DND.84 - ประลองวายุ
“เอ๋”
ฉินเซี่ยนเอ๋อรีบปาดน้ำตาขณะก้มหัว นางไม่ปริปากแม้แต่น้อย นางตามสาวงามไปยังพลับพลาเฟิงหวง มันเป็นหอประชุมอันทรงเกียรติที่สุด เหล่าผู้ติดตามที่ทรงพลังและผู้อาวุโสมากอำนาจมากมายต่างยืนอยู่ในโถงประชุม
พวกเขาทั้งหมดมีพลังระดับแปดและระดับเก้า ทั้งหมดเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ขลุกตัวอยู่กับการบ่มเพาะพลัง
นอกจากพวกเขาก็มีสตรีสูงวัยที่นั่งลงอย่างเยือกเย็นตรงที่นั่งหลักของโถงประชุมนี้
หากมองครั้งแรก...นางก็ดูเหมือนหญิงแก่ธรรมดา
แต่ตัวตนของนางทำให้เหล่าระดับแปดและเก้าเงียบกริบด้วยความกลัว
นางคือเซียนแห่งหุบเขาเฟิงหวง...ยายของฉินเซี่ยนเอ๋อ!
ในตอนที่ฉินเซี่ยนเอ๋อมาถึง เหล่าผู้ติดตามและผู้อาวุโสต่างจับตามองนาง
พวกเขาแสร้งเคารพในเบื้องหน้าแต่ภายในนั้นอิจฉาและชิงชัง
เซียนแห่งหุบเขาเฟิงหวงลืมตาขึ้นและจ้องมองฉินเซี่ยนเอ๋อ หลังจากประเมินแล้วก็พบว่าพลังบ่มเพาะของนางยังคงอยู่ที่ระดับสามขั้นกลาง แววตาที่มีความรักของนางเริ่มแทรกด้วยความเย็นชา
“เซี่ยนเอ๋อ...เจ้ายังจำสัญญากับยายได้หรือไม่?”
เซียนแห่งหุบเขาเฟิงหวงถามอย่างเย็นชา เสียงของนางลอยไปไกล แม้นางจะนั่งอยู่ด้านหน้าตรงกลาง แต่ก็ยากที่จะบอกว่าเสียงดังมาจากทิศทางไหน
เซี่ยนเอ๋อใจเต้นแรงและขบกัดริมฝีปากเบาๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา นางสะอื้นไห้ภายใต้สายตาผู้คนมากมาย
“ข้าจะได้ ถ้าข้าไม่สำเร็จระดับห้า...จากนั้น...ข้าจะถูกเนรเทศออกจากหุบเขาเฟิงหวง”
ยายของเซี่ยนเอ๋อนิ่งอยู่นาน ก่อนที่แววตาจะเต็มไปด้วยความรักและความไม่เต็มใจ
“หากเจ้ารู้อยู่แล้ว...เช่นนั้น...ก็จงออกไปจากที่นี่”
น้ำตาไหลรินออกมาอย่างคุมไม่อยู่ นางหันกลับไปท่ามกลางเสียงหัวเราะอันเงียบเชียบในใจของคนรอบข้าง...นางเดินไปเพียงผู้เดียว
“เดี๋ยวก่อน...ถอดชุดของหุบเขาเฟิงหวงออกไปด้วย”
ยายของนางสั่งอย่างไม่แยแส
“นี่เป็นกฎ ใครก็ตามที่ออกจากที่นี่นับว่ามิใช่คนของที่นี่ และจะเอาของจากที่นี่ออกไปมิได้เช่นกัน”
เซี่ยนเอ๋อมองกลับไปหายายของนาง นางไม่รู้สึกอบอุ่นเลยแม่แต่น้อย
ในสายตาของยาย นางเป็นเพียงตัวแทนของแม่ ในตอนนี้เซี่ยนเอ๋อก็ไม่ได้มีค่าใด ยายของนางได้ตัดขาดนางออกจากตระกูล
ความโดดเดี่ยวกัดกินนาง เมื่อคิดว่าสายสัมพันธ์ครอบครัวถูกตัดขาดก็ทำให้นางอ่อนแอลงอย่างมาก
เมื่อใดก็ตามที่นางนึกถึงบุรุษในชุดม่วง...ความเหงาในใจของนางก็เอ่อล้นออกมา
นางใช้มือเล็กๆของนางถอดชุดออก ชุดที่เป็นของหุบเขาเฟิงหวง
...ชุดที่นางมิได้ใส่ใจ
แต่เมื่อเสื้อของนางถูกถอดออก นางก็เผลอทำของหลายชิ้นที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าหล่นลง
แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง--
วัตถุทรงกลมสีเพลิงหล่นสู่พื้น กลิ้งไปทั่ว
ทุกคนตัวแข็งทื่อ
เมื่อพวกเขามองก็ท่าทางเปลี่ยนไปทันทีและอุทานอย่างพร้อมเพรียง
“โอสถวิญญาณระดับสวรรค์!”
