The Dark King – Chapter 9 นักล่าและหน่วยค้นหา [อ่านฟรี]
“พวกเธอทั้ง 8 คนตามพวกเรามา” เจ้าหน้าที่หนุ่มมองไปที่สายตาของฟู่เทียนและกล่าวมาด้วยความเย็นชา หลังจากนั้นก็หันหลังแล้วเดินออกไปจากห้องเรียน
ชายชราที่มีหนวดสีขาวมองไปยังฟู่เทียนและเด็กอีก 8 คนที่ยังคงหยุดนิ่งพร้อมกับกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “นี่ถือเป็นความโชคดีของพวกเธอ คนอื่นๆก็หวังจะได้โอกาสแบบนี้เหมือนกัน” เมื่อได้ยินคำพูดของเขาเด็กที่มีร่างสูงก็ยืนขึ้นทันทีและเดินนำเด็กทั้ง 8 คนออกไปนอกห้อง
ฟู่เทียนเดินออกไปเป็นคนสุดท้าย เขายังคงเงียบและมองไปยังเด็กคนอื่นๆที่ถูกเลือก พยายามเปรียบเทียบและหาข้อแตกต่างกับเด็กคนอื่นๆที่เหลือในห้องเรียนนี้ แต่ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจได้ว่ามันไม่ใช่ความแตกต่างทางด้านลักษณะพื้นฐาน เช่น รูปร่าง ผิวสี ที่แยกระหว่างเด็กที่ถูกเลือกและเด็กที่เหลือในห้องเรียนแห่งนี้
เมื่อลักษณะภายนอกไม่แตกต่างกันเช่นนั้นก็มีเหตุผลเดียวคือคุณสมบัติภายในร่างกาย
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงการตรวจร่างกายก่อนเข้าเรียนขึ้นมา มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าสงสัยมากที่สุด
เมื่อเขากำลังมึนงงกับความคิดของตนเองเด็กๆก็ได้ไปถึงสนามเด็กเล่นของโรงเรียนกฎหมายแล้ว เมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ฟู่เทียนก็เห็นรถม้าสีดำที่จอดอยู่ด้านหน้าโรงเรียน
แท่งเหล็กและหมุดยักษ์ขนาดใหญ่ถูกติดเอาไว้ที่รถม้าทำให้มันดูแข็งแรงอย่างยิ่ง
ม้าที่ใช้ในรถม้าคันนี้ก็ดูสง่างามอย่างยิ่ง
พวกมันมีความสูงกว่า 3 เมตรและสวมชุดเกราะเอาไว้ทั่วร่างกายราวกับว่ามันไม่ใช่ม้าแต่เป็นสัตว์ร้ายที่ดูอัศจรรย์อย่างมาก
ไม่ใช่เพียงแต่ฟู่เทียนที่รู้สึกประหลาดใจ เด็กคนอื่นก็ตกตะลึงทันทีที่ได้เห็นเช่นเดียวกัน
“มาเถอะ ขึ้นมาบนรถม้ารถม้า” เจ้าหน้าที่หนุ่มกล่าว
เด็กทั้งหมดต่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เด็กร่างสูงที่อยู่ด้านหน้าสุดที่ดูเหมือนเป็นผู้นำกล่าวถามขึ้น “ผมขอถามได้ไหมครับ พวกเรากำลังจะไปที่ไหนกัน?”
เจ้าหน้าที่อีกคนมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ขึ้นไปบนรถม้า!”
เมื่อได้ยินเสียงของเจ้าหน้าที่คนนี้เด็กร่างสูงก็หน้าซีดไปทันทีด้วยความกลัว เขาไม่กล้าที่จะถามอะไรอีก เขาเดินผ่านม้ายักษ์พวกนั้นไปอย่างระมัดระวังและขึ้นไปบนรถม้า
เด็กคนอื่นๆเมื่อเห็นเช่นนี้ก็เดินตามล็อค (เด็กชายร่างสูง) ขึ้นไปบนรถม้าอย่างเงียบๆ
รถม้าคันนี้มีขนาดที่กว้างใหญ่มากพอที่จะรองรับเด็กทั้ง 8 คนได้ ฟู่เทียนนั่งลงตรงที่มุม เด็กอีก 2 คนที่นั่งอยู่ข้างๆเขามีใบหน้าที่ตึงเครียดอย่างยิ่ง เขามองไปด้านหน้าของรถมาอย่างเงียบๆในขณะที่ผู้ควบคุมรถกระโดดขึ้นมา
โลกใบนี้อันตรายกว่าที่เขาจินตนาการไว้ แม้จะมีกฎหมายอย่างชัดเจนแต่คนบางคนก็สามารถทำสิ่งต่างๆโดยไม่ต้องสนใจกฎหมายได้!
