลับมาเป็นอย่างเดิม”
ในวันนั้น ราชันย์เพชรฆาตคว้าข้อเท้าของซือหยูเอาไว้ด้วยมือที่เคลือบพิษร้ายแรง พิษนั่นยังคงอยู่ในกายซือหยูและทำให้ผมของเขาเป็นสีเงินในครี่งเดือนที่ผ่านมา
เซี่ยจิงหยูขอโทษขอโพย
“ขอโทษนะพี่หยู...ที่ข้ามิอาจช่วยได้เร็วกว่านี้”
ซือหยูยิ้มอย่างยินดี
“ไม่หรอกจิงหยู...เจ้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้”
วันนั้น ก้อนศิลายักษ์ได้ตกลงมา ภูเขาพังทลายและเกิดแผ่นดินสะเทือน มันคือภัยพิบัติครั้งใหญ่
ก่อนซือหยูจะถูกฝัง เขาพบหลุมกับดักที่เขาวางไว้ก่อนหน้า ซือหยูจึงใช้ไหมพันมังกรและหนีเข้าไปในหลุมนั้น ศิลายักษ์ได้ร่วงลงมาปิดที่หลุมและขังซือหยูเอาไว้ภายใน แต่ศิลายักษ์นั่นก็ป้องกันซือหยูด้วยในอีกทางหนึ่ง...มันทำให้ซือหยูไม่ถูกฝังทั้งเป็น
แต่ก็ยังมีเศษหินมากเกินไปที่ด้านบนทางหนี
หากซือหยูขยับศิลายักษ์ก็จะทำให้บรรดาซากข้างบนไหลลงมาฝังเขาทั้งเป็น
เป็นเซี่ยจิงหยูเองที่ได้ขยับเหล่าซากส่วนมากออกไปตลอดห้าวันห้าคืนโดยมิได้พักแม้แต่น้อย
ซือหยูจิงใช้โอกาสนั้นคลานออกมา...ทีละน้อย ทีละน้อย
หากมิใช่เพราะความเด็ดเดี่ยวของเซี่ยจิงหยู ซือหยูคงถูกฝังทั้งเป็นไปแล้ว
ตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมา ซือหยูอาศัยดื่มหิมะที่ละลายเพื่อดับกระหาย และกินมอสที่เติบโตบนศิลา
“พี่หยู!”
เซี่ยจิงหยูแนบใบหน้ากับอกของซือหยู นางเจ็บปวดที่ได้รู้ว่าซือหยูต้องทรมานแสนสาหัส ด้วยสภาพร่างกายย่ำแย่...ซือหยูรอดออกมาได้
ทุกคนที่นี่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ซือหยูนั้นโชคดีมากที่ความดื้อดึงของเซี่ยจิงหยูช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้
ฉิวชางเจี้ยนมีความสุขมากแต่ก็นึกถึงหน้าที่ของตนเอง เขามองหลิวชิงและประกาศ
“เซี่ยจิงหยูพ่ายแพ้การประลอง การประลองจบสิ้น...”
“จบงั้นรึ?”
ชุดสีม่วงของเขาเลือนลางและเขาก็หายตัวไป
ทุกคนตกใจเมื่อพบว่าบุรุษผมเงินได้ไปอยู่บนลานประลองแล้ว
ความเหนือมนุษย์ของเขาทำให้ทุกคนตกใจ
หลิวชิงที่กำลังจะลงจากลานประลองยักคิ้ว
“อะไรกัน? เจ้าอยากจะประลองกับข้ารึ?”
เหล่าผู้ชมตกใจ ซือหยูเพิ่งจะมาถึง และตอนนี้เขาอยากจะประลองกับศิษย์สวรรค์งั้นรึ?
ใบหน้าทุกคนคาดหวัง พวกเขาอยากจะเห็นว่าพลังของซือหยูเพิ่มขึ้นมาเท่าใด
ซือหยูส่ายหัวเบาๆ
“มิใช่”
คนดูตกตะลึง
“เช่นนั้นเจ้าจะทำสิ่งใด?”
