DND.85 - มังกรเผยเกล็ด
ฉิวชางเจี้ยนรู้สึกถูกข่มขู่จากแววตาของเซี่ยจิงหยู เขาตระหนกเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า
“ใช่แล้ว มีเพียงสิบศิษย์สวรรค์เท่านั้นที่จะถูกพาไปด้วย”
มีแค่สิบศิษย์สวรรค์ที่จะถูกพาไปด้วยงั้นรึ? เซี่ยจิงหยูเต็มไปด้วยความหวัง
“ข้าจะร่วมการประลองวายุ”
แววตาสดใสของนางเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ฉิวชางเจี้ยนตัวสั่นเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงพลังอันซ่อนเร้นที่เซี่ยจิงหยูเติมเต็มให้กับห้องนี้
หลงเสี่ยวยี่มิอาจทนดูได้
“จิงหยู เจ้าเพิ่งจะฟื้นตัวจากการบาดเจ็บรุนแรง ข้าแนะนำว่าเจ้ามิควรเข้าร่วมประลองนะ”
นางกระซิบ
เซี่ยจิงหยูเดินออกไปจากห้อง นางเงยหน้ามองท้องนภาที่เต็มไปด้วยหิมะ
ภายใต้หิมะโหมกระหน่ำ ดวงตาของนางเริ่มมีน้ำเอ่อล้น
“ข้าต้องไป...นั่นเป็นความปรารถนาสุดท้ายของซือหยู ข้าจะต้องไปยังหุบเขาเฟิงหวงแทนส่วนของเขาและบอกเซี่ยนเอ๋อว่าเขาต่อสู้เพื่อนางจนวาระสุดท้ายของชีวิต”
ร่างอันเดียวดายของนางปกคลุมไปด้วยหิมะ หลงเสี่ยวยี่รู้สึกว่างเปล่า
เซี่ยจิงหยูมิหลงเหลือจิตใจอีกแล้ว….
การประลองวายุจะแบ่งเป็นสองส่วน
นั่นคือการประลองระหว่างว่าที่ศิษย์สวรรค์และการจัดอันดับของสิบศิษย์สวรรค์
การประลองจะจัดที่หน้าโถงใหญ่ของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์
เซี่ยจิงหยูฝ่าหิมะมายังที่ประลอง ดวงตานางสะท้อนเกล็ดหิมะที่เติมเต็มท้องนภา
นางงดงามราวกับเจ้าหญิงหิมะ แต่นางก็ดูเอื้อมไม่ถึง ราวกับรูปปั้นน้ำแข็งที่เยือกแข็งทั้งกายใจ
เรื่องของซือหยูกระจายไปทั่วในบรรดาว่าที่ศิษย์สวรรค์
เขาฝังตัวเองกับราชันย์เพชรฆาต มันทั้งน่ายกย่องและน่าเสียดาย
เซี่ยจิงหยูเข้าต่อสู้กับราชันย์เพชรฆาตกับซือหยู...แต่ในตอนนี้เหลือนางเพียงผู้เดียว...ที่อยู่รอด
นางจะต้องอยู่คนเดียวนับแต่นี้เป็นต้นไป
แกร่ง--
เสียงระฆังสวรรค์ดังอีกครั้ง การประลองของเหล่าว่าที่ศิษย์สวรรค์กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ประตูโถงราชันย์ศัดิ์สิทธิ์ยังไม่เปิด...แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าราชันย์ศักดิ์สิทธิ์กำลังมองทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
การประลองของเหล่าว่าที่ศิษย์สวรรค์จะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ใครที่ชนะทุกคนจะได้เป็นราชาแห่งว่าที่ศิษย์สวรรค์
ฉิวชางเจี้ยนคือผู้ดูแลการประลองนี้
เขาคว้าชื่อในกล่องด้วยท่าทางงุนงง
“เซี่ยจิงหยู ขึ้นมาที่ลานประลอง!”
ฟึ่บ--
นางบินขึ้นมายังลานประลองอย่างรวดเร็ว
ตัวตนอันงดงามเช่นนางช่างขัดกับหิมะที่ปกคลุมกาย ความเยือกเย็นของนางนั้นไร้เมตตาต่อผู้ใด
“ผู้ประลองจะเลือกตามลำดับท้ายสุดสู่สูงสุด หลังจากชนะแล้วพวกเจ้าจะพักได้ครึ่งชั่วยาม”
ฉิวชางเจี้ยนประกาศกฎ
“การประลองแรก!”
