DND.86 - การกลับมาของซือหยู
เซี่ยจิงหยูไม่สะทกสะท้านและใช้ฎีกาสวรรค์ระดับสวรรค์ออกไปเช่นกัน
“ดัชนีบุพผา!”
เมื่อนางชี้ดัชนี ของเหลวก็ทำตามบัญชาของนาง
โลหิตของหลงเสี่ยวยี่ปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งของเซี่ยจิงหยู
พวกนางต่างใช้ฎีกาสวรรค์ระดับเดียวกัน เซี่ยจิงหยูทำอะไรหลงเสี่ยวยี่ไม่ได้มากนัก
เมื่อหลงเสี่ยวยี่เข้ามาใกล้ด้วยความได้เปรียบ เซี่ยจิงหยูก็รู้สึกได้ถึงอันตรายรอบตัวนาง
ตู้ม--
ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างรวดเร็ว เห็นแต่ละคนได้อย่างไม่ชัดเจน
ผู้หนึ่งงดงาม ผู้หนึ่งสง่างาม ทุกคนต่างมองการประลองด้วยความนับถือ
เซี่ยจิงหยูเสียเปรียบกว่าเล็กน้อย แต่มันก็ยังเป็นการต่อสู้ระยะประชิด
“หากในลานประลองไม่มีผู้ชนะหลังจากร้อยกระบวนท่า ใครที่ได้เปรียบจะถือว่าเป็นผู้ชนะ”
ฉิวชางเจี้ยนประกาศ
หากไม่คิดถึงฐานะ ทุกคนต่างประทับใจกับเซี่ยจิงหยู นางเป็นเพียงหน้าใหม่แต่ก็รับมือกับราชาว่าที่ศิษย์สวรรค์ในอนาคตหลงเสี่ยวยี่ได้อย่างสูสี พัฒนาการในทักษะอย่างมหาศาลของนางทำให้เหล่าผู้คนตกตะลึง
เมื่อได้ยินประกาศของฉิวชางเจี้ยน หลงเสี่ยวยี่ก็เย็นชาลง
“ขอโทษนะจิงหยู...ข้าจะต้องเป็นศิษย์สวรรค์”
ในครั้งนี้นางออมมือเล็กน้อย...เพราะหวังว่าจะไม่ทำให้เซี่ยจิงหยูบาดเจ็บ แต่ในตอนนี้นางต้องเอาชนะให้จงได้...นางจะใช้พลังทั้งหมดที่มี
เซี่ยจิงหยูจ้องและถอยหลังสองก้าว
“ข้าก็มีเหตุผลที่ต้องชนะเช่นกัน ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม! ขออภัย...ศิษย์พี่หลง”
ฟึ่บ--
ขณะนั้นเองด้วยพลังของโอสถวิญญาณ เซี่ยจิงหยูสำเร็จพลังระดับเจ็ดขั้นกลาง
หลงเสี่ยวยี่รู้สึกถึงแรงกดดันรุนแรง นางกัดฟันและปลดปล่อยพลังทั้ังหมด
“ย่างเจ็ดดารา!”
แกร๊ง--
หลงเสี่ยวยี่ยื่นเท้าเป็นจังหวะนุ่มนวล ทุกย่างก้าวของนางสร้างรูปแบบกลุ่มดาวไถ ทุกย่างก้าวของนางทำให้เกิดเสียงสดใส
มันคือการโจมตีด้วยเสียงที่หายากยิ่ง!
“วิราบ่มเพาะระดับสวรรค์...ขั้นสูง”
คนดูอ้าปากค้าง
ฉิวชางเจี้ยนประทับใจ ทั้งฎีกาสวรรค์และวิชาบ่มเพาะ หลงเสี่่ยวยี่นับว่ามีคุณสมบัติในการเป็นศิษย์สวรรค์ มีเพียงระดับพลังบ่มเพาะเท่านั้นที่ยังไม่ถึงขั้น
หลงเสี่่ยวยี่ที่ใช้พลังทั้งหมดเพิ่มพลังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง!
เซี่ยจิงหยูยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“ภวังค์น้ำค้าง!”
