ตอนที่ 283 มังกรดำตัวน้อย (FREE)
คนรับใช้ เสี่ยว ซื่อ ยังคงลูบกล่องไม้ต่อไป ขณะพูด
ฟาง เจิ้งจือ เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากคนรับใช้ เหอะ คิดว่าจะหลอกข้าได้งั้นรึ ลูกไม้เก่าๆ!
พยายามที่จะเพิ่มราคางั้นรึ?
"เพราะมันมีค่ากับเจ้า ข้าไม่ต้องการมันหรอก!" ฟาง เจิ้งจือ เตรียมจะออกไป เขาไม่มองกล่องนั้นอีก
คนรับใช้ ยังคงลูบไล้กล่อง ด้วยดวงตาที่ตกตะลึง
"นายน้อย นายน้อย! อย่าพึ่งไป สมบัติชิ้นนี้เหมาะสมกับคนที่มีพลังแบบท่านเท่านั้น มันจะไร้ประโยชน์ถ้าอยู่กับคนเช่นข้า!" คนรับใช้ตะโกนใส่ ฟาง เจิ้งจือ ที่กำลังเดินออกไป
"เจ้าอยากมอบมันให้ข้ารึ?"ฟาง เจิ้งจือ ยิ้ม
"ฮึ่มม ... " คนรับใช้กลืนน้ำลาย "ทำไมท่านถึงไม่ลองดูก่อนที่จะตัดสินใจว่าต้องการหรือไม่?"
"เอาล่ะๆ!" ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าและหันไปรอบๆ ก่อนจะพูดว่า "ข้ายุ่งมาก""
"ขอรับ ขอรับ ... " คนรับใช้พยักหน้า
เขาดึงสลักบนตัวกล่องก่อนจะเปิดมันออก
"โอ้...? กล่องนี้ไม่เลวเลย " ฟาง เจิ้งจือพึมพำ
กล่องไม้เปิดออก
มีประกายสีเขียวอ่อนออกมา
ฟาง เจิ้งจือ จ้องไปที่มันและแววตาของเขาเริ่มส่องประกาย
มีธนูอยู่ด้านในกล่องไม้ เป็นธนูที่ดูประณีต ตัวธนูเป็นสีหยกเขียว ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่ามันทำมาจากอะไร
ที่สำคัญที่สุดคือส่วนสายของธนู
มันถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำที่มีขนาดเล็กมาก มันเป็นเส้นบางราวกับเส้นแสงที่ไหลผ่านบนเกล็ด
แม้เขาจะไม่รู้ว่าทำจากอะไร ก็ยังพอรู้ว่ามันมีค่ามาก
สร้างสายธนูแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไงกัน?
เป็นธนูที่ดี!
ฟาง เจิ้งจือ ถูมือไปมาก่อนจะเอื้อมไปหยิบ
มันทั้งหนักและเย็นเยือก
เป็นคันธนูที่แข็งแรง
"เป็นยังไงบ้าง นายน้อย? เป็นสมบัติที่ดีเลยไม่ใช่หรอ?" คนรับใช้มองมาอย่างคาดหวัง
"ไม่เลวเลย!" ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าอย่างพอใจ
"นายน้อยเป็นไม่กี่คนที่รู้ถึงสิ่งนี้ ธนูชิ้นนี้เป็นสิ่งที่สืบทอดจากบรรพบุรุษของข้า เจ้าของเก่ามันทมีชื่อเลื่องลือไปทั้งแผ่นดิน"
"บอกมาว่าเจ้าต้องการเท่าไหร่ อย่างที่ข้าบอก ตอนนี้ข้ายุ่งมาก " ฟาง เจิ้งจือ ขัดจังหวะคนรับใช้
เขารู้ดีว่าคนรับใช้ต้องการจะพูดอะไร
คนรับใช้กำลังจะเล่าประวัติของธนูกับเจ้าของที่เลื่องลือของมัน เขาจะเล่าถึงความทุ่มเทของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ไม่สนใจเรื่องนี้
ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีกต่อไป
"ถ้าท่านพอใจ ข้าก็ไม่ต้องการพูดอะไรอีก ราคาเท่านี้เจ้าพอใจหรือไม่?" คนรับใช้ยกนิ้วขึ้น 5 นิ้วให้ ฟาง เจิ้งจือ ได้เห็น
"แน่นอน!" ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
"ท่านเป็นคนแน่วแน่จริง!" คนรับใช้พูดเมื่อเห็น ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
"แน่นอน" ฟาง เจิ้งจือ รับกล่องไม้มาและวางธนูกลับไป
คนรับใช้ลูบมือของเขาอย่างคาดหวัง ขณะที่แววตาของเขาจ้องมอง
ยังไงก็ตาม ...