ผู้ท้าชิงคนแรกคือลำดับที่หนึ่งร้อยเอ็ด เขามีพลังระดับห้าขั้นกลาง
“ข้ายอมแพ้”
“การประลองต่อไป!”
“ข้าขอยอมแพ้”
เซี่ยจิงหยูมีพลังระดับเจ็ดขั้นกลาง นางเป็นผู้นำอย่างไม่ต้องสงสัย นั่นทำให้พวกที่เป็นระดับต่ำยอมแพ้ทั้งหมด
มีเพียงว่าที่ศิษย์สวรรค์สิบลำดับแรกเท่านั้นที่จะประลองกับเซี่ยจิงหยู
“ศิษย์น้องจิงหยู...ข้ามิใช่คู่แข่งของเจ้า ข้าขอยอมแพ้”
ศิษย์พี่หลิวที่เป็นลำดับสิบประสานมือและถอยกลับ
ชางหมิงยี่ลำดับเก้าตายในป่าอสูร
ฟึ่บ---
ลิ่วตง ลำดับแปด...ระดับเจ็ดขั้นต้น
“ข้าจะสู้กับเจ้า!”
ลิ่วตงเลียริมฝีปากและมองความงามที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้ของเซี่ยจิงหยู ดวงตาเขาแสดงความหลงใหล
แม้เขาจะสู้นางไม่ได้ เขาก็ยินดีที่จะประลองกับสาวงาม
เซี่ยจิงหยูยืนนิ่งบนลานประลอง นางไม่ขยับแม้แต่น้อย
ไหล่นางปกคลุมด้วยหิมะที่ทำให้ผมนางเป็นสีขาว
และนางก็เริ่มเคลื่อนไหว!
นางยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่ดัชนีของนางสะบัดเพียงเล็กน้อย...คลื่นพลังปราณถูกยิงออกไป
อ๊าก---
ลิ่วตงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะลอยออกจากลานประลอง
นางยังคงสุขุมเยือกเย็นราวกับขุนพลมากประสบการณ์ นางค่อยๆลดดัชนีลง
ฟึ่บ---
“ลำดับเจ็ด ชางเสี่ยวหัว...ขึ้นลานประลอง!”
เซี่ยจิงหยูยกดัชนี
อ๊ากกกก----
“ลำดับหก ยางหลิง...ขึ้นลานประลอง!”
เซี่ยจิงหยูยกดัชนี
อ๊าาา---
ตู้หลิน ลำดับห้า ตายในป่าอสูร
“ลำดับสี่ จางเตี๋ยน!”
จางเตี๋ยนมีพลังระดับเจ็ดขั้นสูง อีกก้าวเดียวก่อนที่เขาจะได้เป็นระดับแปด!
นางบินขึ้นลานประลอง จางเตี๋ยนยืนมือไพล่หลัง นางมิอาจทนต่อความริษยาในความงามของเซี่ยจิงหยูได้
“ศิษย์น้องเซี่ยนับว่าแข็งแกร่งนัก ศิษย์พี่จะต่อให้เจ้าสามกระบวนท่า”
จางเตี๋ยนหัวเราะ นางมีพลังระดับเจ็ดขั้นสูงซึ่งมากกว่าเซี่ยจิงหยูที่มีพลังระดับเจ็ดขั้นกลาง
เซี่ยจิงหยูส่ายหัวอย่างไม่ใยดี
“ไม่จำเป็น กระบวนท่าเดียวก็เอาชนะเจ้าได้แล้ว”
นางมิได้เหยียดหยามเซี่ยจิงหยูล้มเหลวเท่านั้น แต่เซี่ยจิงหยูกลับเหยียดหยามนางกลับ จางเตี๋ยนเกรี้ยวกราด
“พลังเจ้ามิได้เหมาะสมเลย...เจ้าก็แค่ใช้รูปลักษณ์เจ้ายั่วยวนผู้คนเก่งเท่านั้น ว่ากันว่าศิษย์น้องซือหยูโดนเจ้าล่อลวงและยอมตายเพราะเจ้า”
นางพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
เซี่ยจิงหยูสั่นเล็กน้อย แววตาอันสง่างามของนางลุกเป็นไฟ
นางมิได้โต้แย้งหรือแก้ตัว นางมิได้มีสิ่งใดจะกล่าว