หลิวชิงแอบโล่งใจ ซือหยูนั้นเป็นคนเหนือความคาดหมายและลึกลับจนเขามิอยากจะปล่อยหมัดออกไป และเขาเพิ่งจะรังแกและดูหมิ่นเซี่ยจิงหยู...ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกผิด
ดวงตาซือหยูยังคงปิดสนิท ชุดสีม่วงและผมสีเงินของเขาอยู่ท่ามกลางหิมะ...ขับกล่อมเขาให้เป็นเทพเจ้ารูปงาม
“ข้ามิได้อยู่บนลานประลองเพื่อประลองกับเจ้า...แต่ข้าจะสั่งสอนเจ้าถึงความเป็นมนุษย์”
ผู้ชมตัวแข็งทื่อ!
เมื่อจะชี้แนะระดับเก้าขั้นต้น ผู้มีระดับเก้าขั้นกลางยังมิกล้าทำเช่นนั้นเลย นี่ดูไม่เหมือนซือหยูเลย...นอกซะจากนิสัยเขาจะเปลี่ยนไปเพราะภัยพิบัตินั่น
ดวงตาเซี่ยจิงหยูเต็มไปด้วยความสับสน ซือหยูที่นางรู้จักมิใช่คนทะนงตน เหตุใดเขาจึงพูดจาเช่นนี้?
หลิวชิงหัวเราะเยาะ
“สั่งสอนข้าในความเป็นมนุษย์งั้นรึ? เจ้ามีคุณสมบัติแล้วงั้นหรือ?”
“ข้าเจ็บปวดมามากพอที่จะมีสิทธิ์สั่งสอนเจ้า เข้ามา เจ้ามีโอกาสหนึ่งกระบวนท่า”
ซือหยูพูดอย่างไม่ใส่ใจ มือของเขายังคงไพล่หลังอยู่เช่นเดิม
“ก็ได้! เจ้าหาเรื่องเองนะ!”
หลิวชิงกระโดดไปประลองกับซือหยูด้วยความโกรธ หากซือหยูลงจางลานประลองไป...เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
“วารีบูรพากระหน่ำ!”
ราวกับว่าสายน้ำเชี่ยวกรากพุ่งเข้ามาทำลายทุกสิ่งที่ขวางทางเขา เสียงสายฟ้าย้ำเตือนว่าพลังโจมตีนี้นั้นหาสิ่งใดเทียบได้!
สายลมรุนแรงพัดเข้าหาซือหยู ผมสีเงินของเขาเต้นรำไปตามแรงลม
ซือหยูที่หลับตายังคงยืนนิ่งเอามือไพล่หลัง
แกร๊ก--
การโจมตีอันรุนแรงของหลิวชิงหยุดลงเมื่อห่างจากซือหยูเพียงคืบเดียว ร่างของซือหยูยังคงอยู่ที่เดิม!
กำแพงน้ำแข็งหนาปรากฏออกมาทันที...มันป้องกันหมัดของหลิวชิงอย่างหมดจด!
“เจ้า...เป็นไปไม่ได้!”
หลิวชิงตกใจจนหมดคำพูด
แต่เริ่มเดิมที ซือหยูยังมิได้ขยับแม้ดัชนี และเขาก็ยังป้องกันการโจมตีอันรุนแรงนี้ได้!
“ข้าไม่เชื่อหรอก!”
หลิวชิงโมโหและโจมตีต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ทุกครั้งที่เขาปล่อยหมัดออกไป กำแพงน้ำแข็งเย็นยะเยือกก็จะปรากฏออกมาในพริบตาและขัดขวางหมัดของเขา
ซือหยูมิได้ขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว!
เหล่าคนดูเงียบกริบ!
ในสายตาพวกเขา หลิวชิงได้ทำทุกสิ่งที่เขาจะทำได้ แต่เขาก็ทำอะไรซือหยูที่แค่ยืนอยู่เฉยๆไม่ได้! ซือหยูยังมิได้ขยับตัวเลย!
หลิวชิงโจมตีไปมากกว่าสิบครา และซือหยูยังคงไร้รอยขีดข่วน
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ หัวใจของเขาเต้นอย่างบ้าคลั่ง
“นี่เจ้า...เจ้าเป็นคนรึว่าผีกัน?”