เสียงกระซิบแหบพร่า..เซี่ยจิงหยูยกมืออันงดงามและตั้งท่าไปทางหลงเสี่ยวยี่
ตู้ม--
หลงเสี่ยวยี่สีหน้าเปลีย่นไปทันที...นางเจ็บปวดรุนแรง
คนที่ดูหันไปดูอย่างประหลาดใจ เกล็ดหิมะและอากาศรอบตัวหลงเสี่ยวยี่ล้อมรอบนางเป็นหมอกหนา
ชั้นน้ำปรากฏขึ้นรอบร่างหลงเสี่ยวยี่
ทันใดนั้นนางก็จมอยู่ในน้ำลึก...หลงเสี่ยวยี่มิอาจหายใจได้!
ไม่ว่าหลงเสี่ยวยี่จะพยายามใช้พลังปราณเช่นใด นางก็คลายน้ำรอบตัวนางออกไปไม่ได้
เวลาผ่านไป ยากกว่าเดิมที่จะทานทน นางค่อยๆหน้าแดงเพราะเสียพลังที่จะต่อต้านไปมหาศาล
เพียงขยับมือเล็กน้อย วารีที่ล้อมตัวหลงเสี่ยวยี่ก็กระเด็นออกไปจากลานประลอง!
ทุกคนต่างเงียบกริบ!
“วิชาบ่มเพาะระดับเทพ...ขั้นกลาง!”
เสี่ยงสั่นเครือดังมากจากเหล่าคนดู
ทุกคนมองมายังเซี่ยจิงหยู พวกเขารู้สึกเย็นที่ศีรษะ
ในวิชาระดับเทพสามวิชาที่วิหารมี เซี่ยจิงหยูได้สำเร็จภวังค์น้ำค้างถึงขอบเขตกลาง
ดวงตาไม่ใส่ใจของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เป็นประกาย ยากที่จะได้เห็น
ในวิหารมีเพียงคนเดียวที่บ่มเพาะวิชาระดับเทพได้ และนั่นก็คือคนที่อายุมากที่สุด...จ้าวกวง!
แต่เซี่ยจิงหยูก็บ่มเพาะมันได้เช่นกัน!
หลงเสี่ยวยี่ตกตะลึง ตลอดเวลาที่พวกนางอยู่ในป่าอสูร...นางไม่เคยเห็นเซี่ยจิงหยูทำอะไรเลยแม้สักครั้ง
นางคิดตลอดมาว่าเซี่ยจิงหยูเพียงแต่หวังพึ่งหุ่นเชิดของซือหยู แต่ในความจริงนั้น...พลังของเซี่ยจิงหยูนั้นเหนือกว่าพวกหุ่นเชิดระดับแปดนั่นซะอีก!
การต่อสู้อันยอดเยี่ยมทำให้ทุกคนตกตะลึง! เซี่ยจิงหยูคือราชาแห่งว่าที่ศิษย์สวรรค์อย่างมิต้องสงสัย!
นี่เป็นเวลาในการจัดลำดับศิษย์สวรรค์ และเป็นเวลาที่ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์รอคอยมากที่สุด
การประลองจัดลำดับสิบศิษย์สวรรค์นั้นเปล่งประกายและน่าสนใจยิ่ง ศิษย์สวรรค์ทุกคนมีพลังขั้นต่ำอยู่ที่ระดับเก้า เหล่าสายตาจากว่าที่ศิษย์สวรรค์ต่างจับจ้องไปยังศิษย์พี่ด้วยความนับถือ
ท้ายที่สุด...การประลองจัดลำดับก็จบลง
จ้าวกวงเป็นผู้ชนะลำดับหนึ่งและได้เป็นราชาศิษย์สวรรค์!
ไม่มีใครทนจ้าวกวงได้ถึงสิบกระบวนท่า
จ้าวกวงที่ชนะทุกคนได้ในสิบกระบวนท่านั้นคืออัจฉริยะแห่งทั้งวิหาร!