นั่นมันสิบสามอัน! เทียบได้กับเป็นโอสถวิญญาณที่หุบเขาเฟิงหวงจะได้ในสองเดือน! และยังมีโอสถวิญญาณทองคำอยู่ด้วย!
“โอสถวิญญาณระดับเทพ!”
ผู้อาวุโสข่มความหวาดกลัวเอาไว้ได้...แต่พวกอายุน้อยมิอาจควบคุมตัว
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ--
กลุ่มคนอายุน้อยลืมตัวตนของเซียนและรีบพุ่งไปแย่งโอสถวิญญาณบนพื้น!
เซี่ยนเอ๋อตกตะลึง นางรีบวิ่งไปปิดกั้นโอสถวิญญาณทองคำด้วยร่างกายของนาง มือเล็กๆของนางคว้าโอสถวิญญาณรอบๆเอาไว้
แต่นางจะไปแย่งกับคนมากกว่าสิบคนได้อย่างไร?
“อย่านะ! หยุดเดี๋ยวนี้!”
ท่ามกลางความวุ่นวาย นางคว้าโอสถวิญญาณได้สองชิ้นรวมถึงโอสถวิญญาณทองคำ!
ที่เหลือนั้นถูกฝูงชนแย่งไป
มือของนางปูดโปนเพราะโดนเหยียบ นางในตอนนี้ราวกับโลหิตจากแผลที่ไหลออกจากผิวหนัง
เมื่อเห็นโอสถวิญญาณถูกศิษย์คนอื่นขโมยไป...นางก็เศร้าใจเป็นอันมาก นางโอบกอดโอสถวิญญาณสองชิ้นและนั่งร่ำไห้บนพื้นอย่างสิ้นหวัง
“ไม่นะ...เอาคืนมา คืนโอสถวิญญาณของข้ามา...นั่นมันของพี่ซือหยู...อย่าแย่งไปนะ...”
เสียงร้องไห้อันน่าสงสารของนางทำให้ทุกคนกังวล
ในโถงประชุมอันเงียบเชียบ...มีเพียงเซี่ยนเอ๋อที่ร้องไห้
เมื่อมองร่างอันสั่นสะท้านของนาง หลายคนก็มิอาจทนไหวและคืนโอสถวิญญาณให้นางอย่างช้าๆ
พวกเขาละอายใจมากเมื่อคืนโอสถวิญญาณกับเซี่ยนเอ๋อ
เซี่ยนเอ๋อซ่อนโอสถวิญญาณใส่กระเป๋าตามเดิมทีละชิ้น
โอสถวิญญาณระดับสวรรค์สิบสามชิ้น นั่นคือทั้งหมดที่เซี่ยนเอ๋อได้มาตลอดสองเดือนนี้งั้นรึ? แล้ว...เซี่ยนเอ๋อมิได้กินเลยสักชิ้น!
“เซี่ยนเอ๋อ!”
ยายของเซี่ยนเอ๋อมองนางด้วยสายตาเฉียบคม
“นี่มันอะไรกัน? ทำไมเจ้าไม่กินโอสถทีข้าให้เลย?!”
ในที่สุดเหล่าผู้คนก็เข้าใจเซี่ยนเอ๋อ...ที่เป็นสายเลือดในตำนาน...ว่าเหตุใดจึงมีพลังน้อยนิดเช่นนี้!
