DND.79 - ความจริงอันโหดร้าย
แม้การโจมตีของพวกเขาจะเสมอกัน ซือหยูก็ใช้พลังไปเพียงครึ่งเดียว! เพราะหลังจากที่เขาก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ด พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่...ยี่หวู่หัวก็มิได้ใช้พลังสูงสุดเช่นกัน หากพวกเขาทั้งสองใช้พลังสูงสุดพร้อมกันซือหยูก็ยังคงรับมือกับระดับแปดได้ เมื่อซือหยูจะโจมตีอีกครั้งก็พบเซี่ยจิงหยูอันอ่อนหวานลอยอยู่ข้างเขา
“พี่หยู ข้าเอง!”
นางเข้าสู่ภาวะฎีกาสวรรค์พร้อมความโกรธในแววตา ฎีกาสวรรค์ระดับสวรรค์ครึ่งส่วนของนางสร้างขอบเขตแห่งธรรมชาติไปทั่วทุกพื้นที่ ทุกการเึลื่อนไหวของนางกว้างใหญ่และเป็นธรรมชาติ
ฟึ่บ--
ความไร้ขอบเขตแห่งฎีกาสวรรค์โอบล้อมพื้นที่ทุกทิศทาง ดวงตาอันงดงามของนางฉายแววการบรรลุ ซือหยูตัวแข็งทื่อ...นี่เป็นฎีกาสวรรค์แท้จริงของเซี่ยจิงหยูงั้นรึ? เมื่อคิดถึงมันแล้วข้อกังขาในใจซือหยูก็หายไปหมด เพราะยังไงเซี่ยจิงหยูก็มีระดับสติปัญญาที่เหนือกว่าเขายี่สิบห้าเท่า ซือหยูนั้นถือว่าโกงเพราะมีพลังเร่งเวลา แต่นางนั้นคือสตรีผู้มีพรสวรรค์ตั้งแต่เกิด
“โอ้...สาวงามอยากจะลงมือเองงั้นรึ? ท่านยี่ผู้นี้นับถือใจเจ้านัก”
แววตาอันเต็มไปด้วยตัณหาของยี่หวู่หัวจับจ้องไปยังทั่วร่างของเซี่ยจิงหยู
แม้ซือหยูจะแข็งแกร่ง...แต่การโจมตีเมื่อสักครู่น่าจะดีที่สุดที่เขาทำได้แล้ว...ยี่หวู่หัวมั่นใจว่าสาวน้อยอันงดงามคนนี้จะต้องเป็นของเล่นให้เขาในค่ำคืนนี้แน่นอน! แต่เมื่อเขาพบว่าฎีกาสวรรค์ของเซี่ยจิงหยูก็เกือบจะเป็นครึ่งทางของระดับสวรรค์...สีหน้าเขาก็มืดหม่น! ดวงตาสดใสของนางมองเขา นางยื่นมือเล็งยี่หวู่หัวจากระยะไกล
“ดัชนีบุพผา!”
ฉั่วะ--
โลหิตในอกยี่หวู่หัวไหลออกมาทันที อกของเขาฉีกออกเป็นแผลเท่าดัชนี แต่โลหิตไหลออกมาอย่างรุนแรง เขาหน้าซีดและหวาดกลัว และเซี่ยจิงหยูยังคงไม่หยุด นางโจมตียี่หวู่หัวจนมีแผลเต็มร่างกาย
ยี่หวู่หัวรู้สึกได้ว่าเซี่ยจิงหยูยังใช้วิชาของนางได้ไม่เต็มที่ หากนางพัฒนาขึ้นเมื่อไหร่...โลหิิตในกายเขาคงจะพุ่งออกมาจนหมดกายและตายทันที!
ฟึ่บ--
ยี่หวู่หัวตกอยู่ในความกลัว...เขากล้าเกิดตัณหากับเซี่ยจิงหยูได้ยังไงกัน? สำหรับจอมโจรผู้พรากความบริสุทธิ์แล้วเขามิได้เก่งในด้านต่อสู้โดยตรง...แต่เป็นวิชาเคลื่อนไหว! ความเร็วของเขานั้นเหนือจินตนาการ
ฟึ่บ--
แต่ก่อนที่เขาจะหนีไปได้...ร่างสีม่วงก็มาขวางเขาไว้ทัน!