ซือหยู...เขา...ตายเพื่อนาง
ความจริงนี้จะหลอกหลอนนางไปตลอดกาล
จางเตี๋ยนย่ามใจ
“ศิษย์น้องซือหยู...ถูกสตรียั่วยวนจนตัวตาย พูดให้ดี เขาคือผู้ที่ให้ความสำคัญกับสัมพันธ์อย่างยิ่งยวด แต่จะให้พูดตรงๆ เขามันก็แค่คนโง่”
นางหัวเราะ
ฉิวชางเจี้ยนขมวดคิ้วและข่มความไม่พอใจเอาไว้ ความตายของผู้คนนั้นมิอาจถูกล่วงเกินได้ จางเตี๋ยนพูดจาล้ำเส้นกับซือหยูเกินไป
แต่การประลองนี้ก็มิอาจถูกล่วงเกินได้เช่นกัน...เขาไม่มีสิทธิ์แทรกแทรง
แม้เขาจะเป็นฝ่ายถูก ก็ไม่เหมาะที่เขาจะทำเช่นนั้น
จางเตี๋ยนนั้นเป็นคนรักของศิษย์สวรรค์ลำดับแปด หลิวชิง
แต่ก่อน จางเตี๋ยนนั้นมีพลังอยู่ในระดับธรรมดา แต่นางก็น่ารัก...และเมื่อนางได้พบกับหลิวชิง นางก็เป็นคู่ครองของหลิวชิงเพื่อเพิ่มฐานะทางสังคม
ด้วยแรงสนับสนุนจากหลิวชิง ไม่มีใครกล้าทำให้นางไม่พอใจ แม้แต่หลงเสี่ยวยี่ก็เลี่ยงนาง
ในลานประลองนี้ แสงอันเย็นชาสะท้อนผ่านดวงตาเซี่ยจิงหยู
ความโกรธและจิตสังหารถูกเปล่งออกมาอย่างช้าๆ
“ใครที่กล้าดูหมิ่นพี่หยู...ต้องตาย!”
นี่เป็นครั้งแรกที่นางพูดตั้งแต่อยู่บนลานประลอง
หากเป็นนางเองที่โดนดูหมิ่น เซี่ยจิงหยูจะไม่สนใจเลย แต่การดูหมื่นซือหยูคือจุดอ่อนของนาง เป็นเรื่องเปราะบางในภายนอกที่เยือกเย็น
มังกรที่เกล็ดร่วงหล่นจนเผยจุดอ่อนจะสังหารทุกคนที่กล้าสัมผัสจุดนั้น
ความป่าเถื่อนเหล่านี้ได้ออกมาจากตัวตนอันงดงามที่เงียบสงบมาโดยตลอด...เซี่ยจิงหยู!
ฉิวชางเจี้ยนกับหลงเสี่ยวยี่ตกตะลึง...เซี่ยจิงหยู...นางเปลี่ยนไปแล้ว
รังสีอำมหิตล้อมรอบกายนาง
“ข้าดูหมิ่นเขาแล้วมันจะทำไม ฆ่าข้าสิถ้าเจ้าทำได้..นังจิ้งจอก!”
จางเตี๋ยนหัวเราะอย่างเย็นชา
ฟึ่บ--
“ให้ศิษย์พี่ดูหน่อย นอกจากรูปลักษณ์เจ้า...จะมีอะไรให้เจ้าภูมิในนักหนา! ผนึกยอดสิงขร!”
ฝ่ามือของจางเตี๋ยนราวกับผีเสื้อ ขณะที่ลอย ภาพลวงตาของยอดเขาก็ปรากฏไปทั่ว ทุกคนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากเทือกเขาเหล่านั้น
“วิชาระดับสวรรค์ขั้นสาม!”
เซี่ยจิงหยูยังคงนิ่งราวกับน้ำแข็ง ดวงตาของนางมิได้หวาดกลัวกระบวนท่าอันน่ากลัวนี้เลย แต่กลับเป็นจิตสังหารที่บดบัดสายตานาง
“ใครที่กล้าดูหมิ่นพี่หยู...ต้องตาย!”
เสียงอันเยือกเย็นแหบพร่าของนางดังสะท้อนไปทั่ว
ฟึ่บ--
เซี่ยจิงหยูใช้เปลี่ยนแปลงร่างกายและปกคลุมโดยรอบด้วยขอบเขตธรรมชาติ
“ฎีกาสวรรค์ระดับเทพ!”
ฉิวชางเจี้ยนตกตะลึง เซี่ยจิงหยูสำเร็จฎีกาสวรรค์จนถึงระดับของศิษย์สวรรค์แล้วงั้นเช่นนั้นหรือ?
“ดัชนีบุพผา!”