ฉินเซี่ยนเอ๋อมิได้ใช้โอสถวิญญาณที่ถูกมอบให้เลย นางใช้การฝึกธรรมดาเพียงอย่างเดียวในการเพิ่มพลังบ่มเพาะ...นั่นจึงเป็นเหตุที่นางพัฒนาได้อย่างเชื่องช้า
ฉินเซี่ยนเอ๋อมิกล้ามองตายาย นางก้มหน้าและกระซิบอย่างแผ่วเบา
“ท่านยาย ข้าขอโทษ ข้าอยากจะเก็บโอสถวิญญาณให้พี่ซือหยู เขาอยู่ในโลกมนุษย์และต้องไม่มีโอสถวิญญาณใช้แน่นอน ข้าอยากจะให้เขาทั้งหมดเลย”
ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างตกตะลึง
โอสถวิญญาณระดับสวรรค์มีแค่ในหุบเขาเฟิงหวงและในวิหารเท่านั้น...คุณค่าของมันมากเกินจะตีค่า
แต่ฉินเซี่ยนเอ๋ออยากจะเก็บมันไว้ให้พี่ซือหยูงั้นรึ?
“ซือหยูคือผู้ใด?”
ยายของเซี่ยนเอ๋อมองเซี่ยนเอ๋อด้วยแววตาคมกริบ
ฉินเซี่ยนเอ๋อมิกล้าปกปิดความจริง
“พี่ซือหยูคือพี่ซือหยู...เอ๋อ...คือ...เขาคือคู่หมั้นของข้า ครอบครัวคนเดียวที่ข้ามี...แต่ท่านยายก็เป็นครอบครัวของข้าเช่นกัน”
นางสารภาพ
คู่หมั้นงั้นเรอะ? ฉินเซี่ยนเอ๋อมีคู่หมั้นในโลกมนุษย์รึ?
นางอดทนต่อถ้อยคำหยาบคายรุนแรงและตั้งใจจะถูกเนรเทศจากหุบเขาเฟิงหวง...เพื่อมอบโอสถวิญญาณให้กับซือหยูงั้นเรอะ?
ทุกคนพูดไม่ออก...พวกเขารู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอ
คนเหล่านี้...ครั้งหนึ่งเคยอิจฉาเซี่ยนเอ๋อ...กลับหวั่นไหวเพราะนางอย่างคาดไม่ถึง
แววตาของเซียนหุบเขาเฟิงหวงเปลี่ยนไป นางต่อต้านความต้องการแห่งหุบเขาเฟิงหวงและมอบโอสถทรงคุณค่าให้กับหลานสาว และเมื่อได้เห็นนางไม่มีพัฒนาการ...เซียนยังแอบให้โอสถวิญญาณระดับเทพที่หายากยิ่งกับนางอีกด้วย
แต่...เซี่ยนเอ๋อกลับเก็บพวกมันเพื่อบุรุษหน้าไหนก็ไม่รู้?
ยายเซี่ยนเอ๋อแอบโทษตัวเองกับความเจ็บปวดของเซี่ยนเอ๋อ...แต่นางเกลียดซือหยูในทันที
แต่นางก็มิอาจเปิดเผยความโกรธนี้ ท่าทางของนางเริ่มอ่อนลง นางหยิบโอสถวิญญาณระดับสวรรค์ออกมาและยิ้มอย่างจริงจัง
“นี่เป็นของเจ้า สำหรับซือหยู ยายจะเตรียมไว้ให้อีกชุดหนึ่ง”
เซี่ยนเอ๋อลังเลก่อนจะกลืนโอสถวิญญาณลงไป
----
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง
ด้วยพลังอันแข็งแกร่งของโอสถวิญญาณ หมอกเพลิงอ่อนๆล้อมรอบกายเซี่ยนเอ๋อ เซี่ยนเอ๋อในตอนนี้รางกับวิหคเพลิง
พลังบ่มเพาะของนางเพิ่มขึ้นรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ!
นางเพิ่มพลังขึ้นจากระดับสามขั้นกลางไปสู่ระดับห้าขั้นกลางทันที!