“ประสานอัศนีเยือกแข็ง!”
ทุกการเคลื่อนไหวของซือหยูนำพาขอบเขตแห่งธรรมชาติไปด้วย พลังแห่งน้ำแข็งและอัศนีปะทุอยู่ในมือ แสงสีม่วงและสีขาวเจาะทะลุอกของยี่หวู่หัว!
อ๊ากก----
ยี่หวู่หัวตื่นตระหนก...เขาบาดเจ็บรุนแรง! เจ้าหนุ่มคนนี้มีฎีกาสวรรค์ระดับสวรรค์ที่ลึกลับนัก!
“ดัชนีบุพผา!”
เมื่อซือหยูโจมตีเสร็จ เสียงแผ่วเบาอันเย็นชาก็มาจากด้านหลัง!
ฉั่วะ--
โลหิตระเบิดออกมาจากร่างเขาอย่างไม่รู้สิ้น เพียงไม่นานเขาก็เสียโลหิตไปกว่าสี่ในสิบส่วน
เขาที่ต้องทนกับพลังแห่งฎีกาสวรรค์ทรุดลงไปกับพื้น! แต่มันก็ยังไม่จบ!
“เนตรอสูรนรก!”
เพียงพริบตาจิตใจยี่หวู่หัวก็เจ็บปวดยากจะทานทน! ในที่สุดแววตาของเขาก็จางไปและยืนต่อหน้าซือหยูอย่างนอบน้อม ซือหยูและเซี่ยจิงหยูมองหน้ากันอย่างโล่งใจ
หากรวมพลังกันแล้วพวกเขาสามารถจัดการกับระดับแปดขั้นต้นได้ และหากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวพวกเขาก็ยังสูสี การเติบโตของพวกเขายากเหนือจินตนาการ เมื่อไม่นานมานี้พวกเขายังต้องหนีจากระดับแปดขั้นต้นอยู่เลย
เมื่อซือหยูรับโอสถวิญญาณและใช้วิชาล่าวิญญาณกับยี่หวู่หัว...เซี่ยจิงหยูก็ได้บรรลุอะไรบางอย่าง ฎีกาสวรรค์ของนางเข้าสู่ระดับสวรรค์แล้ว การขัดเกลาฎีกาสวรรค์ครั้งนี้ยังทำให้นางเข้าใจภวังค์น้ำค้างเพิ่มขึ้นอีกขั้น
หลังจากบ่มเพาะอยู่นาน...นางค่อยๆลืมตาด้วยความดีใจ
“พี่หยู! วิชาระดับเทพของข้าสำเร็จขอบเขตกลางแล้ว!”
ซือหยูยังยินดีและอิจฉา นี่เป็นการทะลุขอบเขตที่ทัดเทียมกับเขา แต่เซี่ยจิงหยูทำมันได้ลื่นไหลราวกับวารีที่เชี่ยวกราก ความต่างของสติปัญญาพวกเขาช่างต่างกันอย่างยิ่ง! พลังที่เพิ่มขึ้นของนางทำให้ทันระดับของซือหยู
ในตอนนี้หากร่วมมือกัน แม้จะมีระดับแปดขั้นต้นสองคนเข้ามาพวกเขาก็มิต้องกลัว! ในตอนนี้พวกเขามีโอสถวิญญาณระดับสวรรค์อีกขวด….พวกเขายังต้องการอีกเจ็ดขวดก่อนจะบรรลุระดับเจ็ดขั้นกลาง
ซือหยูมองไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้น
“จิงหยู โอกาสของเรามาถึงแล้ว!”
เหตุผลที่ยี่หวู่หัวหนีออกมาที่ป่าส่วนนอกก็เพราะว่ามีกลุ่มศิษย์วิหารต่อสู้กันอยู่ในแกนป่า!