หลายคนมองตัวตนที่อยู่คนละโลกเช่นเขา
ลำดับต่างๆเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยเฉพาะลำดับท้าย ฉิวชางเจี้ยนนั้นแสดงพลังอันโดดเด่นจนขึ้นมาอยู่ลำดับเจ็ดจากลำดับสิบ หลิวชิงที่เคยอยู่ลำดับแปดตกมาที่ลำดับสิบ
การล่มสลายของวิหารกำลังใกล้เข้ามาทุกที นั่นทำให้เหล่าศิษย์ต่างเร่งผลักดันตัวเองอย่างเข้มข้นตลอดทั้งเดือน
ณ ตอนนี้ การประลองวายุจบไปอีกหนึ่งขั้น
ยังเหลือการประลองสุดท้าย...รอบท้าชิง!
ราชาว่าที่ศิษย์สวรรจะมีสิทธิ์ท้าประลองกับศิษย์สวรรค์
ตามกฎแล้ว หากใครก็ตามชนะศิษย์สวรรค์ระดับต่ำสุดได้ เขาก็จะได้มาแทนศิษย์สวรรค์คนนั้น
เซี่ยจิงหยูจะต้องเอาชนะหลิวชิงเพื่อขึ้นเป็นศิษย์สวรรค์และได้โอกาสในการติดตามราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ไปยังหุบเขาเฟิงหวง
ฉิวชางเจี้ยนแอบถอนหายใจ พลังบ่มเพาะของเซี่ยจิงหยูนั้นน้อยมาก...โอกาสที่นางจะชนะมีเพียงน้อยนิด
“รอบท้าชิง เริ่มได้!”
ฉิวชางเจี้ยนประกาศ
ฟึ่บ--
เซี่ยจิงหยูบินขึ้นลานประลองและยืนอย่างเงียบเชียบ
ข้างหลิวชิงคือจางเตี๋ยนที่หน้าซีดเผือด ดวงตานางจ้องเซี่ยจิงหยูอย่างโกรธแค้น
“พี่ชิง...สั่งสอนนังจิ้งจอกนั่นแทนข้าที!”
หลิวชิงเงยหน้าและพบตัวตนอันงดงาม นางยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ เสน่ห์ของนางแพร่กระจายไปยังทุกคนที่เมียงมอง
เขารู้สึกอบอุ่นและพยักหน้าช้าๆ หลิวชิงกระโดดขึ้นลานประลอง
หลิวชิงยิ้มและปลอบใจเซี่ยจิงหยู
“ศิษย์น้องเซี่ย...คนตายมิอาจหวนคืน...คลายความเศร้าเสียเถอะ”
เซี่ยจิงหยูยังคงเยือกเย็น นางทำเป็นไม่ได้ยินหลิวชิง
“ศิษย์พี่รู้ว่าศิษย์น้องเซี่ยกับศิษย์น้องซือนั้นผูกพันแน่นแฟ้น แต่ข้าหวังว่าศิษย์น้องเซี่ยจะผ่านไปได้ หากเจ้ามีเรื่องอันใดก็มาหาข้าได้ อะไรที่ศิษย์น้องซือทำได้...ข้าก็ทำได้เช่นกัน”
เหล่าคนดูตกตะลึง เป็นที่รู้กันดีกว่าหลิวชิงคือเสือผู้หญิง แต่ไม่มีคิดว่าเขาจะเล็งเซี่ยจิงหยู...และยังใช้ความเสียใจของนางที่สูญเสียซือหยูมาเป็นข้ออ้าง ...แต่ความพยายามของเขาก็ยังคงไร้สาระ
ใบหน้าจางเตี๋ยนมืดมนด้วยความอิจฉา
เซี่ยจิงหยูเย็นชา แววตาของนางมีแต่ความขยะแขยง
“อย่ามาเทียบตัวเองกับพี่หยู...เจ้าเป็นได้แค่มลทินกับนามเขาเท่านั้น!”
“เจ้า!”
หลิวชิงมองรูปลักษณ์ตัวเองดีมาโดยตลอด เขาตัวสูงและมีพลังมหาศาล...เขามีวิธีเข้าหาสตรีเสมอ สาวน้อยอย่างเซี่ยจิงหยูชอบเขามากเป็นพิเศษ...โดยเฉพาะในตอนที่กำลังโศกเศร้า การล่อลวงเซี่ยจิงหยูนั้นง่ายมากสำหรับเขา
แต่เงามิคิดว่าเซี่ยจิงหยูจะดูหมิ่นเขาต่อหน้าทุกคน!