ท่าทางของเขาหดหู่ลงเมื่อเขามองไปที่ทองแดงทั้ง 5 ในมือ ราวกับถูกฟ้าผ่า
"ข้าไปล่ะ!" ฟาง เจิ้งจือ เก็บมันไว้ในกระจกป้องกันใจ
"ท่าน ท่านขอรับ!"คนรับใช้กังวลใจ
"ข้าบอกว่าข้ายุ่งมาก!"ฟาง เจิ้งจือ ออกไปโดยไม่หันหลังกลับ เขาหายไปภายในทันที
เขาปล่อยให้คนรับใช้ยืนอยู่ยืนที่ตรอกอย่างสิ้นหวัง
"5 ... 5 ทองแดง ?! ข้าหมายถึง 500,000 ทองแดง!" คนรับใช้ยืนนิ่งด้วยความไม่เชื่อ จากนั้นเขาก็มองไปทางทิศที่ ฟาง เจิ้งจือ หายไป
เขาอึ้งอยู่กว่า 15 นาที ก่อนจะเรียกสติได้อีกครั้ง
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา เขากลิ้งอยู่บนพื้นดินก่อนที่จะถูใบหน้าของเขา จนโคลนเปรอะเปื้อนใบหน้า
โคลนผสานเข้ากับน้ำตาจนทำให้หน้าเขาสกปรก
จากนั้นคนรับใช้ก็ก้มหน้าหงอย และเดินไปตามตรอกถนนเขายังคงถอนหายใจขณะที่เขาเดินราว กับว่าแม่ของเขาจากไป
มีอีกคนที่ยืนหัวเราะอยู่ด้านหลังคนรับใช้
เขาคือ ฟาง เจิ้งจือ
"แสดงได้แย่มาก ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าร้องไห้ดังลั่น ข้าอาจะเชื่อเจ้าไปแล้ว!" ฟาง เจิ้งจือ มองดูอย่างรังเกียจ
เขาไม่เชื่อว่านี้เป็นข้อตกลงที่ดีนัก
ตั้งแต่โบราณคนมากมายติดกับดักเหล่านี้ เป็นเหตุให้ต้องตายลง
มันยิ่งแปลกที่คนรับใช้จะมีสมบัติเช่นนี้ นอกจากนี้คนรับใช้ยังไม่มีทักษะในการพูด แต่ยังกล้าที่จะล่อ ฟาง เจิ้งจือ มาในที่เปลี่ยว
เขาพยายามทำให้ ฟาง เจิ้งจือ ติดกับ
ที่สำคัญไปกว่านั้น ความไร้เดียงสานั้นมันดูปลอมมาก
ฟาง เจิ้งจือ ยอมเสีย 5 ทองแดงไป
"ข้าอยากจะรู้ว่าชายคนนี้คอยทำงานให้ใคร!" ฟาง เจิ้งจือ ตามคนรับใช้ตามถนนไป ในที่สุดคนรับใช้ก็เข้ามาถึงทางเข้าร้านชา
โรงน้ำชาถูกสร้างโดยใช้ไม้สักแดง เป็นอาคารเก่าแก่ บนป้ายร้านเป็นสีแดง
ร้านหอมหวล!
คนรับใช้หยุดที่ทางเข้า เขามองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นเขาแล้วเดินเข้าไป
ฟาง เจิ้งจือ ตามเขาเข้าไป
ยังไงก็ตาม ...