พลังของสามคนนั้นสังหารและทำให้เพชรฆาตหลายคนเจ็บหนัก ไม่ต้องสงสัย...มันคือกลุ่มของหลงเสี่ยวยี่กับว่าที่ศิษย์สวรรค์ลำดับสองและสาม! พลังของพวกเขาเพียงพอจะจัดการกับเพชรฆาตกลุ่มใหญ่!
ยี่หวู่หัวโชคดีที่หนีรอดมาได้ เขาจึงหลบมาที่ป่าส่วนนอก มีเพชรฆาตอื่นที่คิดเช่นเดียวกับเขาและหนีมาซ่อนตัวที่ป่าส่วนนอกเช่นกัน ในตอนนี้หากพวกเขาเข้าไปยังป่าส่วนในลึกเข้าไปอีก พวกเขาจะได้สังหารระดับแปดอีกหลายคน!
ฟึ่บ--
พวกเขาทั้งสามคนรวยทั้งยี่หวู่หัวที่ถูกซือหยูควบคุมเดินทางตัดผ่านป่าอันเงียบเชียบและมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของป่าอสูร
ทันใดนั้นซือหยูก็ได้ยินเสียงตะโกน ซือหยูเพิ่มพลังดวงตาและมองออกไป ที่ระยะสิบห้าลี้มีศิษย์วิหารสวรรค์กำลังสู้กับระดับแปดขั้นต้นสองคน! ศิษย์วิหารผู้นั้นคือคนที่น่ากลัวและทรงพลัง หยานจื่อ...อันดับสามว่าที่ศิษย์สวรรค์ เขาอายุประมาณยี่สิบเจ็ดปี...พลังของเขาอยู่ที่ระดับแปดขั้นต้น!
หยานจื่อกำลังรับมือกับเพชรฆาตระดับแปดขั้นต้นสองคน เขาทำได้แค่หลบการโจมตีจากพวกนั้น...เขากำลังตกอยู่ในอันตราย! ซือหยูพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับเซี่ยจิงหยูและยี่หวู่หัวทันที! อกหยานจื่อมีแผล่ถูกฟันที่อกและมีโลหิตไหลออกมามาก พลังของเขาลดลงอย่างมาก
แต่เพชรฆาตสองคนนั้นที่ร่วมมือกันมิได้มีบาดแผลแม้แต่น้อย
“พี่ใหญ่! มันจะทนไม่ไหวแล้ว!”
“อย่าประมาท บดขยี้มันไปเรื่อยๆจนตายดีกว่า...เราจะได้ไม่โดนสวนกลับ!”
หยานจื่อโกรธแค้น กลุ่มของเขาได้เจอกับเพชรฆาตกลุ่มใหญ่โดยมิคาดคิดและถูกแยกออกจากกัน สามคนกระจัดกระจาย...และเหลือเขาที่ต้องรับมือกับระดับแปดขั้นต้นถึงสองคน...โอกาสรอดชีวิตของเขาเหลือเพียงน้อยนิด!
ฟึ่บ--
แต่ในตอนนี้ สามคนที่เร็วปานสายฟ้าได้พุ่งเข้าไป!
อ๊าก--
สามคนที่พุ่งเข้ามามีพลังอย่างล้นหลาม! เพชรฆาตสองคนถูกโจมตีทันที!
“เนตรอสูรนรก!”
แสงสีมรกตเข้มพุ่งตรงไปยังเพชรฆาตทั้งสอง พวกเขาถูกควบคุมอยู่ภายในจิตใจ พวกเขาดูเหมือนทรมานอยู่นาน….แต่มันเกิดขึ้นในพริบตาเดียว! หยานจื่อไม่รู้จะตอบสนองยังไง
ในบรรดาศิษย์สวรรค์ นอกจากกลุ่มของพวกเขาแล้ว...ยังมีกลุ่มอื่นที่แกร่งขนาดนี้เชียวหรือ? เมื่อมองใกล้ๆก็พบว่าเขาคือซือหยูที่ยืนหยัดต่อหน้าราชันย์! ข้างเขาคือเซี่ยจิงหยูที่วิงวอนขอร้องให้ซือหยู! อีกคนหนึ่งคึือเพชรฆาตระดับแปดขั้นต้น...ที่ดวงตาไร้แววจากการถูกควบคุม!