“หึหึ ข้าขอโทษหากล้ำเส้น งั้นมาประลองกันเถอะ”
หลิวชิงแสร้งทำท่าทีขอโทษ แต่ลึกในใจเต็มไปด้วยความชิงชัง
เขาเคยลังเลที่จะเริ่มประลองนี้...แต่ตอนนี้เขากำลังโกรธจัด!
แต่เดิมเขานั้นอ่อนโยนต่อเพศตรงข้ามและพยายามจะทำให้นางผ่อนคลาย เขาไม่คิดว่าเซี่ยจิงหยูจะปฏิเสธ!
“วารีบูรพากระหน่ำ!”
หลิวชิงจู่โจม!
นั่นเป็นวิชาระดับสวรรค์อันน่าประทับใจ...ขอบเขตระดับสูง!
พลังฝ่ามือของเขาเทียบเท่าสายธารคลั่ง!
ดวงตาบริสุทธิ์ของเซี่ยจิงหยูจริงจัง นางรู้ว่าการโจมตีครั้งนี้ยากจะเทียบได้ แต่ดวงตานางยังคงสง่าผ่าเผย
“ภวังค์น้ำค้าง!”
ฟองน้ำหนาล้อมรอบหลิวชิงมันทำให้เขาหายใจไม่ออก ใบหน้าหลิวชิงแดงและเจ็บปวด
แต่เขาก็จัดการได้!
ด้วยวิชาวารีบูรพากระหน่ำของเขา พลังอันไม่รู้สิ้นของวารีพุ่งตรงไปข้างหน้าและทำลายฟองน้ำทันที!
พลั่ก--
เซี่ยจิงหยูโดนผลักไปข้างหลัง โลหิตไหลออกมาที่มุมปากแต่นางก็มิได้ถอยหนี
“วารีบูรพากระหน่ำ!”
“ภวังค์น้ำค้าง!”
ด้วยความเสียเปรียบมหาศาลด้านพลังบ่มเพาะ ยากที่เซี่ยจิงหยูจะต้านพลังได้ หลังสิบกระบวนท่าอกนางก็เปื้อนโลหิตแดงฉาน
หิมะบนตัวนางละลายเปียกชุ่ม ตัดกับคราบโลหิตบนตัวของนาง
นางกำลังรับพลังโจมตีอันหนักหน่วง!
ฉิวชางเจี้ยนมิอาจทนดูต่อไปได้
“ศิษย์น้องเซี่ย...ยอมแพ้เถอะ….เจ้า...ชนะไม่ได้หรอก”
“จะข้าแพ้ไม่ได้...ข้าต้องไม่แพ้!”
ดวงตาอันงดงามของนางเต็มไปด้วยน้ำตา
นางจะต้องทำความปรารถนาก่อนตายของซือหยูให้จงได้...เขาเชื่อใจน่าแต่เพียงผู้เดียว
นางจะต้องทำมัน! แม้ว่านางจะต้องตายก็ตาม!
เหล่าผู้ชมต่างอ่อนไหวไปกับนาง
แม้จะรู้ว่าไม่มีโอกาสสำเร็จ...แต่นางก็ยังดื้อดึง!
หลิวชิงมิได้รู้สึกว่าถูกดูหมิ่นอีกแล้ว เขากลับกลัวเซี่ยจิงหยูที่ตั้งใจอย่างมิเกรงกลัว
เซี่ยจิงหยูโจมตีอย่างไม่กลัวตาย...หลิวชิงตอบสนองทันที!
“วารีบูรพากระหน่ำ!”