“หากเจ้าโจมตีจบแล้ว...ก็เป็นทีข้า”
ซือหยูพูดเบาๆ
หลิวชิงเปลี่ยนสีหน้าทันที
ฟึ่บ--
หลิวชิงหันกลับไปและกำลังจะเดินออกจากลานประลอง...เขาไม่คิดจะสู้อีกแล้ว
“ข้าขอยอ…..”
เขาพยายามจะถอนตัว
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
แสงสีม่วงปรากฏที่ตรงหน้าเขาทันที หลิวชิงได้มองภาพผมสีเงินอย่างจางๆ ก่อนที่จะถูกตบสามครั้ง
เสียงตบชัดเจนสามครั้งติดต่อกันสะท้อนไปทั้งลานประลอง
“ตบสามครั้งนี้เพื่อชี้แนะเจ้า...เพื่อบอกว่าเจ้ามิควรประเมินตนสูงเกินไป...รู้ที่ต่ำที่สูงของตนซะบ้าง”
ซือหยูพูดอย่างไม่แยแส
แก้มหลิวชิงแดงและร้อนผ่าว เขาแทบจะไม่เชื่อว่าตัวเองโดนตบหน้า
“ซือหยู! เจ้า...เจ้าดูหมิ่นขะ….”
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
เขายังไม่ทันได้เห็นซือหยูอย่างชัดเจน...หลิวชิงก็ถูกตบแก้มอีกสามครั้ง
“ตบสามครั้งนี้เพื่อชี้แนะเจ้า...เพื่อจะบอกว่าอย่าถือตนและข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า หากเจ้าดูหม่นผู้คน ก็เตรียมตัวที่จะถูกผู้อื่นดูหมิ่นเอาไว้ด้วย”
หลิวชิงโกรธเมื่อได้ยินคำของซือหยู แต่...เขาก็รู้ว่าเขามิอาจต่อกรกับซือหยูได้
“ข้ายอมพะ...….”
หลิวชิงเริ่มพูดอีกครั้ง
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
ซือหยูไม่ปล่อยให้เขาพูดจบ เขาตบหลิวชิงอีกสามครั้ง
“ตบสามครั้งสุดท้ายนี้เพื่อสั่งสอนเจ้าให้เกิดแววตา เจ้าจะได้แยกแยะออก ว่าใครที่เจ้ารังแกได้...และใครที่ไม่ได้!”
“ข้าชี้แนะจบแล้ว เจ้าออกไปซะ”
ซือหยูดีดนิ้วและหลิวชิงก็กลิ้งตกจากลานประลอง
ทุกคนเงยหน้ามองซือหยูที่ยืนอยู่บนลานประลองอย่างตกตะลึง!
ศิษย์สวรรค์ลำดับสิบ...ระดับเก้าขั้นต้น ทำได้แค่ปล่อยหมัดใส่ซือหยูและทำอะไรไม่ได้ หลิวชิงมิได้มีโอกาสตอบโต้ด้วยซ้ำ
แก้มหลิวชิงบวมแดง แยกไม่ออกว่าตรงไหนคือเนื้อหนังหรือโลหิต ดวงตาเขาหยั่งรากลึกความเกลียดแค้นชิงชังต่อซือหยู
ความเจ็บปวดนั้นถือเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การถูกตบสั่งสอนต่อหน้าทุกคนมัน….ความเสียหน้าของหลิวชิงคือเรื่องใหญ่เหนือทั้งมวล!
“ศิษย์พี่คุน!”
หลิวชิงปิดหน้าด้วยความอับอายและหนีไปขอร้องศิษย์สวรรค์อีกคน
“ศิษย์พี่ต้องล้างแค้นให้ข้านะ! ซือหยูทำเกินไปแล้ว!”