“พวกเจ้า!”
หยานจื่อประหลาดใจ!
ซือหยูและเซี่ยจิงหยูที่เขารู้จักเป็นเพียงแค่ว่าที่ศิษย์สวรรค์รุ่นใหม่ พลังของพวกเขานับว่าแค่ผ่านเกณฑ์เท่านั้น แต่ก็ไม่ห่างชั้นจากชางหมิงยี่เท่าไหร่นัก ซือหยูยิ้มตอบและรับโอสถวิญญาณสองขวดจากเพชรฆาต ตอนนี้พวกเขามีโอสถวิญญาณสามขวดแล้ว
ซือหยูยังได้หุ่นเชิดระดับแปดขั้นต้นอีกสองคนในควบคุม ตอนนี้เขามีหุ่นเชิดถึงสามคน หากพวกเขาเจอกับกลุ่มเพชรฆาตสี่คน...พวกเขาจะสังหารได้ทั้งหมด!
เซี่ยจิงหยูตาเป็นประกายอย่างมีความสุข นางดูสถานการณ์และคิดว่าอีกไม่ถึงสิบวันพวกเขาจะเก็บโอสถวิญญาณครบแปดปวดแน่นอน...จากนั้นพวกเขาจะมีพลังระดับเจ็ดขั้นกลาง!
“เดี๋ยวก่อน!”
หยานจื่อมองพวกเขารับโอสถวิญญาณและขมวดคิ้ว
ซือหยูยังคงสุขุม
“มีอะไรหรือศิษย์พี่หยาน ท่านรู้สึกว่าพวกเรามิสมควรได้รับโอสถนี้งั้นรึ?”
มิต้องมีพิธีรีตรอง เขาชินชากับมันเสียแล้ว หากหยานจื่อเจตนาไม่ดี ซือหยูก็ต้องปล่อยผ่านไป
หยานจื่อส่ายหัว เขามิได้ต้องการโอสถ
“หาใช่เช่นนั้น พวกเขาสังหารพวกมัน สมควรได้โอสถนั่นแล้ว”
“เช่นนั้นศิษย์พี่หยานจะชี้แนะสิ่งใดรึ?”
หยานจื่อมองซือหยูและหุ่นเชิดทั้งสาม จากนั้นก็หันมามองซือหยูตรงๆอีกครั้งและพยักหน้าเล็กน้อย
“จากตอนนี้ เจ้าควรฟังที่ข้าบอก...พาหุ่นเชิดทั้งสามนี่ไปรวมกลุ่มกับศิษย์พี่หลงซะ”
ตอนนั้นเขาก็หันไปเห็นเซี่ยจิงหยูและขมวดคิ้วลังเลเล็กน้อย
“นางจะไปกับเจ้าด้วยก็ได้...หากนางไม่เป็นตัวถ่วง”
“ดีล่ะ! ไปกันเถอะ!”
หยานจื่อยินดีและโบกมือไปในทางที่หลงเสี่ยวยี่หนีออกไป แต่ไม่มีใครเดินตามเขาเลย
เขามองไปข้างหลังและพบซือหยูที่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินและกำลังจะไปอีกเส้นทาง หยานจื่อตะโกนอย่างเย็นชา
“ซือหยู! เจ้าคิดว่าเจ้าทำอะไรอยู่? ไม่ได้ยินที่ข้าพูดงั้นรึ!”
ซือหยูจ้องเขาและย้อน
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? ทำไมข้าต้องทำตามคำเจ้า?”
“นี่เจ้า!”
หยานจื่ออธิบายอย่างอดทน
“หากเราเจอกับศัตรูในสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้าเหมาะกว่าที่จะสั่งหุ่นเชิดพวกนี้ ทำแบบนี้เราจะใช้ประโยนช์จากพวกมันได้สูงสุด คำสั่งข้าจะต้องเป็นผลดีแน่!”