เซี่ยจิงหยูยกดัชนีชี้ไปข้างหน้าด้วยสายตาเย็นชา
พุฟ--
อ๊าก---
จางเตี๋ยนที่เคยหัวเราะอย่างเย็นชารู้สึกถึงอกที่แตกร้าว คลื่นโลหิตไหลออกมาจากร่างของนาง
“ข้ายอมแพ้!”
จางเตี๋ยนหนาวเย็นไปถึงกระดูก หากพลังดัชนีลึกกว่านี้อีกไม่กี่หุน หัวใจของนางจะแตกเป็นเสี่ยงๆ!
ฟึ่บ--
จางเตี๋ยนถอยกลับและกำลังจะกระโดดออกจากลานประลอง
...แต่นางมิอาจลงไปได้
แม้จางเตี๋ยนจะยอมแพ้ไปแล้ว เซี่ยจิงหยูก็ยังไล่ตามนางอย่าไม่หยุดหย่อน...แม้นางจะอยู่ในเขตประลอง...ที่ห้ามมีการบาดเจ็บร้ายแรงและสังหารผู้ใด
“ตาย! ตาย! ตาย!”
ใบหน้าโอบอ้อมอารีของนางได้จากไปแล้ว นางเป็นเทพีอันเยือกเย็นที่เต็มไปด้วยจิตแค้นสังหาร
พุฟ พุฟ พุฟ--
ดัชนีทั้งห้าชี้ออกไปพร้อมกัน ร่างของจางเตี๋ยนเกิดแผลมากกว่าสิบรูในทันที! โลหิตของนางมากกว่าเจ็ดในสิบส่วนกระจายไปทั่วพื้นลานประลอง
แม้นางจะไม่ตาย...นางก็จะเสียพลังของนางไปอยู่ดี!
แต่เซี่ยจิงหยูก็มิได้แสดงท่าทีจะหยุด นางกลับโจมตีต่อด้วยความตั้งใจที่จะฆ่า!
แม้นางจะไม่บรรลุเป้าหมาย...นางก็จะไม่หยุด
“ฮื่ม!”
เสียงอันเย็นชาดังก้องไปทั่วโถงราชันย์!
เซี่ยจิงหยูคำรามและพ่นเลือดออกมาจากปาก
พลังฎีกาสวรรค์ที่ล้อมรอบนางสลายไป
เอี๊ยด--
ประตูศิลาค่อยๆเปิดออก
ชายแก่ที่นั่งไขว้ขาจ้องเซี่ยจิงหยูถมึงทึง
ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัว!
เซี่ยจิงหยูจ้องกลับไปอย่างเยือกเย็น
เซี่ยจิงหยูมิได้เกรงกลัวสายตาของราชันย์...ที่แม้แต่ศิษย์สวรรค์ก็มิกล้ามอง
“เจ้าชิงชังข้างั้นรึ?”
ดวงตาของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์นั้นมองทะลุทุกสิ่งและเห็นแววตาเกลียดชังของเซียจิงหยู
“ใช่!”
เซี่ยจิงหยูมิได้ซ่อนเร้นความชิงชังในหัวใจ
“ที่ข้าหยุดเจ้าน่ะรึ?”
เซี่ยจิงหยูส่ายหัวอย่างโกรธแค้น
“มิใช่! แต่เพราะเจ้าทำให้ซือหยูต้องตาย!”
หากไม่ใช่เพราะการกดดันของราชันย์ ซือหยูจะไม่มีทางเอาตัวไปเสี่ยงขนาดนั้นในป่าอสูร...เขาอาจจะยังมีชีวิตรอด!
“เจ้าอยากฆ่าข้างั้นรึ?”
ดวงตาของราชันย์ยังคงสุขุมเยือกเย็นเช่นทุกครั้ง
“หากข้ายังไม่ตาย วันนึง ข้าจะมาเอาชีวิตเจ้า! ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใด!”
ดวงตาของเซี่ยจิงหยูคมกริบ แม้นางจะร่างเล็กและไม่น่ากลัว แต่น้ำเสียงของนางนั้นประกาศความตั้งใจอย่างชัดเจน นักรบหลายพันคนยังต้องกลัวนาง
ทั้งโถงประลองตกอยู่ในความวุ่นวายก่อนจะกลับมาเงียบกริบ
ตั้งแต่ครั้งโบราณ...มีเพียงผู้เดียวที่เคยข่มขู่ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์...และนางมีนามว่าเซี่ยจิงหยู
“ข้ามีส่วนทำให้เขาตาย”
ราชันย์มิได้โกรธอย่างที่ทุกคนคิด แต่เขากลับมองจำนวนว่าที่ศิษย์สวรรค์ที่ลดลง ลึกในดวงตาเขาเสียใจอย่างแท้จริง
“เจ้าจะชิงชังข้า สังหารข้า ทำอะไรก็ได้ที่เจ้าอยาก...หากจะมีวันที่เจ้าทำเช่นนั้นได้”
เขาค่อยๆหลับตาและประกาศอย่างไม่คิดอะไร
“ประลองต่อไป!”