“อย่างที่คิดไว้เลย สายเลือดวิหคเพลิงเก้าหางนั่น หากกินโอสถวิญญาณระดับสวรรค์ไป คนธรรมดาอย่างมากก็จะเลื่อนระดับจากระดับสามขั้นกลางสู่ระดับสี่ขั้นกลาง แต่เซี่ยนเอ๋อ….นั่น...”
ทั้งโถงประชุมต่างตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น สายตานับไม่ถ้วนทั้งอิจฉาและตกใจ
นี่คือพลังที่แท้จริงแห่งสายเลือดวิหลเพลิงเก้าหาง!
เซียนหุบเขาเฟิงหวงเต็มไปด้วยความยินดี นี่เป็นไปตามที่นางคาดไว้!
แค่เหตุการณ์นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หุบเขาเฟิงหวงทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดที่มีให้กับเซี่ยนเอ๋อ! ไม่มีใครกล้าตั้งคำถามกับสายเลือดนางอีกแล้ว...ไม่มีใครคิดจะดูแคลนนางอีกต่อไป!
เมื่อการประชุมสิ้นสุด เหล่าผู้คนก็จากไปด้วยความตื่นตัว
“เฟยหยุน เดินทางไปเฟิงหลินและหาตัวซือหยูซะ”
เซียนหุบเขาเฟิงหวงสั่ง
ฟึ่บ--
ชายหนุ่มอายุยี่สิบปีที่มีออร่าพลังอันน่ากลัวบินมาคุกเข่ากับพื้น
“ขอรับ ท่านราชันย์ศักดิ์สิทธิ์!”
เฟยหยุนลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถาม
“หากข้าเจอเขาแล้ว ข้าต้องส่งโอสถวิญญาณที่ศิษย์น้องเซี่ยนเอ๋อเก็บไว้ให้เขาหรือไม่?”
เพราะยังไงนางก็สัญญากับเซี่ยนเอ๋อไว้แล้วว่าจะเตรียมโอสถอีกชุดให้กับซือหยู
“ไม่ต้อง! ฆ่ามันซะ!”
จิตสังหารแผ่ออกมาจากเซียนหุบเขาเฟิงหวงที่เยือกเย็น
เฟยหยุนตกใจเล็กน้อยก่อนที่แววตาจะเย็นชา
เขาไม่ได้โกรธ เจ้าคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าซือหยูนั่นชิงหัวใจของฉินเซี่ยนเอ๋อและบังคับให้นางฝึกฝนช้าลง...บังคับนางให้เก็บเร้นโอสถวิญญาณให้!
และเขายังเรียกตัวเองว่าเป็นคู่หมั้นของฉินเซี่ยนเอ๋อ!
ด้วยเรื่องนี้...แม้ความสามารถของฉินเซี่ยนเอ๋อจะถูกเข้าใจผิด ร่างเล็กๆอันงดงามของนางก็ราวกับนางไม้ในพงไพร นางชนะจิตใจบุรุษหลายต่อหลายคน...เฟยหยุนก็เช่นกัน!
เมื่อได้ยินว่าฉินเซี่ยนเอ๋อมีคู่หมั้นเขาก็มิอาจรับได้ เขาทั้งอิจฉาและชิงชัง
“และจงไปยังวิหารพันธมิตรเก้าแคว้นด้วย บอกลี่กวงว่าข้าจะไม่รอหากเขาช้า!”
“เข้าใจแล้วขอรับ!”
ฟึ่บ--
เฟยหยุนปลีกกายไปกับเงาราวกับภูติผี
…
กลับมาที่วิหาร ส่วนลึกในป่าอสูร...หุบเขาที่กลายเป็นซากนั้นถูกทำลายเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
บุรุษชุดม่วงถูกฝังอยู่กับความเสียหายตรงนั้น ท้องนภามืดครึ้มราวกับร่ำไห้กับการจากไปของซือหยู เหล่าเมฆาเริ่มร่วงหล่นเป็นหิมะ...ทั้งๆที่ไม่เคยมีมาก่อนในวิหาร
มันผ่านมาแล้วสิบวัน
แม้จะเป็นหิมะขาวที่บริสุทธิ์ที่สุดก็มิอาจปิดบังฉากอันน่าเศร้าของหุบเขานี้ไปได้
…
ใต้ชั้นหิมะหนา ศิลาเริ่มเคลื่อนไหว
มือหนึ่งข้างเล็ดรอดออกมาจากซากปรักหักพัง!