ศิษย์พี่คุนคือศิษย์สวรรค์ลำดับห้า หลิวคุน! เขาแผ่รังสีเย็นชาและความแข็งแกร่ง
ดวงตาของหลิวคุนหยามเหยียด
“ผู้ที่ดูหมิ่นคนอื่นสมควรแล้วที่จะถูกดูหมิ่น เจ้าคือคนที่ดูหมิ่นสตรีของเขาก่อน มิเพียงเท่านั้น เจ้ายังอ่อนแอกว่าเขา เจ้าจะมีสิทธิ์อะไรมาบ่นซือหยู? หากเจ้าอยากจะโทษใคร ก็จงโทษตัวเองที่ใช้ไม่ได้ซะ!”
แก้มแดงของหลิวชิงซีดเผือด เขากับหลิวคุนมาจากแคว้นเดียวกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีมาโดยตลอด เขาไม่คิดว่าหลิวคุนจะดูถูกเขาด้วย!
“แต่...สำหรับหน้าใหม่ที่พยายามจะสอนสั่งศิษย์สวรรค์เช่นเจ้า...ความหยาบคายนี้มิอาจอภัย!”
หลิวคุนกระโดดขึ้นลานประลอง
ฟึ่บ--
เขายืนอย่างมั่นคงบนลานประลอง หลิวคุณหรี่ตา
“ก่อนที่เจ้าจะชี้แนะผู้อื่น...เจ้าต้องเตรียมตัวจะถูกชี้แนะเสียก่อน! ผู้คนมีคววรประเมินพลังตนเองสูงเกินไป ครั้งนี้...เป็นทีของข้าที่จะชี้แนะเจ้า!”
แม้หลิวคุนจะมีพลังระดับเก้าขั้นกลาง ซือหยูก็พยักหน้าด้วยความสุขุม
“เจ้ามิใช่คู่แข่งข้า...ลงไปซะ”
เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“อวดดีนัก! ลืมตาแล้วให้ข้าดูว่าเจ้าจะหยาบคายไปได้สักกี่น้ำ!”
หลิวคุนตะโกนด้วยโทสะ
“คนเจ้ามีเพียงพอให้ข้าต้องลืมตา”
ซือหยูตอบอย่างเย็นชา
“ฮ่าๆๆ! ซือหยู! ข้าจะต้องสอนให้เจ้า...รู้จักความอ่อนน้อม!”
หลิวคุนโกรธจัดที่ถูกบอกว่าเขาไม่มีค่าพอจะให้ซือหยูลืมตา!
ซือหยูส่ายหัว เขามีเหตุผลส่วนตัวที่มิอาจลืมตาได้
หลังจากเอาชีวิตรอดมาจากหุบเขา ร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงไปมาก รวมถึงดวงตา เขามิอาจลืมตาได้หากยังไม่พร้อม
“คุกเข่ายอมรับการลงโทษซะ!”
หลิวคุนคำราม
ฟึ่บ--
หลิวคุนขยับเท้า ร่างของเขาเจ็บปานสายฟ้าเมื่อโจมตีใส่ซือหยู
ที่รอบนอกวิหาร มีคนบินมาอย่างรวดเร็ว เขาถือสร้อยหยกเพลิงไว้ในมือทำให้เกิดแสงสีแดงขณะที่เขาเคลื่อนไหว...ราวกับวิหคเพลิงบนฟากฟ้า
“คนส่งสารจากหุบเขาเฟิงหวงงั้นรึ?”
หลิวคุนประหลาดใจ เขาหยุดโจมตีกลางคัน
ในทวีปเฉินยี่แห่งนี้ หุบเขาเฟิงหวงแห่งแคว้นเฟิงหวงกับพันธมิตรเก้าแคว้นนั้นคืนดินแดนพิเศษ
ข่าวลือบอกว่าเซียนแห่งหุบเขาเฟิงหวงคือราชันย์ศักดิ์สิทธิ์
เช่นเดียวกับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหาร...นางคือราชันย์ศักดิ์สิทธิ์อีกคนจากทั้งสองคนที่มีในทั้งทวีปนี้
ดวงตาของราชันย์ลืมตากว้าง เขาค่อยๆเดินออกมา
เขามองวิหคเพลิงจากระยะไกล ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจเบาๆ
“วันนี้มาถึงเสียที! ข้ารอมานานเหลือเกิน...”