หลิวชิงใช้พลังทั้งหมดที่มีในการโจมตีนี้
ตู้ม--
พลั่ก--
เซี่ยจิงหยูลอยสู่กลางอากาศ นางกระอักเลือดออกมาและกระเด็นออกจากลานประลอง
เหล่าคนดูเงียบกริบ
แม้นางจะไม่มีโอกาส...พวกเขาก็ยังไม่เชื่อว่านางจะแพ้
นางนอนเจ็บอยู่กับพื้น...ใจนางสั่นอย่างบ้าคลั่ง
นางทำความปรารถนาของซือหยูล้มเหลว!
อย่างหัวเราะอย่างน่าสงสาร จิตวิญญาณในดวงตานางหายไป
ฉิวชางเจี้ยนรู้สึกเห็นใจนาง เขากำลังจะยื่นมือไปช่วยเซี่ยจิงหยูให้ลุกขึ้นยืน...แต่ฝูงชนกลับอ้าปากค้าง
“ดูนั่นเร็ว! บนท้องฟ้านั่นมันสิ่งใดกัน?”
มีคนตะโกนด้วยความตกตะลึง
ฝูงชนจับจ้องไปยังวัตถุประหลาดบนท้องฟ้า
เขาเพียงแค่เห็นบอลเพลิงสีม่วง
เพลิงสีม่วงนั่นเคลื่อนไหวด้วยความเร็วอย่างเหลือเชื่อ! มันเร็วจนถึงสามลี้ในนาทีเดียว...ราวกับว่ากำลังท่องกาลเวลา!
เพลิงนั้นเข้าสู่ระยะสายตา มันมิใช่เพลิงเลย...แต่กลับเป็นชุดสีม่วง
ร่างนั้นเอามือไพล่หลังอยู่ไกลๆโดยไม่ขยับเขยื้อน
แต่เพียงพริบตา เขาก็ใกล้เข้ามาอย่างลึกลับ เหลือไว้เพียงภาพลางๆของสีม่วง
“นั่นมัน...คน...หรือผี?”
ผู้คนตกตะลึงกับคนที่เคลื่อนไหวเร็วเช่นนี้...พวกเขามองตามไม่ทันด้วยซ้ำ
ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เงยหน้ามอง...เขาสับสนเล็กน้อย
“นั่นเขารึ?”
“ไม่ดีแล้ว! เขากำลังมาทางเรา!”
ผู้ชมตกตะลึงและเตรียมป้องกันอย่างรวดเร็ว
ฉิวชางเจี้ยนยืนคุ้มกันร่างสีม่วงที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วเหนือมนุษย์
“เตรียมพร้อม...”
ทันทีที่ฉิวชางเจี้ยนกำลังเตือนและทุกคนกำลังเตรียมต่อสู้...เสียงอันเยือกเย็นก็ดังมาจากข้างหลังพวกเขาแล้ว
“จิงหยู...”
ฉิวชางเจี้ยนสั่นไปทั้งร่าง...บุรุษที่เขาเห็นทำให้เขาหนาวเย็นไปจนถึงกระดูก เขาหันไปด้วยความตกตะลึง คนที่ปรากฏตัวด้านหลังพวกเขานั้นถึงตัวเซี่ยจิงหยูก่อนที่พวกเขาจะหันไปซะอีก
ร่างสีม่วงที่พวกเขาเห็นนั้นเป็นเพียงภาพติดตา! บุรุษชุดม่วงตัวจริงนั้นอยู่ที่ด้านหลังของพวกเขานานแล้ว!
ผู้ใดกันจะมีความเร็วเหนือมนุษย์เช่นนี้?
ทุกคนต่างมองชายหนุ่มในชุดม่วง
เขาร่างผอมบางและดูดี...แต่ดวงตาของเขาปิดสนิท
ใบหน้านั่นมัน...ซือหยู!
แต่ซือหยูตรงหน้าพวกเขามีผมสีเงินยาวจนถึงเอว ไม่เหมือนแต่ก่อนที่มีผมสีดำ
รังสีความอ่อนโยนและสง่างามถูกชุดสีม่วงขับกล่อมออกมาอย่างลึกลับ...และดูสูงส่ง
ราวกับซือหยูมาจากวังของเหล่าพระเจ้า
ความต่างในรูปลักษณ์นั้นราวกับคนละคน...โดยเฉพาะสีผมที่กลายเป็นสีเงิน