“เซี่ยนเอ๋อ...”
เสียงอันแผ่วเบาเจาะทะลวงผ่านก้อนศิลายักษ์ไปแตะขอบนภา
…
ไกลไปยังวิหาร...เซี่ยจิงหยูตื่นหลังจากหลับใหลมาตลอดสิบวัน
นางเหนื่อยอ่อนจนเกือบตาย นางหมดสติไม่รู้ตัวไปหลายวัน
นางลืมตาทันทีและร้องด้วยเสียงแหบแห้ง
“พี่หยู!”
หลงเสี่ยวยี่ที่ดูแลนางมาโดยตลอดถอนหายใจ
“จิงหยู...อย่าเป็นเช่นนี้เลย มันผ่านมาสิบห้าวันแล้ว ตั้งแต่เขา...”
นางพูดอย่างปวดร้าว
สิบห้าวัน...เซี่ยจิงหยูถอนหายใจอย่างโศกเศร้า นางจ้องมองเพดานอย่างว่างเปล่า
สิบห้าวัน แม้เขาจะไม่ได้ถูกกระแทกจนตาย เขาก็ต้องตายจากความหิวกระหายไปนานแล้ว
จิตใจเด็ดเดี่ยวของนางสั่นคลอน
“พี่หยู...”
ดวงตาของนางที่มิเคยร่ำไห้แม้สักครั้งในตอนนี้ถูกกลืนกินด้วยน้ำตา เสียงอันเศร้าโศกของนางดังสะท้อนไปไกล...นำพาไปด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
แกร๊ง---
เสียงระฆังจากระยะไกลดังมาจากโถงราชันย์ศักดิ์สิทธิ์
ฟึ่บ--
มีคนเข้ามายังห้องพัก
เขาสวมชุดขาวและมีแววตาเฉียบคม ดวงตาของเขารู้สึกสูญเสียบางสิ่งบางอย่าง
“ข้ามิควรพาซือหยูมาที่วิหารเลย หากข้าไม่ทำเช่นนั้นซือหยูคงยังไม่ตาย”
เขาพูดอย่างละอายใจ
สำหรับคนเช่นซือหยูที่ให้ค่ากับมิตรสหายอย่าสูงส่ง...การตายโดยไม่มีใครเคียงข้างนั้น...ฉิวชางเจี้ยนรู้สึกสูญเสียบางสิ่ง
คิดย้อนกลับไปที่งานประชุมศักดิ์สิทธิ์ ซือหยูได้เดินทางไกลอย่างยากลำบากเพื่อช่วยชีวิตดยุคเซี่ยนหยู...แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าเขาจะเอาตัวรอดได้หรือไม่
คนที่ภักดีเช่นนี้...มิอาจหาผู้ใดเทียบได้เลย...ได้ตายลงที่ป่าอสูร
ฉิวชางเจี้ยนมองหลงเสี่ยวยี่และมองเซี่ยจิงหยูอีกครั้ง
“ระฆังศักดิ์สิทธิ์ดังแล้ว การประลองวายุกำลังจะเริ่มขึ้น ข้ารับข่าวจากศิษย์พี่มาว่า...หลังจากการประลองนี้จบลง...วิหารจะไม่มีอีกแล้ว”
“และราชันย์จะพาพวกเราสิบศิษย์สวรรค์ออกไปยังหุบเขาเฟิงหวง”
ฉิวชางเจี้ยนพูดอย่างเคร่งเครียด การล่มสลายของวิหารสำหรับเขานั้นยากที่จะคาดคิด
ฟึ่บ-
ฉิวชางเจี้ยนกับหลงเสี่ยวยี่ชักสีหน้าทันที
เซี่ยจิงหยูที่อาลัยโศกเศร้าลุกนั่งทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘หุบเขาเฟิงหวง’ ดวงตาของนางเป็นประกายเมื่อมองฉิวชางเจี้ยน นางพูดด้วยเสียงแหบพร่า
“หุบเขาเฟิงหวงงั้นรึ? สิบศิษย์สวรรค์จะได้ไปยังหุบเขาเฟิงหวงใช่หรือไม่?”