ในพริบตา คนรับใช้ก็หายไป ทิ้งให้ ฟาง เจิ้งจือ อยู่ที่โรงชา
"ท่านชอบสิ่งใดหรือ?" พนักงานเข้ามาบริการ ฟาง เจิ้งจือ
"ข้าขอชาถ้วยนึง" ฟาง เจิ้งจือ มองหาต่อไป
"รับทราบ แต่ท่านต้องรอสักครู่ ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเช้า และที่นั่งมีจำกัด ทำไมท่านไม่นั่งรอที่หัวมุมล่ะ""พนักงานได้เชิญ ฟาง เจิ้งจือ ไปมุมห้องอาหาร
ฟาง เจิ้งจือ ตกตะลึง และเดินตามที่พนักงานบอก เขาพึ่งตระหนักว่ามีคนเข้าคิวไม่น้อยกว่าสิบคน
"พระเจ้าช่วย สถานที่แบบไหนกันเนี่ยทำไมถึงมีคิวด้วย?"
ฟาง เจิ้งจือ ค่อยๆใจเย็นและมองไปรอบๆ เขาตระหนักว่า 1 ในโต๊ะทั้งหมดมีแท่งไม้วางอยู่ มันใช้เพื่อบอกว่ามีคนจองไว้
"อันที่จริงข้าจองไว้แล้ว!" ฟาง เจิ้งจือ เดินไปที่โต๊ะนั้น ในตอนนั้นเองเขาเห็นร่างหนึ่งที่มุมห้องอาหาร
ร่างนั้นรีบขึ้นไปชั้นบนทันที
ฟาง เจิ้งจือ รู้ว่าเขาคือชายคนใช้ที่เขาเจอ เขาเปลี่ยนทิศทางและวิ่งขึ้นบันไดทันที
"ท่านไม่สามารถขึ้นไปห้องด้านบนได้" พนักงานตกใจเมื่อเห็น ฟาง เจิ้งจือ วิ่งขึ้นไป
ฟาง เจิ้งจือ ไม่สนใจ
เขาเห็นคนใช้วิ่งขึ้นไปที่ชั้นสาม
"ชั้นที่สาม?" ดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ เป็นประกาย
ร้านอาหารนี้มีชื่อเสียงอย่างมาก ใครที่ขึ้นไปกินชั้นสามได้ ้องมีอิทธิพลอย่างมาก
ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดอะไรอีกต่อไป
เขาตัดสินใจจะหาเรื่องสนุกทำ ในเมื่อเขาได้รับอิสระแล้ว
ตอนนี้เขามีธนูอยู่ในครอบครองเขาไม่กังวลว่าคนรับใช้จะบอกว่าเป็นเขา เพราะพวกนั้นไม่มีหลักฐาน
ทั้งหมดที่เขาต้องทำคือการปฏิเสธ
ด้วยความรวดเร็ว ฟาง เจิ้งจือ ขึ้นไปถึงชั้นสามของร้านอาหารหอมหวนมีแผ่นไม้เล็กๆแปะอยู่ที่หน้าระตู
อ่านว่า "ดวงอาทิตย์ขึ้น"
...
องค์ชาย9 ไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน ปิง หยาง ก็ไม่ยอม
ไม่ว่ายังไงตามนางก็ไม่ให้ยืมม้า
เขาอยากจะมีส่วนร่วมในการแข่งขันล่าสัตว์ในวันรุ่งขึ้น
ในฐานะขององค์ชายของอาณาจักร หลิน หยุนไม่เคยเอาตัวเองไปเกี่ยวกับเรื่องการเมือง การทหาร
ถึงกระนั้นเขายังคงเป็นองค์ชายอยู่
เขายังคงมีอำนาจอยู่มาก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็มีวิธีทำให้ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ
เช่น ม้าป่าอัศนีย์ม่วง
เป็นของขวัญที่เขาได้รับจากองค์รัชทายาทในวันเกิด เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ดีตอนนั้นองค์รัชทายาท ได้ขอให้เขาดูแลม้าตัวนี้ให้ดีต่อหน้าองค์จักรพรรดิ นอกจากนี้เขายังมีหน้าที่ต้องไปยืนอยู่ในแนวหน้าสักวันหนึ่ง
องค์จักรรดิยกย่ององค์รัชทายาท ที่แสดงความเป็นพี่ชายคนโต และรักษาสายสัทพันธ์ของพี่น้องเอาไว้
ยังไงก็ตาม ...