หยานจื่อรู้สึกรำคาญ เขากระแอมและพูดต่อ
“และใครๆก็อยากจะอยู่กับข้ามิห่างหายไปไหน..ตอนนี้ข้าให้โอกาสเจ้า...แต่เจ้ายังไม่รับมันไว้!”
เขาไม่ได้กล่าวเกินจริงเลย เขาคือว่าที่ศิษย์สวรรค์ลำดับสาม...หลายต่อหลายคนทนอยู่ในระดับต่ำสุดมาหลายปีเพราะทนการประลองอย่างรุนแรงไม่ไหว พวกเขาต่างอยากได้คนหนุนหลังที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องและชี้แนะ...หรืออาจจะแบ่งทรัพยากรบ่มเพาะด้วยกัน
ว่าที่ศิษย์สวรรค์นับไม่ถ้วนติดตามหยานจื่อเพราะเหตุนี้ การถูกเขาสั่งนับเป็นสิ่งที่เหล่าว่าที่ศิษย์สวรรค์ใฝ่หา โชคร้ายที่ไม่มีใครเข้าตาเขานัก...ไม่ต้องพูดถึงการที่จะได้ถูกเขาสั่งเลย
สำหรับหน้าใหม่อย่างซือหยูและเซี่ยจิงหยู ด้วยระดับพลังเช่นนี้ การติดตามเขานับว่าเป็นทางเลือกที่ดีหากอยากจะไปในระดับที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
หยานจื่อส่ายหัว เขาตระหนักว่าซือหยูและเซี่ยจิงหยูอายุเพียง 14 ปี พวกเขาน่าจะเข้าใจวิถีของโลกนี้เพียงน้อยนิด เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะต้องตัดสินใจอย่างประมาท
แต่หยานจื่อแอบโกรธซือหยูที่เยาะเย้ย
“หากเจ้าแข็งแกร่งนัก ก็ไปจับหุ่นเชิดมาเองเสีย...จะมาสั่งข้าอยู่ทำไมกัน?”
“โอกาสที่เจ้าหยิบยื่นให้...เอาไปให้คนอื่นซะเถอะ...พวกเราหาต้องการไม่”
ซือหยูเดินจากไปพร้อมกับเซี่ยจิงหยูอย่างไม่ลังเล
หยานจื่อโกรธเกรี้ยว
“ซือหยู! มีตาหามีแววไม่! กลับไปที่วิหารเมื่อไหร่...คำเดียวของข้าจะเปลี่ยนชีวิตเจ้า!”
ในบรรดาว่าที่ศิษย์สวรรค์จะมีใครกันที่กล้าทำให้เขาผิดหวัง?! ที่เขาต้องทำมีเพียงการแอบสั่งอย่างลับๆ จากนั้นก็จะมีศิษย์ในวิหารหลายต่อหลายคนที่พร้อมจัดการซือหยู
“หืม?...เจ้าน่ะเหรอ?”
ซือหยูเยาะเย้ย
หยานจื่อหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว
“มีหุ่นเชิดพวกนี้แล้วดูมั่นใจเหลือเกินนะ เจ้ามิรู้ที่ต่ำที่สูงหรืออย่างไร?”
“เจ้าจะลองไหมล่ะ”
ซือหยูยืนมอไพล่หลังและเดินออกมาจากเหล่าหุ่นเชิด เขากำลังจะบอกว่า...แม้จะไร้หุ่นเชิด...เขาก็จัดการหยานจื่อได้อยู่ดี
เขาเจอกับความหยาบคายของซือหยูซ้ำแล้วซ้ำเล่า หยานจื่อพุ่งมาข้างหน้าด้วยพลังปราณเข้มข้นทันที
“ยอดเยี่ยม! เจ้าหน้าใหม่ที่ยังหลงระเริงอยู่กับแคว้น ศิษย์พี่จะสั่งสอนให้เจ้ารู้ถึงความจริงอันโหดร้ายของโลกใบนี้!”
ความอดทนของซือหยูหมดลง อัตตาของหยานจื่อนั้นสูงเกินไปมาก! ซือหยูจะต้องชี้แนะเขาให้รู้ถึงความจริงอันโหดร้ายของโลกใบนี้ด้วยตนเอง!