ทุกคนพูดไม่ออก!
เซี่ยจิงหยูได้ละเว้นกฎลานประลองและตั้งใจสังหารอย่างเห็นได้ชัด
ราชันย์สวรรค์...คาดไม่ถึง...เขาไม่คิดอะไรกับเรื่องนี้!
บางทีราชันย์ศักดิ์สิทธิ์อาจจะขอโทษเซี่ยจิงหยู บางทีเขาอาจจะรู้สึกถึงความรับผิดชอบต่อการตายของซือหยู
เซี่ยจิงหยูมองไปทางอื่นและจ้องมองท้องนภา
“คนต่อไป!”
ฟึ่บ--
หลงเสี่ยวยี่บินขึ้นมายังลานประลอง
พลังระดับแปดขั้นสูงมิใช่อะไรที่เซี่ยจิงหยูจะมีหวังชนะได้
“จิงหยู อย่าเป็นเช่นนี้เลย คนตายมิอาจฟื้นคืน...เจ้าต้องดูแลตัวเอง”
หลงเสี่ยวยี่ทนเห็นเซี่ยจิงหยูเป็นแบบนี้ไม่ได้
เซี่ยจิงหยูมองนางด้วยความอ่อนโยนเล็กน้อย แต่เสียงของนางก็ยังคงเยือกเย็นและแหบพร่า
“เจ้าไม่เข้าใจ”
นางต้องเติมเต็มความปรารถนาของซือหยู นางต้องไปพบเซี่ยนเอ๋อ และใช้หัวใจในการส่งคำสั่งเสียของเขา…
เซี่ยจิงหยูยินดีที่จะแลกชีวิตนางในการเติมเต็มความปรารถนาของซือหยู!
“งั้นก็เริ่มกันเถอะ!”
หลงเสี่ยวยี่เห็นใจนาง...แต่มิอาจยอมเสียสิทธิ์ในการเป็นศิษย์สวรรค์
มีเพียงราชาว่าที่ศิษย์สวรรค์เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เป็นศิษย์สวรรค์
ปีที่แล้ว...นางล้มเหลว ปีนี้คือความหวังสุดท้ายของนาง
เซี่ยจิงหยูหยิบโอสถวิญญาณออกมาห้าขวดในพริบตา มันเป็นโอสถวิญญาณที่ซือหยูให้นางก่อนตาย
นางดื่มมันรวดเดียว พลังบ่มเพาะของนางค่อยๆเพิ่มขึ้น นางเตรียมจะบรรลุพลังบนลานประลอง
หลงเสี่ยวยี่ตกตะลึง แต่ก็พยักหน้า
“ข้าจะรอจนเจ้าบรรลุพลัง”
“ไม่จำเป็น”
เซี่ยจิงหยูส่ายหัว
หลงเสี่ยวยี่ทำอะไรไม่ได้ แม้เซี่ยจิงหยูจะบรรลุพลังเป็นระดับเจ็ดขั้นสูงก็ยังสู้นางไม่ได้อยู่ดี
“เช่นนั้น...ศิษย์น้องเซี่ย...ระวังตัวด้วย”
หลงเสี่ยวยี่ถอนหายใจ
“ข้าต้องการเช่นนั้น”
ฟึ่บ--
รอบกายหลงเสี่่ยวยี่หยั่งลึกไปกับธรรมชาติ มองจากไกลๆจะพบว่านางมิต่างกับฟ้าดินเลย
“ฎีกาสวรรค์ระดับสวรรค์! หลงเสี่ยวยี่สำเร็จฎีกาสวรรค์ขั้นนี้แล้วรึ!”
เหล่าผู้ชมตกตะลึงกับวิชาลับที่หลงเสี่ยวยี่ซ่อนเร้นเอาไว้
“หลงเสี่ยวยี่เก่งกว่าปีที่แล้วยิ่งนัก หากนางบรรลุพลังไปอีกขั้นนางอาจจะได้เป็นศิษย์สวรรค์ก็ได้”
ฉิวชางเจี้ยนแอบอุทาน