เห็นได้ชัดว่าองค์ชาย9 ไม่เข้าใจถึงความหมายของสิ่งที่องค์รัชทายาทท
หลังจากที่ได้รับม้ามา เขาก็ไปตะลอนแข่งม้าในสนามต่างๆ เพราะเขาขี่ม้าอัศนีย์ม่วงเขาได้รับฉายาว่า "มังกรดำตัวน้อย" จากการที่ม้านั้นมีเชื้อสายของมังกรอยู่ด้วย
แม้ว่าเขาจะเป็นคนโง่ในเรื่องการเมือง ...
แต่เขาก็ถือว่าเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมในด้านขี่ม้าและล่าสัตว์ที่สุดคนหนึ่ง
ยังไงก็ตาม ...
เขาได้สูญเสียม้าตัวนั้นไป
ถ้าข่าวนี้ถูกกระจายไปละก็ ผู้คนต้องหัวเราะเยาะเขาแน่นอน มังกรดำตัวน้อย จะไม่มีม้าให้ขี่ได้ยังไงกัน?
"โปรด ให้ข้ายืมม้าเถอะนะ แค่วันเดียวเอง ข้าจะแบ่งรางวัลครึ่งหนึ่งให้เจ้า ?หลิน หยุน ขอร้อง ปิง หยาง
"ครึ่งหนึ่ง? ไม่ละ ขอบคุณ!"ปิง หยาง ส่ายหน้าด้วยความรังเกียจ
"งั้นข้าจะให้เจ้าทั้งหมดเลย! ตราบใดที่เจ้าให้ข้ายืมม้า ข้าจะให้เจ้าทุกอย่าง!องค์ชาย9 กัดฟันแน่น
"ไม่มีทาง!"ปิง หยาง ปฏิเสธทันที
"น้องรัก เจ้าต้องการอะไร? เพียงแค่บอกมา ข้าจะให้เจ้าทุกอย่าง " องค์ชาย9 ถามด้วยความหงุดหงิด
เขาไม่คิดว่า ปิง หยาง จะดื้อรั้นขนาดนี้
เขาไม่มีทางเลือก แต่เขาก็ต้องทำ เขาต้องทำเพื่อรักษาชื่อเสียงของเขาไว้
"ข้าให้ยืมได้ แต่ท่านต้องให้บางอย่างกับข้า" ปิง หยาง ยิ้ม
"แค่บอกข้ามา จะมีคนเอาไปให้เจ้าทันที!"องค์ชาย9 ตอบอย่างตื่นเต้น
"มันไม่สำคัญหรอก ท่านคงหาให้ข้าตอนนี้ไม่ได้" ปิง หยาง ยิ้ม
"โปรดบอกข้า" องค์ชาย9 ถามอย่างสงสัย
เขาไม่ได้นำอะไรติดตัวมาด้วยเลยนอกจากขนม
"ข้าแค่อยากให้ท่านเขียนใบสร็จพร้อมกับรอยพิมพ์นิ้วท่าน"
"ใบเสร็จ?"
"ใช่ เขียนว่าท่านขายม้าอัศนีย์ม่วงให้ข้า 10,000 เหรียญเงิน" ปิง หยาง กล่าวออกมา
"ขาย ... ขายให้กับเจ้า?! ไม่มีทาง! ไม่แน่นอน!" ท่าทีขององค์ชาย9 เปลี่ยนไปทันที เขาปฏิเสธข้อเสนอนี้อย่างชัดเจน
ต่อให้จดหมายจาก ฉือ กูเหยียน จะถูกกินไป แต่เขารู้ว่า ปิง หยาง ก็ต้องฟัง ฉือ กูเหยียน อยู่ดี ...
ตอนที่ ฉือ กูเหยียน กลับมา ม้านั่นก็ต้องกลับเป็นของเขาอยู่ดี
ปิง หยาง ต้องฟัง ฉือ กูเหยียน อยู่ดี
ถ้าเขาเขียนใบเสร็จรับเงินนี้ ...
ม้าของเขาจะกลายเป็นของ ปิง หยาง จริงๆ แม้ว่า ฉือ กูเหยียน กลับมา นางก็ช่วยเขาไม่ได้ เขาจะสูญเสียฉายา มังกรดำตัวน้อย ไปตลอดกาล
เพจหลัก : Double gate TH