สำหรับสิทธิมนุษยชนแน่นอนว่าย่อมไม่มี
ในสังคมศักดินาที่มีทั้งทาสและขุนนางดำรงอยู่ “ความเท่าเทียม” และ “เสรีภาพ” นั้นไม่เคยมีสำหรับสิทธิมนุษยชน กฏหมายนั้นเป็นเพียงการหลอกลวงที่อุกอาจเท่านั้น
รถม้าเดินทางออกไปจากโรงเรียนกฏหมายนี้อย่างรวดเร็ว ทิวทัศน์ทั้ง 2 ข้างทางของรถม้านั้นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานหลังจากนั้นฟู่เทียนก็ได้เห็นกำแพงสูง กำแพงนี้มีชื่อสลักไว้ตัวใหญ่ ฟู่เทียนเรียนรู้คำศัพท์มากมายจากจูร่าในเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ดังนั้นเขาจึงรู้ว่ามันหมายความว่าอะไร
ฟู่เทียนจำได้ว่าที่นี่คือย่านที่อยู่อาศัยและหลังกำแพงแห่งนี้จะเป็นย่านการค้า
รถม้านี้กำลังจะพาพวกเขาไปยังย่านการค้างั้นหรือ?
เด็กคนอื่นเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนและนึกถึงคำพูดของชายชราที่มีเคราสีขาว หลังจากนั้นความตึงเครียดภายในหัวใจของพวกเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจและใบหน้าของพวกเขานั้นก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เด็กทุกๆคนในรถม้ามันอยากที่จะเป็นชนชั้นสูงและได้เข้ามาอยู่อาศัยในย่านการค้า
ฟู่เทียนนั้นไม่ได้ประหลาดใจ การนำเด็กจำนวนมากออกมาจากโรงเรียนกฎหมายได้เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีอำนาจอย่างยิ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรื่องนี้คือปลายทางที่รอคอยพวกเขาอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ดีหรือว่าเลวร้าย?
ไม่นานหลังจากนั้นรถม้าก็ได้เคลื่อนตัวผ่านโรงละครที่ฟู่เทียนเคยผ่านมาก่อนหน้านี้ เมื่อได้เห็นอาคารแห่งนี้ฟู่เทียนก็อดนึกถึงการสนทนาระหว่างเขากับเด็กสาวคนนั้นขึ้นมาไม่ได้
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกขำเล็กน้อย แม้ว่าเขาคิดว่าจะได้เข้าสู่พื้นที่ของย่านธุรกิจไม่ช้าก็นาน แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้กลับมาภายในหนึ่งเดือน
ไม่นานหลังจากนั้นรถม้าสีดำก็มาหยุดลงตรงหน้าปราสาท เจ้าหน้าที่ในชุดสีดำที่เป็นผู้ควบคุมรถม้าก็กระโดดลงมา ขอเปิดประตูรถและจากนั้นก็ตะโกนใส่ทุกๆคน “ลงมา”
เด็กทุกๆคนต่างลุกออกจากรถม้าอย่างเชื่อฟัง
ฟู่เทียนนั้นออกมาเป็นคนสุดท้ายแต่เขายังออกมาไม่เสร็จดีชายคนเดิมก็พูดขึ้นว่า “พอ” เขามองไปที่ที่นั่งของคนขับรถม้า “เอารถม้าไปต่อ”
เมื่อเด็กทั้ง 7 คนได้ออกไปแล้วฟู่เทียนก็รู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมา
ใบหน้าของฟู่เทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย หัวใจของเขาเริ่มเต้นเร็วขึ้น เขาเปิดหน้าต่างของรถม้าออกและมองเด็กทั้ง 7 คนจนกระทั่งพวกเขาได้หายไปจากสายตา
หลังจากรถม้าได้เลี้ยวที่หัวมุมหนึ่งการมองเห็นของเขาก็ถูกปิดลงอย่างสมบูรณ์ ฟู่เทียนก็หันหน้าไปหาเจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่บนพื้นที่ที่ว่างเปล่ารถม้า ความคิดมากมายปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา
หนี?
ต่อต้าน?
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ชีวิตเขาขึ้นอยู่กับความเมตตาของอีกฝ่ายแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้นรถม้าก็หยุดลงตรงหน้าคฤหาสน์หลังหนึ่ง นี่เป็นหนึ่งในคฤหาสน์ที่กว้างใหญ่อย่างยิ่ง มันถูกห้อมล้อมไปด้วยรั้วไม้สีขาว หญ้าสีเขียวปกคลุมไปทั่วบริเวณแห่งนี้ ในตอนนี้มีคนสวนหลายคนกำลังลดน้ำสนามหญ้าแห่งนี้อยู่
ประตูได้ถูกเปิดออกและเจ้าหน้าที่หนุ่มก็มองมายังฟู่เทียน ใบหน้าที่เย็นชาของเขาเปลี่ยนแปลงเป็นรอยยิ้ม “เด็กน้อย เธอดูค่อนข้างสงบนิ่งนะ”
ฟู่เทียนเห็นรอยยิ้มของเขา ฟู่เทียนรู้สึกตกใจเล็กน้อยและหัวใจของเขาก็รู้สึกตึงเครียดมากยิ่งขึ้น แต่เขาก็ยังคงสงบนิ่งและถามกลับไปว่า “นี่เป็นเพราะค่ารังสีหรอครับ?”
เจ้าหน้าที่คนนี้ดูเหมือนจะกลายไปเป็นอีกคนหนึ่งเลยเพราะก่อนหน้านี้เขาไม่มีท่าทีเช่นนี้แสดงให้เห็น รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของเขาขณะที่เขากล่าวว่า “ฉลาดจริงๆ ใช่ เป็นเพราะค่ารังสี พวกเขาที่เกือบจะผ่านการคัดเลือกแม้ว่าจะฝึกฝนอย่างหนักก็จะเป็นได้เพียง”คนเก็บขยะ“แต่เธอยังดีเธอนั้นมีหวังที่จะได้เข้าร่วมเป็น”นักล่า“”
“คนเก็บขยะและนักล่าหรอครับ?” เมื่อฟู่เทียนได้ยินสองคำนี้เขาก็รู้สึกงง ฟู่เทียนจึงถามขึ้นว่า “คนเก็บขยะคืออะไร?”
“เข้ามาก่อน” ชายคนนั้นจับมือของฟู่เทียนเอาไว้ขณะที่เขากำลังออกจากรถม้า พวกเขาเดินเข้าไปยังคฤหาสน์ด้วยกัน “คนเก็บขยะมีหน้าที่ต้องดูแลพื้นที่ด้านนอกของกำแพงยักษ์ หน้าที่หลักของพวกเขาคือการหาทรัพยากรที่สามารถใช้ได้ภายนอกกำแพง”
“ภายนอกกำแพงยักษ์?” ฟู่เทียนรู้สึกประหลาดใจที่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก นี่กลายเป็นเรื่องการทำงานภายนอกกำแพงยักษ์แห่งนี้ ชายชราที่มีหนวดขาวนั้นเห็นได้ชัดว่าต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะบอกพวกเด็กๆว่าภายนอกกำแพงยักษ์นั้นเต็มไปด้วยปีศาจซ้ายและโรคระบาดและผู้ที่ออกไปไม่มีใครสามารถกลับเข้ามาได้
แม้ว่าฟู่เทียนจะไม่เชื่อเรื่องปีศาจแต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากำแพงยักษ์นั้นอันตรายอย่างยิ่ง อย่างน้อยค่ารังสีในอากาศภายนอกกำแพงยักษ์นั้นก็สูงกว่า เอ่อ ค่ารังสี? ทันใดนั้นฟู่เทียนที่กำลังมึนงงกับเรื่องนี้อยู่ก็เข้าใจได้ทันที ไม่ต้องสงสัยเลยว่าค่ารังสีนั้นถูกใช้เป็นตัวแบ่งแยกระหว่างคนเก็บขยะและนักล่า สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่ภายนอกกำแพงยักษ์นั้นต้องเลวร้ายอย่างยิ่งและค่ารังสีในอากาศก็สูง หากผู้ที่มีค่ารังสีในร่างกายสูงออกไปภายนอกค่ารังสีภายในร่างกายของเขาก็จะมาถึงจุดอิ่มตัวได้โดยเร็ว มีเพียงผู้ที่มีค่ารังสีในร่างกายต่ำเท่านั้นที่จะสามารถเอาชีวิตรอดภายนอกกำแพงยักษ์ได้
เมื่อเข้าใจเรื่องนี้หัวใจของเขาก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที ผู้คนที่อยู่เบื้องหลังการตรวจร่างกายเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้เก็บความลับของพลเรือนทั้งหมดของเมืองนี้?